เล่ห์รักพรางแค้น วางแผงแล้ว สนพ ทัช
ใครจะไปคิดว่าการทำภารกิจให้ปู่ กลับกลายเป็นถูกโชคชะตากลั่นแกล้งให้เขาถูกสลัดลงจากคาน ยัยซื่อบื้อนั่นน่ะหรือคือไก่วัดที่ทำให้เขากลายเป็นสมภาร
Tags: ความรัก ความหลัง

ตอน: ตอนที่ 7 ครึ่งหลัง

มาลินหลับอยู่บนเตียงคนไข้ หมอมาตรวจและเจาะเลือดไปวิเคราะห์สารพิษ เนื่องจากอาการที่ภาวัตเล่าให้ฟังนั้นมีสาเหตุได้จากหลายอย่าง ผ่านไปเป็นชั่วโมงผลตรวจก็ออกมา หมอมาคุยกับเจ้าของไข้อีกครั้ง คราวนี้ยิ่งมืดแปดด้านเมื่อผลการวิเคราะห์สรุปว่า
‘ไม่ได้รับสารอะไรนะครับ แต่น่าจะกลัวมากจนมีอาการทางร่างกายมากกว่า ตอนที่พบคนไข้อยู่ที่ไหนหรือครับ’
‘ห้องเก็บของค่อนข้างมืดและอับครับ’
หมอพยักหน้าแล้วโทรหาเพื่อนที่เป็นจิตแพทย์ คุยอยู่ไม่นานก็ได้ข้อสรุปที่อาจใช่หรือไม่ก็ได้ เพราะต้องคุยกับคนไข้ก่อน ทุกอย่างยังเป็นข้อสันนิษฐานว่ามาลินอาจจะกลัวที่ทึบหรือแคบ (Claustrophobia) ผู้เป็นโรคนี้จะกลัวพื้นที่ที่มืดปิดทึบ หรือมีสถานที่แคบ พื้นที่จำกัด แต่จะมีสาเหตุมาจากอะไรต้องรอคนไข้ฟื้นขึ้นมาก่อน
ภาวัตนั่งคิดระหว่างรอมาลินฟื้น สิ่งที่เห็นก็อาจเป็นไป ภายในห้องเก็บของมืดและไม่ได้กว้างอะไรนัก แต่ตอนที่เขาไปถึงสายยูคล้องปิดล็อคไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นทำไมเธอถึงไปอยู่ที่นั่นได้
การหายใจได้เป็นสิ่งดีงามสำหรับมาลินในยามที่การรับรู้กลับมาอีกครั้งผ่านเปลือกตาที่เปิดออก แสงไฟสว่างสร้างความอุ่นใจให้ ไม่อึดอัด กลัวแทบตายอย่างตอนที่ต่อสู้กับความกลัวไม่ได้ ดีเหลือเกินที่ยังมีชีวิต
“ฟื้นแล้วหรือ” ภาวัตเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ ดวงตากลมหันมามอง “เป็นยังไงบ้าง ปวดหัว ไม่สบายตัวตรงไหนหรือเปล่า เดี๋ยวฉันเรียกให้หมอมาตรวจเพิ่มนะ”
มาลินพยักหน้าเพิ่งจำได้ว่าใครเป็นคนไปช่วยเธอออกมาจากห้องแคบและมืด มือบางขยับจะยกขึ้นไหว้ แต่มือหนากลับดันลงแล้วส่ายหน้าให้นอนเฉยๆ
“จำได้ไหมว่าทำไมถึงไปอยู่ในห้องนั้น”
เงียบไปชั่วครู่ก่อนที่คนไข้จะพยักหน้า “พี่ในฝ่ายบัญชีให้ลงไปช่วยเช็คของค่ะ ลิน...เอ่อ คงไม่ทันดูเวลา รู้ตัวอีกทีไฟในห้องก็ปิดหมดแล้ว ห้องก็ล็อค แล้วมันน่ากลัวมาก”
“กลัวผีอย่างที่เธอเคยบอกน่ะหรือ” ภาวัตถามแม้ว่าจะสงสัยว่าใครล็อคห้อง “บอกฉันมาตามตรงว่าเธอเป็นอะไร แค่กลัวคงไม่ทำให้ถึงขนาดหายใจแทบไม่ออก หน้าซีดจนเป็นลมแบบนั้นหรอก เราไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นเพื่อนกันแล้วไม่ใช่หรือ”
“ลินเล่าได้ให้คุณวัตฟังได้หรือคะ เรื่องมันยาว” มาลินไม่แน่ใจว่าควรเล่าดีหรือเปล่า
“ฉันไม่ได้มีธุระอะไรรีบร้อน น่าจะรอฟังเธอได้”
สายตาคมๆ จ้องมา เรียวปากบางเม้มปิด หากเขาเป็นคนช่วยชีวิตเธอไว้ทั้งสองครั้ง ก็ควรได้ฟังความลับของเธอใช่หรือไม่ ตอนนี้คงต้องได้แล้วล่ะ ไม่งั้นคงถูกโกรธ
“วันนั้นเป็นวันที่เลวร้ายมากที่สุดในชีวิตของลิน คนงานพูดกันว่าพ่อกับแม่ตายแล้วเพราะรถถูกรถชน ตากับแม่ เอ่อ ลินหมายถึงแม่พัชพากันไปโรงพยาบาล ไม่ยอมให้ลินไปด้วย ลินร้องไห้กลัว สับสน ไม่เชื่อว่าพ่อแม่จากไปแล้วจริงๆ ทางเดียวที่จะรู้คือตามไปโรงพยาบาล แต่จะไปยังไงถ้าไม่แอบไป ลินเลยแอบอยู่ในรถขนของเพราะได้ยินว่าตาโทรตามให้ลุงหมายตามไปสมทบ”
ภาวัตยกมือให้หยุดก่อนตอนที่ถามไม่ทันคิดว่าจะกลายเป็นเรื่องเศร้าของมาลิน มาตอนนี้จะกลายไปสะกิดแผลที่ใจของเธอแทน เขาคงไม่ใจร้ายขนาดนั้น
“ถ้าไม่สบายใจที่จะเล่าต่อ ฉันฟังแค่นี้ก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หมอที่แม่พาลินไปปรึกษาบอกให้ลินคิดว่าการตายเป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่ลินเลือกที่จะไม่พูดจนไม่หายจากความกลัวเสียที”
เรียวปากหนายิ้มกว้างให้กำลังใจ เธอคือผู้หญิงสีขาวอมฟ้ามีรอยกระดำกระด่างเป็นจุดๆ ที่เขาไม่ค่อยเห็นนักจากผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิต
“รถจอดแล้ว แต่ลินลงไปไม่ได้เพราะกลอนใส่อยู่ข้างนอก ให้ตะโกนเท่าไหร่ก็ไม่มีใครได้ยิน ยิ่งนานเท่าไหร่ความจริงก็ยิ่งชัดเพราะรถยังจอดอยู่ที่เดิม ลินร้องไห้อยากออกไป มันมืด หายใจแทบไม่ออก เห็นเพียงแสงเล็กๆ ผ่านเข้ามา ให้พยายามเท่าไหร่ก็ออกไปไม่ได้ แต่แล้วการรอก็สิ้นสุดลงเมื่อบานเหล็กเปิดออก สิ่งสุดท้ายที่เห็นคือแสงที่สาดเข้ามาใส่ในยามเช้า ตาบอกว่าตอนนั้นหมอช่วยกันปั้มหัวใจเพราะตอนที่พบลิน ชีพจรเบาจนเกือบไม่หายใจแล้วค่ะ”
เบื้องหลังความสดใสของมาลินกลายเป็นเรื่องเศร้าอย่างนี้เอง ภาวัตยื่นมือไปวางบนไหล่บาง เขาเองก็เคยสูญเสียพ่อมาก่อน เพียงแต่ยังมีโอกาสได้เอ่ยลา
“ฉันเสียใจเรื่องพ่อแม่ของเธอด้วยนะ แต่เธอโชคดีที่ยังมีคุณป้าพัชนี” อย่างน้อยมาลินยังได้ป้ามาเป็นแม่อีกคน ทำให้ผ่านเรื่องราวร้ายๆ มาได้ ทำไมครอบครัวของร่มธรรมถึงมีแต่ความสูญเสียก็ไม่รู้
“ขอบคุณ ค่ะ แต่ถ้าไม่ได้อยู่คนเดียวลินก็จะไม่เป็นอะไร อย่างคืนที่เราสองคนติดอยู่ที่โรงเก็บเครื่องมือไงคะ ตอนนั้นลินไม่เป็นอะไรเลย”
ตอนที่มาลินจับต้นแขนเขาไว้สินะ อย่างน้อยก็ยังมีทางแก้ไขไม่ใช่ทำอะไรไม่ได้เลย
“ลุกขึ้นมาทำไม”
มาลินชะงักกึก “ลินจะกลับหอพักค่ะ”
ตอนนี้เกือบ 3 ทุ่มแล้ว เธอไม่อยากนอนโรงพยาบาล ภาวัตพยักหน้าพอจะเข้าใจ
“ไม่ต้องรีบก็ได้ ถ้าหมออนุญาต ฉันจะไปส่ง”
หมอเข้ามาตรวจอาการพอดี คนเฝ้าเลยพาตัวเองไปนั่งมองอยู่ห่างๆ ใครจะไปคิดว่าแค่ไปซื้อที่ดินกลายเป็นตอนนี้ต้องมาดูแลหลานเจ้าของที่ ถ้าร่มธรรมรู้มีหวังปืนที่เคยยิงงูตอนนี้ได้หันกระบอกปืนมาทางเขาแน่ๆ แล้วนั่นยังไง ยิ้มหน้าบาน หมอยอมให้กลับบ้านได้แล้วล่ะสิ
“ถ้าคุณวัตมีนัด ลินกลับแท็กซี่เองก็ได้นะคะ” มาลินเอ่ย แค่ที่ภาวัตพามาหาหมอแล้วยังเดินลงบันไดจากชั้น 3 มาด้วยกันก็เกรงใจมากแล้ว
“ตอนนี้ใครนัดก็ไม่สำคัญเท่าพาเธอไปส่งที่หอพักหรอกน่า หายกลัวแล้วล่ะสิถึงได้เก่งขึ้น ถ้างั้นแวะหาอะไรกินก่อนกลับหอก็แล้วกัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ ลินไม่อยากรบกวน...เกรงใจ”
อยากย้อนว่า...ถ้าไม่อยากทำเขาเผ่นกลับไปนานแล้ว แต่ถ้าพูดไปยัยเด็กนี่เผ่นหนีเขาแน่
“เธอเกรงใจ แต่ฉันหิว เห็นไหมว่าเธอกำลังทำให้เธอฉันเดือดร้อน ถ้าไม่อยากพูดขอโทษบ่อยๆ ก็ตามใจฉันแทนแล้วกัน”
ภาวัตช่วยเปิดประตูรถให้มาลินเข้าไปนั่ง แล้วยังทำตามที่บอกจนคนไม่มีค่อยมีแรงอิ่มแปล้ก่อนจะพาไปส่งที่หอพัก เธอบอกขอบคุณแล้วเดินจากมา แต่ใครจะไปคิดว่าเขายังเดินมาส่งอย่างมีน้ำใจ
“ห้องอยู่ชั้นไหนกันล่ะฮึ”
“ชั้น 8 ค่ะ แต่ว่า...” คงต้องเดิน ยังไม่ทันบอกมือหนาก็คว้าข้อมือเล็กไปเข้าในลิฟต์ด้วยกัน “คุณวัตจะทำอะไรคะ”
“จับมือไว้จะไม่กลัวใช่ไหม อย่าเดินเลย วันนี้เธอเหนื่อยมามากแล้ว”
บานลิฟต์ปิดลง ถึงในนี้จะสว่าง แต่มันแคบ ไม่อยากนึกเลยว่าเดินขึ้น 8 ชั้นจะเมื่อยขนาดไหน ดวงตาอ่อนโยนมองร่างเล็กกว่าแล้วถอนใจ มาลินเห็นภาวัตจากกระจกที่สะท้อนพอเบี่ยงหน้า เขาก็มองออกไปเพราะถึงชั้น 8 พอดี มาลินเดินนำไปที่ห้องใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ถ้าเขาขอเข้าห้องเธอจะตอบยังไงดี
“ขอบคุณที่มาส่งค่ะ”
ภาวัตถอนใจยาว “พอที ไม่ต้องยกมือไหว้ เท่านี้ฉันก็รู้สึกแก่เหมือนกำลังหลอกเด็กยังไงก็ไม่รู้ รีบเข้านอน ถ้าพรุ่งนี้ไปทำงานไม่ไหวก็ลาพัก หรือไม่ โทรมาบอกฉันก็ได้”
“ไม่เป็นค่ะ ถ้ามีอะไรเดี๋ยวลินบอกพัฒก็ได้ค่ะ” มาลินยิ้มให้แต่กลับถูกภาวัตมองมาสายตาดุ “เอ่อ พัฒเป็นเพื่อนของลินเองค่ะ”
“ก็ตามใจ เข้าห้องไปแล้ว ล็อคประตูเสียด้วยล่ะ”
มาลินรีบไขประตูเข้าห้อง ล็อคทันทีแล้วเอาหูแนบ ภาวัตเดินไปแล้ว เรียวปากบางยิ้มอบอุ่นใจ ไม่ได้คิดเป็นอื่นนอกจากเขาเป็นคนดีกว่าที่คิดไว้ ไม่ได้เจ้าชู้ใส่อย่างที่ฟังมามากจนคิดไปเองสักหน่อย เสียงโทรศัพท์ดังเกือบสะดุ้ง พอเห็นพิพัฒโทรก็มาก็นึกได้ว่าจะโทรกลับตั้งแต่ตอนกลางวัน
“ขอโทษนะพัฒ ลินลืมโทรกลับ”
“ไม่เป็นไรหรอก แล้วทำไมเสียงเพลียๆ ป่วยหรือว่าใครทำอะไรลินหรือเปล่า”
คนอะไรแค่ฟังเสียงก็รู้อย่างกับตาเห็น มาลินหัวเราะสบายใจ พิพัฒเป็นเพื่อนที่เธอไว้ใจมากที่สุด สามารถเล่าทุกอย่างให้เขาฟังได้ เราสองคนไม่เคยมีความลับต่อกัน แต่ตอนนี้คงเล่าเรื่องที่ภาวัตมาส่งถึงหน้าห้องไม่ได้ ไม่งั้นเรื่องถึงตาภายในคืนนี้แน่นอน

นาฬิกาบอกว่าใกล้ 7 โมงแล้ว เอมิการีบเดินเร็วๆ ออกมาจากหอพัก ถ้าช้ากว่านี้คงไปที่บริษัทไม่ทันแน่ๆ ใบหน้าสวยเติมเครื่องสำอางมากกว่าปกติเพื่อปกปิดรอบคล้ำใต้ตา ความถือดีหายไปเกินครึ่ง เมื่อวานเกิดเรื่องบางอย่างและเธอต้องก้าวผ่านไปให้ได้ ว่าแต่ ในเวลานี้ใครใช้ให้พิพัฒมายืนอยู่ตรงนั้นแล้วทำเหมือนมารอเธอ พอเดินเลี่ยงยังตามติดจนน่ารำคาญ
“มาผิดที่หรือเปล่า นี่ไม่ใช่หอยัยลินหรอกนะ” เอมิกาใส่ก่อน เราสองคนไม่เคยพูดดีๆ ใส่กันมานานมาแล้ว “โอ๊ย! เจ็บนะ นายทำบ้าอะไร”
พิพัฒกำต้นแขนของเอมิกาไว้แน่น บีบเน้นๆ จงใจให้เจ็บ
“เธอใช่ไหมที่แกล้งลิน ขังในห้องเก็บของ”
เอมิกาสะบัดแขนออกแต่ไม่หลุดเลยยิ่งเจ็บ เมื่อวานเธอกลับไปดูก็ไม่เห็นยัยลินแล้วนี่ นายพัฒมาเดือดร้อนอะไร
“เหลวไหล ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย นี่ยัยลินฟ้องนายล่ะสิถึงได้แจ้นมาหาเรื่องกันแต่เช้า”
“ถึงลินไม่บอก ฉันก็รู้ได้เองว่าไม่มีใครหรอกที่หวังร้ายกับลินตลอดเวลาเหมือนเธอ ทำไมหรือ แค่ผู้ชายคนเดียวต้องถึงขนาดฆ่าเพื่อนหรือไง”
ร่างหนาถูกผลักกระเด็นทำให้มือที่จับแขนหลุดออก แถมเอมิกายังเอากระเป๋าฟาดใส่คนปากเสียไม่ยั้ง
“มากไปแล้วนะ ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น แค่ติดในห้องเก็บของจะไปตายได้ยังไง เวอร์ไปหรือเปล่า”
“ก็เพราะว่าลิน....” พิพัฒคว้าแขนของเอมิกาไว้อีกรอบ จนใจจะพูดออกมา “จำไว้ ถ้าเธอแกล้งลินอีก ฉันจะทำให้เธอเสียใจยิ่งกว่าตอนที่พี่รหัสทิ้งไปหารุ่นพี่ที่สวยกว่า เก่งกว่า แล้วที่สำคัญจิตใจดีกว่าเธอร้อยเท่า พันเท่า”
เขาปล่อยแขนเอมิกาแล้วมองหัวจรดเท้า ยิ้มเหยียดใส่
“ไอ้บ้า จะไปไหนก็ไปเลยนะ”
ไม่รอให้ถูกไล่เป็นหนสองพิพัฒเดินจากไปอย่างผู้ชนะ ไม่สนใจสักนิดว่าคำพูดนั้นไม่เพียงทำให้เอมิกาเดือดดาล แต่ยังร้องไห้ออกมาด้วย เมื่อวานเธอเพิ่งจับได้ว่าแฟนนอกใจและเลิกกันไปเรียบร้อย ทั้งที่เสียใจเจียนบ้ายังอุตส่าห์ตามไปเปิดประตูให้มาลิน แต่ไม่เจอตัวต่างหาก

รถที่กำลังแล่นเข้ามาจอดทำให้หัวใจของรัมภาเย็นชื่นหลังจากแห้งผากจากการรอคอยมาเป็นเวลานาน ภาวัตยังคงเป็นผู้ชายที่หล่อ สง่างามในทุกย่างก้าว เวลาได้หล่อหลอมหนุ่มเลือดร้อนให้กลายเป็นสุขุม น่าค้นหาและน่าเสียดายสำหรับเธอทั้งที่เคยเข้าไปอยู่ในหัวใจของเขามาแล้ว แต่เวลานี้กลับไม่มีโอกาสแม้กระทั่งจะโทรหาโดยตรงได้
แผ่นหลังกว้างที่เคยแนบซบ อ้อมแขนที่เคยประคองกอด ริมฝีปากร้อนแรงเคยถูกจับจอง ยามนี้กลายเป็นของใครไปแล้ว รัมภาอยากเข้าไปกอดภาวัต แต่จำต้องเก็บทุกกิริยาไว้ หากสามีรู้ว่าเธอยังคิดอะไรกับแฟนเก่า เราคงมีเรื่องขึ้นศาลกันเร็วกว่าที่วางแผนไว้ ตอนนี้เธอยังต้องการทำเรื่องฟ้องหย่าอย่างเงียบๆ
“ในที่สุด วัตก็มาหาภาจนได้ ภาดีใจมากนะคะ”
ภาวัตมองมือที่ยื่นออกมารอให้จับ มือหนาสัมผัสตามมารยาท ก้องภพได้ชื่อว่าเป็นสามีของรัมภา เขาควรให้เกียรติ “ผมไม่ได้มาเพราะคุณ แต่มาเพราะเรื่องงาน เพื่อพนักงานที่ผมต้องรับผิดชอบต่างหาก อย่าเข้าใจผิด ถ้าคุณไม่เล่นแง่ เราคงไม่ต้องพบกันเร็วอย่างนี้”
“ภาไม่มีสิทธิ์เรียกร้องสิ่งที่ไม่มีโอกาสได้รับบ้างหรือไงคะวัต ถ้าวัตบอกว่ารักภา จะมีภาเพียงคนเดียว ภาคงไม่ตัดสินใจแบบนั้น”
ไม่พ้นเรื่องในอดีต ทั้งที่ผ่านมาถึง 5 ปีแล้ว ภาวัตมองเฉยข่มความโกรธไว้ การจากลามีสองอย่างที่จะเกิดขึ้น จดจำด้วยความสุขหรือความทุกข์
“อย่าลืมว่าสามีของคุณยังมีชีวิตอยู่ ถึงจะมีเรื่องระหองระแหงกัน แต่ในฐานะภรรยา คุณก็ต้องมั่นคงและซื่อสัตย์ ไม่สมควรพูดแบบนี้กับผู้ชายที่ไม่ใช่สามี”
“แล้วถ้าวันหนึ่งภาเป็นอิสระแล้ว
1 ปีแล้วที่เธอต้องทนอยู่ในสภาพมีสามีก็เหมือนไม่มี คั่วผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า บ้างช่องไม่ค่อยกลับ นี่หรือที่คนอย่างรัมภาสมควรได้รับ สายตาของภาวัตมองสงสารกึ่งสมเพชรก่อนจะถอยหลังห่างไป คำสัญญาที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวให้แก่กันในวันแต่งงาน ช่างอายุสั้นเหลือเกิน ฐานะในตอนนี้ของเราสองคนมีแค่คนซื้อกับคนขายเพียงเท่านั้น
“ชีวิตของผมมีแต่เดินไปข้างหน้า ไม่เคยมองอดีต เรามาคุยงานกันไม่ดีกว่าหรือครับ”
ราวกับมีหนามยอกแสยงอยู่ในอก หากมันเป็นทางเดียวที่จะดึงคนรักเก่ากลับมาเธอก็ต้องทนให้ได้
“ข้อเสนอของวัตไม่น่าพอใจ มีเจ้าอื่นให้ราคาสูงกว่านี้”
ภาวัตส่ายหน้าสายตามองมาบอกชัด...รู้ทัน “คุณต้องการอะไร อย่าอ้างในเรื่องที่ผมรู้ว่าคุณพูดมันขึ้นมาเพื่อไม่ให้การเจรจาจบลงง่ายๆ ดีกว่า”
รัมภายิ้มหวาน “ดินเนอร์ที่วัตจัดเพื่อภา แล้วภาจะยอมเซ็นสัญญาของวัตทันที”
“ดินเนอร์งั้นหรือ...” ภาวัตยิ้มร้ายๆ ใส่ “ได้สิ สำหรับเพื่อน แค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้ ที่ไหน เมื่อไหร่ ผมจะโทรมานัด เตรียมตัวไว้แล้วกัน”
ไม่มีประโยคล่ำลาหรือกอดแสนหวาน ภาวัตเดินจากไปง่ายๆ เช่นเดียวตอนที่เราเลิกกัน รัมภามองตามใจหายรู้สึกเสียดายที่สุดในชีวิต เพื่อน...งั้นหรือ?!? หากย้อนเวลากลับไปได้ เธอจะไม่ประชดเขาด้วยวิธีการโง่ๆ อย่างการแต่งงานกับผู้ชายที่เหมือนภาวัตทุกอย่าง ยกเว้นเพียงแค่เธอไม่ได้รักเขาเลยตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้

แล้วจะมา up ต่อนะคะ
อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ธ.ค. 2558, 09:27:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ธ.ค. 2558, 09:27:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 1201





<< ตอนที่ 7 ครึ่งแรก   ตอนที่ 8 ครึ่งแรก >>
konhin 8 ธ.ค. 2558, 10:16:54 น.
แหน่ะ ทิ้งไปแล้วคิดว่าเขาจะรอ คิดได้
คือเวลาคนเราสัญญาว่าจะรักคนเดียวตลอดไป มันมีเงื่อนไขซ่อนไว้ว่าอีกฝ่ายก็ต้องรักและไม่หักหลังนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account