เล่ห์รักพรางแค้น วางแผงแล้ว สนพ ทัช
ใครจะไปคิดว่าการทำภารกิจให้ปู่ กลับกลายเป็นถูกโชคชะตากลั่นแกล้งให้เขาถูกสลัดลงจากคาน ยัยซื่อบื้อนั่นน่ะหรือคือไก่วัดที่ทำให้เขากลายเป็นสมภาร
Tags: ความรัก ความหลัง

ตอน: ตอนที่ 8 ครึ่งแรก

แสงอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้า แม้ว่ามาลินจะรีบแค่ไหนก็ก็ตาม ทางเข้าซอยบ้านไม่ห่างจากรถเมล์นักทำให้เดินไม่กี่นาทีก็มาถึงบ้านของภาวัต หมาส่งเสียงเห่าคนแปลกหน้ายังไม่ทันที่จะกดออดด้วยซ้ำ สาวใช้วิ่งมาเปิดประตูให้อย่างรวดเร็วแล้วพามาลินมารอคุณภาณินที่ห้องรับแขก เธอหยิบอุปกรณ์ที่เตรียมสำหรับการสอนในวันนี้ออกมา เด็กอายุ 5 ขวบน่าจะชอบ
ภาณินเข้ามาในห้องพอเห็นกระดาษและกล่องใส่สีก็ยิ้มชอบใจ มาลินหันมาเห็นรีบยกมือไหว้พลางยิ้มเขินๆ
“สวัสดีจ้า หนูลิน ทำตัวตามสบายนะ รอแป๊บเดียว ภาคอาบน้ำเสร็จพอดีกำลังรอคุณครู”
ยังไม่ทันขาดคำเด็กน้อยก็วิ่งมากอดเอวภาณินไว้ แก้มยุ้ยๆ เลยถูกหอมทั้งซ้ายและขวา ภาคยิ้มจนตาหยี
“ไหว้พี่ลินก่อนสิคะภาค พี่ลินจะมาเป็นคุณครูให้ภาคนะ”
“น่ารักค่ะ” มาลินรับไหว้พลางชี้ไปทางของที่เด็กชายทำไว้ “ไหนพี่ลินขอดูหน่อยได้ไหมว่ากำลังต่อจิกซอร์อะไรอยู่ก่อนพี่ลินมา”
“ได้ครับคุณครู”
ภาคเดินไปนั่งมองจิกซอว์ที่ตัวเองต่อไว้ แต่ยังไม่เสร็จ มาลินค่อยเบาใจที่เด็กยังไม่มีท่าทีต่อต้าน ไม่งั้นล่ะปวดหัวทำอะไรไม่ถูกแน่
“ฝากหน่อยนะคะหนูลิน วันนี้ป้ามีงานต้องไปคงไม่นาน แต่อีกประเดี๋ยววัตคงกลับมา อยู่ทานข้าวก่อนแล้วค่อยกลับนะ”
มาลินรับปากรอจนภาณินไปก็มานั่งใกล้ๆ ภาคมองมือเล็กๆ จับชิ้นกระดาษจิ๊กซอว์มาลองต่อกัน แต่เพียงไม่ถึงนาทีก็ขว้างทิ้งหน้าตาบึ้งตึง
“อยากวาดรูปไหมครับน้องภาค”
ราวกับได้ของเล่นชิ้นใหม่ สายตาหงุดหงิดหันมาสนใจคุณครูแล้วพยักหน้า ของที่เตรียมมาหยิบมาวางที่พื้น เฟรมรูปถูกต่อให้วางกระดาษได้ ดินสอและสีดึงดูดให้เอามาดูเล่น
“ถ้างั้นเรามาวาดด้วยกันนะ แต่เราจะวาดอะไรดีคะ บอกพี่ได้ไหม”
“รูปอะไรก็ได้หรือครับ” เด็กน้อยถาม
มาลินพยักหน้า ภาคนิ่งคิดครู่เดียวก็ไปหยิบรูปของภาวัตมาส่งให้มาลิน หัวใจของเธออ่อนยวบ รักพ่อนี่เอง
“อยากวาดรูปคุณพ่อใช่ไหมครับ ได้เลย ขั้นแรกเราต้องวัดคร่าวๆ ก่อน ทำมือแบบนี้นะ”
มาลินแยกนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ตั้งฉากแล้วเอาสองมือมาประกบกันเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ภาคมองแล้วทำตามพลางเอามือไปทาบกับรูปของพ่อแล้วยิ้มแสดงออกว่ารักสุดหัวใจ
“นั่นล่ะ แล้วทาบลงที่กระดาษ ลากเป็นวงรีเบาๆ แล้วแบ่งเป็นสี่ส่วน...”
ภาคทำตามครูจนใบหน้าของคนเป็นรูปร่างบนกระดาษ สีต่างๆ ระบายลงตามที่ชอบ มาลินมองเด็กน้อยกำลังลงสีแล้วหัวเราะเบาๆ ผมของภาวัตกลายเป็นสีเขียว ริมฝีปากสีฟ้าตามจินตนาการของเด็ก
“หันมาครับ...” กล้องจากโทรศัพท์กดบันทึกภาพ “ว้า! ทำไมหุบยิ้มเสียล่ะ เวลายิ้มภาคแล้วหล่อเลยนะ พอโตไปหนุ่มรับรองสาวๆ กรี๊ดสลบ”
ความรื่นเริงในดวงตาหายไปกลายเป็นโกรธเกรี้ยว หมอนข้างตัวถูกขว้างออกมาใส่มาลินเต็มแรง ไม่ว่าอะไรใกล้มืออีกก็ถูกปามาจนหมด เธอไม่หลบแต่เดินเข้าไปหาแล้วจับมือภาคไว้
“หยุดเลยนะคะ ทำแบบนี้ไม่ดีรู้ไหม เป็นผู้ชายไม่ควรรังแกผู้หญิง”
“ทำไมล่ะครับ ดีเสียอีก ภาคไม่ชอบผู้หญิงพวกนั้น” เด็กน้อยเม้มปากไม่พอใจมองมาลินอย่างไม่เข้าใจ
คุณครูจับแก้มยุ้ยๆ ที่แท้ก็หวงพ่อนั่นเอง “มองมาแบบนี้สงสัยล่ะสิ ถึงพี่จะตัวโตกว่า แต่พี่ก็เป็นผู้หญิงนะ ไม่ว่าภาคจะชอบหรือไม่ชอบ ก็ไม่ควรทำให้เจ็บหรือเสียใจ แม้แต่ดอกไม้ยังไม่ควรถูกทำร้ายเลย”
ภาคสะบัดมือออกอาจไม่เข้าใจที่ครูพูดอยู่ดี อย่างน้อยแค่รู้ว่าไม่ควรทำร้ายผู้หญิงก็ดีแล้ว มาลินคะยั้นคะยอให้ลงสีต่อ คำว่าพ่อทำให้สีที่วางเกลื่อนถูกเก็บเข้ากล่องเพื่อนำมาระบาย อารมณ์ของภาคแปรปรวนตามปกติของเด็กวัยนี้หรือว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติกันแน่ เสียงรถขับมาจอดหน้าบ้าน เด็กน้อยยิ้มหน้าบาน
“คุณพ่อมาแล้วมั้ง ไปรอคุณพ่อไหมครับ”
ภาควิ่งนำหน้าไปที่ประตู คนขับกำลังลงมาจากรถพร้อมของพะรุงพะรัง เด็กน้อยถอนใจเดินกลับเข้าไปในบ้าน มาลินเลยต้องรับหน้าแทน
“คุณวัตสั่งให้เอามาให้ครับ บอกว่าอาจกลับช้ายังไม่เสร็จงาน”
สาวใช้ช่วยรับของมาบอกว่าจะไปใส่จานให้ มาลินบอกขอบคุณแล้วตามหาภาคก็เห็นว่ากลับมานั่งหน้าเฟรมรูป ไหล่เล็กสั่นนิดๆ พอเข้าไปใกล้ก็เห็นว่าร้องไห้อยู่
“ร้องไห้ทำไมครับ คุณพ่อทำงานเดี๋ยวก็กลับมานะ รู้ไหมยังมีคนโชคร้ายไม่ได้พบพ่อตั้งมากมาย รวมพี่ด้วย”
ภาคเช็ดน้ำตาลวกๆ จะเดินหนี แต่มาลินคว้าข้อมือเล็กไว้แล้วมานั่งที่โซฟา ส่วนตัวเองนั่งลงข้างล่าง
“พ่อกับแม่ของพี่ไปอยู่บนท้องฟ้าแล้ว ตอนนี้ต่อให้พี่ร้องไห้ รอจนถึงเช้า พ่อกับแม่ก็ไม่กลับมา แต่น้องภาคยังมีโอกาสนะครับ ที่คุณพ่อทำงานหนักก็เพื่อลูกชายที่น่ารักคนนี้ไง”
“จริงๆ นะ...พ่อจะไม่ทิ้งภาคจริงๆ นะ”
มาลินพยักหน้าไม่รู้ว่าที่พูดไปภาคจะเข้าใจแค่ไหน แค่เห็นเด็กน้อยหยุดร้องไห้ก็ดีใจแล้ว สาวใช้นำอาหารเข้ามาวางให้พอดี
“เรามาทานด้วยนะคะ ถ้าคุณพ่อกลับมาเห็นว่าน้องภาคกินจนหมดจะได้ดีใจไง”
แค่พูดถึงพ่อเด็กน้อยก็เดินตามมานั่งทานอาหารด้วยกันอย่างว่าง่าย มาลินสังเกตอยู่เงียบๆ แม่ของเด็กไปไหนหนอ
อาหารหมดแล้ว แต่ภาวัตกับคุณภาณินยังไม่กลับมา ยังดีที่ภาคไม่งอแงอิ่มแล้วก็หลับที่โซฟา เกือบ 3 ทุ่มแต่ยังไม่มีใครกลับมา เธอนั่งรอจนหลับมาสะดุ้งตื่นตอนได้ยินเสียงรถ ยังไม่ทันออกไปจากห้องภาวัตก็เดินมาหา พอเห็นลูกชายหลับแล้วก็ค่อยสบายใจ
“ขอโทษนะที่กลับช้า เธอกลับได้แล้วล่ะ เดี๋ยวจะให้คนขับรถไปส่ง”
“คุณวัตกลับบ้านช้าแบบนี้บ่อยไหมคะ” มาลินอยากเขกหัวตัวเองเดี๋ยวได้ถูกหาว่าจุ้นจ้าน “เอ่อ ลินขอโทษค่ะ ที่ถามไม่ได้มีเจตนาอะไร แค่ภาคดูเหงาและกลัวอะไรสักอย่าง”
อีกคนแล้วไง ทำไมมาลินถึงพูดเหมือนแพรมนทั้งๆ ที่ภาคก็ดูปกติดี
“เหลวไหล ภาคจะไปกลัวอะไร ที่นี่ปลอดภัยไม่มีใครมาทำร้ายสักหน่อย ดึกแล้ว เธอกลับไปเถอะ”
มาลินหยิบกระเป๋าหน้าจ๋อย ภาวัตมองเฉยจนร่างเล็กเดินผ่านไปถึงนึกขึ้นได้หยิบซองที่เตรียมไว้ออกมา
“เดี๋ยว...” ร่างเล็กกว่าหันกลับมา “รับไปสิ”
มาลินยกมือไหว้รับซองไปไม่ทันคิดอะไรจนกระทั่งเปิดดู “แต่ลินเพิ่งมาได้วันเดียวเอง แล้วก็ยังไม่ได้สอนอะไร แค่ชวนวาดรูปค่ะ”
“ผู้ใหญ่ให้อะไรก็รับไป แล้วบอกว่าขอบคุณค่ะ แค่นี้ ทำไมต้องให้สอน” ภาวัตดุใส่อีกรอบ
“ขอบคุณค่ะ”
ผู้ใหญ่พยักหน้าพอใจพลางมองคุณครูของลูกชายเดินตัวลีบออกไปจากห้อง มาบอกว่าภาคเหงาและกลัวได้ยังไง ทุกคนในบ้านรักแกกันทั้งนั้น ร่างสูงอุ้มลูกชายไปนอนที่ห้อง เด็กน้อยยังคงหลับสนิท ดวงตาอ่อนโยนมองพลางลูบหัวอย่างเอ็นดู ไม่ว่าภาคจะเป็นใครมาจากไหน ไม่สำคัญสำหรับพ่อเลย แค่พ่อรักลูกก็พอแล้ว

ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าเมื่อวานถูกภาวัตดุแล้วมาพบข่าวร้ายในวันต่อมาว่าองุ่นติดโรคอีกแล้ว ถึงจะไม่หนักเท่าคราวก่อน แต่ก็เสียหายไม่น้อย สีหน้ายามเดินเข้ามาในบริษัทเลยไม่ยิ้มแย้มชวนให้เอมิกาหมั่นไส้อย่างเคย จะด้วยความรู้สึกผิดหรือเพราะความเป็นเพื่อนยังเหลืออยู่ไม่รู้ล่ะ เห็นแล้วก็อดถามไม่ได้
“เป็นอะไร ทำไมทำหน้าอย่างนั้น ทะเลาะกับนายพัฒมาหรือไง”
มาลินนั่งที่โต๊ะสำหรับเราสองคนเท้าคางถอนใจยาวมองเพื่อนอย่างไม่แน่ใจนัก
“ฉันคงไม่มีใครให้ปรับทุกข์ ถึงได้บอกเรื่องนี้กับเธอ ที่ไร่...องุ่นมีปัญหาติดโรค กำลังออกผลแท้ๆ เดือนหน้าก็จะเก็บได้อยู่แล้วเชียว”
เรื่องใหญ่เลยแฮะ แล้วกิจการก็กำลังขาดทุนอยู่ไม่ใช่หรือเท่าที่เธอได้ยินผ่านหูมา
“แล้วต้องทำยังไง เก็บองุ่นดิบๆ ไว้ไม่ได้หรือไง”
“มันก็ได้ แต่มันต้องนำไปแปรรูเป็นอย่างอื่นแทน ถ้าหยุดการระบาดของโรคไม่ได้คงต้องโค่นทิ้งแล้วเอาไปเผา ต้องปลูกใหม่ ทำไมมีแต่เรื่องก็ไม่รู้ ฉันอยากกลับบ้านไปช่วยงานตา”
เอมิกาจับมือเพื่อนรู้สึกเห็นใจ แต่พอถูกมาลินมองอย่างแปลกใจก็รีบปล่อย แค่ลืมตัวบวกรู้สึกผิดเท่านั้น
“เอาน่า พรุ่งนี้ก็วันเสาร์แล้ว กลับพรุ่งนี้ก็เหมือนกันนั่นแหละ”
มาลินพยักหน้าถอนใจห่อเหี่ยวอีกรอบ แต่ยังไม่วายจ้องหน้าเพื่อนอย่างสงสัย
“วันนั้น...เธอหรือเปล่าที่ล็อคห้องเก็บของจนฉันออกมาไม่ได้”
“เปล่า ใส่ร้ายฉันเหรอ พอฉันมาหา เธอก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว พูดดีด้วยไม่ได้เลยนะ งูเห่าชัดๆ”
คนร้อนตัวรีบไปหาพี่เลี้ยงไม่อย่างนั้นได้หลุดพิรุธออกมาน่ะสิ มาลินมองตามไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรเพราะมีเรื่องให้กังวลใจมากพออยู่แล้ว ถ้าขายที่ดินได้ปัญหาต่างๆ น่าจะคลายออก ป่านนี้ตาคงเครียดอีกแล้ว

แพรมนมองหาน้องฝึกงานที่หมายตาไว้แต่คนรู้ทันดันลงมารับถึงรถ เรื่องที่จะไถลไปฝ่ายบัญชีเป็นอันว่าอดอย่างนี้ไม่ให้เรียก ‘ท่านสมภาร’ ได้ยังไง พอเข้าห้องทำงานมาได้ก็ทวงงานยิกๆ ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนกันมานานล่ะก็ งานนี้มีว๊ากใส่ ภาวัตตรวจงานเสร็จก็บอกสั้นๆ ว่า...ดีมาก ไม่ต้องแก้ไขอะไร แพรมนเลยยิ้มกว้าง แต่ไม่เท่าเขาหรอก ต้องปะเหลาะไว้เมื่อมีงานสำคัญต้องขอให้เพื่อนคนนี้ช่วย พอบอกเท่านั้นแหละ แม้เจ้าประคุณบอก...ไม่! คำเดียวจบ
“เถอะน่า ช่วยฉันหน่อยไม่ได้หรือไง แค่ไปดินเนอร์ด้วยกันจะอะไรนักหนา”
แพรมนเท้าเอวมองไม่พอยังเบ้ปากใส่ “ถ้ามันไม่หนักหนา นายก็ไปคนเดียวสิ เรื่องอะไรฉันต้องไปทนเหม็นหน้ายัยภาด้วย จำไม่ได้หรือไงยัยนั่นทำอะไรกับฉันเอาไว้บ้าง ดูสิ จนป่านนี้แล้วยังไม่สำนึก”
เรื่องมันก็นานมาแล้ว ไม่รู้เป็นยังไง ไม่ว่าแฟนเก่าหรือกิ๊กมีเรื่องกับแพรมนได้ทุกคน จะขอให้ช่วยเรื่องเดิมซ้ำๆ ก็ใช่ที่ แต่มาทั้งทีเขามีเรื่องให้ช่วยแค่นี้เสียเมื่อไหร่
“ก็ได้ ไม่ขอให้ช่วยเรื่องนี้ แต่ช่วยเรื่องอื่นแทนได้ไหมล่ะ”
“ขอฟังก่อน” สาวเท่เลิกคิ้วให้ยอมกลับมานั่งฟังดีๆ
“ถ้าฉันอยากให้ไร่องุ่นกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ ในฐานะที่เธอทำงานด้านออแกนไนซ์อยู่ พอจะหาทางทำออกมาได้ไหม”
“ไร่องุ่นที่ไหนล่ะ ถ้าเจ้าของไร่ต้องการโปรโมท มันก็พอมีทางอยู่แล้ว”
แฟ้มที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อเช้าถูกหยิบออกมาจากลิ้นชัก “ถ้างั้นเอาไปเลยแผนที่ งบต่างๆ คิดครึ่งราคา ส่วนต่างฉันรับผิดชอบเอง ขอแค่อย่าบอกว่าเราสองคนรู้จักกัน”
แพรมนหรี่ตามองเพื่อนชักไม่ค่อยไว้ใจ ถ้าไม่ได้ไปก่อนเรื่องไว้ก็ต้องมีอะไรในกอไผ่แหง มาขอร้องแทบจะอุ้มแบบนี้
“ทำไม จะไปจีบสาวบ้านนั้นหรือไง แบบคนหล่อขอทำดี แต่มาแปลก ไม่ป่าวประกาศ”
ภาวัตทำหน้าไม่ถูกก่อนทำก็คิดดีแล้ว เขาไม่ใช่สมภาร ที่ช่วยก็เพราะไม่อยากให้ร่มธรรมจนตรอกจนต้องขายที่ให้ชานนท์เท่านั้นเอง
“เชื่อฉันเถอะ ถ้าบอก เธออาจจะได้ของแถมเป็นลูกปืน”
“ขนาดนั้นเลย” ชักน่าสนใจ
“อือ”
แพรมนรับปากทำงานนี้ให้ด้วยความอยากรู้เต็มสูบ ไอ้ท่าลูบจมูกบ่อยๆ น่ะพิรุธชัดๆ ภาวัตยิ้มสงบเสงี่ยมหาไม่แล้วอาจชวดและถูกล้วงความลับ คนดื้อรั้นอย่างร่มธรรมจะรู้บ้างไหมว่ามีหอกอยู่ข้างแคร่ ท่าทางชานนท์ก็เหมือนปรารถนาดี แต่กลับส่งคนมาขมขู่เขาเพราะดันเจ๋อไปช่วยบ้านนั้น ถ้าคิดว่าหวังดีคงโลกสวยเกินไปล่ะ

แล้วจะมา up ต่อนะคะ
อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ธ.ค. 2558, 09:52:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ธ.ค. 2558, 09:52:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 1117





<< ตอนที่ 7 ครึ่งหลัง   ตอนที่ 8 ครึ่งหลัง >>
konhin 10 ธ.ค. 2558, 14:44:49 น.
เกลือเป็นหนอนป่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account