สมมติว่าเรารักกัน
เมื่อเขาและเธอ ต่างก็คิดว่า เพศตรงข้าม เป็นมาร ขวางความสำเร็จ ความรักหลอกๆ ที่สมมติขึ้นขายผ้าเอาหน้ารอด จะจบลงแบบใด

ติดตามได้ใน สมมติว่าเรารักกัน
Tags: โรแมนติกคอมมาดี้

ตอน: ตอนที่ 4


จูนมองหน้าหนุ่มอ่อนวัยกว่านิ่งๆ เพียงแค่เสี้ยววินาที ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบสนิท

“ผ้าเช็ดหน้าตก เก็บสิมิ้นท์”

ชายหนุ่มรีบก้มลงเก็บสิ่งที่จูนบอกว่าเป็น ผ้าเช็ดหน้า ใส่อกเหมือนเดิมจนมองไม่ทันว่าตกลงมันคือผ้าเช็ดหน้าหรืออะไรกันแน่ มิ้นท์รีบเดินออกไป ก่อนที่จูนจะตัดสินใจลุกตาม

มิ้นท์รู้สึกเหมือนมีคนเดินตามมา เขาหันไปมอง ก็พบว่า มือเบสของวงเดินกอดอกทอดน่องตามเขามาเอื่อยๆ

“ดอกไม้ในอกนาย ของกะทิใช่ไหม”

น้ำเสียงที่ไม่บ่งบอกความรู้สึกอะไรนั่น เหมือนจะเป็นลักษณะประจำตัวของจูนไปแล้ว มิ้นท์อึกอัก

“เอ่อ คือ เอ่อ”

“อย่ามัวเอ้ออ้า นายชอบยัยหัวหน้าวงนั่นใช่ไหม”

คำถามของมือเบส ทำเอาชายหนุ่มเหมือนโดนไม้หน้าสามฟาดเอาที่กลางหน้าผาก เขาคอตก ก่อนจะตัดสินใจยอมรับ

“ผมชอบเขามากอ่ะพี่ ตั้งแต่สมัยมัธยม โดดเรียนไปดูคอนเสิร์ตเขายังเคยเลย”

เท่านั้นจูนก็ถอนหายใจ พร้อมกับตบบ่ารุ่นน้อง

“งั้นที่นายอยากนักอยากหนาที่จะอยู่ค่ายนี้นี่ ส่วนนึงก็เพราะยัยกะทิสินะ”

การก้มหน้าไม่ตอบของมือกลอง ก็ทำให้จูนพอจะเดาได้

“งานนี้ ท่าจะหนัก ถ้าคิดจีบเขาน่ะ อายุเขาก็มากกว่านายไม่ใช่เหรอ”

“ผมก็ไม่ได้คิดจะจีบเขาหรอก”

มิ้นท์ตอบก่อนจะเอามือลูบดอกไม้ที่อยู่ในอก แค่ได้เห็นเขาใกล้ๆ ผมก็พอใจแล้ว”

“ให้มันจริงเถอะ ได้ข่าวว่า ไทม์ แฟนเก่าเขากำลังจะกลับมาเมืองไทย”

พูดจบ จูนก็เดินกลับไปที่โต๊ะ ไม่สนใจมือกลองที่ยืนอึ้ง

เรื่องกะทิเคยมีแฟนนั้นเขาก็รู้ดี แต่ในตอนนั้น เขาได้แต่เฝ้ามองดูเธออยู่ห่างๆ ไทม์เป็นอดีตนักร้องหนุ่มรูปหล่อ และร่ำรวย แต่เหมือนจะมีปัญหาส่วนตัวบางประการ ทำให้เขาต้องหลบลี้หนีวงการไปอยู่เมืองนอก

ไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริง

แล้วเขาควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์หัวใจตอนนี้ดี จะเดินหน้าเต็มกำลัง หรือจะหลบอยู่ในมุมมืดเหมือนที่เคยเป็น

ชายหนุ่มเดินกลับมาที่โต๊ะ เหมือนทุกคนกำลังรอเขาอยู่

“มาพอดีมิ้นท์ ไป ได้เวลากลับกันซักที แยกกันตรงนี้นะครับ แล้วนี่กลับกันยังไงครับ”

เวย์เอ่ยถามขึ้นระหว่างที่กำลังลุก

“มารถน้ำตาลน่ะค่ะ มาคันเดียว ประหยัด”

กะทิเป็นฝ่ายตอบ ก่อนจะยิ้มให้

“งั้นก็ กลับดีๆนะครับ พรุ่งนี้คงได้เจอกัน”

คราวนี้ นัทธ์เป็นฝ่ายพูดบ้าง เขามองน้ำตาลอีกครั้ง ก่อนจะเดินหันหลังไปยังที่จอดรถ

“ทิ ฉันว่ามีความรู้สึกว่า ตามือกลองคนนั้นเขาแอบมองเธอละ”

แคลชะโงกหน้ามาสนทนากับกะทิที่นั่งอยู่ที่เบาะหน้า

“ไม่หรอกน่า เขาก็มองทุกคน เธอนี่ตาดีตลอดเลยนะ”

“เฮ้ย จริงๆนะทิ ฉันน่ะ เซ้นดีเรื่องนี้จะตาย ดูอย่างเรย์สิ ฉันดูออกตั้งนานแล้ว ว่ามันแอบชอบเขา แล้วเหมือนเขาก็ปิ๊งมันอ่ะ”

“แหม รู้สึกว่า พอเดาแล้วคิดว่าถูกนี่เดาใหญ่เลยนะเว้ย”

กะทิเหน็บแนมเพื่อน

“ก็หรือไม่จริงละ นี่ทิ ถ้าเขาจีบเธอจริงๆ เธอจะทำยังไง”

“บ้าเรอะ เท่าที่รู้มา นายมิ้นท์อะไรนี่ อ่อนกว่าฉันสองปีนะเธอ อายุเท่าน้ำตาลเลย”

“แล้วไงล่ะ”

แคลถามกลับ

“ฉันไม่สนเด็ก”

“เด็กอาร๊ายยย โตเต็มวัยแล้วเธอ .ใช้งานได้แล้ว”

คำพูดห่ามๆ ของแคล เรียกเสียงร้องกรี๊ดได้ลั่นรถ

“อี๊ ยัยดอกแค เธอพูดอะไร น่าเกลียดเป็นบ้าเลย”

“ไม่เห็นหน้าเกลียดเลย ฉันว่าเธอนะ โบร๊าณ โบราณนะทิ สมัยนี้เขาไม่ถือกันแล้ว เรื่องอายุน่ะ ฉันเคยอ่านข่าวเจอ คนหกสิบยังรักกะเด็กยี่สิบได้เลย แล้วนี่เธอแค่สองปี”

“ไม่เอาหรอก ฉันเบื่อ” กะทิปฏิเสธ

“เธอจะเบื่อไปอีกกี่ปีกัน ปีนี้เธอ28แล้วนะ อีกสองปีก็สามสิบ”

“สามสิบแล้วไงล่ะ หนักหัวแกหรือ แกก็อายุเท่าฉันนั่นแหละ”

กะทิหันไปแขวะอย่างรู้สึกหงุดหงิด

“ฉันอายุเท่าเธอก็จริง แต่คู่เดทฉันเยอะ อีกอย่างนะทิ ฉันพูดตามตรง เธออย่าเมินเฉยกับมันมากนักเลย ความรักน่ะ อิพี่ไทม์นี่ก็เลิกไปนานแล้ว จะมามัวใส่ใจมันอีกทำไม”

“ฉันไม่ได้คิดถึงพี่เขาซะหน่อย”

กะทิตอบเพื่อนเสียงหนักแน่น

“ก็ให้มันจริง ฉันว่ามันกลับมาเมืองไทยนี่ มันมาตามจิกเธอแน่ ระวังให้ดีแล้วกัน”

ในขณะที่กำลังสนทนากันอยู่นั้น รถของน้ำตาลก็กระตุก และก็ดับวูบลง

“เฮ้ยรถเป็นไรวะน้ำตาล”

“ไม่รู้พี่ทิ วันนี้ก็ยังดีๆ อยู่เลยอ่ะ”

หญิงสาวลงจากรถไปดู ไม่รู้จะทำยังไงกับรถดี หญิงสาวสามคนยืนมองฝากระโปรงรถ แคลชะโงกดูแล้วส่ายหน้าแล้วพูดว่า

“เอาไงล่ะทีนี้ แถวนี้ก็ไม่มีแทคซี่ด้วย”

“โทรหาเรย์ดีไหม ให้มันส่งรถมารับ”

กะทิออกความเห็น แต่ยังไม่ทันทีจะได้โทร รถคันหนึ่งก็ชะลอ และจอดข้างๆ รถของน้ำตาล

“รถเป็นอะไรครับ อ้าว คุณเหรอเนี่ย”

คนที่เปิดกระจกมาถามอย่างหวังดีคือนัทธ์นั่นเอง

“รถไม่รู้เป็นอะไรค่ะ อยู่ดีๆ ก็ดับ”

แคลเป็นฝ่ายตอบ

“เดี๋ยวพวกผมช่วยดู”

ทั้งสี่หนุ่มลงมา แต่คนที่เดินมาเปิดฝากระโปรงรถกลับเป็นมิ้นท์ มือกลองหนุ่ม

“นี่คุณ เพื่อนคุณซ่อมเป็นเหรอ”

กะทิแอบถามนัทธ์อย่างสงสัย หน้าอ่อนๆ ใสๆ แบบนายมิ้นท์นี่เหรอ จะซ่อมรถ

“ไม่รู้อะไรซะแล้ว ไอ้มิ้นท์มันจบวิศวะยานยนต์นะคุณ มันจะซ่อมไม่เป็นได้ไง”

และนั่นก็ทำให้หญิงสาวทั้งสามรู้สึกทึ่ง และทันใด แคลก็คิดอะไรมาได้บางอย่าง

“นี่คุณผู้ชายทั้งสาม ไปช่วยพวกฉันหิ้วน้ำหน่อยสิ ฉันจะเลี้ยง ถือว่ามาช่วยซ่อมรถ”

เวย์รู้สึกงงๆ แค่ไปซื้อน้ำทำไมต้องไปกันเยอะแยะ

“ซื้อแค่น้ำ ทำไมต้องไปกันหลายคน”

“ฉันก็อยากไปซื้อของกิน ไปเถอะเวย์ ถือว่าไปบริการสาวๆ”

จูนเป็นฝ่ายตัดบท ก่อนจะลากเวย์ที่ยังไม่เข้าใจให้เดินนำไปด้วยกัน

ร้านสะดวกซื้อที่ใกล้ที่สุด แคลหยิบตะกร้ามาหนึ่งใบส่งให้เวย์ถือ และเธอก็เดินไปเดินมาในร้าน มองน้ำมองขนมอย่างที่ยังไม่ตัดสินใจ นัทธ์แอบมองน้ำตาลจากทางด้านหลัง สังเกตชุดที่เธอสวมใส่ เธอไม่ได้ใส่ชุดราตรีสีชมพูนั่นอีก แต่สวมเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้นธรรมดาเท่านั้น

“เปลี่ยนชุดทำไมเหรอคุณ”

นัทธ์แทบอยากกัดลิ้นตัวเอง แค่คิดเฉยๆ นี่เขาก็โพล่งออกไปแล้ว

ไอ้บ้าเอ๊ย

หญิงสาวหัน ไม่ได้สังเกตว่าเขาเดินตามหลังเธออยู่

“ฉันอึดอัดน่ะค่ะ ร้อนมากๆ เลยเปลี่ยน”

เธอตอบเขางงๆ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาจะถามทำไม

แต่เธอก็ดันตอบเขา ซะอย่างนั้น

“อยากกินไรเป็นพิเศษไหม แฮมเบอร์เกอร์ไหม โค้กไหม”

เขาชี้ชวนเธอหาของกิน

“ฉันไม่ทานของพวกนี้ค่ะ มันไม่ดีต่อสุขภาพ”

คำตอบของเธอเล่นเอาเขาไปไม่เป็น รู้สึกเหมือนถูกด่านิดๆ

“ทานนมดีกว่า จะได้หลับสบาย”

ว่าแล้วเธอก็เดินไปหยิบนมในตู้เย็นออกมาหนึ่งขวดใหญ่

“เฮ้ยๆๆ คู๊ณ ไหนบอกแค่เอาหลับสบายไง ขวดขนาดนี้ ผมกลัวคุณจะจู๊ดๆก่อนจะได้หลับสบายน่ะสิ”

นัทธ์เอะอะท้วงหญิงสาว รู้สึกขนพองสยองเกล้ากับปริมาณนมที่หล่อนยกมา

แม่คุณ เล่นเป็นแกลลอนเลยเหรอนี่

หญิงสาวมองหน้าเขา เท้าเอว ตาขุ่น

“จะบ้าเรอะคุณ ฉันจะกินอะไรหมดเป็นแกลลอน ไม่ได้เอาไปอาบซะหน่อย”

พูดจบก็ยกนมแกลลอนนั้นยื่นให้เขาแล้วเดินหนีไป

เวย์หันรีหันขวาง จูนยืนอ่านหนังสือรอ ไม่ยอมมาช่วยเขาถือ แล้วยัยนี่ก็ช่างกระไร เห็นเขาเป็นบ่อยยกของไปได้ ซื้อโน่นซื้อนี่ ใส่ตะกร้าจนแทบจะล้น

แหมเดินสบายใจจังเว้ย ยัยเอแคลนี่

และสุดท้าย เขารู้สึกว่ามันหนักมาก และเธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเอาของใส่ตะกร้า

“คุณ ที่คอนโดคุณมีคนอยู่กี่คน”

“ฉันพักกับทิสองคน”

“แล้วคุณจะซื้อขนมไปหาพระแสงอะไรเยอะขนาดนี้ ผมหนักโว้ย”

เขาจงใจพูดกระแทกหล่อน แต่เธอกลับตอบเขาชนิดที่อยากจะทิ้งตะกร้าแล้วบีบคอเสียเดี๋ยวนั้น

“ที่คอนโดนฉันไม่มีคนชื่อพระแสงนะ ใครเหรอ ทำไมไม่เคยได้ยินชื่อล่ะ”

แคลตอบด้วยสีหน้างงๆ ใครกัน พระแสง หล่อนไม่เคยรู้จักคนชื่อนี้นี่นา
โอย กูอยากจะบ้าตาย


กะทิชะเง้อชะแง้ ไปซื้ออะไรกันเยอะแยะ นานนม และเมื่อเธอหันมา ก็เจอมือกลองหนุ่มหน้านิ่วคิ้วขมวดก้มๆเงยๆ อยู่ที่เครื่องยนต์หน้ารถ เขาปาดเหงื่อเป็นระยะ แม้จะดึกมากแล้ว แต่อากาศตอนนี้ก็ร้อนจนเขารู้สึกคัน กะทิมอง

ทิชชู่อยู่ในเก๊ะ จะไปเอาให้เขาดีไหมนะ

“ร้อนเหรอ”

หญิงสาวตัดสินใจถามขึ้น

“นิดหน่อยครับ”

มิ้นท์เงยหน้ามายิ้มให้จนตาหยี แก้มเขาเปื้อนน้ำมันเครื่องจนดำมอมแมม กะทิมองหน้าเขาอีกครั้ง

“หน้าเปื้อน”

หล่อนตัดสินใจบอก และชี้ไปที่หน้าเขา ชายหนุ่มทำหน้าเหลอ ก่อนจะใช้แขนเสื้อเช็ดๆแบบลวกๆ แล้วเขาก็ก้มลงไปอีก กะทิตัดสินใจเดินไปหยิบน้ำเปล่าและ
กระดาษทิชชู่ในรถมายืนถือรอ

“เช็ดก่อนไหม หน้านายเลอะมากเลยนะ”

หญิงสาวถามขึ้นเมื่อเห็นเขายังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา

“อีกแป๊บเดียวครับ จะเสร็จแล้ว”

เขาเงยหน้าขึ้นมาตอบแล้วก็ก้มลงไปอีก ไม่ถึงหนึ่งนาที เขาก็ร้องบอก

“ช่วยไปสตาร์ทรถหน่อยครับ”

รถติดขึ้นอย่างง่ายดาย กะทิมองเขาอย่างทึ่งๆ แหม เห็นหน้าอ่อนๆ ใสๆ ซ่อมรถเป็นด้วย หล่อนเดินลงมาแล้วส่งทิชชู่ให้ มือกลองหนุ่มรับมาแล้วเช็ดๆ ลวกๆ กะทิมองอย่างไม่ชอบใจ

“มันไม่ออกนะ เอาน้ำนี่ล้างก่อนดีไหม แล้วค่อยเช็ด”

มิ้นท์รับไปอย่างว่าง่าย ก่อนจะราดพรวดลงบนหน้า แล้วก็ไถทิชชู่ลงบนหน้า หญิงสาวส่ายหน้า

“มานี่ เราเช็ดให้”

พูดจบก็ดึงทิชชู่ที่ยังเหลือในมือเช็ดรอยดำที่อยู่บนหน้าเขาออก แม้จะไม่ออกจนเกลี้ยง แต่มันก็ยังดูดีกว่าที่เขาจะเช็ดเอง สายตาที่เขามอง มันสื่ออะไรบางอย่างจนกะทิรู้สึกวูบวาบ เธอรีบชักมืออกทันที

“ออกหมดแล้ว”

“ขอบคุณครับ”

มิ้นท์ขอบคุณพร้อมกับมองกะทิอย่างเปิดเผยมากขึ้น

“เฮ้ ได้ขนมมาแล้ว รถเสร็จยังน่ะ”

แคลส่งเสียงร้องถาม ทำให้ทั้งสองถอยห่างกันออกมาคนละก้าว

"เสร็จแล้วๆ สตาร์ทติด”

กะทิร้องบอกเพื่อนก่อนจะรีบเดินไปหา

“ต๊าย เก่งจังเลยนะคะมิ้นท์”

แคลหันมายิ้มหวานให้ก่อนจะชมเสียงอ้อน นึกอยากจะลองเชิงหนุ่มนี่ดูซักหน่อย

“เคสนี่ไม่หนักหรอกครับ ช่างที่ไหนก็แก้ได้”

เขาหันมายิ้มตอบก่อนจะเดินไปรวมกลุ่มกับพี่ๆในวง ไม่ได้ส่งตาหวานให้แคลเหมือนที่ส่งให้กะทิเมื่อกี้ซักนิด

“ถ้าเสร็จแล้วพวกผมก็กลับก่อน”

นัทธ์เดินเอานมแกลลอนนั้นไปไว้ท้ายรถให้พร้อมกับเวย์ที่หิ้วถุงจนตัวเอียงไปข้าง ก่อนจะไป ชายหนุ่มเปิดกระจกรถลงมาแซวอีกครั้ง

“ระวังจู๊ดๆนะคุณ”

แล้วเขาก็ขับรถออกไป ทิ้งให้น้ำตาลยืนทำหน้าบูดสนิท

“แคล แกขนซื้ออะไรมาเยอะแยะวะ แล้วจะยัดเข้าไปยังไงหมด”

กะทิมองดูขนมหลังเบาะแล้วรู้สึกขนลุก

“ใครว่าฉันซื้อมาให้เธอกินล่ะ ซื้อให้หนุ่มๆ พวกนั้นนั่นแหละ ไว้พรุ่งนี้เราไปให้เขาที่ห้องซ้อมกัน”

“อ้าว แล้วเมื่อกี้ไม่ให้เขาไปเลย”

“ฉันอยากแกล้งอิตาเวย์อะไรนั่น แหม หิ้วนิดๆหน่อยๆ ทำเป็นบ่น แล้วยังมาถามฉันอีกนะ ว่าซื้อไปหาพระแสง ตั้งแต่อยู่เมืองไทย ฉันยังไม่เคยรู้จักคนชื่อพระแสงซักคน ไม่ไหว มั่วมาก”

จบประโยค ทั้งกะทิและน้ำตาลก็หัวเราะกันท้องแข็ง


อาการผุดลุกผุดนั่งของเรย์ และส่องกระจกทุกๆ สองนาทีนั่น ทำให้เพื่อนๆ ในมองมาอย่างอมยิ้ม

“เฮ้ย แค่นัดคุยงาน อย่าตื่นเต้นสิวะเรย์”

กะทิเริ่มต้นแซว

“ฉันไม่ได้ตื่นเต้นซักหน่อย”

เรย์ค้านเสียงอ่อย ก่อนจะหันไปมองโทรศัพท์ มองแล้วมองอีก จนในที่สุด มันก็ดังขึ้นมา เรย์ผวาเข้าไปจะรับ แต่ก็ไม่ทันแคลที่มือไวกว่า คว้าไปส่งให้กะทิ น้ำตาลมองดูพี่ๆทั้งสามเล่นกันแล้วก็ส่ายหน้าด้วยความระอาใจนิดๆ ไม่ว่าจะกี่ปี พี่ๆของเธอก็ยังเล่นกันได้เป็นเด็ก

ไม่นานเรย์ก็แย่งมาได้

“ฮัลโหล พี่รุจเหรอคะ ค่ะ อยู่ที่ห้องซ้อมค่ะ คะ? อ่า ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ งั้นแค่นี้นะคะ”

ความสนุกสนานครื๊นเครงก่อนหน้านี้ จบลงอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเรย์ไม่ได้บ่งบอกเลยว่า มีความสุขเหมือนเมื่อกี้

“มีไรวะเรย์ พี่รุจว่าไง จะมารับกี่โมง”

กะทิเดินมาถาม

“พี่เขาไม่มาแล้วละ ติดธุระ”

กะทิมองแวบเดียวก็รู้ว่าเรย์เสียใจ

“เอาน่าแก พี่รุจเขาคงงานยุ่งน่ะ ไว้นัดกันวันหลังก็ได้น่า นะ”

“นั่นสิ เอาขนมไปให้หนุ่มๆพวกนั้นดีกว่า ฝากหน่อยนะ ฉันขี้เกียจไปเจอหน้านายเวย์ขี้บ่น”

เรย์ตัดสินใจหิ้วถุงขนมโดยมีน้ำตาลหิ้วอีกถุงช่วยเดินตามไปด้วย

“ทิ มีน้ำอัดลมอีกสองขวดน่ะ ช่วยหิ้วไปหน่อยสิ”

แคลร้องทักเพื่อนสาว ก่อนจะชี้ไปที่ถุงที่วางอยู่ข้างห้องอีกถุง

“แหมวะ ทำไมแกไม่ไปเอง”

หญิงสาวหันมาบ่นเพื่อน

“ฉันจ่ายเงินแล้วฉันจำเป็นต้องเอาไปให้หนุ่มๆ นั่นกินอีกเหรอ”

“แล้วฉันได้กินไหม หา ยัยแคลโรไลน์”

“เอาน่า อย่าบ่นสิ ถือว่าเป็นค่าซ่อมรถนิดๆหน่อยนะ อีกอย่างฉันไม่ว่าง จะออกไปธุระข้างนอก”

พูดจบก็เดินราวกับเริงระบำออกไป ทิ้งให้กะทิมองค้อนตาคว่ำ


******************************************************

มาอีกแล้วจ้า

posty
ืก็จูนเค้าพูดน้อยต่อยหนักนิ อิอิ

namon
รับกำลังใจไปหอบใหญ่ๆ

ภานินี
ขอบคุณคับ

an00
สงสัยไปเรื่อยๆ จะมีคำตอบนะค๊าาา อิอิ ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ ^^

พฤหัสเจอกันค่า



แสนดี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ก.ค. 2554, 20:21:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ก.ค. 2554, 22:11:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 1501





<< ตอนที่ 3   ตอนที่ 5 >>
anOO 26 ก.ค. 2554, 21:34:29 น.
ดูๆ แล้วเหมือนจะมีมากกว่า 3 คู่นะเนี้ย
หวังว่าคู่อื่นคงไม่ใช้มุกมนต์รักพระเครื่องแล้วนะ


namon 26 ก.ค. 2554, 22:01:58 น.
แสนพิมพ์ชื่อพี่นะผิด ไม่ยอมนะ งอนนนนน


แสนดี 26 ก.ค. 2554, 22:11:48 น.
ู^
แก้แล้วน๊า อิอิ


ภานินี 26 ก.ค. 2554, 22:19:37 น.
จีบคนอายุมากกว่า ไม่เห็นเสียหายตรงไหนเลย...


เพียงพลอย 26 ก.ค. 2554, 23:59:12 น.
หนุกหนาน มาติดตามต่อ


sai 27 ก.ค. 2554, 08:26:47 น.
อยากมีคนมาจีบแบบนี้บางอ่ะ ^_________^


posty 27 ก.ค. 2554, 15:30:45 น.
จูนนนนนนนนน ตอนนี้พูดเยอะนะแสนดี
ส่วนแคร์นี้ก็เป็นสาวร้อยชชื่อจริง ๆ ชอบชื่อดอกแคอ่ะ ไทยมากกก


Moomint 28 ก.ค. 2554, 18:28:50 น.
หอบกำลังใจมาให้พี่แสนนนน ^_________^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account