ความลับ (ที่) ซ่อนเร้น .. หรือจะเป็น ความรัก!(?)
คำถาม .. ที่มีคำตอบ
แต่คำตอบ .. กลับยังคงมากมายด้วยคำถาม

เพราะนิยามในคำหนึ่งคำนั้น
แฝงเร้นซุกซ่อนไว้ซึ่งความลึกลับ
ความซับซ้อนชวนสับสน รอยยิ้มปนเปื้อนคราบน้ำตา
เล่ห์เสน่หาหวานล้ำ และพร้อมจะนำความเจ็บปวดมาให้ .. ได้ทุกเวลา

.. หากว่ามันคือ ความรักที่มากล้น จนกลายเป็น .. ความลับ ! ..
Tags: ความรัก ความลับ

ตอน: บทที่ ๓๓ .. ลงเรือลำเดียวกัน



ความเร่งด่วนเพื่อช่วยชีวิตผู้ประสบเหตุจากหน่วยกู้ภัย เมื่อแรกมาถึงมือเจ้าหน้าที่หน่วยพยาบาลนั้น ดูโกลาหลสับสนวุ่นวายและเกิดขึ้นอยู่หลายนาที ขณะนำตัวผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถชน ส่งห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งจัดว่าเป็นสถานพยาบาลที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุที่สุดแล้ว

รวิรุจน์หายใจหายคอได้สะดวกกว่าคราวแรก เพราะอย่างน้อยตอนนี้ทุกคนก็ปลอดภัย ไม่มีใครถึงแก่ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคู่กรณีที่แว่วว่าขับรถตัดหน้า หรือชายหนุ่มที่หักพวงมาลัยหลบ จนไปปะทะกับต้นไม้ข้างทางผู้คนขับรถสีครามหม่นของผู้หญิงที่เขาให้ความสำคัญ

ข้อมูลจากบัตรประจำตัวของคนเจ็บที่ค้นได้ในตัว ถูกส่งต่อเพื่อทำประวัติคนไข้ และแน่นอน รวิรุจน์รับเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด

นายเมฆพัด รัชชาภา ... คือชื่อจริงสกุลจริง ที่ช่วยยืนยันคำบอกเล่าของช่ออัญชัน ถึงความสัมพันธ์ของชายหญิงคู่หนึ่ง ซึ่งก่อความกังวลใจให้กับรวิรุจน์อยู่หลายวันว่า เขากำลังมีคู่แข่งหัวใจปรากฏตัวขึ้นอีกราย

แต่ที่ไหนได้ ... ผู้ชายที่เขาเห็นเดินตามง้องอนองก์อัมพุทที่บริษัท กลับเป็นพี่ชายของเธอเอง

หลังจากดำเนินการเป็นธุระเรื่องการรักษาพยาบาล และให้ปากคำเบื้องต้นแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว รวิรุจน์ก็ทำได้แต่เพียงรอว่า น้องสาวของคนที่ถูกส่งตัวให้อยู่ในความดูแลของแพทย์แล้ว จะมาถึงเมื่อใด

“รุจน์ ...”

ชื่อของชายหนุ่มดังขึ้นเบื้องหลัง ขณะที่เขานั่งรออยู่ในมุมหนึ่งไม่ห่างจากห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล ความคุ้นเคยทำให้เขาทราบได้ทันทีว่า คนที่มาถึงเป็นคนแรกคือใคร

“คุณพุดเป็นยังไงบ้าง”

คำถามของช่ออัญชันสร้างความแปลกใจแก่รวิรุจน์ ก่อนเจ้าตัวจะนึกได้ว่า เขาไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรแก่เพื่อนสาวมากนัก นอกจากส่งข่าวว่า อยู่ที่ไหน

แวววิตกยังสะท้อนในดวงตาของชายหนุ่ม ยิ่งทำให้ช่ออัญชันรีบเดินอ้อมมานั่งบนเก้าอี้ข้างกัน แล้วปลอบประโลมเพื่อนสนิทของเธออย่างห่วงใย

“เราก็ไม่ได้รู้จักคุณพุดเป็นการส่วนตัว แต่เราก็หวังว่า เธอจะไม่เป็นอะไร”

“อืม ... คุณพุดไม่เป็นอะไรหรอก ...”

รวิรุจน์เหลียวหน้ามาหาเพื่อนสาว บอกกล่าวแก้ความเข้าใจผิด ก่อนจะเสริมความเข้าใจที่ถูกต้องให้ว่า

“คนที่เจ็บน่ะ พี่ชายคุณพุด ... เราโทร.บอกคุณพุดแล้ว รอว่าจะมาถึงเมื่อไหร่เท่านั้น”

“อะไรนะ!”

ช่ออัญชันตกใจไม่น้อย กับความจริงที่ได้ยิน และเธอคิดว่า ไม่ใครก็ใครต้องกำลังเข้าใจผิด เพราะตอนแรกรวิรุจน์นั่นล่ะ ที่เป็นฝ่ายบอกว่า พบรถยนต์ขององก์อัมพุทประสบอุบัติเหตุ และกำลังช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล

“เป็นไปไม่ได้”

“เอ้า ... ไม่เชื่อก็ดูนี่”

ชายหนุ่มย่นคิ้วกับอาการไม่เชื่อของหญิงสาว พลางก้มหน้ายกมือขึ้นหยิบบัตรแข็งพลาสติกเคลือบเนื้อดี จากกระเป๋าเสื้อตรงหน้าอกออกมา แล้วส่งให้อีกฝ่ายดูชัดๆ

เพื่อนสาวรับมาดูรูปและอ่านรายละเอียดบนหน้าบัตรอย่างรวดเร็ว มือข้างที่เหลือยกปิดปากสกัดคำอุทานเบาหวิว แต่คนข้างๆก็ได้ยินอยู่ดี

“คุณพัด ... เป็นคุณพัดได้ยังไง”

“นั่นน่ะสิ ... ตอนนี้เรารอคุณพุดอยู่ เรื่องเป็นมายังไง เดี๋ยวก็คงรู้”

ช่ออัญชันมองบัตรประจำตัวประชาชนของเมฆพัดไม่วางตา เหมือนไม่รับรู้รับฟังสิ่งที่รวิรุจน์บอกเท่าใดนัก

ต่างคนต่างใจจดจ่อกับความปลอดภัยของคนเจ็บ ได้แต่รอและลุ้นว่า เมื่อแพทย์ที่กำลังดูแลรักษาออกมา พวกเขาจะได้ยินข่าวที่น่ายินดี






เภตรารู้สึกร้อนรนกระวนกระวายในจิตใจ นับแต่เห็นเมฆพัดยอมจากไปแต่โดยดี เมื่อมัตติก์เดินเข้าไปหาและพูดคุย น่าเสียดายตรงที่ เธอไม่ทราบว่า ผู้ชายสองคนที่เธอเกี่ยวข้องปราศรัยกันด้วยเรื่องใด

แต่นั่นก็อาจเป็นเหตุให้ คนที่เธอรักยอมล่าถอยไปอย่างง่ายดาย

พักตรามีสีหน้าดีขึ้นทันทีที่บุคคลไม่พึงปรารถนาพ้นไปจากบริเวณบ้าน และยิ่งยิ้มแย้มยินดีที่ ‘ว่าที่ลูกเขย’ เป็นคนส่งแขกไม่ได้รับเชิญ

“เห็นมั้ยยัยเภา ... ตาดินดีกว่านายนั่นตั้งเท่าไหร่ นี่คงรู้ตัวแล้วว่าสู้เขาไม่ได้ ก็ดี ... จะได้ไม่ต้องมากเรื่องมากความ”

เภตราเก็บงำความขื่นก่อนจะกล้ำกลืนมันลงไป นาทีนี้คงต้องปล่อยให้มารดาพูดไปก่อน เพราะเชื่อว่าไม่นานเธอก็จะเปิดโอกาสให้บุตรีได้พูดคุยกับชายหนุ่มที่หมายมั่น ... และ ‘หมายหมั้น’ เอาไว้

“ไป .. ไป๊ ไปดูแลตาดินไป แม่จะขึ้นไปพักผ่อน เดี๋ยวต้องโทร.หาคุณกล้วยเสียหน่อย ... สงสัยฤกษ์งามยามดีคงไม่พ้นสิ้นปีนี้แน่ๆ”

หญิงสาวพูดไม่ออกได้แต่มองผู้เป็นแม่ เธอเข้าใจในความหวังดีของบุพการี แต่นี่มันชีวิตของเธอ ... หากแต่สำนึกของความเป็นลูก ก็คอยจะย้ำไว้ตลอดเวลาว่า ชีวิตของเธอก็จริง แต่ ... ใครกันที่ให้มา!

เมื่อทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ เภตราจึงจำต้องทำตามที่พักตราสั่ง และพอคล้อยหลังมารดาเท่านั้น ความสงสัยที่มีต่อมัตติก์ก่อนหน้านี้ ก็ระดมมาเป็นคำถามยามได้อยู่กันตามลำพังในสวนข้างบ้าน

“คุณดิน ... คุณพูดอะไรกับพี่พัดคะ เขาถึงได้ยอมไปง่ายๆแบบนั้น”

มัตติก์ชำเลืองมองเภตราที่มีท่าทีกระตือรือร้น จนเขาอดแกล้งถ่วงเวลาในการตอบคำถามไว้ไม่ได้ ด้วยการจิ้มสาคูไส้หมูที่เจ้าของบ้านยกมาบริการ ‘ดูแล’ เป็นอาหารว่างยามบ่ายตามคำสั่ง

“อืม ... อร่อยดีนะ สาคูเจ้าไหนเนี่ย ไว้ผมจะซื้อไปฝากแม่บ้าง”

เภตราหน้างอคิ้วขมวดอารมณ์หงุดหงิด ขัดใจที่ถูกตีรวนเฉไฉไปเรื่องอื่น นี่ถ้าไม่ได้พูดคุยทำความเข้าใจกันมาแล้ว เธอคิดว่า ผู้ชายอย่างมัตติก์คงไม่ได้นั่งรื่นรมย์ชมของว่างอยู่เช่นนี้แน่

แต่แล้วชายหนุ่มมาดสำอางก็เอ่ยขึ้น หลังจากสาคูคำนั้นถูกกลืนลงไปสู่กระบวนการย่อยในร่างกาย คำพูดของเขาเตือนความทรงจำครั้งได้พบกันที่ชายทะเลคราวนั้น

“อ๊ะ ... องค์ปากจัดกำลังจะลงหรือไง ผมล้อเล่นน่า ... ใจเย็นๆสิ”

“ถ้าคุณไม่บอกเสียที ... คงได้เจอเภาแบบที่บอกอีกแน่”

หญิงสาวขู่ยิ้มๆ กับการหยอกทีเล่นทีจริงของมัตติก์ แต่ไม่น่าเชื่อว่า มันจะช่วยให้เธอเย็นลง จนสามารถนิ่งรอคำตอบได้ดีกว่าเมื่อครู่

“ความบังเอิญในโลกนี้มามากมาย ... แค่เรื่องใกล้ตัวนี่ ก็ไม่หวาดไม่ไหวจะนับแล้ว”

“หมายความว่าไงคะ”

“ก็เรื่องที่เราพบกัน แล้วรู้ว่า เราต่างถูกผู้ใหญ่จับคลุมถุงชน ... เรื่องงานของผม ของพ่อผม พ่วงมาถึง ... ผู้ชายคนนั้น แฟนคุณน่ะ”

แทนที่คำอธิบายของมัตติก์จะไขข้อข้องใจแก่เภตรา ทว่า มันกลับคลุมเครือและซับซ้อน ทั้งยังไม่เข้าใจว่า ใครต่อใครที่เขายกมา เกี่ยวข้องกันได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีเมฆพัดรวมอยู่ด้วย

“พี่พัดเกี่ยวอะไรกับงานของคุณดิน”

“นั่นสิ ... เขาเกี่ยวอะไรกับผม และผมเกี่ยวกับเขายังไง”

การตั้งคำถามเรียงประโยคใหม่ให้วกวนของมัตติก์ ทำเอาคนฟังตกตะลึงตาโต สมองตีความรวดเร็วก่อนจะอ้าปากค้าง เอ่ยเสียงอ่อยจากความเข้าใจของตน

“อย่าบอกนะ ... เรื่องคนรักที่คุณเคยเล่าให้ฟัง และกำลังสงสัยว่ามีมือที่สามแทรกแซง ... มือที่สามคนนั้นจะเป็น ... พี่พัด”

มัตติก์กลั้นหัวเราะแทบแย่ รอยยิ้มเกลื่อนดวงหน้าเนียนชนิดผู้หญิงยังอาย แต่ไม่ใช่กับเภตราแน่นอน เพราะตอนนี้เธอสนใจคำตอบมากกว่า และจากการสังเกตอากัปกิริยาของเขา หญิงสาวก็ทำให้เข้าใจได้ว่า มาถูกทางแล้ว

“แค่ตอนแรก ... ผมเคลียร์กับคนของผมแล้ว แต่ว่านะ พอเจอคุณเมฆพัดเข้าจริงๆ ... ก็น่าสนใจอยู่นะ”

“เคยได้ยินไหมคะ ... เสียทองเท่าหัว ไม่ยอมเสียผัวให้ใคร”

เป็นครั้งแรกที่เภตรากล้าใช้คำนั้น ... คำที่เธอรู้ดีว่า เมฆพัดอยากฟังที่สุดในชีวิต แต่เธอก็พูดให้เขาได้ยินไม่ได้ ... มันน่าอายเกินไป

หญิงสาวทั้งตกใจและแปลกใจในที ที่สามารถพูดกับชายหนุ่มตรงหน้าได้อย่างไม่ติดขัด ... หรือกระดากปากแม้แต่น้อย

“โอ๊ะ ... สาวน้อย ผมตกใจนะเนี่ย ที่ได้ยินคุณพูดแบบนี้ ... ว่าแต่ กล้าพูดต่อหน้าแม่ไหมล่ะ”

คำท้าทายของมัตติก์ทำเอาเภตราใจฝ่อ หลังจากวางท่าก๋ากั่นเพราะรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเขา แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ ด้วยการย้อนศรคนแก่วัยกว่าเธอเพียงสองปีว่า

“คงไม่ต่างกันมั้งคะ ... ก็คุณดินเองล่ะ กล้าเปิดตัวแฟน ... ให้คุณป้าทราบไหมล่ะคะ”

เจอไม้นี้ของเภตราเข้าไป มัตติก์ถึงกับนิ่งอั้นพูดไม่ออก กับคำของเจ้าของฉายา ‘สาวปากจัด’ ที่เขาเย้าแหย่จี้ใจดำเข้าอย่างจัง จนต้องระบายความอึดอัดออกมา

“เราสองคนก็คงไม่ต่างกันจริงๆ ... ที่ถูกคาดหวังอย่างนี้ และเราก็ทำลายมันไม่ได้ด้วย ไม่อย่างนั้น เราคงต้องกลายเป็นลูกไม่รักดีแน่ๆ”

ลูกไม่รักดี ... คำนี้เอง ที่ผูกมัดจิตสำนึกของเภตราและมัตติก์ ซึ่งทั้งสองคนรู้แน่แก่ใจว่า ไม่เคยปรารถนาจะทำให้บุคคลที่พวกเขารักและรักพวกเขา ต้องพบกับเสียใจและผิดหวังจากคนที่ได้ชื่อว่า ... ลูก







องก์อัมพุทใจคอไม่ดีหลังจากรับแจ้งข่าวร้ายที่สุด รองจากการได้รับรู้เมื่อตอน ๑๐ ขวบว่า ชีวิตของเธอนับแต่นั้นจะไม่มีชายผู้ให้กำเนิด ... ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่า พ่อ ... อีกแล้ว

หญิงสาวจำได้ว่า ใช้เวลาหลายปีกว่าจะทำใจ ปล่อยวางความรู้สึกที่คอยกัดกร่อนหัวใจ เพราะไม่ใช่มีแต่เธอที่เจ็บปวด แม่ของเธอ พี่ชายของเธอ ... ก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน

อดีต คือ อดีต ... ไม่มีประโยชน์ที่จะคร่ำครวญ

ปัจจุบันนี่สิ ... เมฆพัด พี่ชายคนเดียวของเธอ จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง

องก์อัมพุทจับมือที่ปลายนิ้วเย็นชืดของตนไม่ให้สั่น บีบนวดเพื่อให้คลายอาการดังกล่าว ซึ่งเป็นผลจากความร้อนรนกังวลใจ สายตาเหม่อมองเส้นทางเบื้องหน้า ที่มุ่งสู่โรงพยาบาลเอกชนที่รวิรุจน์บอกให้ทราบว่า ส่งพี่ชายของเธอเข้ารับการรักษาที่นั่น

“หนูพุด ...”

น้ำเสียงอ่อนโยนบ่งบอกความอาทรเรียกชื่อแผ่วเบา หากสติสัมปชัญญะของหญิงสาวกลับไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะไม่มีปฏิกิริยาจะตอบสนอง จนวิชชุ์วิธูต้องเรียกชื่อซ้ำ เอ่ยปลอบโยนในที

“หนูพุด ... อย่าเพิ่งคิดมากสิ คุณพัดอาจจะไม่เป็นอะไรมากหรอก”

“พุด ... ก็หวังอย่างนั้นค่ะ”

คำตอบสั่นเครือสะกดอาการสะอื้น ไม่ให้เผลอร้องไห้ขององก์อัมพุททำให้เขาสงสารเธอจับใจ เพราะก่อนออกจากบ้านหญิงสาวต้องรวบรวมพลังใจตั้งสติ พยายามระงับความรู้สึกทั้งมวล เพราะไม่อยากให้มารดาตกใจและเป็นห่วง

เธอให้เหตุผลกับเขาว่า ต้องการไปดูให้เห็นกับตาก่อนว่า เมฆพัดบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด

ข้ออ้างที่องก์อัมพุทใช้กับละอองชล คือ เจ้านายเรียกตัวพบด่วน ... ซึ่งก็ไม่เชิงเป็นการโกหก เพราะรวิรุจน์ติดต่อมาด้วยเรื่องด่วนจริง

หญิงสาวจึงฝากเจ้าจันไว้กับมารดา และรีบร้อนออกมากับวิชชุ์วิธู ไม่เปิดโอกาสให้ผู้เป็นแม่ได้ซักถามอะไรอีก

วิชชุ์วิธูเองก็ให้ความร่วมมือ เพราะเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงต่างวัยสองคนเป็นอย่างดี กอปรกับไม่อยากให้สตรีสูงวัยใจดี ต้องกระทบกระเทือนจิตใจ ทั้งที่ยังไม่ได้รับรู้ข้อเท็จจริงใดๆเลย

“แล้ว ... นายรุจน์ บอกหนูพุดว่ายังไงอีก นอกจากเรื่องโรงพยาบาล”

ชายหนุ่มชวนคุยหวังทำลายความเงียบที่ปกคลุมในรถ และคิดจะลดความปริวิตกของคนข้างกาย ที่ดูท่าว่าจะไม่ได้ผลสักเท่าใด แต่อย่างน้อยก็เบาใจบ้างที่ยังได้ยินเสียงตอบกลับมา

“ไม่ค่ะ ... แค่นั้น กับบอกว่า รออยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน”

“งั้น ... คงไม่หนักหนาหรอก ทำใจสบายๆเถอะหนูพุด”

องก์อัมพุทอยากจะคล้อยตามคำปลอบใจของวิชชุ์วิธู แต่ก็ยากเหลือเกิน เพราะเธอมีพี่ชายคนเดียว หากเขาเป็นอะไรไป นั่นก็เพราะเธอที่ให้เขายืมรถ ... ไปหาเภตรา

ใช่ ... เภตรา

ถ้าเมฆพัดเป็นอะไรขึ้นมา ... เภตราคือคนแรก ที่จะต้องชดใช้ !




วิชชุ์วิธูเหลือบมององก์อัมพุท ที่ดูจะเงียบเกินไป แล้วก็ได้เห็นสีหน้าที่ผิดไปจากปกติ สังหรณ์ใจบางอย่างกระตุ้นให้ต้องถามเธอออกไป

“มีอะไรหรือเปล่า ... หนูพุด”

“คะ ... ปละ เปล่าค่ะ”

องก์อัมพุทตอบตะกุกตะกักพลางเบือนหน้าไม่กล้ามองวิชชุ์วิธู เพราะความขุ่นเคืองในใจที่เกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากสงบได้ไม่นาน

แม้ใจหนึ่งจะรู้ดีว่า อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่อาจกำหนดได้ แต่การครุ่นคิดถึงสาเหตุว่าอะไร หรือใคร ให้กล่าวโทษ มันจะช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้น เมื่อสามารถระบุความรับผิดชอบได้

“คิดอะไรอยู่ บอกพี่ซิ”

ราวกับวิชชุ์วิธูตั้งคำถามดักทางได้ และเธอไม่อาจปกปิดหรือซ่อนเร้นเอาไว้ในใจ จึงค่อยๆหันมาสบตาเขาเผยสิ่งที่คิดให้รับรู้

“พี่พัด ... ออกไปหาเภา แล้ว ... แล้วก็เป็นแบบนี้ ... พี่วิชชุ์ว่า ... เป็นไปได้ไหมคะ ที่ ... เอ่อ ...”

“อย่าเพิ่งโทษใคร หรืออะไรเลย ... เราไม่ยังไม่รู้อะไรทั้งนั้น พี่ไม่อยากให้หนูพุดคิดอะไรมาก ... และพี่เชื่อว่า คุณเภาก็คงเป็นห่วงคุณพัด ถ้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ... นะ”

ถึงสมาธิในการขับรถจะสำคัญที่สุด แต่ชายหนุ่มก็ไม่สามารถละเลยจิตใจที่เปราะบางของหญิงสาวข้างกายไปได้ แม้จะพริบตาก็ขอให้เขาได้ถ่ายทอดความห่วงใยนี้ ไปสู่เธอ ... ให้เธอรู้สึกดีขึ้นกว่าที่เป็น

การกระทำของเขา มีส่วนช่วยคลายความคิดหม่นมัวเคลือบแคลง จนเกือบกลายเป็นอคติค่อยเลือนหายไป องก์อัมพุทเริ่มเสียใจว่า ตนเองคิดในแง่ร้ายกับเพื่อนได้อย่างไร

เรื่องแบบนี้ ไม่มีใครอยากให้เกิดทั้งนั้น ... ยิ่งกับผู้หญิงที่ชื่อเภตรา ซึ่งองก์อัมพุทรับรู้มาตลอด ๑๐ ปี ว่าเพื่อนรักของเธอคนนี้ รักเมฆพัด ... พี่ชายของเธอมากแค่ไหน

รัก ... เสียจนบางครั้งองก์อัมพุทเคยคิดว่า เภตราไม่รู้จักรักตัวเองเอาเสียเลย




วิชชุ์วิธูขับรถมาถึงโรงพยาบาลที่รวิรุจน์แจ้งว่า ส่งตัวเมฆพัดเข้ารับการรักษาที่นี่ เขาจอดรถบริเวณด้านหน้าที่ระบุทางเข้าออกฉุกเฉินให้องก์อัมพุทลง ก่อนจะขับวนออกไปหาที่จอดอีกครั้ง

องก์อัมพุทลงมายืนมองรถที่แล่นออกไปครู่หนึ่ง แล้วจึงหันหน้าก้าวเดินอย่างเร่งรีบเข้าข้างใน กระทั่งมาถึงเคาน์เตอร์พยาบาล แต่ไม่ทันได้ติดต่อหรือสอบถามประการใด ก็มีใครคนหนึ่งปราดเข้ามาหาทันที

“คุณพุด”

รวิรุจน์ไม่อยากเผยความดีใจออกนอกหน้า แม้จะรู้สึกเช่นนั้นก็ตาม เพราะมันดูไร้กาลเทศะไปหน่อย กับการได้พบคนที่คิดถึงในภาวการณ์แบบนี้

องก์อัมพุทเหลียวมาตามเสียงเรียกชื่อ ใบหน้าซีดเซียวมีร่องรอยความตื่นตระหนกให้เห็น แต่พอหันมาพบรวิรุจน์ก็ปรี่เข้าหา ถามถึงพี่ชายไม่รีรอ

“พี่พัดล่ะคะ ... พี่พัดอยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้าง”

“ใจเย็นๆครับ ... คุณพัดปลอดภัย ตอนนี้กำลังรอส่งขึ้นห้องพัก”

เจ้านายโดยตำแหน่งงานค่อยๆอธิบาย ทำความเข้าใจกับหญิงสาว เข้าใจได้ดีว่าเธอเป็นห่วงกังวลเพียงใด

“คะ ... พี่พัดไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหมคะ ... เฮ้อ ดีจัง พุดขอไปพบพี่พัดหน่อยค่ะ”

ความโล่งใจทำให้ไม่ได้ระมัดระวังตัวอย่างเคย เธอไม่รู้หรอกว่า ความรู้สึกของคนฟังขณะนี้ มันคิดอะไรได้มากมายเกินกว่าจะควบคุม

“ทางนี้ครับ ... คุณพัดอยู่ในห้องฉุกเฉิน ทำแผลเรียบร้อย คาดว่านอนดูอาการสักหน่อย ถ้าไม่มีปัญหาอะไร อีก ๒-๓ วันน่าจะกลับบ้านได้”

“คุณหมอบอกอย่างนั้นหรือคะ”

องก์อัมพุทชะงักกับสิ่งที่รวิรุจน์สาธยาย จึงต้องถามด้วยความสงสัย เพราะดูเหมือนเขาจะจัดการอะไรๆไปมากแล้ว ก่อนหน้าที่เธอจะมาถึง

“ก็ ... ครับ ทางนี้ครับ ... เดี๋ยวขึ้นห้องพักที่จองไว้พร้อมกันเลย”

รวิรุจน์บอกนำทาง แต่องก์อัมพุทก็ไม่ได้ก้าวตามทันที เธอเหลียวหน้าเหลียวหลังคล้ายมองหาใครบางคน ชายหนุ่มกำลังจะอ้าปากเอ่ยถาม แต่ก็ต้องหุบฉับเมื่อเธอแสดงออกทางสีหน้าอย่างดีใจ เดินแยกห่างออกไปพร้อมกับเรียกชื่อบุคคลที่เขารู้จักดี

“พี่วิชชุ์ ... ทางนี้ค่ะ พี่พัดไม่เป็นอะไรมากแล้ว”

องก์อัมพุทจะเข้าใจรวิรุจน์บ้างไหมกับคำเรียก ‘พี่วิชชุ์’ อย่างสนิทสนมนั้น มันสะเทือนความรู้สึกคนฟังอย่างเขามากมาย แม้ว่าผู้ชายที่เพิ่งเดินเข้ามา จะเป็น ‘พี่วิชชุ์’ ของเขาด้วยเหมือนกัน




ผู้หญิงคนนั้น ... เป็นใคร?

คำถามผุดขึ้นเมื่อองก์อัมพุทเข้ามาในห้องพักฟื้นแล้วได้เห็นว่า มีใครอีกคนยืนเฝ้าอยู่ข้างเตียงเมฆพัด และมองเขาด้วยสายตาที่ถ้าถามใครต่อใคร ก็คงได้คำตอบไม่ต่างกัน นั่นคือ ห่วงใยและ ...

องก์อัมพุทสลัดความคิดนั้นทิ้ง ขณะซอยเท้าเข้าไปประชิดเตียงคนเจ็บ อาการของพี่ชายสำคัญกว่ารายละเอียดอื่น

“พี่พัด ... เป็นยังไงบ้าง”

“เอ่อ ... น้องพุดใช่หรือเปล่าคะ”

หญิงสาวค่อนข้างแปลกใจที่ผู้หญิงคนนี้รู้จักเธอ ก่อนที่จะได้ถามอะไร ถุงพลาสติกขนาดกลางก็ถูกยื่นให้ตรงหน้า

“ในนี้มีกระเป๋าสตางค์ และของมีค่าที่ติดตัวคุณพัด ... ลองตรวจดูก่อนนะคะ ว่าครบไหม พอดีพวกพี่ค้นหาบัตรประชาชน เพราะต้องทำประวัติคนไข้น่ะค่ะ ... ต้องขอโทษด้วย”

“เอ่อ ... ค่ะ ไม่เป็นไร แล้วก็ขอบคุณนะคะ ... คุณ ...”

“ช่ออัญชันค่ะ ... เรียกว่า พี่อัญก็ได้ ... พี่รู้จักคุณพัดมาหลายปี ไม่มีโอกาสได้พบครอบครัวของเขา แต่พอจะได้พบ เขากลับต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้”

คำพูดที่ได้ยิน ยิ่งทำให้องก์อัมพุทงุนงงไปพักใหญ่ จนต้องเหลียวมาสบตาวิชชุ์วิธูที่ยืนข้างกัน ซึ่งชายหนุ่มก็สบตาสื่อให้เธอรู้ว่า เขาเองก็รู้สึกไปต่างจากเธอ

แต่คงต้องยกเว้นคนที่เฝ้ามองเหตุการณ์เงียบๆ ซึ่งยืนเยื้องกับประตูห้องเบื้องหลัง เพราะรวิรุจน์รู้ดีและเข้าใจเจตนาของช่ออัญชันว่า เพื่อนสาวกำลังคิดจะทำอะไร

ไม่แน่ว่า มันอาจเป็นตัวอย่างหรือแบบฝึกหัด ให้เขาได้เรียนรู้และจดจำนำมาใช้บ้าง ... ในอนาคต













*********************************************************








โปรดติดตามตอนต่อไป ...


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม ... และขอขอบคุณสำหรับไลค์กำลังใจฮะ

คุณปอยอะนะ : พระเอกของคุณปอย ... ปลอดภัยครบถ้วนฮะ แต่ทางใจ ... เฮ้อ


ปล.ขออภัยที่ห่างหายไปนาน เนื่องจากปัญหาสุขภาพเล็กน้อยฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ธ.ค. 2558, 10:51:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ธ.ค. 2558, 10:51:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 1095





<< บทที่ ๓๒ .. ต่างคน ต่างรู้   บทที่ ๓๔ .. ใจใคร ก็ใจใคร >>
ปอยอะนะ 27 ธ.ค. 2558, 15:37:32 น.
นางมาร้ายลึกนะช่ออัญชัน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account