เล่ห์ร้ายร้าง
...ในชีวิตหนึ่งของผู้หญิงสักคน จะต้องทำกรรมมามากเพียงไหน จึงสามารถมีคู่ครองเช่นนี้ได้!...

ผู้หญิงอย่างชาลิกา ไม่ใช่นางเอกในนิยายที่จะภักดี หลงใหลกับผู้ชายห่วยๆ อย่างหัวปักหัวปำ
ถ้าพี่ไม่ชอบนางฟ้า...ชาร์มก็ไม่รังเกียจที่จะเป็นนางมาร
Tags: ร้าย นางมาร นักวิจัย ศัลยแพทย์ แค้นฝังหุ่น

ตอน: 1 อยู่กับพี่ก่อนนะ


'ครับ...อยู่กับพี่ก่อนนะ'

ชาลิกานั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่นาน ความรู้สึกประหลาดในใจยากจะอธิบาย กึ่งจะเศร้า โกรธ สับสน และอยากจะโวยวายใส่ใครสักคน น่าเสียดายที่ใครคนนั้นยืนกรานว่าตัวเองอยู่ไกลถึงต่างทวีป

เขากล้าดีอย่างไรจึงตอบคำถามเธอมาเช่นนี้

หญิงสาวกัดริมฝีปากตัวเองแน่น นานกว่าเธอจะกระพริบตาเบาๆ และรับรู้ถึงหยาดน้ำบางๆที่รื้นร่วงลงที่มุมหัวตา

ปลายนิ้วเรียวจรดลงบนหน้าจออย่างรวดเร็ว

'หนูอยากอยู่กับคนที่พร้อมจะเดินข้างหนูไปจนแก่เฒ่า คนที่พร้อมจะดูแลหนูไปทั้งชีวิต' เธอกดส่งข้อความ และได้เห็นรายงานว่าข้อความถูกอ่านแทบทันที

เมื่อรู้ว่าคนปลายทางได้เห็นข้อความของเธอแล้ว ชาลิกาจึงพิมพ์ต่อ

'ปล่อยหนูไปหาคนคนนั้นเถอะนะคะ'
คำตอบจากปลายทางทำให้เธอแทบลุกขึ้นกระทืบเท้า เมื่อเขาส่งภาพการ์ตูนชูป้ายข้อความ 'ดราม่าจัง' กลับมา

ชาลิกาเกือบวางโทรศัพท์ หากไม่มีข้อความต่อมาปรากฏขึ้นเสียก่อน
'ถ้าหาได้ และพี่พิจารณาว่าเหมาะสม ดีกว่าพี่' ข้อความถูกส่งมาก่อนจะหายไปครู่ จึงมีข้อความต่อ ‘พี่จึงจะปล่อย'

รอให้หนูหาได้...หรือพี่หาได้กันแน่คะ

ชาลิกาอยากถามนัก แต่เธอทำได้เพียงขมวดคิ้วมองอย่างไม่พอใจ ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงในกระเป๋าเสื้อคลุมตัวยาว คร้านจะใส่ใจกับคนไกลที่เดินจากไป

เถอะ...ให้เขาเชื่อไป ว่าเธอยังรักและศรัทธา ให้เขาเชื่อไปว่าเธอเป็นเด็กน้อยที่ยังเชื่อฟังและไม่อาจตัดใจจากเขาได้

ครบกำหนด 3 ปีเมื่อไร ถ้าเขาไม่หย่าก็รอพบทนายเธอได้เลย

หญิงสาวสูดลมหายใจยาว พยายามตั้งสติให้สนใจเพียงเสียงบรรยายของอาจารย์รุ่นพี่ที่บรรยายสอนนักศึกษาซึ่งดังผ่านเครื่องขยายเสียงที่ติดตั้งอยู่รอบห้อง จนเมื่อการบรรยายจบลง เธอจึงหยิบตะแกรงเหล็กที่วางหลอดเลือดขึ้นมา เดินแจกให้รุ่นน้องในโต๊ะ

"นี่แอนติเจนเอ บี และดี เลือกตามสีขวดเลยนะคะ" เธอวางขวดแอนติเจนลงกลางโต๊ะ "ใครมีข้อสงสัยอะไรก่อนจะเริ่มไหมคะ"

เมื่อกวาดตามองโดยรอบ ไม่เห็นใครยกมือ มีเพียงท่าทางกระตือรือร้นของนักศึกษาที่จะได้ทำการทดลอง ชาลิกาก็อมยิ้มบางๆ พยักหน้าบอก

"อย่างนั้นก็เริ่มกันเลยนะคะ สงสัยอะไรยกมือได้ พี่จะเข้าไปช่วยดูให้"

บรรดานักศึกษาต่างก้มหน้าก้มตาจัดการกับหลอดแก้วบรรจุเลือดในตะแกรงตรงหน้า การทดลองตรวจสอบหมู่เลือดเป็นหนึ่งในการทดลองขั้นพื้นฐานที่บรรดานักเทคนิคการแพทย์มืออาชีพคุ้นชิน ในความพื้นนั้นมีขั้นตอนที่ต้องอาศัยความละเอียดรอบคอบอยู่ไม่น้อย ชาลิกาค่อยเดินดูการทำงานของนักศึกษารุ่นน้องทีละคนจนครบ จึงถอยมายืนกอดอกมองอยู่ไม่ไกล

"พี่ชาร์มครับ" เสียงเรียกของรุ่นน้องดึงเธอให้เดินเข้าไปหา เด็กหนุ่มท่าทางกระตือรือร้นในชุดเสื้อกาว์นสีขาวตัวยาวชี้ไปที่กล้องจุลทรรศน์ "แบบนี้ ถือว่าโพสิทีฟไหมครับ"

ชาลิกาก้มลงดูภาพที่ปรากฏในกล้อง หมุนปรับโฟกัสจนได้ระดับ เพียงครู่ก็เงยหน้าบอก "พี่ว่าโพสิทีฟนะ เห็นตะกอนของเม็ดเลือดมารวมกลุ่มกันไหม พี่ปรับไว้กลางจอนะ"

เธอดึงตัวออก ให้รุ่นน้องก้มลงมามองที่กล้อง ก่อนค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้
"ตรงกลางนี่ใช่ไหมครับ..." เด็กหนุ่มมองตาม ก่อนหันมาบอก "ขอบคุณครับ"

ชาลิกาพยักหน้ารับ ก่อนเดินไปดูนักศึกษาคนอื่นๆที่เริ่มยกมือถามให้ช่วยตรวจสอบการแปลผล หญิงสาวเดินไปทั่วจนใกล้หมดเวลา อาจารย์กล่าวสรุปวิธีการแปลผลก่อนปล่อยให้นักศึกษาได้ศึกษาต่อด้วยตัวเอง

หน้าที่ผู้ช่วยอาจารย์แพทย์จบลงเพียงเท่านี้ ชาลิกาช่วยเก็บหลอดใส่เลือดจนเรียบร้อย แล้วจึงเดินออกมาจากห้องอุปกรณ์ หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อกาวน์ขึ้นมา เพียงสัมผัส ข้อความก็ปรากฏก็ให้เห็นบนหน้าจอ
'ชาร์มยังอยากได้คอนโดอยู่ไหม'

หญิงสาวถอนใจ เมื่อคิดถึงวันที่เธอเคยพูดคุย ร่วมสร้างอนาคตกับเขา การหาที่อยู่ด้วยกันเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญ เธอเคยชวนเขาไปดูคอนโดมิเนียมหลายแห่งที่จะใช้เป็นเรือนหอ สร้างชีวิตคู่อย่างที่ฝัน

แต่ในวันนี้ที่ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ในวันที่เธอมีชีวิตคนเดียวได้โดยไม่ต้องการเขา เธอยังจะอยากได้ใคร่มีอะไรอีก

'ตอนนี้ไม่แล้วค่ะ' เธอพิมพ์ตอบชัดเจน แต่ปลายทางไม่สนใจ กลับตอบมาง่ายดายราวเล่นขายของ
'ถ้าชาร์มอยากได้ พี่จะซื้อให้'

ชาลิกาเหยียดริมฝีปากกึ่งหยัน เมื่อเขาพิมพ์ชื่อคอนโดหรู ราคาแพง ย่านใจกลางเมืองที่เธอเคยบ่นว่าอยากได้ เพราะอยู่ใกล้ที่ทำงานของเราทั้งคู่

หญิงสาวรู้ดีว่ารายรับต่อเดือนของเขาเกินหกหลัก ด้วยความสามารถของเขาแล้ว ไม่ยากเลยที่จะซื้อหา เพียงแต่เมื่อประเมินรายจ่ายที่เขาใช้เพื่อความสุข ความพอใจในชีวิตประจำวันแล้ว เธอกล้าบอกว่าการผ่อนคอนโดควรถือเป็นการออมสำหรับเขา
แต่อย่าเลย เมื่อภาระใดทางนิตินัยที่เขาสร้าง ย่อมมีเธอเข้าไปเกี่ยวข้อง

'ชาร์มไม่ต้องการค่ะ'
แค่เอกสารฉบับเดียวที่เธอเซ็นร่วมกับเขา ก็สร้างความวุ่นวายยืดยาวจะแย่แล้ว หากมีฉบับอื่นมายึดโยงกันมากกว่านี้ เมื่อไรเธอจะกระชากตัวเองออกจากกรงของเขาได้

หญิงสาวค่อยถอดเสื้อกาวน์ตัวยาวออก พับจนเรียบร้อยแล้วจึงวางลงในตะกร้าหวายสำหรับส่งซัก ร่างบางหันไปคว้ากระเป๋าสะพาย ก่อนหมุนตัวเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว

ประตูกระจกถูกผลักออก พอดีกับที่อีกฝั่งดึงประตูไว้ แรงดึงที่มากกว่าจึงกระชากร่างบางให้เซไปด้านหน้า คนตัวโตที่อยู่อีกฝั่งของประตูรีบคว้าแขนเรียวไว้ไม่ให้เธอล้มหน้าคว่ำ

“ขอโทษครับ...” เขาบอกเสียงเบา ก่อนจะร้องอย่างยินดีเมื่อหญิงสาวเงยหน้ามอง “อ้าว...ชาร์ม”
ชาลิกาคลี่ยิ้มให้ผู้ชายตรงหน้า ดึงตัวยืนอย่างมั่นคงแล้วดันประตูให้เปิดออกกว้าง “สวัสดีค่ะ พี่มาร์ช มาทำอะไรถึงนี่คะ”

“ว่าจะมาหาชาร์มนี่ล่ะ" เขาตอบชัดเจน "วันนี้ว่างไหม"
ชาลิกานิ่งคิดเพียงครู่ก็ตอบ "เหลือแค่เข้าไปเรคคอร์ดผลแลปประจำวัน ก็ไม่มีอะไรละค่ะ”

ชายหนุ่มพยักหน้าพอใจกับคำตอบ "อย่างนั้น เสร็จแล้วไปทานข้าวกันนะครับ”
"ได้ค่ะ พี่มาร์ชไปไหนก่อนไหมคะ เดี๋ยวชาร์มขึ้นไปที่แลปแปปเดียว” เธอบอกอย่างเกรงใจ เมื่อเดินไปข้างชายหนุ่มช้า ๆ

“เดี๋ยวพี่ขึ้นไปเป็นเพื่อนแล้วกันครับ" เขายิ้มให้ “สัญญาว่าจะไม่รบกวน หรือแอบดูผลงานของชาร์มแน่นอน”

ชาลิกาหัวเราะกึ่งหยัน หลังจากที่ผลการวิจัยของเธอได้ตีพิมพ์ในวารสารของต่างประเทศเมื่อเดือนก่อน ก็ดูเหมือนว่าบรรดาอาจารย์ในคณะจะสนใจการทำงานของเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ วรุตเองก็คงนับเป็นหนึ่งในนั้น

“ดูหน่อยก็น่าจะดีนะคะ” เธอบอกเมื่อกดหมายเลขลิฟต์ขึ้นสู่ห้องทดลอง “งานนี้ชาร์มเองก็ว่าจะปรึกษาพี่มาร์ชอยู่เหมือนกัน คงต้องขอความร่วมมือจากทางคลินิคด้วยน่ะค่ะ”

วรุตเลิกคิ้วมองอย่างสนใจ “ชาร์มจะทำวิจัยทางคลินิคเหรอคะ”

หญิงสาวพยักหน้ารับ “ค่ะ...ชาร์มว่าจะหามาร์คเกอร์ตัวใหม่ในการทำนายโพสออพพรอกโนสิสน่ะค่ะ” เธอหมายถึงการตรวจหาสารที่จะช่วยในการทำนายผลลัพธ์ของผู้ป่วยหลังการผ่าตัด

“คงได้ทะเลาะกับทางคลินิคอีกยาวเลยค่ะ” เธอหัวเราะบอก

“ระดับชาร์มแล้ว ไม่ต้องทะเลาะหรอก พี่ ๆ ก็ยินดีดูให้ทั้งนั้นล่ะครับ”

วรุตกล้ารับประกัน แม้จะรู้ดีว่าบรรดานักวิจัยในห้องแลปกับนักปฏิบัติอย่างบรรดานายแพทย์ผู้เก็บตัวอย่างและผลการวิจัยในหอผู้ป่วยมักมีการกระทบกระทั่งกันบ้างในระบบของการทำงาน แต่ชาลิกาเป็นหนึ่งในข้อยกเว้นนั้น เธอเป็นหนึ่งในนักวิจัยหน้าใหม่ที่อาจารย์หลายท่านเอ็นดูและต้องการตัวมาร่วมงานด้วย

หญิงสาวหัวเราะ “ไว้ใจได้ที่ไหนคะพี่มาร์ช ชาร์มเห็นเซอร์เจี้ยนกับพาโถแทบจะตีกันเดือนละหลายหน”

ความสัมพันธ์ของศัลยแพทย์กับพยาธิแพทย์เป็นหนึ่งในตัวอย่างของผู้ปฏิบัติงานและผู้อยู่เบื้องหลังที่หลายครั้งก็มีความคลาดเคลื่อนทางการสื่อสารที่สร้างความขุ่นเคืองจาง ๆ ในทั้งสองฝ่าย แต่เมื่อมาคุยร่วมกันในที่ประชุม ทุกรอยร้าวก็ถูกประสานไปด้วยการยึดเอาประโยชน์ของผู้ป่วยเป็นอันดับแรกเสมอ

วรุตอมยิ้ม มองหน้าหญิงสาวเมื่อเธอพาเขาเดินมาถึงหน้าห้องทดลอง “พี่เข้าไปได้ไหม"

“เชิญค่ะ...ชาร์มไม่กัดหรอก” เธอตอบกลั้วหัวเราะ เมื่อเปิดประตูเข้าไปภายใน จนถึงตอนนี้ หญิงสาวก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมบรรดานักวิจัยมือดีจึงได้หวงห้องทดลองกันนัก

วรุตส่ายหน้าเบา ๆ กับความสะเพร่า ไม่สนใจโลกของรุ่นน้องสาว ในแวดวงวิชาการที่เต็มไปด้วยการแข่งขันอย่างไม่มีใครยอมใคร การรักษาความลับขณะทำการวิจัยถือเป็นศิลปะประการหนึ่งในการดำรงอยู่ แต่ดูเหมือนชาลิกาจะไม่ได้ใส่ใจในข้อนี้เลย

ในห้องกว้างแต่งด้วยโทนสีขาวสะอาดตาดูทันสมัย ด้านหนึ่งกั้นเป็นเคาท์เตอร์บาร์มีจอคอมพิวเตอร์วางเรียง บนหน้าจอปรากฏข้อมูลที่ถูกรันออกมาเป็นตัวอักษรสีขาว คนคุ้นเคยเท่านั้นจึงรู้ว่านั้นคือรหัสของสารพันธุกรรมที่ถูกรันจากเครื่องตรวจพิเศษซึ่งตั้งอยู่มุมห้อง ด้านหน้ามีชายในชุดกาวน์ตัวยาวคนหนึ่งนั่งควบคุมการดำเนินการอย่างใส่ใจ

“อาจารย์...” เขาเงยหน้ามอง โคลงศีรษะเบา ๆ ทักทายหญิงสาว
“เป็นอย่างไรบ้างคะ...”

“เรียบร้อยดีครับ อีกสักสองสามวันเราน่าจะทำโมเดลโครงสร้างโมเลกุลที่ชัดเจนได้แล้วครับ” ท่าทีเขาตื่นเต้นเหมือนเด็กอวดของเล่น แม้ใบหน้าที่เงยขึ้นมองชาลิกาจะบอกชัดถึงช่วงวัยที่มากกว่าหญิงสาวหลายปี แต่แววตาที่คล้ายเด็กนั้นบอกความใฝ่รู้ ชาลิกาชอบทำงานกับคนแบบนี้ คนที่พร้อมจะเรียบรู้ทุกสิ่ง เหมือนฟองน้ำที่ซับน้ำไว้อย่างไม่เคยอิ่ม

เธอพยักหน้ารับ เดินเข้าไปแตะนิ้วลงที่แป้นพิมพ์ ไล่นิ้วไปตามปุ่มต่าง ๆ มองดูตัวเลขบนจอที่แล่นไปมาจนน่าเวียนหัว ก่อนจะหันไปคลี่ยิ้มให้เพื่อนร่วมงาน

“ขอบคุณนะคะ”
“อาจารย์จะกลับแล้วเหรอครับ” เขาถามอย่างผ่อนคลายมากขึ้น เมื่อเห็นว่าชาลิกาดูพอใจกับงานที่ได้

“ค่ะ...พี่ก็รีบกลับเถอะนะคะ เดี๋ยวยายหนูจะรอนาน” เธอหมายถึงบุตรสาววัยกำลังซนของผู้ช่วยหนุ่ม

“ครับ...เดี๋ยวเซฟข้อมูลเสร็จ ผมก็จะกลับแล้ว”

“อย่างนั้นชาร์มขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณมากสำหรับวันนี้ค่ะ...” เธอยกมือไหว้นักวิจัยรุ่นพี่

“ครับอาจารย์...” เขายกมือรับไหว้อย่างคุ้นเคย
“พี่มาร์ชอยากดูอะไรก่อนไหมคะ" ชาลิกาหันไปเอ่ยถามชายหนุ่มที่กำลังเขม้นมองจอคอมพิวเตอร์ที่รันข้อมูลอย่างสนอกสนใจ
วรุตเงยหน้ามอง เมื่อสบตากับดวงตากลมโตหวานที่คล้ายจะอมรอยขันบาง ๆ กึ่งรู้ทัน ทำให้ชายหนุ่มหน้าชา รีบบอก “พี่ก็ดูไปเรื่อย...นี่ใช่ไหม โปรแกรมถอดรหัสโครงสร้างโมเลกุลของชาร์ม”

หญิงสาวเดินไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้าชายหนุ่ม ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้หมุน แตะนิ้วลงบนจอสัมผัสเบา ๆ “ค่ะ...พี่มาร์ชอยากดูไหมคะ”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับ หญิงสาวจึงเริ่มเล่าถึงการทำงานของโปรแกรมที่ทำให้เธอได้รับรางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ

โปรแกรมพิเศษนี้เป็นเหมือนการเปิดโลกใหม่ของการวิจัยระดับโมเลกุลซึ่งสามารถถอดรหัสโครงสร้างโมเลกุลออกมาเป็นโมเดลในภาษาพิเศษทางอิเล็กโทรนิคส์ ซึ่งสามารถนำไปสู่โปรแกรมสังเคราะห์เพื่อการสร้างสารเลียนแบบขึ้นมาใหม่

“...คล้าย ๆ เครื่องพิมพ์สามมิติที่เขาฮือฮากันไงคะ” เธอกล่าวสรุป ก่อนเลื่อนหน้าจอปิดโปรแกรมลง

วรุตมองหน้าหญิงสาวอย่างนึกทึ่ง เขาไม่แปลกใจเลยที่งานของเธอได้รับรางวัล
“ชาร์มคิดจะใช้เพื่อสร้างอวัยวะเทียมเหรอครับ"

“อยู่ระหว่างการทดลองค่ะ" หญิงสาวเอ่ยพลางถอนใจ “มันไม่ใช่งานต่อยอดอย่างที่ใครเข้าใจ ไบโอโมเลกุล่าเป็นเรื่องที่ละเอียดและซับซ้อนกว่านั้นมากเลยค่ะ”

ชายหนุ่มอดถอนใจแทนไม่ได้ เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมชาลิกาไม่กลัวใครแย่งผลงาน หรือลอกเลียนแบบการวิจัย เมื่อรูปแบบงานและวิธีคิดของเธอมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวบางอย่างที่ไม่ว่าใครจะลอกเลียนแบบก็ยากจะอธิบายได้ง่าย ชัดเจน ครบถ้วน และตรงทุกประเด็นได้เท่ากับเธอ

สมแล้วที่ศาสตราจารย์อาวุโสท่านหนึ่งในภาควิชาเคยกล่าวถึงเธอให้เขาฟังอย่างเสียดายว่า ‘เราเสียแพทย์หญิงฝีมือดีคนหนึ่งไป...แต่ได้นักวิจัยที่ยอดเยี่ยมกลับมา จะดีแค่ไหน...ถ้าเธอเป็นทั้งสองอย่าง’

ชาลิกาเป็นหนึ่งในนักศึกษาแพทย์ที่เลือกเข้าโครงการพิเศษเพื่อผลิตนักวิจัย หลังเรียนจบปีสาม ขณะที่เพื่อน ๆ เข้าเรียนต่อในหอผู้ป่วยจริง เธอกลับเลือกที่จะเรียนต่อในโครงการเพื่อทำงานวิจัย คว้าดีกรีพีเอชดีมาอยู่หลังชื่อได้ในเวลาเพียง 3 ปี ก่อนกลับไปเรียนต่อจนจบแพทยศาสตร์บัณฑิต แล้วหันมาทำงานวิจัยทางการแพทย์อย่างเต็มตัว

วรุตเดินออกจากห้องมาข้างหญิงสาว อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถาม “ชาร์มไม่คิดกลับไปเรียนเฉพาะทางเหรอครับ"
ชาลิกาหัวเราะ “ชาร์มตกหลุมรักงานในห้องวิจัยไปแล้วน่ะค่ะ”



ร้านอาหารที่วรุตพาหญิงสาวมา อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนแพทย์ที่ทั้งคู่ทำงานอยู่นัก ตัวร้านเป็นเรือนไม้กรุกระจกใสสไตล์ยุโรปคันทรี ภายในตบแต่งแบบวินเทจ เน้นโทนสีอ่อนดูอบอุ่น

หลังสั่งอาหารเรียบร้อย วรุตก็ขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก หญิงสาวนั่งมองผ่านกระจกไปยังผู้ชายที่ยืนพิงระเบียงไม้อย่างพิจารณา

วรุตติดอันดับผู้ชายในฝันของโรงพยาบาล ตั้งแต่พยาบาลไปจนถึงรุ่นน้องแพทย์ไม่น้อยต่างพูดถึง 'อาจารย์พี่มาร์ช' ด้วยท่าทีเคลิ้มฝัน ด้วยรูปหน้าขาวคมคาย ตาตี๋สไตล์พระเอกเกาหลี เมื่อรวมเข้ากับบุคลิกขี้เล่น เข้าถึงง่าย และดีกรีศัลยแพทย์อเมริกันบอร์ดจากเมโยคลินิค ชาลิกาก็ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะได้รับคะแนนนิยมอย่างท่วมท้น

เธอจรดปลายนิ้วลงบนจอโทรศัพท์ พิมพ์คำถามไปยังคนไกล
‘ต้องดีแค่ไหน พี่ถึงยอมรับว่าเหมาะสมและดีกว่าพี่คะ’

เธอหลุดหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง ในใจสงสัยขึ้นมา

…ระหว่างศัลยแพทย์อัจฉริยะอย่างวรุต กับผู้ชายที่ถูกขานนามยังวิลเฟรดอย่างยกย่องเทียบเคียงด็อกเตอร์วิลเฟรด ผู้ทำการผ่าตัดเปิดหัวใจเป็นคนแรกของโลก จะเทียบว่าใครดีกว่าได้อย่างไร


รถยุโรปคันหรูจอดลงหน้าลานรับส่งของคอนโดมิเนียมขนาดกลาง ชาลิกาเปิดประตูก้าวลงไปอย่างรวดเร็ว ก่อนหันมาโคลงศรีษะเอ่ยกับชายหนุ่ม

"ขอบคุณมากนะคะ"
"เปลี่ยนเป็น...กาแฟสักแก้วได้ไหมครับ" ความคุ้นเคยกับวัฒนธรรมต่างประเทศทำให้เขาตัดสินใจลองเอ่ยถาม ดวงตาพราวจัดกึ่งอ้อนนั้นยากที่คนมองจะปฏิเสธ

ชาลิกาชะงักมือที่กำลังจะปิดประตูรถ หากเป็นปกติเธอคงปฏิเสธอย่างง่ายดาย แต่เมื่อคิดได้ว่าวรุตนับเป็นหนึ่งในคนที่อาจช่วยปล่อยเธอจากกรง รอยยิ้มบางก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า เธอเอ่ยคำกึ่งยั่วเย้าเสียงหวาน

"ประตูห้องชาร์ม เปิดรับเฉพาะคนสนิทเท่านั้นค่ะ" ถ้อยคำถือตัวเช่นนี้อาจทำให้คนฟังหน้าชากับการปฏิเสธ แต่เมื่อมองใบหน้าหวานที่คลี่ยิ้มพรายกึ่งยั่วกึ่งล้อ ก็ทำให้ชายหนุ่มมีกำลังใจพอจะเอ่ยถาม

"ต้องแค่ไหน...ชาร์มถึงเรียกว่าคนสนิทล่ะครับ" เขากระโดดรับมุกอย่างรวดเร็ว

ชาลิกาอมยิ้ม "คงเป็นคนที่ใช้เวลารู้จักกันสักระยะ...จนชาร์มเชื่อมั้งคะ" เธอทำหน้าครุ่นคิด ก่อนขยิบตาบอก "พี่มาร์ชจะลองยื่นใบสมัครดูก่อนไหมคะ"

"อย่างนั้นวันนี้...พี่ยื่นใบสมัครไว้ก่อนนะครับ" ศัลยแพทย์หนุ่มคารมคมคาย

ชาลิกาไม่ตอบ เธอแค่ยิ้มบางๆ ปิดประตูรถแล้วหมุนตัวจากไป เมื่อก้าวเท้าถึงหน้าประตูกระจกซึ่งพนักงานรักษาความปลอดภัยยืนเปิดรออยู่ หญิงสาวก็หมุนตัวกลับมามองเจ้าของรถคันหรูที่ยังเปิดหน้าต่างมองรอให้เธอเดินเข้าไปในอาคาร เธอโค้งตัวลงเล็กน้อยแทนคำขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้าไปในอาคาร

...คนที่ดีกว่าเหรอ...
ถ้าเทียบผู้ชายที่ขับรถมาส่งเธอระหว่างคนที่ขับรถจากไปทันที กับคนที่หยุดรอจนเห็นว่าเธอเข้ามาที่อาคารโดยปลอดภัย ผู้หญิงทั่วไปจะให้คะแนนใครมากกว่านะ

---พาหนูชาร์มมาส่งค่ะ---



ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ธ.ค. 2558, 14:59:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ธ.ค. 2558, 14:59:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 1583





<< บทนำ   ไม่มีใครที่พอดี >>
คิมหันตุ์ 13 ธ.ค. 2558, 00:02:42 น.
เลือกคนที่ยืนรอส่งเราสิคะ เรื่องนี้คุ้นๆ ว่าก่อนหน้าเคยมาโปรยไว้แล้วใช่ไหมเอ่ย...เรื่องอื่นก็รออ่านนะคะ คิดถึงๆ ค่ะ


sunflower 14 ธ.ค. 2558, 19:49:13 น.
น่าสนุกนะ


sunflower 14 ธ.ค. 2558, 19:49:24 น.
น่าสนุกนะ


SaranyaW 16 ธ.ค. 2558, 13:33:01 น.
เลือกคนที่หยุดรอ และอยู่ข้างๆเราเสมอค่ะ


pandepam 20 ธ.ค. 2558, 11:05:20 น.
รอนะคะ ^^


grazioso 19 ก.พ. 2559, 03:23:53 น.
ลุ้นต่อค่ะ เอาใจช่วยสาวชาร์ม


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account