~ สายใย .. ไฟรัก ~
~ สายใย .. ไฟรัก ~


เส้นสายใย .. ใครกันหนอ .. ที่ทอถัก
เส้นสายรัก .. ใครจักสาน.. ขานคำขอ
เส้นทางเดิน .. ใครเหินห่าง .. ต่างเฝ้ารอ
ไฟรักพอ .. ต่อหัวใจ .. ให้อุ่นอิง




เธอ .. คือ เพื่อนสนิทของน้องสาวเพื่อนรัก

เขา .. คือ ผู้บริหารโรงแรมจอมเผด็จการ แต่กลับเป็นเพื่อนรักพี่ชายของเพื่อนสนิท

ทว่า ..

เธอ .. ในสายตาของเขา .. คือ คนอวดดี ยโส ที่ใช้เพื่อนเป็นทางผ่านไปสู่ความสำเร็จของตัวเอง

เขา .. ในสายตาของเธอ .. คือ ผู้ชายไร้เหตุผล เอาแต่ตนเองเป็นใหญ่

ที่สำคัญเหนืออื่นใด .. ทั้งเธอและเขา .. กำลังตกหลุมรักคนที่ไม่ควรจะรัก!




***************************
Tags: ความรัก ครอบครัว เพื่อน

ตอน: ใยเส้นที่ 28 .. ใกล้กัน แค่เอื้อม



มัสลินนอนกระสับกระส่ายพลิกกายไปมา จนไม่สามารถนอนต่อได้ต้องลุกขึ้นนั่ง มองรอบตัวก็เห็นแสงสลัวรำไรจากไฟระเบียงด้านนอก สาดส่องลอดผ่านผ้าม่านผืนบางตรงบานประตูกระจกเลื่อน เธอตัดสินใจได้ในนาทีต่อมา เมื่อดูท่าว่าคงจะไม่อาจข่มตาหลับได้ลง

หญิงสาวสวมรองเท้าแตะเมื่อพาตัวเองพ้นประตูออกมา มองซ้ายมองขวาก็ไม่พบใครอื่น มีเพียงไฟตะเกียงตามทางที่ถูกจุดหลังเย็นย่ำ เรียงรายทอดยาวไปจรดหน้าหาด เสียงคลื่นกระทบฝั่งแว่วให้ได้ยินเป็นระยะ

มัสลินกระชับเสื้อคลุมเข้ากับตัว แม้จะเป็นช่วงปลายหน้าร้อน แต่ในยามค่ำคืนเช่นนี้ น้ำค้างกลางดึกก็เย็นชื้นพอจนสามารถทำให้ร่างกายป่วยไข้ได้

ความสงบที่ไม่เงียบเหงาจากการมีเสียงคลื่นเป็นเพื่อน ช่วยให้มัสลินผ่อนคลายความว้าวุ่นจนนอนไม่หลับ แต่ความคิดถึงเรื่องราวต่างๆก็มิได้ห่างหายไปไหนเลย

"ลินิน ... มาเดินแถวนี้ทำไม ดึกแล้วนะ"

"อ้าว ... ทัตนี่เอง ยังไม่นอนเหมือนกันเหรอ"

มัสลินเกือบตกใจกับเสียงห้าวคิดว่าเป็นใครบางคนที่ 'ชอบหาเรื่อง' แต่เพราะจำได้ว่าคนๆนั้นขับรถออกจากรู้คไปตั้งแต่กลางวัน อีกอย่างเขาก็ไม่เคยเรียกชื่อเธออย่างกันเองเหมือนคนอื่น ที่นี่จึงเหลือผู้ชายที่คุ้นเคยกันแค่รัศมิทัตคนเดียว และพอหันกลับมาดูก็เป็นเขาจริงๆ

"ทำหน้ายังกับผิดหวัง ... คิดว่าเราเป็นใครหรือไง"

รัศมิทัตกระเซ้าเพื่อนซี้ของเพื่อนสนิท ผลที่ได้คือตาคมๆคู่สวยขึงตากลับมาให้เขาเสียนี่

"แหม ล้อเล่นแค่นี้ต้องถลึงตา ... รู้หรอกน่าว่าดุ เออ ... ว่าแต่ลุกมาทำอะไรดึกๆดื่นๆ"

"เบื่อน่ะ ... ออกมารับลมหน่อย เผื่อจะหลับสบายขึ้น"

หญิงสาวตอบสถาปนิกหนุ่มเนือยๆ ก่อนจะหันกลับไปทางเก่า ขณะกำลังจะก้าวเท้าเดินตามทางไปสู่หน้าหาด เพื่อนชายคนเดิมก็เอ่ยขึ้นมา

"เช้านี้ไปขับรถเล่นกันไหม เราว่าจะไปทางท้ายเกาะ อยากไปให้ถึงแหลมที่อยู่ในอุทยานด้วย ... ไปไหม เผื่อช่วยให้หายเบื่อได้"

จู่ๆรัศมิทัตก็ชักชวนมัสลินอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จนเธอต้องหันมาใหม่เอียงคอมองหน้าเขาด้วยความสนเท่ห์

"ทัตคิดยังไงถึงอยากไปอุทยาน"

"สำรวจเกาะ"

"สำรวจ?"

"อืม"

มัสลินขมวดคิ้วเริ่มหงุดหงิดกับการอมพะนำถามคำตอบคำ แต่พอใคร่ครวญครู่หนึ่ง สีหน้าตึงๆแววตาขุ่นๆก็จางไป ตอบรับเพื่อนไปไม่ให้ได้ตั้งตัวเหมือนกัน

"งั้น ... ไปค้างที่อุทยานดีมั้ย นอนที่นี่นานๆ เราชักจะอึดอัดแล้วล่ะ"

รัศมิทัตถึงกับยิ้มกริ่มมีเลศนัย แล้วค่อยๆหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เขากระแอมกระไอเล็กน้อยก่อนแซวมัสลินว่า

"แหม ... อยู่กับยัยแฟนนานๆ ดูท่าจะติดอาการลมเพลมพัดเข้าแล้วล่ะสิ ฮ่าๆ"

"ไว้เจอพาย เราจะบอกว่านายพูดอะไรบ้าง ... โอเค ไปแต่เช้าใช่ไหม เราจะได้ไปเตรียมตัวเก็บของ ... ฝันดีนะจ๊ะ นายทัต"

มัสลินแกล้งขู่เมื่อรัศมิทัตโดยอ้างพาดพิงไปถึงพายพัดเพื่อนรัก เธอรู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่า นายคนนี้ก็แค่ทำท่าทำทางเกรงกลัวไปอย่างนั้น

ก่อนจะสรุปเรื่องที่นัดหมายให้เข้าใจตรงกัน แล้วเธอก็อำลาเพื่อนไปอย่างสบายอกสบายใจ ผิดจากเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา




แม้อุทยานแห่งหมู่เกาะลาลัลในช่วงนี้จะเข้าสู่ฤดูมรสุม หากความสดใสและสดชื่นยามเช้ายังคงอยู่ หาดทรายยังดูละเอียดขาวสะอาดตา จะมีก็แต่สีของน้ำทะเลที่อาจขุ่นมัวเปลี่ยนไปตามสภาวะอากาศอันแปรปรวน ซึ่งผู้มาถึงรายล่าสุดรับทราบข้อนี้ดี

มัสลินวาดขาลงมายืนบนพื้น หลังจากการนั่งซ้อนท้ายจักรยานยนต์รุ่นเล็ก แต่สูงด้วยสมรรถนะในการขึ้นเขาลงเนิน ซึ่งคนขับอย่างรัศมิทัตดูจะชอบเจ้าเคเอสอาร์คันนี้เอามากๆ

"ถ้ารู้ว่าลุงไฟมีของเล่นแบบนี้ เราคงยืมเอามาซิ่งนานแล้ว"

"ทำเป็นเด็กเห่อของเล่นไปได้ ... แล้วนี่เอาของเขามาใช้ เขาจะไม่ว่าหรือทัต"

หญิงสาวแกล้งเอ่ยฝากลมฝากแล้ง ขณะถามอย่างเป็นห่วงผ่านไปถึงเจ้าของ แต่ก็ไม่จริงจังรอฟังคำตอบ ก่อนออกเดินนำไปทางที่ทำการอุทยาน ปล่อยให้คน 'เห่อของเล่น' หาที่จอดมอเตอร์ไซค์วิบากรูปทรงกะทัดรัดไว้คนเดียว

"ไม่หรอก คุณฟ้า ... อ้าว ... ดูสิ ไม่รอกันเลย ... ไว้ขากลับเราไม่รอบ้างจะรู้สึก"

รัศมิทัตตอบพลางหันมาไม่เจอใครจึงทำท่าเหมือนตะโกน แต่เสียงก็ไม่ได้ดังไปกว่าระดับพูดคุยปกติ แถมหัวเราะลงคอเมื่อเพื่อนหันมาเท้าสะเอวขึงตาใส่ ชี้หน้าเพื่อนชายคนสนิททำนอง ... เดี๋ยวเถอะ

มัคคุเทศก์สาวทำทีขึงขังไปอย่างนั้น พอพ้นสายตาสถาปนิกประจำรู้ค เธอก็แอบอมยิ้มขำอาการทำเป็นกลัวหงอของเพื่อน ซึ่งเธอรู้ดีว่า คนแบบรัศมิทัตเห็นเป็นเรื่องสนุกพอๆกัน

ไม่นานทั้งสองคนก็มายืนชะเง้อชะแง้ที่บริเวณหน้าอาคารเรือนไม้หลังหนึ่ง ซึ่งมีป้ายแขวนข้อความว่า 'ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว' แล้วลูกศรชี้บอกทางไปข้างใน

"เช้าแบบนี้ เจ้าหน้าที่เขาจะตื่นหรือยังนะ"

"ไม่รู้สิ แต่เมื่อกี้เราเห็นรถลุงไฟ จอดที่ลานด้วยล่ะ"

สิ่งที่ได้ยินทำเอาอารมณ์ดีๆของมัสลินสะดุดไปนิดหนึ่ง หญิงสาวหันขวับมาทางรัศมิทัตด้วยสายตาเอาเรื่อง

"นายรู้อยู่แล้วหรือเปล่า ถึงได้จงใจมาที่อุทยาน"

"เฮ้ย ... อะไรเล่าลินิน เรามาทำงานของเรา จะไปรู้ได้ไงว่าลุงแกจะมาที่นี่"

แต่ก่อนที่เรื่องราวจะลุกลามใหญ่โต จากการโต้เถียงของสองหนุ่มสาวผู้มาเยือน มัสลินกลับรู้สึกได้ว่า ที่ที่กำลังยืนอยู่นี้ไม่ได้มีแต่เพียงพวกเธอ และเมื่อหันไปตามสัญชาตญาณ เธอก็ได้เห็นบุคคลที่ไม่น่าเชื่อว่า จะได้มาพบกันที่นี่

"อาป่าน!"

มัสลินเผลออุทานชื่ออาหนุ่ม ยังดีที่เสียงหลุดลอดออกมาเพียงแผ่วเบา แต่ครู่เดียวผู้เป็นอาก็เดินลิ่วห่างออกไป จนเธอต้องละล่ำละลักบอกเพื่อนที่ดูจะงงๆกับท่าทีแปลกไปของเพื่อนสาว

"ทัต ... เดี๋ยวเรามานะ ฝากจองห้องเผื่อด้วย"

"อ๊ะ ... อ่าว เดี๋ยวสิลินิน ... เฮ้ย ..."

หญิงสาวผละไปทันที ไม่ฟังคำทัดทานใดๆจากคนที่มาด้วยกันสักนิด ด้วยเกรงว่า อาป่านของเธอจะคลาดสายตาไปเสียก่อน





มัสลินเดินจ้ำอ้าวไม่มองซ้ายมองขวา เพราะจิตใจมุ่งไปแต่เบื้องหน้า เธอเร่งสุดฝีเท้ากระทั่งมายืนหันรีหันขวางท่ามกลางสถานที่ซึ่งคาดว่า เป็นกลุ่มเรือนพักของอุทยานสำหรับนักท่องเที่ยว

"ไปทางไหนแล้วล่ะ อาป่าน"

หญิงสาวพึมพำขัดเคืองใจ คนที่ต้องการพบหายไปต่อหน้าต่อตา ทว่า พอหมุนตัวกลับตั้งท่าจะก้าวไปทางเดิม ก็มีเสียงคุ้นหูแทรกขึ้นอย่างจงใจให้เธอได้ยิน

"มองหาใครอยู่ ... แต่ เอ ... หรือว่า เธอแอบตามฉันมา"

มัสลินย่นคิ้วนิ่วหน้ากับคำพูดคำจา ที่ดูจะให้ความสำคัญกับตัวเองเสียเหลือเกินของเพลิงกัลป์ อารมณ์หงุดหงิดที่คลาดกับศรตฤณ แถมยังมีคนมาหาเรื่องแต่เช้า ก็ทำให้รู้สึกว่า เธอไม่น่ามาที่อุทยานนี่เลย ... ให้ตาย

"ทำไม ... ทำหน้าแบบนั้น อย่าบอกนะว่า โกรธ ..."

เพลิงกัลป์พูดดักคอจากสีหน้าท่าทางของมัสลิน แต่ก่อนที่หญิงสาวจะโต้ตอบ เขาก็เอ่ยต่อไปว่า

"โกรธ เพราะที่ฉันพูดมันจริง และกำลังจะจับได้ด้วยว่า เธอนัดแนะใครบางคน ... ให้มาเจอกันที่นี่ ... ใช่มั้ย"

"คุณจะบ้าหรือคะคุณไฟ ... อ่านนิยาย หรือดูละครมากไปหรือไง ถึงได้ยกไดอะล็อกพระเอกงี่เง่ามาแบบนี้"

มัสลินตวาดลั่นทั้งโมโหจนปากคอสั่น คำโมเมกล่าวหาที่อีกฝ่ายพูดนั้น มันแตกต่างจากคำกล่าวหาไร้สาระที่ไหน แต่แทนที่เพลิงกัลป์จะเลิกแล้วหรือยุติ เขากลับถามต่อราวกับว่า หญิงสาวกำลังปกปิดพิรุธบางอย่าง

"ก็หรือไม่จริง ... ไม่งั้น อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ ..."

"บังเอิญ? ... คุณหมายถึงอะไร ... คุณเพลิงกัลป์"

หญิงสาวเริ่มควบคุมอารมณ์และสติที่กระเจิงจากคำค่อนขอดได้บ้างแล้ว เธออยากรู้เหมือนกันว่า ชายหนุ่มที่เป็นถึงผู้บริหารโรงแรมมีชื่อของเกาะนี้ จะไร้เหตุผลไปได้ขนาดไหน ซึ่งมันจะเกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อเขาพบเธอ

"ใครจะไปรู้ล่ะ คนเสน่ห์แรงอย่างเธอ ... เดี๋ยวก็มีผู้ชายคนนั้น คนนี้แวะเวียนมาหาตลอด ... แม้แต่กรมเจ้าท่า หรือนายสถานีรถไฟยังบริหารงาน ... ไม่ได้อย่างเธอเลย"

"เดี๋ยวนะคะ ... ผู้ชายคนนั้นคนนี้ที่คุณพูดถึงน่ะ ... ใครบ้าง ฉันยังไม่เห็นรู้สึกเลยค่ะว่า ตัวฉันจะเสน่ห์แรง แบบที่คุณว่ามา"

มัสลินพอจะตั้งตัวได้ และมองเห็นอะไรบางอย่าง คนอย่างเพลิงกัลป์เหมือนไฟสมชื่อ ถ้าเขาร้อนมาแล้วเธอร้อนตาม ก็จะยิ่งเข้าทางอารมณ์คุโชนจนเสียเปรียบ เพราะความโกรธ

แต่ถ้าเธอนิ่ง ทำตัวเป็นน้ำ ... ยิ่งเป็นน้ำแข็งเสียได้ ก็ยิ่งดี ปล่อยให้อีกฝ่ายร้อนไปเรื่อยๆ พอเหนื่อยเดี๋ยวก็หมดแรงไปเอง

ชายหนุ่มเม้มปากอย่างขัดใจ และอากัปกิริยานั้นก็อยู่ในสายตาของมัสลิน ความโมโหที่เคยมีมันก็ปลาสนาการไปหมดสิ้น รอยยิ้มเล็กเผยให้คู่กรณีเห็นโดยไม่รู้ตัว

"ยิ้มอะไร ... ฉันไม่ได้ชมเธอนะ"

"อ้าว ฉันนึกว่าคุณชมนะนั่น ว่าจะขอบคุณสักหน่อย"

มัสลินยิ่งพูดก็ยิ่งนึกสนุก น่าแปลกใจกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่น้อย แต่เธอพยายามทำเป็นไม่สนใจ คิดแค่ว่า ...

นายหัวของรู้คนี่ ยั่วอารมณ์ง่ายกว่าที่คิด




เพลิงกัลป์กอดอกเม้มปากแน่น จะให้ 'ยัยเด็กดื้อ' ... 'แม่ตัวดี' ที่เขาสรรหาสรรพนามเรียกรู้ไม่ได้ว่า ตนกำลังแอบซ่อนสิ่งผิดปกติบางอย่าง ที่อยู่ภายใต้เนื้อหนังในร่างกายเอาไว้

เป็นความรู้สึกอย่างยากจะบอก ... แน่นอนว่า เขาเองก็ปฏิเสธที่จะยอมรับมัน

แต่ไม่เคยทำได้สักครั้ง !

การได้พบซายน์เมื่อวาน เพลิงกัลป์อยากเชื่อว่า เป็นเรื่องบังเอิญ แต่ดูท่าการได้พบกับมัสลินตอนเช้าเช่นนี้ คงจะไม่ใช่อย่างที่คิดเสียแล้ว

ความหงุดหงิดประดามีจึงถาโถมเล่นงานชายหนุ่มอย่างจัง ยิ่งได้เห็นด้วยตาตัวเอง ตอน 'แม่ตัวดี' เร่งฝีเท้าลิ่วๆเพื่อให้ทันกับผู้ชายน่าสงสัยคนนั้น มันสามารถก่อเกิดปฏิกิริยาให้แก่เขาได้ฉับพลัน

อารมณ์ของเพลิงกัลป์ไม่ได้ต่างจากสีน้ำทะเลที่เคยสวยใส ทว่า มันกำลังขุ่นมัวในหน้ามรสุมเลย

"แล้วเธอมาที่นี่ทำไม"

"ถ้าฉันจะย้อนคุณว่า ทำไมถึงมาไม่ได้ เดี๋ยวคนบางคนก็จะดูแคลนได้อีก ... เอาเป็นว่า ฉันอยากมา ฉันก็มาค่ะ"

ท่าทียียวนกับการตอบคำถามของมัสลิน เพลิงกัลป์ให้คะแนนความกวนประสาทแก่เธอเต็มร้อย ซึ่งความสงสัยที่คาใจมันก็ยังคงอยู่เต็มร้อยเหมือนกัน แต่เขาเลือกจะ 'พยายาม' เก็บให้มิดชิดกว่าเดิม

"มาคนเดียว ?"

ท่านประธานรู้ค รีสอร์ท แอนด์สปา ปรับน้ำเสียงใหม่ จนคนฟังถึงกับทำสีหน้าไม่ถูก เขามองปราดเดียวก็รู้ว่า เธอคิดยังไง

"เอาล่ะ ฉันไม่รบกวนเธอล่ะ แต่ ... อย่าลืมที่ฉันเตือนเธอเมื่อวาน ก็แล้วกัน"

ชายหนุ่มตัดบทง่ายๆ ในเมื่อผู้ชายคนนั้นก็อยู่ที่นี่ เขาจะลองอยู่เฉยๆ เฝ้ามองเงียบๆ มันอาจจะช่วยให้ได้รู้อะไรมากขึ้นก็ได้

"เดี๋ยวค่ะ ..."

มัสลินท้วงกะทันหันขณะที่เพลิงกัลป์เตรียมถอยออกมา ชายหนุ่มทำสีหน้าเข้มขรึมจริงจัง รอฟังว่าคนที่เรียกรั้งเขาไว้จะพูดอะไร

"ฉันไม่เข้าใจ ... คุณช่วยอธิบาย 'คำเตือน' อีกนิดจะได้ไหมคะ"

ลักษณะแหงนหน้าคอตั้งบ่า มองตรงมาที่เขาด้วยแววฉายประกายอยากรู้ของมัสลิน กับน้ำเสียงคล้ายขอร้องอย่างที่ไม่เคยได้ยิน มันกระทบความรู้สึกภายในจนเพลิงกัลป์เกือบเผยอาการให้เห็น หากที่แสดงออกกลับกลายเป็น ...

"ถ้ายังไม่รู้ตัว ก็อย่าอวดเก่ง อวดดีกับฉันให้มากนัก"

พูดได้เพียงเท่านั้น เพลิงกัลป์ก็หันหลังกลับ แล้วก้าวยาวๆเหมือนต้องการรีบเดินให้พ้นจากมัสลินโดยเร็ว

กระทั่งได้ระยะที่คิดว่า เธอจะไม่ได้ยินคำใดๆ เขาก็สบถพึมพำก่นด่าตัวเองอย่างลืมตัว

"ไอ้บ้าไฟเอ๊ย ... ปัดโธ่ โว้ย"




มัสลินยืนงุนงงอ้ำอึ้งอยู่อย่างนั้นอีกหลายนาที ความคิดวิ่งวนสับสนสวนทางกับอารมณ์ความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นก่อนพบเพลิงกัลป์ ... ระหว่างที่คุยกัน หรือหลังจากที่เขาผละเดินออกไปแล้ว

"คนบ้า ... ประสาทหรือไง"

คำสรรเสริญที่คาดว่าเจ้าตัวคงไม่ยินดี หากใครมากล่าวถึง มีให้กับผู้ชายจอมยโส บ้าอำนาจในสายตาของเธอเสมอ แต่อย่างน้อยการที่ได้พบกันที่นี่ ก็ยืนยันได้ว่า เขาปลอดภัยสบายดี

มัคคุเทศกู์สาวกะพริบตาปริบ เมื่อพบว่า ช่วงท้ายๆของความคิด มันคือ ความห่วงใยที่มีให้ ซึ่งมันไม่น่าเป็นไปได้

"เพ้อเจ้าใหญ่แล้ว ยัยลินนิน ... เราเป็นห่วงอาป่านต่างหาก ... ใช่ อาป่าน ..."

มัสลินตำหนิและเตือนตัวเอง เรียกสติอีกหนด้วยชื่อบุคคล ที่เธอควรจะเป็นห่วงมากกว่าใคร

พอนึกได้หญิงสาวก็เหลียวซ้ายแลขวา หวังจะได้พบผู้ชายคนแรกตั้งแต่มาถึงที่อุทยาน ซึ่งเธอมั่นใจว่าต้องเป็นศรตฤณ แต่เพราะถูกเพลิงกัลป์ขัดจังหวะ ทำให้ไม่รู้แน่ชัดว่า ความคิดของเธอถูกต้องหรือไม่

เจ้าตัวถึงกับถอนหายใจยาว ทั้งที่บรรยากาศรอบตัวยังมีความงามให้ชื่นชม แต่กลับดูเหมือนว่า โลกในวันนี้ไม่สดใสสวยงามดังตาเห็น

"สวัสดีครับ มีอะไรให้ช่วยไหม"

คำทักทายเอื้ออาทร น้ำเสียงบอกถึงคุณลักษณะว่า เจ้าของต้องเป็นคนใจดีไม่มากก็น้อย และพอมัสลินบ่ายหน้าไปยังต้นเสียง เธอก็เบิกตากว้างอย่างตื่นเต้น

"น้าศลย์ ... สวัสดีค่ะ ไม่คิดว่าจะเจอน้าศลย์ที่นี่ ดีใจจังค่ะ"

"ผมก็ว่าคุ้นๆตั้งแต่คุณผู้ชายคนนั้น ไปลงชื่อจองห้องพักแล้วครับ คุยกันไปซักกันมา ถึงได้ ... บางอ้อ"

วิศลย์กล่าวติดตลกกับหญิงสาวที่เรียกเขาอย่างกันเอง แต่ด้วยความที่หนุ่มใหญ่วัยดึกอยู่ในการปฏิบัติหน้าที่ ความสุภาพจึงถือเป็นเรื่องสำคัญ

"คงเป็นนายทัต เพื่อนของลินิน ... แล้วน้าศลย์ไม่ประจำที่เกาะรอกแล้วหรือคะ"

"แหม ... ถามเหมือนคุณไฟเลย ..."

มัสลินสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอทราบดีว่า รองหัวหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานคนนี้ สนิทสนมกับเพลิงกัลป์แค่ไหน ทว่า จนแล้วจนรอดเจ้าหน้าที่ที่เธอเรียกอย่างกันเองก็ไม่ขยายความใดๆ

“ดีจังเลย ไม่คิดว่าหน้าโลว์แบบนี้ อุทยานของเราก็ยังคึกคัก”

“ยังไงคะน้าศลย์”

คราวนี้ผู้อ่อนวัยกว่าเห็นว่า คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการสนทนาพูดคุย ให้พ้นจากบุคคลไม่พึงประสงค์สำหรับเธอ จึงถามวิศลย์ในเรื่องที่เขาเปรยขึ้นมา เผื่อมันอาจมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในงานของตัวเองก็ได้

“ปกติ พอเข้าฤดูฝนที่มีลมมรสุม ทุกอย่างมันก็ไม่สวยเหมือนเดิม แถมยังอันตรายอีกด้วย นักท่องเที่ยวมันก็น้อยลง อย่างที่น้องลินินก็ทราบดี ...”

“ค่ะ เรียกว่าแทบจะปิดเกาะเลยก็ได้”

มัสลินเสริมพร้อมรอยยิ้ม ยอมรับว่า การพูดคุยกับผู้ใหญ่ใจดีอย่างวิศลย์นั้น ทำให้เธอได้ทั้งความรู้และความสบายใจ

“ที่ผมว่าคึกคัก ก็เพราะช่วงนี้อุทยานยังมีนักท่องเที่ยวสนใจ เดินทางมาพักน่ะสิครับ ... ดูท่าว่าเราน่าจะได้ลูกค้าที่รักสันโดษและความสงบเสียด้วย”

“เท่าที่ลินินรู้ ตอนนี้ก็มีแค่คนกันเองนี่คะ อย่าง ... คุณไฟ ลินินกับเพื่อน”

มัสลินหยั่งเชิงเลียบเคียงถามถึงสิ่งที่อยากรู้ไม่ให้วิศลย์สงสัย และเธอก็ได้คำตอบอย่างที่ต้องการ

“ครับ ... นอกจากคนกันเองอย่างที่น้องลินินว่า เมื่อวานก็มีลูกค้ามาพักคนหนึ่ง ... นี่ผมแอบกระซิบน้องลินินนะ อย่าว่านินทาหรืออะไรเลย ...”

อากัปกิริยาของหนุ่มใหญ่ราวกับกุมความลับสำคัญไม่ควรแพร่งพราย แต่ก็คันปากอย่างบอกเต็มประดา หญิงสาวเองแม้รู้แก่ใจว่า โดยจรรยาบรรณมัคคุเทศก์การพูดถึงบุคคลอื่นลับหลังย่อมไม่ดีแน่

แต่เหตุผลที่เธอกระตือรือร้นตั้งอกตั้งใจฟังวิศลย์ มีเพียงเรื่องเดียว คือคำยืนยันจากคนที่นี่ว่า ผู้ชายที่เธอเห็นนั้นเป็นศรตฤณจริงๆ

“ตอนแรกผมรับเช็คอินก็ทำไปตามปกติ แต่ชื่อสกุลของเขามันทำให้ผมคุ้นๆยังไงไม่รู้ ...”

คนหนึ่งเล่าด้วยความสงสัยลังเล ส่วนคนหนึ่งฟังด้วยความระทึก ลุ้นว่า ‘ชื่อสกุล’ ที่วิศลย์ว่าคุ้นๆนั้น จะตรงกับที่มัสลินใช้อยู่หรือเปล่า

“ผมว่า ผมเคยผ่านตานามสกุลแบบนี้นะ แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าไปเห็นที่ไหน”

วิศลย์พยายามนึกสาเหตุที่มา แต่เหมือนไม่ทันใจคนรอเท่าไรนัก หญิงสาวใจร้อนจึงเป็นฝ่ายถามชี้นำชนิดที่คิดว่า แนบเนียนไม่ให้หนุ่มใหญ่สงสัย

“เป็นนามสกุลแบบไหนคะ คนใหญ่คนโต หรือพ่อค้านักธุรกิจ”

“เอ ... ไม่แน่ใจเหมือนกัน มันติดที่หัวที่ตาน่ะว่า นามสกุล ‘วัตราภรณ์’ เนี่ย ผมเคยเห็นค่อนข้างบ่อย ... สงสัยท่าจะต้องยอมรับความแก่แล้วจริงๆ”

มัสลินใจเต้นตึกตักกับคำตอบ แทบลืมสนใจคำพูดท้ายๆของวิศลย์ไปเลย

สิ่งที่ได้ยิน มันชัดเจนที่สุด ... อาป่านของเธอ อยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน





เรือนพักเดี่ยวหลังนั้นคือเป้าหมาย ที่มัสลินอยากเข้าไปดูใกล้ๆให้เห็นกับตา แต่หญิงสาวก็ไม่ลืมว่า ถ้าหากเป็นศรตฤณ ซึ่งเธอเชื่อเช่นนั้น ... การที่เขามาอยู่ที่นี่ อาจเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เชดส์ไปหาเธอที่รู้คแทนก็เป็นได้

อาของเธอคิดจะทำอะไรกันแน่?

“ไปไหนมา ลินิน ... เอ้า นี่ กุญแจห้อง ... พอดีเราเจอพี่ไฟ คุยไปคุยมาเลยตกลงกันว่า เราจะไปนอนห้องว่างที่เรือนรับรอง ส่วนลินินก็ ... หลังโน้น ทั้งหลัง ... คนเดียว เผื่อจะสบายใจหายเบื่อ”

รัศมิทัตชี้แจงพร้อมยื่นกุญแจเรือนพักส่งให้มัสลิน พลางอธิบายไปเรื่อยๆ หากจับจ้องเพื่อนสาวไม่วางตา หลังจากชี้ให้เธอดูว่า ที่พักของเธออยู่ทางไหน

“จะเปลี่ยนใจก็ได้นะ เพราะคุณวิศลย์บอกว่า ใกล้ๆกันมีลูกค้าผู้ชายพัก ... ถ้าเกิดดลัว เราจะ ...”

“ไม่เป็นไรทัต ... ขอบใจมาก”

มัสลินรีบบอกและรับกุญแจทันที ไม่อยากให้รัศมิทัตสงสัยมากไปกว่านี้ เพราะเธอมีเรื่องต้องคิด ต้องทำมากกว่า ‘กลัว’

“ให้เราเดินไปส่งไหมลินิน ...”

“เอ่อ ... อย่าว่าเราเลยนะ เราขอพักคนเดียวเงียบๆ ... นะ ตอนนี้เราอยากนอนมาก เหนื่อยๆยังไงไม่รู้”

สีหน้าท่าทางของมัสลิน ทำให้รัศมิทัตไม่อยากขัด อีกทั้งเมื่อคืนก่อนมา ชายหนุ่มทราบดีว่า เพื่อนสาวนอนไม่ค่อยจะหลับ อาจจะเพลียและต้องการพักผ่อนจริงๆ

“ก็ได้ ... งั้นเย็นๆเราจะไปเรียกนะ”

หญิงสาวพยักหน้ารับแล้วปลีกตัวออกมา เธอให้ความสนใจกับเรือนพักข้างกันมาก ถึงขั้นหมายมาดในใจ

ถ้าอาป่านมาหาลินินไม่ได้ ... ลินินจะไปหาอาป่านเอง












******************************************************







โปรดติดตามตอนต่อไป ...


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม และขอขอบคุณการกดไลค์ให้กำลังใจฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ธ.ค. 2558, 00:15:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ธ.ค. 2558, 00:15:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1214





<< ใยเส้นที่ 27 .. กับดักชักใย   ใยเส้นที่ 29 .. คาหนังคาเขา >>
kaelek 20 ธ.ค. 2558, 07:23:25 น.
แผนแอบดูของเฮียไฟรึป่าว ถึงให้ลินินไปนอนบ้านเดี่ยว.. อย่าแอบหึงทีหลังละกัน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account