เล่ห์รักพรางแค้น วางแผงแล้ว สนพ ทัช
ใครจะไปคิดว่าการทำภารกิจให้ปู่ กลับกลายเป็นถูกโชคชะตากลั่นแกล้งให้เขาถูกสลัดลงจากคาน ยัยซื่อบื้อนั่นน่ะหรือคือไก่วัดที่ทำให้เขากลายเป็นสมภาร
Tags: ความรัก ความหลัง

ตอน: ตอนที่ 9 ครึ่งแรก

ท้องฟ้ายังคงส่องแสงดาวประกาย ลมพลิ้วไหวยังพัดพาความลับต่างๆ ให้ปลิวหายจนสิ่งที่หลงเหลือคล้ายจะเป็นความจริง เอวบางถูกกอดไว้ดังเดิม ริมฝีปากหวานละมุนร้อนผ่าวแม้ว่าจะถูกปิดเร้นไว้แนบชิดอกหนา ราวกับว่าเมื่อครู่เป็นเพียงความฝัน ทว่ารอยจำยังตราตรึงในทุกสัมผัสแม้ยามที่เรียวปากถอนไปแล้วเป็นฝ่ายกอดเธอไว้เพื่อปกป้องสายตาโกรธแค้นเกลียดชัง
สัญญาถูกเซ็นให้อย่างกระแทกกระทั้นแล้วจากไปไร้คำลา มาลินไม่มีโอกาสเห็นแต่ได้ยิน การก้าวเดินของรัมภาเต็มไปด้วยความโกรธอย่างมาหาศาล มือบางกำเสื้อสูทไว้แน่น กลัวและเขินอายระคนกัน เพราะไม่เชื่อคำสอนของตาที่บอกว่าอย่าดื่มของมึนเมา ถึงได้เกิดเรื่องจนมองหน้าภาวัตไม่ได้แล้ว
ร่างสูงขยับตัวปล่อยเอวที่กอดไว้ แต่เสื้อกลับถูกยึดแน่นจนกลายเป็นเขาไปไหนไม่ได้จนกว่ามาลินจะปล่อยมือ
“คืนเสื้อให้ฉันได้หรือยัง”
มาลินเงยหน้ามองปลายคางของภาวัต สมองมึนชาไม่แน่ใจว่าจากไวน์หรือเรียวปากหนาจึงช้ากว่าจะประมวลผลออกมาได้ว่ากำเสื้อสูทของเขาไว้ เธอปล่อยแล้วถอยหลังออกมารีบหันหน้าหนี แต่ร่างสูงยังเดินมายืนใกล้ๆ ทำยังไงดี
“ขอบใจที่เธอทำเพื่อฉันจนได้สัญญามา ไม่ต้องเขินหรอกน่า ที่เธอทำ ไม่ได้เรียกว่าจูบหรอก แค่เอาปากมาชนปากเท่านั้นเอง” แต่หลังจากนั้นที่เขาร่วมมือด้วยต่างหากจูบของจริง ไม่พูดจะดีกว่า แค่นี้สมภารก็เห็นไก่ตัวเบ้อเร่อแล้ว
“ก็...” มาลินก้มหน้าหันกลับมา “มันน่าอายนี่ค่ะ ลินไม่รู้ว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้...”
สมภาร เอ้ย! ท่านประธานยิ้มกว้าง นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่เห็นธรรมชาติของผู้หญิง ที่ผ่านมามีแต่ปรุงแต่งจนไม่รู้ว่าตัวตนของเธอเหล่านั้นเป็นอย่างไรกันแน่
“ขอบใจนะที่ช่วย ถ้าต่อไปเธออยากให้ฉันช่วยอะไรก็บอกมาได้เลย”
“ตอนนี้ไม่อยากขออะไรหรอกค่ะ อยากกลับหอ แล้วคุณวัตก็ลืมๆ ได้ไหมคะว่าลินทำอะไรลงไป ขอร้องล่ะค่ะ”
ใบหน้าคร้ามก้มต่ำลงไปแล้วเงยมองจนหน้าก้มงุดหันหนี เสียงหัวเราะลอยลมพร่างพราย เสื้อสูทถอดแล้วคลุมไหล่บางให้
“คงไม่ลืมหรอก แต่จะไม่พูดให้เธอเขินก็แล้วกัน” มือหนายื่นไปคว้ามือบางไว้ “กลับกันเถอะ”
ลิฟต์เปิดออกให้สองหนุ่มสาว กระจกเงาสะท้อนให้เห็นแกมเนียนแดงระเรื่อ แต่ไม่วูบวาบในอกเท่าริมฝีปากบวมช้ำเพียงเพราะสัมผัสบางเบา มาลินขยับมือดึงมาแต่ว่ากลับถูกคว้าไว้แน่น ใบหน้านั้นเรียบเฉยจนเธอไม่แน่ใจ ทำได้เพียงยืนนิ่งไว้ไม่ทรุดลงไปต่อหน้าต่อตา
คนแกล้งหลับโล่งใจเมื่อภาวัตขับรถมาถึงหอในที่สุด เสื้อสูทถูกคืนให้ตามมาด้วยคำขอบคุณแล้วรีบลงจากรถไป มิไยที่คนห่วงจะตามมา มาลินชะงักกึกใจเต้นระรัวยามหันไปพยายามมองภาวัตด้วยรู้เหตุผลว่าเขาตามมาเพราะอะไร
“ไม่เป็นไร่ค่ะ เดี๋ยวลินจะเดินขึ้นบนไดไปเอง ขอบคุณที่มาส่งนะคะ”
ภาวัตพยักหน้ามองตามเรียวปากหนายิ้มกว้างจะเกือบหลุดหัวเราะยามเห็นมาลินเดินขึ้นบันไดไปจนแทบจะวิ่ง อย่างกับกำลังหนี
“ค่อยๆ เดินสิ เดี๋ยวก็ล้มหรอก”
มาลินหันมามองแล้วยิ้มเหมือนจะร้องไห้ เขามองตามจนลับตาก่อนจะออกมาที่รถยืนมองระเบียงห้อง พอเห็นไฟเปิดก็ค่อยเบาใจขับรถกลับบ้านได้ เรียวนิ้วยาวเกลี่ยริมฝีปากปากอย่างเผลอไผล หวนให้คิดถึงวินาทีที่เธอเลื่อนริมฝีปากมาแนบชิด
“เด็กบ้า ทำอะไรลงไปยังไม่รู้ตัว”
ดวงตายามมองถนนส่องประกาย รอยยิ้มช่างเบิกบาน ที่ผ่านมาเขาถูกจูบและเป็นฝ่ายจูบมาไม่น้อย แต่ไม่มากครั้งนักหรอกที่จะยังตราตรึงจำรอยจูบนั้นได้ จนแม้ยามถึงเตียงนอนหลับลงรอยอุ่นวาบยังกำซาบอยู่ในทรวง

ปัญหาองุ่นติดโรคแก้ไขได้บ้างแล้ว แต่ยังอยู่ในช่วงเฝ้าระวังการระบาดซ้ำ มาลินได้รับข่าวดีเมื่อกลับมาถึงไร่ ร่มธรรมอาการดีหายเป็นปกติและเพิ่งได้รับออเดอร์น้ำองุ่นเข้ามา ยิ่งทำให้ทางออกของเรามีมากขึ้น แต่ว่าข่าวดียังไม่หมดลงแค่นั้น วันก่อนมีคนมาซื้อองุ่นแล้วสนใจอยากโปรโมทให้ไร่ของเราเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกทาง แถมยังคิดราคาไม่แพงเสียด้วย ถ้ายังขายที่ไม่ได้ แล้วเปลี่ยนให้เป็นที่ท่องเที่ยวก็ดีไปอีกทางหนึ่ง
“ก็น่าสนใจดีนะคะ ในระหว่างที่องุ่นมีปัญหา เราก็สามารถหารายได้เพิ่มทางอื่น คนงานก็จะได้ไม่ว่างงาน มีรายได้เสริม” มาลินสนับสนุนอีกเสียง
“ถ้างั้นก็เอาเลยพ่อ พัชเห็นด้วยเลยค่ะงานนี้”
ร่มธรรมยิ้มออกไม่มีใครขัดคอเหมือนคราวก่อน ทำได้มันก็ดี แต่ปัญหาก็มีอยู่ เพียงแค่ไม่หนักหนาเท่าตอนที่ไร่ขาดทุนเมื่อปีก่อนจนลากยาวมาถึงตอนนี้
“แต่มันก็ต้องใช้ทุนในเบื้องต้น ที่ดินยังขายไม่ได้เลย ไม่เป็นไรปลายเดือนนี้เงินก็จะเข้ามาอีกก้อน”
สองแม่ลูกมองหน้ากันเอง “มีคนรอซื้อ แต่พ่อไม่ขายเองต่างหากล่ะคะ”
ร่มธรรมร้องเฮอะ “ถ้าไม่จำเป็นฉันไม่ยอมรับเงินจากไอ้ทีปต์เด็ดขาด อย่าพูดเรื่องนี้ให้โมโหขึ้นมาอีกเลยนะ”
จบงานไวยังดีที่มีเรื่องปรึกษาหารือกันแค่นี้ ไม่อย่างนั้นได้เสียเรื่อง มาลินแยกไปช่วยลุงหมายดูแลไร่ในส่วนที่เฝ้าระวังก่อนจะมาทำบัญชีให้ รายรับกับรายจ่ายยังไม่สมดุลกันอยู่มาก แต่อย่างน้อยก็ไม่ติดลบมหาศาลจนปวดหัวไปทั้งวัน การยอมรับสภาพแล้วสู้ใหม่ทำให้ลุกได้ไวขึ้น
ชานนท์ไม่มาที่ไร่เลยตลอดสองวันที่เธอกลับบ้าน ถ้าบอกว่าโล่งใจคงถูกตาค้อนใส่ อนาคตไม่ใช่เรื่องแน่นอน ถึงสองบ้านจะพูดเรื่องหมั้นหมายไว้คร่าวๆ แต่เธอยังมีเวลาจนกว่าจะเรียนจบ ถึงตอนนั้นเธอจะหาข้ออ้างอะไรดี

มันคงเป็นรางวัลของคนไม่ยอมแพ้แน่ๆ ข่าวดีทยอยเข้ามาอีกเรื่อง มาลินเพิ่งวางสายจากแม่ที่โทรมาเล่าว่ามีนายหน้ามาติดต่อซื้อที่ดินและไม่ต่อราคาสักคำ ตาก็พอใจที่ไม่ต้องขายที่ดินให้ภาวัตหรือชานนท์ อีกไม่กี่วันจะนัดกันวัดที่ดินเพื่อความมั่นใจของทั้งสองฝ่าย หากทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วก็เซ็นสัญญาซื้อขาย
แม่บ้านมาเปิดประตูบานเล็กแต่กลับได้ขนมเป็นของฝาก และอีกถุงสำหรับภาณินกับภาค ส่วนภาวัตน่าจะได้แล้วก็เธอฝากไว้ที่เลขาตั้งแต่เมื่อเช้า มาลินเดินเข้าไปรอในห้องรับแขกวางของฮัมเพลงสบายใจ
“ดูมีความสุขจังนะ มีข่าวดีอะไรหรือไง”
มาลินหันไปมองไม่ทันเห็นว่าภาวัตมานั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้อง หลังจากผ่านไปหลายวันทำให้เมื่อมาพบกันอีกครั้ง ภาพชวนอายในหัวก็เลือนหายกลายเป็นยิ้มให้เขาเหมือนเดิมได้
“มีคนมาขอซื้อที่ค่ะ แล้วตาก็ยอมตกลงแล้วด้วย แต่คงเป็นข่าวร้ายของคุณ เสียใจด้วยนะคะ”
“ก็...ไม่เท่าไหร่ วันนี้ฉันจะทำงานอยู่ในห้องนั้น” เขาชี้ไปยังห้องฝั่งตรงข้าม “ถ้ามีอะไรไปเรียกได้ คุณแม่ทำของว่างไว้ให้ อย่าลืมไปกินเสียล่ะ แล้วถ้าภาคดื้อ...”
มาลินก้มหน้ายิ้มเมื่ออดคิดไม่ได้ ร่างสูงเดินมาใกล้ ความเอ็นดูกลายเป็นเรื่องง่ายเมื่อเธอทำให้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
“คราวนี้ยิ้มอะไรอีก”
หญิงสาวเงยหน้ายกมือขอโทษ เขาไม่ผิดอะไรหรอก แต่เธอดันคิดมากไปเอง “ลินไม่ใช่ลูกสาวของคุณวัตนะคะ ตอนนี้เลยต้องมาทั้งสั่งทั้งบอก”
“ก็ไม่ใช่ลูกสาวน่ะสิ” ตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้ามี DNA ของเขาปนอยู่เสียที่ไหน
ภาคเดินมากับพี่เลี้ยงพอดี ภาวัตอุ้มลูกชายมาฝากให้คุณครูแล้วไปทำงานตามที่บอก มาลินสอนอ่าน ก-ฮ พอเด็กน้อยเริ่มเบื่อก็ล่อหลอกเต็มที่
“ท่องอีกรอบแล้วเราไปเดินเล่นกันที่สวนสาธารณะใกล้ๆ กันดีไหมครับ”
“ดีครับคุณครู” ภาคตอบทันที
ดวงตาเด็กน้อยใสปิ้งคงอยากไปเดินเล่นบ้าง เสียงท่อง กไก่ คงดังไปถึงอีกห้อง คุณพ่ออกมายืนมองแล้วยิ้มก่อนจะกลับไปทำงานต่อ พอจบ ฮ นกฮูก ก็ได้ไว้เวลาทำตามสัญญาแล้ว ภาควิ่งไปที่รั้วบานเล็กโดยมีพี่เลี้ยงตามไปด้วยอีกคน

มือเด็กน้อยกำลังจูงมือเด็กเหมือนกันเพียงแต่โตกว่าหลายปีไปยังสวนสาธารณะใกล้ๆ เพียงเดินไม่ถึง 15 นาทีก็ถึง ความร่มรื่นและสนามหญ้าสีเขียวชวนให้วิ่งถลาร่อนเหมือนนกบนท้องฟ้า มาลินถ่ายคลิปไว้ รอยยิ้มเบิกบาน สองแขนกางออก อิสระของเด็กชายคนหนึ่ง รถจักรยานเช่าวิ่งผ่านไป ภาคมองตามหันแทบล้ม
“อยากปั่นจักรยานหรือคะ เอาอย่างนี้เดี๋ยวพี่ลินปั่นแล้วให้ภาคซ้อนดีไหม แต่ต้องจับเอวพี่แน่นๆ นะ อย่าปล่อยเด็ดขาด”
ภาคพยักหน้ายิ้มดีใจ พี่เลี้ยงไปเช่าจักรยานมาให้ แล้วเด็กต่างวัยก็พากันทัวร์สวนกันเพลิน คนหนึ่งปั่น คนถึงซ้อน ช้าบ้าง เร็วบ้าง ลมประทะใบหน้าประหนึ่งดึงความทุกข์ให้จากไป คนปั่นหมดแรงกลับมานั่งหอบข้างเด็กน้อยที่มองอะไรสักอย่าง
“สนุกไหมครับ” เธอถาม
“สนุกสิ วันหลังมากันอีกนะพี่ลิน” มือเล็กจับมือใหญ่กว่าไกวไปมา
“พี่ลินถามหน่อยได้ไหม ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไรนะครับ” มาลินยิ้มบางๆ เด็กน้อยรอฟังตาแป๋ว “ทำไมถึงกลัวคุณพ่อไม่รักล่ะครับ พี่ลินเห็นคุณพ่อรักภาคมากนะ”
เด็กน้อยส่ายหน้าดวงตาเศร้าก้มหน้าเหมือนจะร้องไห้ มือบางประคองแก้มขึ้นมามองตาค่อยๆ ถาม
“ใครพูดอะไรให้ภาคน้อยใจคุณพ่อหรือเปล่าครับ”
ภาคไม่มีปฏิกิริยาใดๆ หมายความว่ายังไงล่ะนี่
“ไม่ว่ามีเรื่องอะไร ถ้าเราพูดออกมา เราจะสบายใจ คุณพ่อกับทุกคนในบ้านรักภาคมากเลยนะ”
นิ้วเล็กๆ ชี้มา คุณครูยิ้มหวานชื่นอยู่ในใจ เพียงไม่กี่วันเธอก็พอจะมีความหมายต่อเด็กคนนี้
“พี่ลินก็เป็นห่วงค่ะ เอ...อย่างนี้เรียกว่ารักละมั้ง”
ริมฝีปากเล็กๆ ค่อยยิ้มออกแล้วลุกขึ้นดึงให้คุณครูลุกขึ้นมา มาลินแกล้งรั้งแขนไว้เลยกลายเป็นดึงกันไปมา พี่เลี้ยงหัวเราะชอบใจแล้วเข้ามาช่วยภาคอีกคน มาลินยอมลุกขึ้นเดินตามไปด้วยกัน
สายตาพยาบาทคู่หนึ่งมองมาเป้าหมายไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าถูกตามตั้งแต่ออกจากบ้านของภาวัต แต่ไม่เห็นเจ้านั่นทำไมไม่ออกมาด้วยกัน ข่าวของปรียาจะเชื่อได้แค่ไหน
“แน่ใจนะยาว่าเด็กคนนั้นกับเจ้านั่นกำลังกิ๊กกั๊กกันอยู่” เขาโทรถามแฟนเพื่อความแน่ใจ
“แน่ใจสิพี่ดล เพื่อนของยาบอกมา เด็กนั่นมันร้าย เล่นของสูง เห็นเงียบหงิม จริงๆ แล้วก็มือกาวล่ะว้า” ขนาดพาไปกินข้าวด้วยกัน ดูสนิทสนม เพื่อนที่ทำงานบริษัทของภาวัตบอกเธอมาแบบนี้
ถ้างั้นก็ยิ่งน่าสนใจ “แค่นี้ก่อนนะ พี่เห็นเด็กนั่นแล้ว เดี๋ยวจะมีเรื่องสนุกๆ”
นภดลยังคงซุ่มมองอยู่ในรถ เด็กเสิร์ฟคนนั้นกำลังพาลูกชายของภาวัตไปเดินเล่นในตลาดนัดเล็กๆ ที่มีของขาย ยังไม่ถึงเวลาของเขา
ภาคชี้อยากกินขนมครก มาลินซื้อแล้วยังช่วยเป่าให้ จับมือจูงกันไปเสียงหัวเราะมีง่ายๆ เมื่อเด็กได้ของถูกใจอย่างกังหันพลาสติกที่เป่าเบาๆ ก็หมุนติ้ว
พวงมาลัยดอกมะลินหอมละมุน เด็กน้อยมองด้วยสายตาจดจำได้ มาลินมองตามแล้วหยิบพวงมาลัยมาถือไว้
“อยากได้หรือคะ จะเอาไปให้คุณพ่อใช่ไหม ถ้างั้นเดี๋ยวพี่ลินซื้อให้นะ”
“ขอบคุณครับ” ภาคยกมือไหว้แล้วเก็บพวกมาลัยใส่กระเป๋าเสื้อตรงพุงอย่างระมัดระวังหวงแหน
ทั้งสามเดินกลับบ้านไฟรวงข้างทางเปิดให้แสงสว่าง มาลินขยับให้ภาคเดินริมฟุตบาทเล็กๆ ส่วนตัวเองอยู่ริมด้านนอกเผื่อรถแล่นผ่าน พี่เลี้ยงเดินตามมา อีกไม่กี่เมตรก็จะถึงบ้านหลังใหญ่กลางซอยแล้ว เสียงรถเร่งเครื่องแล่นเข้ามาใกล้ เธอไม่ทันหันไปมองด้วยซ้ำ เสียงพี่เลี้ยงแผดลั่น
“คุณลิน...ระวังค่ะ!”
มาลินคว้าตัวภาคไว้ยังไม่ทันคิดถึงตัวเองด้วยซ้ำ
“น้องภาค!”
รถแว้งเข้ามาใกล้จนคนเดินล้มระเนระนาดก่อนจะเร่งเครื่องหายไปอย่างรวดเร็ว มาลินลุกขึ้นเซแซดๆ มือยังจับภาคไม่ให้ล้มลงอีกรอบ พี่เลี้ยงช่วยพยุงมาจนถึงประตูบ้าน สาวใช้เห็นพอดีพากันตกใจรีบวิ่งไปบอกภาวัตที่ห้องทำงานด้วยหน้าตื่นตกใจ
“คุณวัตคะเกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ ที่หน้าบ้าน คุณภาค...”
ภาวัตไม่รอฟังจนจบก็วิ่งไปที่หน้าบ้านก็เห็นลูกชายเดินระทวยเข้ามา แขนข้างชวามีรอยถลอกเลือดไหล หัวอกคนเป็นพ่อแทบขาดใจ ออกไปเล่นข้างนอกเมื่อไหร่ทำไมเขาไม่รู้
“ภาคเป็นอะไรลูก ไหนพ่อดูสิ” แขนยาวกอดร่างเล็กไว้ใจหายจนแทบหยุดเต้น สำรวจแขนขาด้วยความกังวลใจยิ่ง พอเห็นเลือดไหลอยู่ยิ่งรอช้าไม่ได้ “โทรเรียกหมอให้มาที่นี่เดี๋ยวนี้เลย”
เด็กน้อยถูกอุ้มอย่างหวงแหนระวังภัยไปยังห้องรับแขกแล้ววางลงเบาที่สุดราวกับกลัวว่าจะมีอะไรแตกหักในร่างกายของลูกชายก็ได้ ภาคยังกลัวไม่หายกอดพ่อไว้แล้วร้องไห้ออกมา
“ไม่เป็นไรนะครับลูก อีกเดี๋ยวเดียวอาหมอก็มาแล้ว”
ดวงตาของภาวัตวาววาบยามองไปยังมาลิน ความโกรธกรุ่นกระพือโหมในอกที่คุกรุ่นด้วยความห่วง ภาคออกไปข้างนอกโดยที่เขาไม่อนุญาต แล้วเธอเป็นใครทำอะไรโดยพลการ
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมภาคถึงได้แผลกลับมาแบบนั้น เธอดูแลลูกชายของฉันยังไง”
ถึงเสียงภาวัตจะไม่ได้ดังตะคอก ทว่าเรียบราบน่ากลัว แต่ไม่เท่ากับที่เธอรู้สึกผิด เขาคลายกอดจากลูกชายแล้วก้าวมาหา ความโกรธมากมายจนรู้สึกได้ มาลินยกมือไหว้ขอโทษ
“เป็นความผิดของลินเองค่ะที่ดูแลภาคไม่ดี”
สายตาของภาวัตมองมาอย่างผิดหวัง เขาคิดว่ามาลินต่างจากผู้หญิงอื่นก็เพราะเธอรักเด็กอย่างจริงใจ แต่ภาคเป็นแบบนี้เพราะใครกันล่ะ มือหนากำแน่นถอนใจยาวกว่าจะเอ่ยคำออกมา
“กลับไปซะ วันนี้เธอทำงานแค่นี้ก็พอ”

แล้วจะมา up ต่อนะคะ สนพ แจ้งว่าหนังสือจะวางแผงในวันที่ 21 ธันวาคม 2558 นี้ค่ะและตอนนี้ในให้อ่านในรูปแบบ E-BOOK ใน MEB แล้วค่ะ
อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ธ.ค. 2558, 10:16:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ธ.ค. 2558, 10:16:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1037





<< ตอนที่ 8 ครึ่งหลัง   ตอนที่ 9 ครึ่งหลัง >>
konhin 16 ธ.ค. 2558, 13:10:08 น.
ไม่ถามไม่ไถ่ เฮ้อ อย่ามาง้อทีหลังนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account