เล่ห์รักพรางแค้น วางแผงแล้ว สนพ ทัช
ใครจะไปคิดว่าการทำภารกิจให้ปู่ กลับกลายเป็นถูกโชคชะตากลั่นแกล้งให้เขาถูกสลัดลงจากคาน ยัยซื่อบื้อนั่นน่ะหรือคือไก่วัดที่ทำให้เขากลายเป็นสมภาร
Tags: ความรัก ความหลัง

ตอน: ตอนที่ 11 ครึ่งแรก

กลัว...
มือทั้งสองข้างของมาลินบีบกันแน่นมาตลอดทางน้ำตากลายเป็นคำตอบแรกที่หลั่งออกมาจากดวงตา ตาเป็นยังไงบ้าง ยังผ่าตัดอยู่หรือว่าออกมาจากห้องแล้ว ปลอดภัยดีใช่ไหม ทำไมคนดีๆ ที่เธอรักต้องมีเป็นแบบนี้ตลอดเวลา ตอนพ่อกับแม่ก็คราวหนึ่งแล้ว เธอรู้ในเวลาที่ช้าไปและเสียใจนานกว่าใคร
ทันทีที่ลงจากรถความในใจที่อัดอั้นก็ระเบิดออกมาเพียงเพราะเห็นใบหน้าที่หลายต่อหลายครั้งมองเธออย่างห่วงใย คอยช่วยเหลือ และสุดท้ายกลับทรยศหักหลังทำลาย
“มาลิน...มาแล้วหรือ”
มาลินกระโจนเข้าใส่ร่างสูงที่ยืนรอราวกับคิดว่าจะได้คำขอบคุณหรือกอดดีใจ ไม่ใช่! เราเป็นแค่คนรู้จักกันนับจากนี้ ถ้าอาการไม่หนักหนาทำไมป่านนี้แล้วหมอยังไม่ออกมาจากห้องผ่าตัด
สีหน้าของเขาบอกแทนคำพูดมากมาย เพียงเห็นแววตาคู่นั้นภาวัตก็ยืนนิ่งเพียงพริบตากำปั้นน้อยๆ ก็ชกไม่ยั้งที่อกหนา ความโกรธ เสียใจฟุ้งกระจายระบายออกมาคลอเสียงร้องไห้รำพันจากคนหัวใจสลาย ครอบครัวสำคัญมากมาย หากขาดใครไป คำนี้คงหายไปพร้อมกัน
“เพราะคุณ คุณคนเดียว ถ้าไม่เข้ามาในชีวิตของพวกเรา ตาคงไม่โมโหจนขับรถเข้ากรุงเทพฯ คุณทำเรื่องลับหลัง พอถูกจับได้แล้วทำไมไม่ออกไปจากชีวิตพวกเราซะ ทำไมต้องโกหกกันด้วย ถ้าตาเป็นอะไรไป...”
ร่างเล็กกว่าหยุดมือแล้วทรุดลงนั่งร้องไห้เสียเอง มือหนาวางลงบนไหล่บาง แต่กลับถูกสะบัด เธอมองเขาผ่านม่านน้ำตา ทั้งที่คิดว่าเขาเชื่อใจได้ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือ เพื่อนทำไมถึงทรยศหักหลัง
“ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนั้น”
“ไม่ได้ตั้งใจ แต่ส่งคนไปหลอกตา วางแผนเสียมากมาย แล้วถ้าตั้งใจเราทั้งครอบครัวจะเป็นยังไงคะ”
มาลินลุกขึ้นยกมือเช็ดน้ำตามองหาแม่อย่างกับเด็กหลงทาง ภาวัตยังตามมาคว้าแขนเรียวไว้ สายตาของกวางบาดเจ็บถูกพรานทำร้ายมองมา มือหนาคลายออก
“ขอร้องล่ะค่ะ ต่อไปนี้อย่ามายุ่งกับพวกเราอีก”
“คงไม่ได้หรอก ในเมื่อเธอคิดว่าฉันทำให้เกิดเรื่องราวทุกอย่างขึ้น ฉันจะรับผิดชอบ ไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“ฉันโกรธคุณ โมโหมากอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใคร ที่ผ่านมาถึงคุณจะช่วยฉันไว้หลายๆ เรื่องแต่ทั้งหมดก็เพราะต้องการหลอกพวกเรา คุณมันไม่มีหัวใจ ทำทุกอย่างเพื่อเป้าหมาย โดยที่ไม่สนใจเลยว่าใครจะเป็นยังไงบ้าง” ยิ่งพูดความรู้สึกทั้งมวลก็ออกมาเป็นน้ำตาอีกครั้ง
ภาวัตยกมือยอมแพ้ไม่เถียงกลับ “ถ้ายังไงหายโกรธ เอาไว้ค่อยด่าฉันต่อ เรายังต้องพบกันอีกนาน วันนี้เธอไม่อยากเห็นฉันอีกก็ไม่เป็นไร แต่อยากให้รู้ไว้ ไม่ว่าอะไรที่ฉันทำมีพื้นฐานจากความหวังดี ไม่ได้คิดร้ายเลยแม้แต่นิดเดียว”
มีความลังเลในสายตาของมาลินทว่ากลับเลือนหายไปพร้อมๆ กับใบหน้าซีดหมองเบือนไปมองประตูห้องผ่าตัดที่เปิดพอดี หมอก้าวออกมา ภาวัตคว้ามือเล็กเย็นเฉียบให้ตามไปด้วยกัน
“คุณร่มธรรมเป็นยังไงบ้างครับหมอ ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมครับ”
ความกลัวจู่โจมสู่หัวใจดวงน้อยอีกครั้ง มือหนาประสามือบางสั่นเทาไว้ เสียงถอนใจของหมอมาก่อนคำตอบที่แม้จะรอคอยเพียงเสี้ยววินาทีทว่ามันยาวนานจนอาจทำให้ใครบางคนหัวใจสลายได้
“หมอพยายามแล้วนะครับ ตอนนี้ผ่าตัดผ่านไปด้วยดี ต้องรอว่าคนไข้จะฟื้นเมื่อไหร่ แต่สมองได้รับการกระทบกระเทือนมาก อาจมีผลต่อร่างกายในหลายๆ ส่วน”
“ยังไงหรือคะ” มาลินบีบมือภาวัตแน่น
“ทำใจดีๆ ไว้ก่อนครับ อาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ รอคนไข้ฟื้นก่อน เราถึงจะตอบอะไรได้มากว่านี้นะครับ”
“แล้วถ้าจะเข้าไปเยี่ยมล่ะครับ”
หมอยิ้มให้กำลังใจ “ยังไม่สะดวกนะครับ เอาไว้เป็นพรุ่งนี้ดีกว่า ควรให้คนไข้ได้พักผ่อน”
มาลินยืนนิ่งราวกับหุ่นเมื่อกลั้นหายใจจนต้องกอบโกยอากาศเข้าไปเมื่อร่ายกายไม่อาจทานทนต่อไปได้ สายตายังมองหมอที่เดินจากไปแล้ว ขาทั้งสองข้างอยากตามไปถามให้รู้อะไรมากกว่าการต้องรอ ตายังปลอดภัยดีใช่ไหม ไม่มีอะไรน่ากังวลมากกว่าที่คิดไปก่อนใช่หรือเปล่า
“อย่าเพิ่งกังวลใจไปเลยนะ”
เสียงของภาวัตราวกับลอยมาจากที่ไกลแสนไกล เธอผินมองเขาประหนึ่งเชือกเส้นเล็กๆ ที่พัดพามาหาคนที่ใกล้จมน้ำตาย แต่มันจะมีประโยชน์อะไร หากว่าเขาพร้อมจะตัดเชือกเมื่อไหร่ก็ได้
“เพราะคุณคนเดียว บอกให้ไป ทำไมยังไงไม่ไปอีก ต้องให้ฉันบาดเจ็บ เสียใจจนอยู่ไม่ได้อีกคนถึงจะพอใจใช่ไหม ถ้าตาของฉัน...”
ร่างเล็กถูกคว้าเข้ามากอดมิไยที่มาลินจะขัดขืนผลักอกเท่าไหร่ ภาวัตกอดแน่นกระชับให้ไออุ่นและกำลังใจ เวลานี้มาลินไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากใครสักคนที่บอกว่า...ไม่เป็นไร เพียงแต่เขาอยู่ใกล้เธอที่สุดเท่านั้น
“อย่าลืมสิว่าในเวลานี้ เธอต้องเข้มแข็ง ถ้ายังร้องไห้ฟูมฟายทำตัวอ่อนแอ แม่ของเธอจะเป็นยังไง ไปเยี่ยมแม่ของเธอกันดีกว่า”
ดวงตาบวมช้ำเบิกกว้าง ภาวัตอยากเขกหัวตัวเอง ลืมไปสนิทว่าเธอยังไม่รู้เรื่อง
“อย่าเพิ่งคิดไปไกล แค่เป็นลมน่ะ เช็ดน้ำตาซะ แล้วล้างหน้า ทำตัวเองให้สดชื่น แล้วค่อยไปหาแม่”
สมองที่ว่างเปล่าประหนึ่งหุ่นยนต์ทำตามคำสั่งอย่างง่ายดาย มาลินหยุดร้องไห้เดินเข้าห้องน้ำไปเงียบๆ ภาวัตมองตามถอนใจเบาๆ สงสาร รู้สึกผิด โกรธนิดๆ ระคนกัน ยืนรอแต่ไม่ตามไปให้เธอรำคาญใจ เวลานี้แม่กับลูกควรได้อยู่ด้วยกัน
“นั่นหรือหลานของร่มธรรม”
ภาวัตชะงักหันมามองปู่ เกลื่อนสีหน้าด้วยรอยยิ้มไม่อยากถูกคนแก่ตาไวจับได้ ไปกินข้าวกลับมาเร็วจริง หรือแอบดูอยู่แล้วก็ไม่รู้
“นั่นแหละปู่ มาถึงก็ใส่ผมใหญ่เลย เด็กบ้าอะไรก็ไม่รู้” หลานหรี่ตามมอง ปู่ไม่รู้จริงๆ หรือ ถ้างั้นคงสบายใจได้ว่าซื้อที่ดินไม่ได้พ่วงแผนจับคู่
“อาการของคุณร่มธรรมยังบอกอะไรไม่ได้มาก หมอผ่าตัดสมองเสร็จแล้ว แต่ต้องรอฟื้นถึงจะรู้อาการที่แท้จริงได้ ถ้ายังไงปู่กลับก่อนก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมมีอะไรคืบหน้าจะโทรไปบอกเอง”
“ฝากด้วยนะ เรื่องค่าใช้จ่ายปู่จะ...”
ภาวัตยกมือห้าม “ผมจะรับผิดชอบเองนะปู่ ที่คุณร่มธรรมขับรถมาแล้วเกิดอุบัติเหตุก็เพราะเรื่องที่ผมทำ รู้สึกผิดชะมัดเลย ตอนทำไม่คิดว่าจะเลยเถิดจริงๆ”
“ถ้างั้นปู่ก็ผิดด้วยละวะ ไม่คิดว่าแค่อยากช่วยจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต” ทีปต์ถอนใจยาว หวังดีแท้ๆ แต่กลายเป็นยิ่งแย่กว่าเดิม “ถ้าตอนนั้นปู่ชัดเจนไปเลย น้องสาวของธรรมคงจะไม่... นั่นล่ะ ยังไงปู่ก็ผิดอยู่ดี”
“อ้าว! ปู่ อย่ามาแย่งซีนย้อนอดีต เฮิร์ททีละเรื่อง” ภาวัตกอดอกแกล้งขมวดคิ้วใส่ไม่ชอบเห็นหน้าเศร้าๆ เลยถูกค้อนใส่ตามคาด
“ปู่กลับก่อนแล้วกันนะครับ ผมจะอยู่ที่นี่ต่อจนกว่าเรื่องจะเรียบร้อย ส่วนงานจะสั่งทางโทรศัพท์ คงไม่เกิน 2 วัน”
ความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นตามอายุคงจะจริง ทีปต์ยิ้มบางมองลูกชายของน้องสาวบุญธรรมความรู้สึกนี้เหมือนจะใกล้เคียงกับยามที่มองคิมหันต์เข้าไปทุกที ภูมิใจและเป็นห่วง มือเหี่ยวย่นวางบนไหล่หนา การมีภาคเข้ามาในชีวิตของภาวัตทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
“ขอบใจมากนะ เดี๋ยวปู่จะไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้าภาคเอง”
ภาวัตอ้าแขนกอดชายชรา “ไปกอดภาคต่อให้ด้วยนะปู่”
ทีปต์หัวเราะชอบใจ นี่คือสิ่งที่หลานสองคนแตกต่างกัน ภาวัตแสดงออกว่ารักแล้วทำให้รู้ แต่มันแย่ตรงไปแสดงออกมากจนสาวเข้ามาจนดูไม่ออกแล้วว่าคนไหนตัวจริงตัวหลอก ขืนเป็นอย่างนี้มีหวังเจ้าภาคคงกำพร้าแม่ตั้งแต่เด็กยันโต แพรมนก็เกือบจะเข้าท่าอยู่แล้ว แต่ดันเป็นทอมขนานแท้ไปเสียนี่

เก้าอี้หน้าห้องกลายเป็นที่นั่งพักระหว่างรอ ภาวัตไม่เข้าไปในห้องแล้วทะเลาะกับมาลินให้พัชนีไม่สบายใจ เรื่องราวในตอนนี้ราวกับย้อนกลับไปให้คิดถึงช่วงเวลาที่เขากับแม่ไม่เหลือใคร พ่อเพิ่งจากไป แม่ล้มป่วยมีเพียงเขาที่อยู่ข้างๆ จนกระทั่งประตูห้องเปิดออกแล้วทีปต์ก้าวเข้ามาราวกับแสงสว่างที่นำพาเขาจากที่มืดจนมาถึงวันนี้
เขาอาจจะเหมือนปู่ในวันนั้น ทว่าแสงสว่างที่เขาอยากให้มาลินกับครอบครัวต้องไปหาจากที่ไหนกัน
มาลินออกมาจากห้องใบหน้าอิดโรยชะงักมอง ร่างสูงลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้ เธอถอยหลังไปแสดงออกว่าไม่เชื่อใจกันอีกแล้ว
“ถ้าจะไล่ฉันก็หยุดเลยนะ” เขาพูดดักไว้ก่อน
มาลินอ้าปากค้าง แต่เรื่องอะไรจะต้องฟัง “แล้วทำไมคุณยังไม่กลับไปอีกล่ะคะ ยังอยู่เพื่ออะไร ตอนนี้ตาไม่ยังไม่ฟื้น คงขายที่ให้คุณไม่ได้หรอกค่ะ ถ้ารอเพื่อสิ่งนี้ ก็ไปจากพวกเราเสียเถอะ”
“หิวไหม เหนื่อยหรือเปล่า”
เฉย เงียบ ไม่ตอบ แต่ภาษากายบอกชัดว่าคนดื้อหิวจะแย่อยู่แล้ว มือหน้าคว้าข้อมือเล็ก เลยถูกค้อนใส่ ลืมไปแล้วหรือไงว่าอาจไม่ผ่านงาน โทษฐานก้าวร้าวต่อนายจ้าง
“ไปหาอะไรกินด้วยกัน ดึกป่านนี้แล้วคงไม่ค่อยมีอะไรให้กินเท่าไหร่ เธออยากกินอะไรล่ะ ฉันจะหาให้”
“ไม่ไปค่ะ”
มือหนาดึงมือบางไว้ไม่ยอมปล่อยแถมยังรั้งให้เดินตามมา ใครแรงมากกว่าย่อมชนะ ไม่อยากไปก็ต้องยามทำตามใช่ไหม นี่เองตัวจริงของภาวัต เอาแต่ใจ ไม่เกี่ยงวิธีการ
ภาวัตหยุดเดินมองมือที่ยังขืนไม่ยอมทำตามใจ ราวกับได้พบมาลินอีกแบบที่เขาไม่รู้จัก
“แปลกดีนะ ไม่นึกว่าเธอจะดื้อ แต่พอดื้อแล้วก็สนุกดี มาลองดูกัน เธออยากเอาแต่ใจก็ทำไป ฉันมันพวกยิ่งขัดใจ ยิ่งอยากเอาชนะ ว่าไง จะไปดีๆ หรือว่าจะให้อุ้ม ตัวแค่นี้ฉันอุ้มแล้วเดินรอบโรงพยาบาลยังได้”
ร่างสูงขยับเข้ามาใกล้ ร่างเล็กถอนกรูด แต่ไม่ถึงก้าวเพราะยังถูกจับมือไว้ ทำไมเขาไม่ไปเสียทีนะ จะมาบังคับเธอให้ได้อะไรขึ้นมา สีหน้าของเธอบอกออกมาอย่างนั้น ภาวัตมั่นใจว่าเดาไม่พลาด
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันเดินเอง”
“แทนตัวเองเหมือนเดิมด้วย” เขาสั่ง
“ทำไมคุณต้องมาบังคับด้วยฉัน...”
เรียวปากบ้างเม้มขัดใจ ร่างสูงวาดแขนกำลังจะตวัดอุ้ม มาลินร้องห้ามเสียงหลง สุดท้ายก็ต้องทำตามใจ
“เอ่อ ลินด้วย”
“ก็เธอบอกว่าฉันผิด มีส่วนทำให้เกิดเรื่องราวในวันนี้ขึ้น ตอนนี้ที่ทำให้แค่รับผิดชอบ อย่ามาขัดขวางดีกว่า เธอสู้ฉันไม่ได้หรอก ไม่ว่ามองด้านไหน”
สีหน้าคนพูดแสนจะมั่นใจ มาลินไม่อยากเถียงให้ต้องมาเหนื่อยแรงอีก ลิฟต์มาพอดี เธอมองไม่ก้าวเข้าไป แต่ภาวัตกลับคว้ามือบางเป็นความปลอดภัยที่ส่งผ่านจากรอยอุ่นของฝ่ามือใหญ่ให้อย่างที่เคยทำ เธอดึงมือออกเพราะเขายอมลงให้ แต่ไม่ถึงวินาทีก็จับมือกลับไปใหม่ เกิดเป็นลม หน้ามืด หายใจไม่ออกขึ้นมาจะทำยังไง ภาวัตกำราบเด็กดื้อด้วยสายตาดุๆ
มาลินเดินตามมาที่รถด้วยกันดีๆ ไม่ต้องเสียแรงฉุกกระชาก แต่ก็นั่งเงียบ ชายหนุ่มมองมาไม่อยากถือสา อยากวีนแหลกย่อมดีกว่าโศกาน้ำตาร่วง จนมาถึงร้านอาหารเล็กๆ ข้างทางที่ยังเปิดอยู่ อาหารถูกสั่งไปแม้ว่าเธอจะใช้ความนิ่งต่อต้านอยู่เงียบๆ
“ขอบคุณค่ะ...”
จู่ๆ มาลินก็เอ่ยขึ้นแล้วยกมือไหว้แต่หน้ายังบึ้ง ภาวัตหันมามองทำหน้าเฉยใส่บ้าง ยัยเด็กบ้านี่บางทีเข้าใจยากยิ่งกว่าเด็ก 5 ขวบอย่างภาคเสียอีก
“ขอบคุณเรื่องอะไรล่ะ ที่ไม่อุ้มออกมาจากโรงพยาบาลน่ะเรอะ”
มาลินส่ายหน้าดวงตาสับสน “ไม่ใช่ค่ะ เรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดแล้วก็เรื่องของแม่ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ลินจะหาเงินมาคืนคุณวัตให้ได้ แต่ตอนนี้คงต้องรอไปก่อน สภาพที่ไร่...”
“ฉันพูดสักคำหรือยังว่าอยากได้เงินคืน”
ก็เพราะเขาไม่พูดจนเธอไปถามหมอจนรู้ว่าค่าใช้จ่ายไม่ใช้น้อยๆ แล้วเขาจ่ายไปแล้วก่อนที่เธอจะรู้เสียอีก ใจหนึ่งโกรธเคืองไม่พอใจ แต่พอเขาช่วยเลยไม่รู้ว่าจะทำยังไงถึงได้สับสนอยู่อย่างนี้ไงล่ะ
“ถึงคุณไม่พูด ลินก็ต้องพูดค่ะ ถ้าตารู้ว่ารับเงินของคุณมา คงไม่ชอบใจเท่าไหร่”
ภาวัตถอนใจ คนบ้านนี้เป็นยังไงช่างจดจำและรั้นจนน่าโมโห
“ตามใจ กินเข้าไปได้แล้ว เดี๋ยวเป็นลมเพราะหิว ฉันจะต้องมารับผิดชอบเธออีกคน”
ทั้งคนพูดและคนฟังพากันชะงักแล้วปล่อยให้ผ่านไปเมื่อต่างรู้ว่า ‘ความรับผิดชอบ’ ไม่ได้มีความหมายแอบแฝง ภาวัตสังเกตมาลินอยู่เงียบๆ ไม่สบายใจแต่ยังสบายกายก็น่าจะเบาใจได้ จนกว่าเรื่องยุ่งๆ จะจบลงเขาจะคิดเสียว่ามีลูกสาวเพิ่มมาอีกคน

หนังสือวางแผงแล้วนะคะ สามารถซื้อได้จากร้านหนังสือทั่วประเทศหรืออ่านต่อใน E-BOOK เว็บ MEB ค่ะ ฝากภาวัตกับมาลินด้วยจ้า
อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ธ.ค. 2558, 09:45:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ธ.ค. 2558, 09:45:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 1028





<< ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง   ตอนที่ 11 ครึ่งหลัง >>
konhin 20 ธ.ค. 2558, 12:28:42 น.
แผนพังเกิดเรื่องเลย


ปลาวาฬสีน้ำเงิน 20 ธ.ค. 2558, 15:05:30 น.
เข้าไปดูที่ร้านหนังสือใกล้บ้าน (เสนานิคม) ยังไม่มีเลยค่ะ


บรรพตี 20 ธ.ค. 2558, 15:10:18 น.
ถ้าต่างจังหวัดอาจต้องรอสัก 2-3 วันนะคะ คุณ ปลาวาฬสีน้ำเงิน ขอบคุณที่ชอบเรื่องนี้นะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account