เล่ห์รักพรางแค้น วางแผงแล้ว สนพ ทัช
ใครจะไปคิดว่าการทำภารกิจให้ปู่ กลับกลายเป็นถูกโชคชะตากลั่นแกล้งให้เขาถูกสลัดลงจากคาน ยัยซื่อบื้อนั่นน่ะหรือคือไก่วัดที่ทำให้เขากลายเป็นสมภาร
Tags: ความรัก ความหลัง

ตอน: ตอนที่ 11 ครึ่งหลัง


ส่ง ‘ลูกสาว’ ให้ถึงมือแม่แล้ว ภาวัตเดินทางต่อไปที่พักในคืนนี้ คนขับรถดูล้าพอกัน ถนนค่อนข้างเงียบในเวลาใกล้เที่ยงคืน ภาวัตนั่งตรวจงานที่เลขาส่งเมล์มาให้ ทว่าสมาธิของเขากลับไปอยู่ที่สายตาของมาลินยามมองก่อนเข้าห้องของพัชนีไป




...เด็กหลงทาง หัวดื้อ น่ารำคาญ กวนโมโห




ถ้าขอให้ช่วยมีหรือจะวางเฉยได้ ภาวัตถอนใจหงุดหงิดอยู่ในใจ คนขับรถเหลือบมองพลางขับรถต่อไป อีกไม่ไกลจะถึงโรงแรมที่คุณเลขาโทรมาจองไว้แล้ว ว่าแต่รถมอเตอร์ไซค์คันนี้ทำไมไม่ขับไปสักที ชะลอเหมือนจงใจ




“คุณวัต...!?! ระวังครับ”




...ปั๊ก?!?




ภาวัตหันไปมองไม่ทันได้หลบ ตกใจวูบแรก กระจกกันกระสุนไม่แตก แต่เป็นรอยร้าว รถมอเตอร์ไซค์เร่งเครื่องทะยานหายไปในความมืด สายตาคมเพ่งมองป้ายทะเบียนรถแล้วจดจำไว้ คนขับรถหันมามองนายรีบกดโทรศัพท์ แต่กลับถูกห้ามไว้




“อย่าบอกเรื่องนี้ให้พี่คิมกับปู่รู้เด็ดขาด” ถ้าปู่รู้อะไรจะตามมา ไม่อยากเดา “บางทีอาจเป็นพวกวัยรุ่นนิสัยเลวที่ชอบขว้างหินใส่รถในเวลากลางคืนก็ได้”




รถถูกขับต่อแต่ระวังมากขึ้น ภาวัตโทรหาตำรวจที่พอจะรู้จักกันเพื่อขอคำแนะนำ พรุ่งนี้คงต้องไปสถานีตำรวจก่อนมารบรากับยัยตัวยุ่ง ป่านนี้หลับไปแล้วหรือยัง โทรศัพท์มีเบอร์รอกดออก แต่กลับเปลี่ยนใจไม่โทร ได้คุยกับเขาก่อนนอนอาจไม่หลับก็ได้ ทำไมเข้าใจอะไรยากเสียจริง









เช้าวันใหม่มาลินยังใส่เสื้อผ้าชุดเดิมกำลังช่วยพยาบาลเช็ดตัวให้แม่ที่อาการไม่มีอะไรน่ากังวลจนหมออนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว แต่ตายังไม่ฟื้น ตลอดทั้งคืนเธอนอนหลับๆ ตื่นๆ จนรู้สึกไม่สดชื่นและไม่พร้อมรับปัญหาอย่างมาลินคนเดิมนัก เงินที่ยังพอมีเตรียมไว้แล้ว อีกประเดี๋ยวเธอจะออกไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายในส่วนของแม่ ลุงหมายมอบหมายงานในไร่แล้วจะรีบมารับเราสองคนกลับบ้าน




ประตูห้องเปิดออกมาลินไม่ได้สนใจในตอนแรก หากว่าเสียงเดินจะเข้ามาใกล้ๆ เมื่อหันไปความสดชื่นอันน้อยนิดราวกับหายไป แล้วยังของที่คนขับรถนำเข้ามาอีก ถุงอะไรเต็มไปหมด ไม่ได้อนุญาตสักหน่อย ภาวัตกอดอกมองเฉย คนมือไม้อ่อนทำไมมือแข็งจนน่าตี




“ทำอะไรของคุณคะ ข้าวของพวกนี้ขนเข้ามาทำไม”




ภาวัตมองแล้วเมินยกมือไหว้พัชนี “สวัสดีครับคุณป้า วันนี้หมอบอกว่าถ้าอาการเป็นปกติ ก็กลับบ้านได้แล้ว”




พัชนีพยักหน้ารู้เรื่องที่ภาวัตช่วยเรื่องค่าผ่าตัดแล้วจากการปรึกษาหาวิธีใช้หนี้กับลูกสาวเมื่อคืน




“ขอบใจนะพ่อวัต”




“ผมเต็มใจครับ” ภาวัตยิ้มให้อย่างจริงใจก่อนหันไปทำหน้าขึงขังใส่คนยังไม่ได้อาบน้ำ ซักแห้งมาตั้งแต่เมื่อวาน




“ส่วนเธอ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จะซักแห้งไปถึงเมื่อไหร่ อยู่กับคนป่วยต้องทำตัวสะอาดๆ ไว้สิ นี่อะไร ตั้งแต่เมื่อวานยังใส่ชุดเดิม ถ้าฉันไม่ฉุกคิดขึ้นมา เธอคง...อย่าให้พูดเลย”




มาลินเขินจนหันหน้าหนี แต่ยังไม่วายบ่นเสียงดังๆ ให้คนรู้ดีได้ยิน




“มันเรื่องของลินค่ะ คุณวัตได้แล้ว”




“ลิน...พูดไม่เพราะไม่เลยลูก” พัชนีดุลูกสาว




ภาวัตทำหน้าขบขันไม่รู้ไม่ชี้ เห็นไหมเรื่องง่ายๆ แค่นี้ใครก็เข้าใจทั้งนั้น ยกเว้นคนเดียวเนี่ยแหละ




“แต่ว่า แม่คะ เขาเป็นคนทำให้ตา...”




“แค่บางส่วน กล่าวโทษไปทีละเรื่อง ไม่ใช่เหมารวมทั้งหมด แม่ไม่ได้สอนให้ลินเป็นคนไม่มีเหตุผลแบบนี้นะ ยกมือไหว้พี่เขาเดี๋ยวนี้เลย”




สีหน้าคนขัดใจอยากวีนให้สาแก่ใจ แต่ก็รักแม่เกินกว่าจะทำให้ไม่สบายใจได้ มือบางยกขึ้นไหว้อย่างสวย แต่หน้าบึ้งตึงงอง้ำ




“ขอโทษค่ะ รู้ใช่ไหมคะว่าลินกำลังพูดไม่ตรงกับใจ”




ภาวัตพยักหน้าให้ตามสนอง เรื่องกวน... เขาก็ไม่รองใครเหมือนกัน มาลินขมวดคิ้วใส่ ต่อต้านเขาสุดกำลัง หากปล่อยให้เป็นอย่างนี้เขาจะกลายเป็นคนสำคัญ ทั้งที่ทำให้เกิดเรื่องทั้งหมด




“เดี๋ยวลินไปดูตาก่อนนะคะเผื่อว่าหมอจะยอมให้เข้าไปเยี่ยมแล้ว”




“ฉันไปด้วย เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกัน”




มาลินหันมาพูดว่า...ไม่! แต่ถูกแม่จ้องเลยยิ่งกว่าน้ำท่วมปากเดินเหมือนถูกคุมออกไปจากห้อง แต่ยังไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ลอยมาจากคนข้างหลัง พอหันไปค้อนกลับลอยหน้าลอยตาไม่สลดนักนิด นี่หรือจะรับผิดชอบ มากวนโมโหและหาพวกมากกว่า ทำไมแม่ถึงไม่โกรธเหมือนอย่างที่เธอรู้สึก เพราะช่วยค่ารักษาตางั้นหรือ ไม่ใช่แน่ๆ




“น้องลิน...”




ภาวัตหันไปมองก่อนคนถูกเรียกเสียอีก ชานนท์ยิ้มหวานให้มาลินมาแต่ไกล แล้วดูรึ ยัยคนหน้าง้ำก็อุตส่าห์ยิ้มตอบ ไหนว่าเศร้าตากำลังป่วย




“พี่นนท์ สวัสดีค่ะ มาเยี่ยมตากับแม่หรือคะ”




ชานนท์รับไหว้มือประคองอย่างงามนี่มันฉากพระเอกกับนางเอกเจอกันชัดๆ ภาวัตแกล้งถอนใจเสียงดังเลยถูกจ้อง หายใจดังยังผิด โลกนี้อยู่ยากขึ้นทุกวัน




“ใช่จ้ะ แต่ก็เป็นห่วงน้องลินด้วย ถึงได้รับมา ถ้ารู้เรื่องเร็วกว่านี้ พี่คงมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ทำใจดีๆ ไว้นะ ลุงธรรมเป็นคนดี”




“ลินกำลังจะไปหาหมอค่ะ เมื่อวานตาผ่าตัดสมอง...”




เสียงมาลินเริ่มสั่น ตารื้น ภาวัตขยับเข้ามาใกล้




“ไปด้วยกันไหมคะพี่นนท์ ลิน...กลัว”




“ได้สิ ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกได้ เราไม่ใช่คนอื่นคนไกล อีกหน่อยก็จะเกี่ยวดองกันอยู่แล้ว”




นั่นไง! ถึงว่าไอ้หมอนี่มาแบบมั่นใจเต็มสูบ งานนี้เขามาช่วยก็กลายเป็นแส่กระมัง แต่ช่วยไม่ได้เขาอยากทำ แล้วดูเดินเคียงกันไป ไม่ชวนกันสักคำแผนตื้นไปแล้วหนูน้อย




“คุณตามมาทำไมอีกคะ”




“ฉันเป็นเจ้าของไข้ ยังเด็กๆ อยู่ ไม่น่าเป็นอัลไซเมอร์เลยนะ”




ภาวัตตีหน้าซื่อใส่ ‘ลูกสาว’ ที่หน้างอแถมยังเผื่อแผ่ให้ว่าที่ว่าที่ลูกเขยเจ้าของไร่ข้างๆ ถ้ามาลินรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรคงอายมุด เรียวปากหนายิ้มพราวพานให้คนมองสงสัย




“ได้ข่าวว่าคุณได้คุยกับลุงธรรมตอนพาส่งโรงพยาบาล พอดีเพื่อนที่เป็นกู้ภัยบอกว่าอีกที ลุงธรรมพูดอะไรถึงน้องลินหรือคนอื่นในไร่บ้างหรือเปล่าครับ”




คนรู้ดีที่สุดทำหน้าไขสือ “ไปหาหมอกันดีกว่า เรื่องนี้ผมจะบอกมาลินทีหลังแล้วกัน”




มาลินชะงักมองถ้าเขาได้คุยกับตาก่อนที่จะมาถึงโรงพยาบาลทำไมถึงไม่บอก ครั้นจะถามก็ไม่สบโอกาส ชานนท์จับมือบางมากุมไว้แล้วพาเดินไปด้วยกัน ภาวัตเดินตามมองยิ้มพราว ว่าที่คู่หมายทำไมทำหน้าเหมือนอยากชักมือหนีแบบนั้น ชั่วแวบเดียวเด็กนั่นก็ดึงมือออกมาเนียนๆ ยังดีที่รู้จักดูแลตัวเอง









หมอยังไม่ให้เยี่ยมต้องรอดูอาการอีกสักระยะ แต่ยังพอมีข่าวดีอยู่บ้างเมื่ออาการบาดเจ็บต่างๆ ดีขึ้น พรุ่งนี้อาจให้เข้าเยี่ยมได้ ภาวัตรับฟังเงียบๆ ก่อนจะปลีกตัวออกมา มาลินมองอยากตามไปด้วย แต่เขาไม่ใช่คนที่เธอจะขอให้ช่วยได้อีกแล้ว




ใครคนหนึ่งเดินมาหา ภาวัตมองไกลๆ ยังจำได้ อยากเดินหนี แต่ได้ประโยชน์อะไร ยังไงก็ตามเจออยู่ดี มันอาชีพของรหัท เขาไม่น่าลืมว่าคนขับรถก็อดีตลูกน้องเก่าของปู่




“ผมไม่ได้นัดกับพี่คิมสักหน่อย มีธุระแถวๆ หรือไงคุณบอดี้การ์ด”




รหัทกดยิ้มที่มุมปาก คิดหรือว่าเขาจะยอมกลับไปง่ายๆ คุณทีปต์กับคิมหันต์ได้เล่นงานเขาน่ะสิ




“คุณคิมส่งผมมาครับ”




“ส่งมาทำไม ตอนนี้บ้านเราไม่ได้มีใครมาตามฆ่าสักหน่อย หรือว่าไปทำอะไรไม่ถูกใจพี่คิมเข้า เลยถูกส่งมาทางนี้” ภาวัตแกล้งกวนกลับ เขามันคนธรรมดาจะมีไปทำไมบอดี้การ์ดน่ะ




“เรื่องก้อนหินเมื่อคืนไม่น่าจะบังเอิญ ผมเลยถูกส่งมาครับ”




“คิดมากไปหรือเปล่า”




รหัทยิ้มรู้ทัน เสียงสูงกลับมาแบบนั้นคิดเหมือนกันล่ะสิท่า




“ตำรวจเพิ่งตรวจรถของคุณร่มธรรมแล้วพบว่าสายน้ำมันเบรกถูกเจาะ นี่อาจจะเป็นเบาะแสของการฆาตกรรมที่ทำให้เหมือนอุบัติเหตุ”




“พูดเป็นเล่น” แต่สีหน้าคนถามจริงจัง “มีคนคิดฆ่าคุณร่มธรรมเนี่ยนะ ทำไปทำไม”




“คุณคงต้องหาคำตอบครับ ประโยคนี้ คุณทีปต์ฝากมาบอก ตอนนี้ผมคงต้องเป็นเงาของคุณสักพัก จนกว่าจะถูกเรียกตัวกลับ”




ภาวัตอยากจะโทรไปเม้งพี่ชาย แต่เสียเวลาเปล่า ความเอาแต่ใจมันแทรกมาตามสายเลือด ใครขัดใจปู่กับหลานคู่นี้ได้ที่ไหน รู้หรอกว่าห่วง แต่ไม่ถามก่อนบ้างเลย แล้วไงล่ะงานนี้อยู่ดีๆ มีเงาเพิ่ม









ร่างสูงกลับมาที่ห้องคนไข้แต่ไม่เข้าไป มองผ่านช่องกระจกบานใส ชานนท์คงกลับไปแล้ว เหลือแต่ลุงหมาย แล้วมาลินล่ะ เด็กนั่นหายไปไหน คลาดสายไม่ได้เลยใช่ไหม ถึงจะบ่นพึมอยู่ในใจมากมาย แต่ขาทั้งสองยังวิ่งหาไปทั่ว เถอะน่า นี่ก็ส่วนหนึ่งของการรับผิดชอบ




หาอยู่ไม่กี่นาทีก็เจอ มาลินนั่งเพียงลำพังอยู่ที่ระเบียงชั้น 3 ไหล่ทั้งสองข้างลู่ลงสั่นสะท้าน ความสงสารแทนที่ความหมั่นไส้ภายในวินาทีเดียว เขากระแอมให้เสียงก่อนจะเปรยลอยลมไป




“เป็นอะไรล่ะนั่น ร้องไห้อีกแล้วหรือไง ยังไม่มีข่าวร้ายกว่าที่เธอรู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ”




ฟังแค่เสียงมีหรือจะจำไม่ได้ “เปล่าเสียหน่อย ตรงนี้มันลมเย็นสบายเห็นอะไรกว้างดี”




มาลินหยุดร้องไห้ไม่อยากอับอายอ่อนแอต่อหน้าเขาอีก มือทั้งสองข้างยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาลวกๆ รีบตอบกลับก่อนที่จะถูกสงสัย




เขาต้องทำเป็นไม่เห็นใช่ไหม...




ภาวัตนั่งลงเว้นระยะห่างพลางมองวิว ปัญหาของมาลินตอนนี้มากกว่าที่เจ้าตัวคิด ที่ดินยังขายไม่ได้เมื่อร่มธรรมยังไม่ฟื้น แล้วยังหนี้สินต่างๆ ค่ารักษาที่เธอยืนกรานจะหาเงินมาคืนให้ เจ้าตัวถอนใจหันมามองราวกับระหว่างเราไม่มีเหตุการณ์เมื่อวานเกิดขึ้น




“เอาจริงๆ ลิน...กลัว”




ใจคนฟังอ่อนยวบ ก่อนหน้ายังทำเข้มแข็งเชิดหน้าใส่อยู่เลย เนื้อแท้แล้วก็อ่อนแอเสียใจอยากให้ใครสักคนช่วยปลอบ แล้วใครคนนั้นก็ดันเป็นเขาเสียอีก




“เอาความเกลียดของเธอที่มีต่อฉันมาเป็นพลังสิ คิดว่ายิ่งเธอร้องไห้ ฉันจะยิ่งหัวเราะ แต่ถ้าเธอมีความสุขหัวเราะเสียงดังมากเท่าไหร่ ฉันจะทุกข์ใจมากเป็นร้อยเท่า”




ร่างเล็กกว่าลุกขึ้นทันควันหันมามองภาวัตอย่างกับคนที่เพิ่งเติมพลังมาจนล้นปรี่




“จะไปไหนล่ะ พอบอกปุ๊บทำปั๊บเลยหรือไง”




“ค่ะ คุณไม่ควรสอนลินเลย ต่อไปนี้เราไม่ใช่เพื่อนกันแล้ว”




อ้าว! ทำไมเป็นแบบนี้ไปเสียล่ะ ภาวัตลุกขึ้นเดินตาม บอกให้เกลียด ไม่ได้บอกให้เลิกเป็นเพื่อนสักหน่อย นอกจากเข้าใจยากแล้ว ยัยเด็กบ้านี่ยังตีความผิด แต่เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว ยิ่งท้าทายให้มันรู้ไปว่าเขาจะสิ้นทาง ผู้หญิงมองผ่านเขายังทำให้รักแทบเป็นแทบตาย แล้วนี่ทำให้กลับมาเป็นเพื่อน...กระจอกมาก


หนังสือวางแผงแล้วนะคะ สามารถซื้อได้จากร้านหนังสือทั่วประเทศหรืออ่านต่อใน E-BOOK เว็บ MEB ค่ะ ฝากภาวัตกับมาลินด้วยจ้า

อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ธ.ค. 2558, 14:30:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ธ.ค. 2558, 14:30:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 1020





<< ตอนที่ 11 ครึ่งแรก   ตอนที่ 12 ครึ่งแรก >>
konhin 21 ธ.ค. 2558, 19:42:20 น.
โหมดพ่อแง่แม่งอน หึๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account