เล่ห์รักพรางแค้น วางแผงแล้ว สนพ ทัช
ใครจะไปคิดว่าการทำภารกิจให้ปู่ กลับกลายเป็นถูกโชคชะตากลั่นแกล้งให้เขาถูกสลัดลงจากคาน ยัยซื่อบื้อนั่นน่ะหรือคือไก่วัดที่ทำให้เขากลายเป็นสมภาร
Tags: ความรัก ความหลัง

ตอน: ตอนที่ 12 ครึ่งหลัง


การขายที่ดินผ่านไปด้วยดี แม้ว่าจะยังต้องทำธุระทางทาราชในการโอนต่อ แต่เงินได้โอนเข้าบัญชีของพัชนีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปัญหาขัดสนในไร่กำลังได้รับการแก้ไข ส่วนค่ารักษาร่มธรรมนั้นภาวัตยืนกรานจะจ่ายให้ พัชนีพูดอย่างไรก็ไม่ยอม ข่าวดีมาถึงในเวลาเช้าของวันที่ 3 มาลินพาแม่ไปโรงพยาบาล แต่ถึงกระนั้นสีหน้าของพัชนีก็ยังไม่สู้ดีนัก




“ทำไมหมอถึงอยากพบเราสองคนก่อนล่ะยัยลิน แม่ว่ามันแปลกๆ เหมือนมีอะไร แต่บางทีแม่อาจกังวลไปเองก็ได้”




มาลินรู้สึกแปลกในน้ำเสียงของหมอที่โทรหามาแจ้งเหมือนกัน แต่จงใจไม่พูดออกมา เธอถามหมอกลับไปว่ามีอะไรเกิดขึ้น หมอบอกแต่ว่าอยากให้มาฟังด้วยกันที่โรงพยาบาล




สีหน้าของหมอราบเรียบยามที่เธอกับแม่เข้ามาในห้องทำงาน ฟิล์มเอกซเรย์หลายแผ่นติดอยู่ที่ฝาผนัง มาลินจำได้ว่าเป็นของตา มือบางจับมือแม่ไว้แน่น เราอาจกังวลไปเองก็ได้




“ผมอยากอธิบายทำความเข้าใจก่อนน่ะครับ อย่าเพิ่งตกอกตกใจไปก่อน เรื่องแบบนี้อาจต้องใช้เวลา”




“มีอะไรน่ากังวลหรือคะ ตาฟื้นแล้วก็น่าจะเป็นข่าวดีไม่ใช่หรือคะ”




หมอยิ้มบางพลางถอนใจเบาๆ “ครับ เพียงแต่ว่าคนไข้จำเรื่องราวต่างๆ ยังไม่ได้ รวมทั้งว่าตัวเองเป็นใครเพราะสมองถูกกระทบกระเทือนแล้วจากการผ่าตัด สมองส่วนที่กระทบเป็นส่วนที่เกี่ยวกับความทรงจำ เพราะฉะนั้นอาจต้องใช้เวลาสักพักหรืออาจจะ…”




“อาจจะอะไรหรือคะหมอ” พัชนีถามเสียงเริ่มสั่น




“อาจจะจำอะไรไม่ได้เลย นั่นเป็นเคสที่ไม่พบบ่อยนัก อย่าเพิ่งกังวลมากเกินไป คนไข้บางรายเคยมีอาการแบบนี้ แต่ก็กลับมาจำเรื่องราวต่างๆ ได้ภายหลังครับ”




มาลินรับฟังแล้วตั้งสติ อย่างน้อยก็ยังฟื้นขึ้นมา “จากเคสต่างๆ นานแค่ไหนถึงจะจำเรื่องราวต่างๆ ได้คะหมอ”




“หมอบอกไม่ได้ครับ บางรายไม่กี่วัน บางรายเป็นเดือนหรือเป็นปี ญาติก็ต้องช่วยให้คนไข้ฟื้นความทรงจำอย่างไปที่ๆ พิเศษ เล่าเรื่องในอดีตครับ”




สมองที่ตีบตันของมาลินหมดคำถามทำได้เพียงบอกขอบคุณหมอแล้วหันมาให้กำลังใจแม่ซึ่งไม่ต่างจากการให้กำลังใจตัวเอง




“อย่าเพิ่งกังวลมากไปค่ะแม่ อย่างน้อยตาก็ฟืนแล้ว อีกไม่นานตาจะจำเราสองคนได้ ลินไม่ยอมแพ้หรอกนะคะ ตอนนี้เราไปเยี่ยมตากันดีกว่า”




พัชนียิ้มให้ลูกสาว นอกจากร่มธรรมแล้วก็ยังมีมาลินที่เป็นเหมือนดวงไฟช่วยต่อเติมให้ชีวิตเดินต่อไปได้ ทั้งสองตามพยาบาลไปยังห้องที่ร่มธรรมเพิ่งถูกย้ายมาเมื่อเช้า แต่พอเปิดประตูเข้าไปกลับพบเพียงความว่างเปล่า




“ตาหายไปไหนแล้วคะ”




พยาบาลคนเดิมเดินเร็วๆ ไปที่เคาน์เตอร์สอบถามพยาบาลที่เข้าเวรอยู่ก่อนไม่นานก็ได้เรื่องว่า




“คนไข้มีอาการชักค่ะ ตอนนี้ถูกย้ายไปห้องไอซียูแล้วนะคะ”




ท้องฟ้าสดใสพังครืน มาลินคว้าจับมือแม่ไว้ก่อนที่ร่างโงนเงนจะเอนพับลงไป “แม่...คุณพยาบาลช่วยแม่ด้วยค่ะ เป็นลมไปแล้ว”




หลายอย่างเกิดขึ้นผ่านดวงตาและสมองที่มึนชา พยาบาลช่วยกันดูแลพัชนี มาลินก้าวออกมาให้ทุกคนได้ทำงาน ก่อนจะเดินแกมวิ่งไปห้องไอซียู หมอกำลังดูแลตาอยู่ในนั้นหลังประตูบานทึบ ความรู้สึกต่างๆ ประดังเข้ามาราวกับเขื่อนที่ไม่อาจทานทนแรงดันของมวลน้ำมาหาศาลแล้วแตกออกมาเป็นน้ำตาที่ไหลรินอย่างคนใจสลาย




ใครบางคนวิ่งมาหา เธอเห็นไม่ชัดเมื่อมีม่านน้ำตาบังไว้ ร่างบอบบางถูกรวบเข้าไปกอดไว้ในอ้อมแขนที่จดจำได้ แขนเรียวกอดภาวัตไว้อย่างคนที่ลอยคอในน้ำจนหมดแรงต้องการใครสักคนมาฉุดเธอขึ้นไปก่อนที่จะจมน้ำตาย




“มีใครเป็นอะไรอีกล่ะมาลิน ตาของเธออาการดีขึ้นฟื้นแล้วไม่ใช่หรือ”




“ลินจะทำยังไง...ทำยังไงดี”




มาลินร้องไห้สะอึกสะอื้นพร่ำพูดเพียงคำพูดเดิม น้ำตาซึมเสื้อตรงอกหนา ความกลัวและเสียใจค่อยๆ แทนที่ด้วยความรู้สึกของการมีที่พึ่งพาทางใจ แม้ปัญหาไม่ได้หายไป แต่กำลังใจจะก่อเกิดอีกครั้งในไม่ช้า




แขนยาวกอดกระชับร่างสั่นเทาไว้ มือใหญ่ลูบหลังอย่างปลอบโยน บางอย่างเกินกว่าอำนาจเงินจะบันดาลได้ ถ้ามีเวทมนต์สักอย่างเขาอยากเสกให้ความทุกข์ออกไปจากมาลิน ทำไมมีแต่เรื่องให้ทุกข์ใจหนอ









น้ำตาแห้งแล้วแต่การรอคอยยังไม่จบลง ทว่าไม่เดียวดายเมื่อภาวัตยังนั่งอยู่ใกล้ๆ ไม่หายไปไหน มีหลายอย่างที่ชายหนุ่มคิดแต่ไม่พูดออกไป ถ้ารถที่เฉี่ยวจนเกือบตกทางไม่ใช่เรื่องบังเอิญ สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็อาจจะเป็นไปได้ว่ามีคนจงใจทำเพื่อฆ่า สาเหตุคืออะไร นี่ต่างหากที่เขายังหาคำตอบไม่ได้




“คุณร่มธรรมพ้นขีดอันตรายแล้วนะครับ” ความดีใจจบลงแค่นั้นถ้าหมอจะไม่พูดต่อด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “แต่ผมมีบางอย่างให้คุณสองคนดู แล้วหาวิธีที่จะจับคนร้าย ผมประสานงาน รปภ และเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วครับ”




“คนร้าย...มันเรื่องอะไรกันคะหมอ”




ภาวัตมองหมอเหมือนรู้คำตอบแล้ว มาลินหันมาจับมือเขาไว้ยังไม่พร้อมฟังข่าวร้ายอีก




“ทางแล็ปพบสารพิษในเลือดของคุณร่มธรรมครับ แล้วเมื่อเช็คจากกล้องวงจรปิดตรงทางขึ้นบันได เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพบบุคคลน่าสงสัยที่ไม่ใช่พนักงานในโรงพยาบาล”




“ผมมีแผนครับ แต่คงต้องขอย้ายคนไข้ไปกรุงเทพฯ ไม่ใช่ไม่ไว้ที่นี่นะครับ แต่ผมคงต้องใช้คนมาดูแลความปลอดภัยที่รัดกุมหากต้องรักษาอีกนาน”




มาลินหันมามองภาวัตถ้าถามแบบนี้แสดงว่าเขารู้อะไรแล้วไม่บอกเธอแน่ๆ แต่ข้อเสนอของเขาน่าสนใจอยู่ไม่น้อย




“คุณวัตจะทำอะไรหรือคะ”




“ฉันคงต้องบอกเธอแล้วล่ะนะ” ภาวัตบอกเสียงเรียบ ปิดต่อไปคงถูกโกรธเอาแน่ “ที่ตาของเธอรถคว่ำไม่ใช่ใจร้อนจนประมาท แต่มีคนจงใจทำให้เหมือนเป็นอุบัติเหตุ ตำรวจพบความผิดปกติที่รถ สายน้ำมันเบรกถูกเจาะทำให้รถเบรกไม่ได้”




ข่าวร้ายที่เท่าไหร่ของวันนี้แล้ว มาลินบีบมือภาวัตแน่น “ตาไม่ได้มีศัตรูที่ไหนสักหน่อย นอกจาก...”




สายตาหม่นเศร้ามองมา ภาวัตเบ้ปากหน้าง้ำ ว่าแล้วเชียวถ้าบอกมาลินเมื่อไหร่เขานี่แหละจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับแรก




“เธอสงสัยฉันอยู่ล่ะสิ มองมาแบบนี้น่ะ”




มาลินส่ายหน้า แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นเอง ถ้าเขาทำจริงๆ จะมาช่วยเธอแล้วยังทนถูกต่อว่าอยู่ตั้งนานทำไม ได้ที่ดินในส่วนของแม่ไปแล้วนี่นา ถ้าเขาหวังผลแค่นี้ คงไม่มานั่งอยู่ด้วยกันหรอก




“เปล่าค่ะ ลินแค่นึกไม่ออกว่าจะเป็นใครที่ทำแบบนี้”




“ไปอยู่กับแม่ของเธอก่อน เรื่องต่างๆ ของคุณร่มธรรม ฉันจะจัดการเอง”




มาลินมองภาวัตนิ่ง สมควรแล้วหรือที่จะวางเรื่องยากลำบากให้เขาจัดการ เป็นเพื่อน ไม่ใช่ญาติ เธอจะรบกวนเขาได้อย่างไร พอช้าไม่ทันใจ คนตัวใหญ่ก็คว้ามือเล็กให้ลุกขึ้นแล้วพามานอกห้อง กอดเร็วๆ ให้กำลังใจก่อนจะกลับไปคุยกับหมอต่อ เรียวปากบางยิ้มท่ามกลางปัญหา เขาเหมือนแสงไฟให้ความอบอุ่นและนำทางไปสู่ท้องฟ้าพร่างพราว









การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเกิดขึ้นในวันต่อมาเมื่ออาการของร่มธรรมดีพอจะเดินทางได้แล้ว มาลินนั่งรถพยาบาลมาพร้อมกับตา ส่วนพัชนีถูกลูกสาวขอให้พักอยู่ที่บ้านโดยมีพยาบาลคอยดูแล เรื่องคนร้ายถูกปิดบังไว้เพื่อสุขภาพ เรามาถึงโรงพยาบาลแห่งใหม่ในตอนบ่ายมีเพียงเธอกับแม่และคนของภาวัตเท่านั้นที่รู้




ทีมบอดี้การ์ดมารออยู่ก่อนแล้วโดยมีรหัทเป็นคนดูแลความเรียบร้อย ร่มธรรมถูกพามาในสภาพหลับ พอฟื้นขึ้นมาก็มองมาลินอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะจำได้ว่าเธอบอกไว้ว่าเป็นหลาน เธอนั่งเฝ้าตาอยู่จนกระทั่งหลับไปอีกรอบ




พอหันไปภาวัตก็หลับพับคาโซฟา เธอจับไหล่หนาเขย่าเบาๆ ใบหน้าง่วงงุนมองมาแล้วลุกขึ้นจับข้อมือเล็กให้ออกไปจากห้องด้วยกัน เบาใจได้ว่าไม่น่ามีอะไรอีกเมื่อบอดี้การ์ดเริ่มหน้าที่เมื่อเป้าหมายมาถึง




“ไม่มีอะไรน่าห่วงจากที่ต้องห่วงอยู่แล้วล่ะ คนของปู่ฉันจะมาเฝ้าตาของเธอรับรองว่าจะไม่เกิดเรื่องซ้ำอีก ตำรวจนอกเครื่องแบบก็จะมาช่วยอีกแรง สบายใจได้แล้วล่ะ”




มาลินยิ้มให้เขาพลางดึงข้อมือออกมาแล้วมอง ความคิดหลายอย่างหลากล้นขึ้นมา




“มองอย่างนี้หมายความว่ายังไง”




“ไม่ได้หมายความว่ายังไงหรอกค่ะ แค่อยากจะขอบคุณที่ช่วย”




ไม่เพียงพูดแต่มือน้อยๆ ยังยกมือไหว้ที่อกกว้างแล้วเขยิบห่างออกมา เชื่องช้า ทว่างดงาม เรียวปากหนายิ้มกว้างชื่นอยู่ในใจ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนขอบคุณเขาแบบนี้




“เธอเชื่อเรื่องโชคชะตาไหมมาลิน”




“ไม่ค่อยเชื่อค่ะ ทำไมหรือคะ”




แขนยาววาดออกมาแล้วคล้องคอมาลินอย่างเพื่อนที่รู้ใจ เพื่อนต่างวัยที่เขาสุขใจยามอยู่ใกล้ๆ มาลินหัวเราะเบาๆ หันมายิ้มแล้วเดินไปด้วยกัน




“บางอย่างบนโลกใบนี้มันเหมือนมีแรงดึงดูดให้มาพบกันนะ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ตอนนี้เราต่างถูกเหวี่ยงด้วยแรงนั้น จนต้องมาช่วยกันแก้ปัญหา พอคิดย้อนกลับไป ถ้าปู่ไม่สั่งให้ฉันไปซื้อที่ตาของเธอ ตอนนี้เราคงไม่ต้องมาอยู่ด้วยกัน ฉันก็อาจจะเห็นเธอเป็นแค่เด็กฝึกงาน ส่วนเธออาจจะไม่มีโอกาสได้พบฉันก็ได้”




จริงอย่างที่ภาวัตบอกไว้จริงๆ นั่นล่ะ “ถ้าคิดตามหลักศาสนา เราคงเคยทำสิ่งต่างๆ ในอดีตมา ถึงได้ต้องมาเจอกันละมั้งคะ”




“กลับได้แล้ว เดี๋ยวฉันไปส่ง” ใบหน้าคร้ามหันมา มือข้างที่ว่างยื่นนิ้วมาเกลี่ยเบาๆ ที่ใต้ตาคล้ำของคนเพลียจนอ่อนล้า แต่ยังไม่วายจะเอ่ยปากเลยถูกปิดด้วยนิ้ว “ไม่ต้องบอกว่าเกรงใจ ฉันกำลังรับผิดชอบสิ่งที่ทำทั้งหมด แค่ไปส่งเธอเล็กน้อยมากๆ”




มาลินค้อนใส่คนรู้ทัน ปัญหาที่ดูเหมือนใหญ่เกินกว่าจะจัดการได้กลับเล็กลงราวกับขับรถบนถนนที่ขรุขระบ้าง แต่ยังเดินทางต่อไปได้ เขาทำดีกับพวกเราเพราะอะไร แค่อยากรับผิดชอบที่เคยหลอกลวงเท่านั้นจริงๆ หรือ









ภาวัตแวะร้านอาหารทำให้กว่าจะถึงหอพักก็ค่ำพอดี แสงไฟคล้ายไซเรนทำให้ความเงียบกลายแทนด้วยเสียงเซ็งแซ่แทบจะทันทีที่ก้าวลงจากรถ มาลินเริ่มรู้สึกแปลกเมื่อมีหลายสายตามองมา แต่ยังไม่สำเหนียกอะไรจนกระทั่งออกมาจากลิฟต์พร้อมภาวัตแล้วเห็นคนมุงกันที่หน้าห้องของเธอ




“มีอะไรกัน หอพักเธอนี่ครึกครื้นดีนะ” ภาวัตสะกิดรีบเดินนำไปก่อน




ตำรวจอยู่ให้องของมาลิน รวมทั้งเจ้าของหอพัก คนแหวกทางให้ผู้มาถึงเข้าห้องไป ภาวัตยืนบังร่างเล็กกว่าไว้เมื่อเห็นว่าห้องอยู่ในสภาพของกระจัดกระจาย กระจกแตกร้าว ของใช้พัง




“มีอะไรหรือเปล่าคะ นี่มันห้องของลินเองค่ะ”




มาลินยื่นหน้าพยายามมองเพราะคนตัวสูงบังไว้ไม่ยอมขยับ แต่แล้วจู่ๆ เขาก็เบี่ยงตัวหลบให้ สภาพห้องทำให้เธอถึงกับผงะตะลึงลาน




“มีโจรมาขโมยของน่ะสิน้องลิน โดนไปหลายห้องเลย ทางตำรวจกำลังเก็บหลักฐานหาคนร้ายน่ะ น้องลินนั่งพักก่อนนะ เดี๋ยวพี่ให้เด็กๆ มาช่วยเก็บของแล้วก็ดูว่าอะไรเสียหายบ้าง” เจ้าของหอพักเอ่ยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก




ถึงไม่บอกให้นั่งพัก มาลินก็หมดแรงจะยืนแล้ว มีเพื่อนร่วมหอพักเข้ามาคุยด้วย รวมทั้งคนที่โดนเหมือนกัน ภาวัตจับมือเธอบีบเบาๆ แล้วช่วยคุยกับทางตำรวจให้ จนกระทั่งหลักฐานต่างๆ ถูกเก็บไปตำรวจจึงมาบอกผู้เสียหายว่า




“รบกวนตามไปโรงพักเพื่อให้ปากคำด้วยนะครับ สำรวจของภายในห้องว่ามีอะไรหายไปบ้าง ส่วนหลักฐานอื่นๆ ตำรวจได้ไปหมดแล้ว”




มาลินพยักหน้ายกมือไหว้ ภาวัตจับมือแล้วรั้งให้ตามไปสมองยังคงมึนงง เกิดมาเพิ่งเคยถูกยกเค้า เมื่อสำรวจก็พบว่าโน้ตบุ๊กกับกระป๋องออมสินหาย เธอนั่งเงียบๆ ไปจนถึงโรงพัก เดินตามเจ้าทุกข์อีกคนไป สายตาห่วงใยมองมาเธอไม่อาจมองข้ามได้ ถ้าวันนี้ไม่มีเขาอยู่ด้วยไม่รู้แล้วว่าเธอจะเป็นยังไง




“เข้าไปเถอะ ฉันจะอยู่รอเป็นเพื่อนจนกว่าจะเสร็จเรื่อง”




มีคำถามมากมายที่มาลินต้องตอบ ถ้าไม่ใช่อยู่ตรงหน้าตำรวจเธอคงหลับไปแล้ว แต่คนที่ตะลอนมาด้วยกันทั้งวันกลับมองมาที่ประตูแล้วเห็นเธอเป็นคนแรกทันทีที่ออกมา เธอเดินมาเขาแล้วยิ้มให้แทนการบอกว่าไม่เป็นไร แขนยาวพาดไหล่พากันเดินมาที่รถแล้วช่วยเปิดประตู รัดเข็มขัดให้ราวกับรู้ว่าเวลานี้เธอเหนื่อยใจ แต่เขากลายเป็นคนเพิ่มพลังให้




“ขอบคุณนะคะ ตั้งแต่พบกัน ลินมีแต่เรื่องรบกวนคุณวัตตลอดเลย”




“นึกว่าตั้งแต่เจอกัน เธอมีแต่เรื่องซวยตลอดเสียอีก เดี๋ยวไปหอพักแล้วเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าแล้วกัน ที่นั่นไม่ปลอดภัยสำหรับเธอแล้วล่ะ” ภาวัตบอกพลางขับรถมุ่งหน้ากลับทางเดิม “เธอก็กลัวเหมือนกันใช่ไหม”




มาลินฝืนหัวเราะก็มันผ่านมาแล้วนี่นา




“ก็กลัวค่ะ แล้วจะให้ลินไปอยู่ที่ไหนล่ะคะ มืดค่ำป่านนี้แล้ว หรือลินควรไปนอนเป็นเพื่อนตาที่โรงพยาบาลดีจะได้ไม่ต้องรบกวนคุณวัต”




“รบกวนอะไรกัน”




มาลินยิ้มเอาใจรู้ตัวว่าพูดไม่ทันคิด “ขอโทษค่ะ”




“ทำตามที่บอกเถอะน่า ไม่พาไปทำมิดีมิร้ายหรอก ทำแต่ดีๆ ให้ทั้งนั้นแหละ”




ใครจะไปเถียงที่ผ่านมานอกจากเรื่องที่เขาใช้ทนายมาเป็นตัวแทนซื้อที่ ภาวัตก็ทำแต่เรื่องดีๆ อย่างที่พูดมาทุกอย่าง มาลินเก็บของใส่กระเป๋าเดินทาง โดยมีภาวัตคอยอยู่เป็นเพื่อนจนเรากลับมาที่รถอีกครั้ง แต่ปลายทางที่เขากำลังจะไปมันคือที่ไหนกัน เอาน่าเธอต้องเชื่อใจเขาสิ








หนังสือวางแผงแล้วนะคะ สามารถซื้อได้จากร้านหนังสือทั่วประเทศหรืออ่านต่อใน E-BOOK เว็บ MEB ค่ะ ฝากภาวัตกับมาลินด้วยจ้า



อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ธ.ค. 2558, 10:05:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ธ.ค. 2558, 10:05:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 1028





<< ตอนที่ 12 ครึ่งแรก   ตอนที่ 13 ครึ่งแรก >>
konhin 23 ธ.ค. 2558, 12:04:08 น.
เอ แล้วจะรักกันเมื่อไหร่เนี่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account