เล่ห์รักพรางแค้น วางแผงแล้ว สนพ ทัช
ใครจะไปคิดว่าการทำภารกิจให้ปู่ กลับกลายเป็นถูกโชคชะตากลั่นแกล้งให้เขาถูกสลัดลงจากคาน ยัยซื่อบื้อนั่นน่ะหรือคือไก่วัดที่ทำให้เขากลายเป็นสมภาร
Tags: ความรัก ความหลัง

ตอน: ตอนที่ 13 ครึ่งหลัง

งานแต่งงานของลูกค้ารายใหญ่จัดขึ้นที่โรงแรมกลางเมืองในเวลาค่ำ นักข่าวมากันมืดฟ้ามัวดินเพราะเจ้าสาวเป็นดาราดังของเมืองไทย ภาวัตเข้าไปแสดงความยินดีแล้วก็แยกออกมาคุยกับเพื่อนในวงการธุรกิจ รวมทั้งนักเขียนแบบที่อยากได้มาร่วมทีม แน่นอนว่าเขาไม่ยอมพลาดโอกาสที่จะดึงมาร่วมงาน แว่วๆ ว่าบริษัทอื่นก็ต้องการตัวเช่นกัน สัญญาจ้างควรมาก่อนที่ใครจะฉกตัวไปได้

“ขอบคุณมากครับ อีกสักครู่เอกสารจะมาถึง”

“ผมต่างหากที่ต้องพูดว่าขอบคุณที่ให้โอกาสบริษัทเล็กๆ ของผมได้ออกแบบงานให้ ขอโทษด้วยนะครับที่ผมมาหากะทันหันแบบนี้”

ภาวัตยิ้มพอใจ โชคดีที่เขามาเจอตัวก่อนต่างหากล่ะ

“ไม่เป็นครับ เชิญตามสบาย ถ้าเอกสารมาถึงแล้ว ผมจะให้เลขาโทรหา ไม่น่าจะเกินครึ่งชั่วโมง ยังไม่รีบกลับใช่ไหมครับ”

ไม่มีคำปฏิเสธงานนี้คุ้มกว่าที่คิดนึกว่าจะต้องปั้นหน้าจนเบื่อ ภาวัตแยกออกมาสั่งงานเลขาแล้วโทรหาลูกชาย วันนี้เด็กชวนครูว่ายน้ำ เขาพลาดจริงๆ น่าจะอยู่บ้านมากกว่าอยู่ตรงนี้ แต่ไม่เป็นไรมาลินเป็นคนนำเอกสารจ้างงานในห้องทำงานมาให้เขาที่นี่ อย่างไรก็ได้เจอกัน

“ภานึกแล้วเชียวว่าวัตต้องมางานนี้ ไม่ได้พบกันหลายวันโชคดีจังนะคะ แล้วแฟนของวัตไปไหนเสียล่ะ ทำไมมาคนเดียว”

ช่างป็นโชคร้ายของเขาที่มาเจอรัมภาต่างหาก ภาวัตหันไปมองได้แต่คิด อย่างไรเสียก็ยังต้องเป็นคู่ค้าไม้กันอยู่ เขายิ้มจืดๆ ให้กำลังจะเดินผ่านไป มือเรียวคว้าแขนไว้ สีหน้าบอกชัดยังรักยังอาลัย

“น่าสงสารตัวเองอยากพบวัตแต่กลับไม่มีโอกาสแม้กระทั่งโทรหา แต่พอพบแล้ว แค่สายตายังมองกันไม่ได้ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนวัตมีภาเป็นคนเดียวที่คิดถึง”

น้ำเสียงของรัมภาฟังพลิ้วคล้ายเมาหลักฐานอยู่ที่มือซึ่งถือแก้วไวน์อยู่ ภาวัตปลดมือเรียวออกแล้วจงใจเขยิบห่างออกไป วันนี้มีนักข่าวหลายคน เขาไม่อยากให้ตัวเองเป็นข่าว

“กินไวน์มากไม่ได้ก็ยังจะกิน พอได้แล้ว คุณมางานนี้ในนามของสามีไม่ใช่หรือ ควรจะให้เกียรติสามีของคุณบ้างสิ ไม่ใช่มาเมาแบบนี้”

ร่างอ้อนแอ้นวาดแขนมากอดคอร่างสูงไว้ทิ้งแก้วไวน์อย่างไม่สนใจ เธอคิดถึงเขามาก อยากให้ทุกอย่างกลับไปเหมือนเดิมที่มีเราเพียงสองคน ผู้หญิงหน้าไหนก็มาแย่งเขาไปไม่ได้

“ภาไม่ได้เมา ภาแค่เสียใจ ตอนนี้แค่ความเป็นเพื่อนภายังไม่มีโอกาสได้รับจากวัต ทำไมล่ะ ทำไมผู้หญิงอื่นถึงมีสิทธิ์ วัตใจร้ายมาก”

“อย่าพูดอะไรให้เรามองหน้ากันไม่ได้อีกเลย คุณนั่งตรงไหนผมจะไปส่ง”

“ไม่กลับ”

รัมภากอดภาวัตแน่นริมปากสวยจูบที่แก้มสาก ร่างสูงคว้าแขนแล้วดันร่างอ้อนแอ้นออกไป สายตามองอดีตคนรักอย่างหมดแล้วซึ่งความเสน่หาใดๆ

“อย่าทำแบบนี้...”

“วัตยังหวั่นไหวอยู่ใช่ไหมคะ”

ภาวัตไม่ตอบเบือนหน้าไปถอนใจเบื่อเต็มทน แต่เขาพลาดเมื่อรัมภาโถมเข้าใส่ทั้งตัวแล้วกอดไว้แน่น

“ภา!”

แสงแฟลชวาบเข้ามา สองหนุ่มสาวหันไปมองด้วยความตกใจ นักข่าวยังกดชัตเตอร์ใส่ไม่ยั้ง รัมภาผละออกมาจากร่างสูงทำหน้าไม่ถูก ภาวัตยังนิ่งไม่กระโจนเข้าใส่นักข่าวคนนั้น สมองเริ่มคิดหาทางออก ภาพคงตีความเป็นอื่นไม่ได้นอกจากเรากำลังทำบางอย่างลับหลังก้องภพอยู่

“ภาเป็นข่าวตอนนี้ไม่ได้นะคะ”

“เช็ดหน้า แล้วฟังอย่างเดียว เข้าใจนะ” ภาวัตสั่งเสียงเบาสีหน้าเรียบเฉยพลางเดินไปหานักข่าวที่เริ่มมากขึ้นเหมือนมีใครโทรตามให้มารวมกันตรงนี้

ลัลนาเดินเร็วๆ เข้ามาแล้วคว้ามือหนาของภาวัตไว้พร้อมกับยิ้มกว้างให้นักข่าว แล้วยังไม่ทันถูกจี้ถามเซเลบสาวก็เปิดแถลงข่าวด้วยตัวเองทันที

“ไม่จริงหรอกนะคะ ที่ทุกคนเห็นไม่ใช่อย่างที่คิด วัตไม่ได้ทำเรื่องเสื่อมเสีย เขาเป็นคนรักเดียวใจเดียว ไม่มีทางนอกใจแฟนตัวเองหรอกค่ะ จริงไหมคะ”

ภาวัตงงพอๆ กับนักข่าว เขาดึงมือออกมาเริ่มคิดแผนบางอย่างในใจ แต่ความรู้สึกของผู้หญิงใครเล่าจะหยั่งถึง คำพูดไม่กี่คำทำให้รัมภาถึงกับลืมตัวโพล่งถามเสียงไม่เบานัก

“ใครแฟนวัต เธองั้นเหรอ”

ลัลายิ้มพราวคนโสดแสดงออกไม่น่าเกลียดเท่าพวกมีห่วงมัดคอแต่มาทำอย่างกับคนตัวเปล่า รัมภาถลาเข้ามาเพราะสติยังกะพร่องกะแพร่งจากไวน์ที่ดื่มเข้าไป ก่อนที่จะเป็นเรื่องให้ปวดหัวมากไปกว่านี้ภาวัตคิดว่าเขาต้องแสดงจุดยืนของตัวเองก่อน

“ขอบคุณที่อยากช่วยนะลัลนา ผมมีตัวจริงอยู่แล้ว สิ่งที่เป็นภาพออกไปไม่มีอะไรเลย รัมภาจะล้มเพราะเมาไวน์ ผมเลยเข้าไปช่วยเท่านั้น ภาพบางมุมอาจทำให้ใครต่อใครเข้าใจผิดได้ ผมมั่นใจว่านักข่าวแยกออกไม่เอาไปลงข่าวให้ถูกฟ้องกลับหรอก จริงไหมครับ”

ภาวัตยิ้มหวานหยดให้บรรดาเจ้าของกล้องที่กระหายอยากได้ข่าว

“ความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนระหว่างเราสามคน ผมคิดว่ามันดีอยู่แล้ว ไม่มีอะไรล้ำเส้นที่จะทำให้คนของผมเสียใจได้ครับ เช่นเดียวกับคนของรัมภา”

จบเรื่องของรัมภากับลัลนาอย่างสวยงาม แต่เกิดประเด็นใหม่ที่นักข่าวไม่ยอมพลาด แม้ว่าจะไม่ค่อยเชื่อเต็มร้อยนักจากภาพที่เห็นไม่น่าจะใช่อย่างที่บอกเท่าไหร่

“ตัวจริงของคุณวัตคือใครหรือคะ” นักข่าวไม่รอช้า

“เด็กคนนั้นน่ะจริงๆ ใช่มั้ยคะวัต” รัมภาถาม ลัลนารอฟังเริ่มเห็นคำตอบอยู่ใจ แต่ยอมรับไม่ได้

“เอาไว้เป็นเรื่องส่วนตัวของผมกับผู้หญิงคนนั้นดีกว่านะครับ วันนี้ขอบคุณพี่ๆ น้องๆ นักข่าวที่ห่วงใยผมกับเพื่อนทั้งสองคน ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนไปนานแค่ไหน เราทั้งสามคนจะยังรักกันในฐานะเพื่อนต่อไปครับ”

ภาวัตไม่เดินหนีแต่รอให้นักข่าวไปเอง ผู้ประสานงานรีบเข้ามาช่วยดึงความสนใจของนักข่าวไปยังเจ้าบ่าวเจ้าสาวของงาน ลัลนาอยากถามให้รู้เรื่องแต่ภาวัตไม่ยอมให้ความร่วมมือเดินไปอยู่ในวงของผู้ใหญ่วงการค้าไม้ รัมภาไม่อยากมีเรื่องบานปลายในระหว่างกำลังจะฟ้องหย่าสามีจึงแยกตัวออกไป

“เอกสารมาถึงหรือยัง” ภาวัตถามเลขาเพราะอยากกลับเต็มที

“คนขับรถบอกว่าพี่เลี้ยงน้องภาคเข้ามาในตึกแล้วคงกำลังขึ้นลิฟต์มาค่ะ”

“อะไรนะ” เขาอยู่ชั้น 28 แล้วมาลินจะขึ้นมายังไง “เดี๋ยวผมมา”

ภาวัตรีบวิ่งออกไปจากห้องจัดเลี้ยงพลางโทรหามาลินไปด้วย พอปลายสายรับก็แทบจะร้องเฮ้อออกมา

“ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน”

“อยู่ในลิฟต์ค่ะ คุณวัตรออีกแป๊บเดียวนะคะ”

ภาวัตมายืนอยู่หน้าลิฟต์ เขาไม่ได้ร้อนใจโทรหาเพราะรอนานสักหน่อย

“ขึ้นลิฟต์มาทำไม ออกมาแล้วบอกว่าอยู่ชั้นไหน ฉันจะไปหาเอง”

“ไม่เป็นไรค่ะ มีคนอื่นในลิฟต์ด้วย” อย่างน้อยก็ตั้งคนนึง แต่ไม่บอกภาวัตดีกว่า หัวใจดวงน้อยเต้นวาบอุ่น ถึงไม่พูดออกมา แต่การแสดงออกของเขาบอกชัด...เป็นห่วง

“ฉันจะรอ...อย่าวางสายนะ คุยไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะพบกัน”

ยังไม่ทันได้คุยต่อบานลิฟต์ก็เปิดออกพอดี มาลินยิ้มให้ภาวัตพร้อมกับวางสาย คนถูกจับได้ว่าเป็นห่วงเม้มปากทำหน้าขรึม แต่คว้ามือบางรั้งเบาๆ ให้เดินมาด้วยกัน วิภาตามมาสมทบ มาลินดึงมือออกรีบยกมือไหว้ ภาวัตหันมาหลิ่วตาใส่ คราวนี้ถือว่าหายกัน

“รออยู่ตรงนี้ อย่าหนีกลับก่อนล่ะ ไม่งั้นฉันตามถึงหอพัก” เขาเอียงหน้ากระซิบบอก “คุณวิภาดูแลด้วย อย่าให้ใครเข้ามารบกวนมาลินเด็ดขาด เดี๋ยวผมไปดูแลทางโน้นเอง”

วิภาพยักหน้ารับคำสั่งแล้วพามาลินไปอีกด้านของส่วนจัดเลี้ยงซึ่งเป็นระเบียงโล่ง แต่ก็มีมุมให้นั่งเล่น รัมภาเดินตามมาแต่ก็คลาดไป

“หายไปไหนแล้ว ก็เห็นมาทางนี้นี่นา”

“มาเคลียร์กันหน่อย ที่บอกว่าเด็กนั่นน่ะเด็กที่ไหน วัตมีใครทำไมฉันไม่รู้” ลัลนาตามรัมภามาอีกคน แต่คนละเป้าหมาย เธอต้องรู้ให้ได้ว่ามีศัตรูหัวใจอยู่ที่ไหนอีก

“หลีกไป ฉันจะกลับบ้าน อยากรู้ก็ไปถามวัตเองสิ ไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องบอกเธอสักหน่อย” รัมภาแกล้งยั่ว “ตื๊อขนาดนี้แล้ววัตยังไม่แลตามองก็พอเถอะ”

รัมภามองลัลนาตั้งแต่หัวจรดเท้าเบ้ปากใส่ ที่ผ่านมาเธอไม่เคยเห็นยัยนี่เป็นคู่แข่งเลยสักนิด แต่ผู้หญิงที่ภาวัตปกป้องไม่ยอมบอกสื่อต่างหากน่าสนใจ

“ก็ยังดีกว่าพวกผัวเผลอแล้วจะหาเศษหาเลยนอกบ้านละมั้ง”

ลัลนาหัวเราะเย้ยหยัน ปรายตามองหมิ่นๆ กวนโมโหกลับมาพอกัน

“อย่างน้อยครั้งหนึ่งวัตก็เคยเลือกฉัน เธอมาทีหลังคงไม่เข้าใจ”

คนไม่เคยถูกเลือกหน้าเจื่อนอยากเถียงใจจะขาด แต่นึกคำไม่ออกได้แต่มองรัมภาเดินจากไปอย่างผู้ชนะในเกมฝีปาก แต่เกมรัก เธอมีสิทธิ์มากกว่าอย่างน้อยก็จนกว่ายัยนั่นจะฟ้องหย่าเรียบร้อย นึกว่าปิดข่าวได้ล่ะสิ พรุ่งนี้เถอะได้เห็นข่าวคงอยู่ไม่ติดบ้านแตกฉาวโฉ่สมใจเธอแน่ นักข่าวน่าจะยังอยู่แล้วเธอจะรออะไรล่ะ ร่างเพรียวรีบกลับเข้าไปในงาน



เสียงเดินใกล้เข้ามา วิภาเยี่ยมหน้าออกไปดูด้วยเกรงว่าจะเป็นสองสาวที่หวิดมีข่าวกับเจ้านาย พอเห็นว่าเป็นใครค่อยโล่งใจ ภาวัตมองหามาลินพอเห็นรอยยิ้มบางๆ ส่งมาให้ค่อยอุ่นในอก เขายังไม่พร้อมเป็นข่าวอีกรอบ คราวนี้คงได้แตกหักกับใครต่อใครบ้างล่ะ เจ้าตัวยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าถูกเขาอ้างถึง

“เรียบร้อยแล้ว กลับกันเถอะ คุณก็กลับได้เลยนะ เก็บสัญญาให้ผมด้วยแล้วกัน”

ภาวัตส่งเอกสาที่เพิ่งเซ็นกันหมาดๆ ให้เลขาไป มือหนาคว้ามือบางไว้แล้วเดินเคียงไปสู่ทางออก

วิภาแยกออกมาเข้าห้องน้ำ ส่วนภาวัตกับมาลินเดินไปที่ลิฟต์ด้วยกัน งานยังไม่เลิกทำให้ไม่มีใครอีกนอกจากเราสองคน แสงไฟหรี่ลงอยู่สองครั้ง สายตาระแวงมองหลอดไฟแทบจ้องจนกระทั่งลิฟต์เปิดออก แม้ก้าวเข้าไปแล้วคิ้วหนายังคงขมวด

“มีอะไรหรือเปล่าคะ”

“ฉันว่าไฟมันกะพริบแปลกๆ เดี๋ยวเราออกไปกันก่อนดีกว่า ไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่แล้ว” เขาอาจคิดมากไปเองก็ได้ แต่ป้องกันไว้ก่อนก็ไม่เสียหายอะไร

มาลินกดชั้นถัดไปรอให้ลิฟต์เปิด แต่ไฟกลับกะพริบอีกรอบก่อนจะตามมาด้วยเสียง

พรึบ...ตึ้ง!?!

ภายในลิฟต์มืดสนิท ภาวัตคว้ามือมาลินมาจับไว้ ส่วนอีกมือหยิบโทรศัพท์มากดโทรหาเลขาที่น่าจะยังอยู่ในงาน รออยู่นานกว่าวิภาจะรับ มือบางสั่นเทาจนเขาต้องบีบกระชับให้เธอมั่นใจว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพังในความมืดมิด

“คุณวิภา ผมติดอยู่ในลิฟต์ตัวที่ 5 ช่วยตามพนักงานโรงแรม ช่างหรือใครก็ได้ มาแก้ไขด่วน น่าจะชั้นที่ 22-25 ผมไม่แน่ใจว่าชั้นไหน”

มาลินนั่งลงไปกับพื้นเพราะขาดันหมดแรง ภาวัตรีบวางสายแล้วนั่งลงข้างๆ กอดเอวบางไว้ ขอบคุณอะไรก็ตามที่เกิดเรื่องตอนที่เขาอยู่กับเธอ ไม่อยากคิดหากเขาเป็นคนที่อยู่รอฟังข่าวคงบ้าก่อนแน่

“ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว อาจจะแค่ไฟตก คงไม่กี่นาที” มือหนาคว้ามือเล็กทั้งสองข้างมากุมไว้ แสงจากโทรศัพท์ทำให้เห็นเหงื่อกำลังผุดตามไรผมของคนกลัวจนอยากกอดปลอบให้คลายหาย “มือเย็นเพราะกลัวฉันหรือไง ที่แคบๆ แบบนี้ฉันทำอะไรไม่ถนัดหรอก สบายใจได้”

“ไม่ใช่สักหน่อยค่ะ” มาลินหัวเราะเสียงสั่น

เรียวปากหนากระซิบเบาข้างหู “หลับตาแล้วคิดตามฉันนะ”

มาลินหลับตาลงรู้สึกหายใจสบายขึ้น ไออุ่นจากอกหนาราวกับยาวิเศษที่รักษาความกลัวให้ออกไปได้

“ตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่บนชายหาด ลมเย็นสบายๆ กำลังพัดใส่ตัวจนผมยาวๆ ปลิวไสว มือของเธอสัมผัสได้ถึงความละมุนของแสงแดดในยามเช้า ทุกอย่างสว่าง สดใส”

เรียวปากบางยิ้มเห็นภาพในจินตนาการที่ภาวัตบันดาลให้ด้วยเสียงพลิ้วเบาอบอุ่น แสงแดดกำลังขับไล่ความหนาวออกจากหัวใจทีละน้อย...ทีละน้อย บนท้องฟ้าที่จัดจ้าเธอเห็นเทวดาในสูทสีดำหน้าตาของเขาเหมือนภาวัตจัง

“อย่าเพิ่งลืมตานะ ฉันเดินมาตามชายหาด เธอเห็นฉันใช่ไหม”

มาลินพยักหน้าให้เขา...เทวดาสูทสีดำในจินตนาการ แสงเจิดจ้ารอบตัวมาพร้อมกับรอยยิ้ม ดอกกุหลาบสีขาวอยู่ในมือที่เขายื่นมาให้เธอ

“นั่นล่ะ ฉันเข้ามายืนใกล้ๆ แล้วยิ้มให้เธอแล้วใช่หรือเปล่า”

เธอได้ดอกกุหลาบสีขาวมาแล้วต่างหาก มาลินเถียงอยู่ในใจ ก็มันเป็นจินตนาการของเขาที่เธอกำลังต่อเติมด้วยตัวเองนี่นา ฉากแบบนี้อยู่ในนิยายเรื่องไหนที่เธอเคยอ่านกันนะ




หนังสือวางแผงแล้วนะคะ สามารถซื้อได้จากร้านหนังสือทั่วประเทศเช่น se-ed นายอินทร์ หรืออ่านต่อใน E-BOOK เว็บ MEB ค่ะ ฝากภาวัตกับมาลินด้วยจ้า



อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ธ.ค. 2558, 09:35:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ธ.ค. 2558, 09:35:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 1150





<< ตอนที่ 13 ครึ่งแรก   ตอนที่ 14 ครึ่งแรก >>
konhin 25 ธ.ค. 2558, 17:50:56 น.
จะหวานให้คนอ่านจิ้นไปไหน ขนาดยังไม่ได้รักกันนะเนี่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account