เล่ห์รักพรางแค้น วางแผงแล้ว สนพ ทัช
ใครจะไปคิดว่าการทำภารกิจให้ปู่ กลับกลายเป็นถูกโชคชะตากลั่นแกล้งให้เขาถูกสลัดลงจากคาน ยัยซื่อบื้อนั่นน่ะหรือคือไก่วัดที่ทำให้เขากลายเป็นสมภาร
Tags: ความรัก ความหลัง

ตอน: ตอนที่ 16 ครึ่งแรก

เกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อ 5 นาทีก่อน มาลินมานั่งทบทวนระหว่างรอภาวัต สมองกลายเป็นแรม(Ram) ที่เชื่องช้าเมื่อคำพูดของคุณทีปต์ยังก้องในสมอง แต่เธอยังแปลไม่ออกในตอนนั้น ได้แต่ยิ้มแล้วเดินตามรหัทออกมาจากวงล้อมของแสงแฟลชและคำถามที่ประมวลออกมาเป็นความหมายไม่ได้




‘ยินดีต้อนรับนะหนูลิน’




คำพูดสั้นๆ แต่หมายถึงอะไร ต้อนรับที่มางานนี้หรืออะไร แล้วที่ภาวัตทำไปทั้งหมดเขาต้องการให้ใครต่อใครเข้าใจไปทางไหน ความสง่างามของเธอมันเกี่ยวกับที่เขามาเปิดงานในวันนี้ยังไง ป่านนี้ลัลนาคงอยากฆ่าเธอแล้วจากสายตาที่ส่งมาจากด้านล่าง ปัญหาใหญ่เท่าภูเขาชั่วพริบตา




ประตูเปิดออกไม่นานนัก มาลินเงยหน้ายิ้มดีใจที่ภาวัตมาเสียที เขานั่งลงข้างๆ หันมายิ้มให้เตรียมตัวตอบคำถามจากผู้หญิงที่เขาชัดเจนด้วย




“นี่มันเรื่องอะไรกันคะ คุณให้ลินขึ้นไปบนเวทีทั้งๆ ที่นักข่าวมากันให้มืดฟ้ามัวดินขนาดนั้นทำไม เรื่องใหญ่ไปกว่าเดิมอีก ลืมไปหรือเปล่า”




“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นฉันคิดดีแล้ว ถ้าในชีวิตนี้จะเป็นข่าวกับผู้หญิงด้วยความตั้งใจของตัวเองสักครั้ง เธอเป็นตัวเลือกที่ดี” ถ้ามาลินจะสนใจตามข่าวของเขาคงได้รู้ว่าที่ผ่านมาเขาไม่เคยเป็นฝ่ายให้ข่าวว่าเป็นคนพิเศษของใครมาก่อน




“ตัวเลือก...หรือคะ”




นอกจากหุบยิ้มแล้วดวงตาที่มองมายังแฝงความไม่แน่ใจ ช่างเป็นความรู้สึกใหม่ภาวัตรู้สึกเหมือนถูกปฏิเสธอย่างไรก็ไม่รู้




“ฉันไม่อยากถูกใครผูกมัด ส่วนเธอพอเป็นข่าวคนร้ายที่ซุ่มทำเรื่องเลวๆ คงหยุดไปก่อน เวลานี้เธอจะได้ดูแลคุณร่มธรรมได้เต็มที่ win-win พอไหม”




win-win อีกแล้ว ที่แท้ก็อย่างนี้เอง มาลินค่อยยิ้มออกแม้จะเหมือนมีบางอย่างหน่วงๆ อยู่ในใจ เขาทำทุกอย่างเพราะมีเหตุผลที่เป็นประโยชน์ต่อเราทั้งสองคน แต่ต้องลงทุนเป็นข่าวเชียวหรือ




“คุณก็น่าจะถามลินก่อน”




“ถ้าถามเธอจะตอบตกลงฉันทันทีไหมล่ะ”




น้ำเสียงภาวัตเริ่มหงุดหงิด มาลินคิดว่าตัวเองถามมากไปหรือเปล่า เจตาของเขาดีก็พอแล้วนี่นา




“คงไม่ตกลงค่ะ แต่ถ้ามีเวลาคิดอาจจะตกลงมั้งคะ” เธอยิ้มเอาใจ “ลินกลับได้หรือยังคะ”




“ได้ แต่เราจะกลับพร้อมกัน รอฉันหน่อยนะ ถ้าไม่อยากออกไป รออยู่ในนี้ก่อนก็ได้”




เป็นข้อเสนอที่ดีมาก หากออกไปข้างนอกเธอคงถูกนักข่าวถามเรื่องบนเวที แล้วจะไปตอบอะไรได้เมื่อมันเป็นเหตุการณ์ที่สร้างขึ้นเพื่อประโยชน์ของเราทั้งสองคน ภาวัตเหมือนอยากพูดอะไรต่อ แต่กลับเปลี่ยนใจเดินออกไปจากห้อง มาลินมองตามรู้สึกเหมือนได้รับการปกป้อง เขายอมเป็นข่าวเพื่อผู้หญิงธรรมดาๆ มีอะไรที่สามารถตอบแทนเขาได้บ้างหนอ









ความสุขเล็กๆ น้อยๆ หายไปทันทีเมื่อมีข่าวร้ายเกิดขึ้นที่ไร่ มาลินออกมาจากห้องแล้วเดินอย่างเร่งรีบไปด้านหลังงาน รหัทวิ่งตามมาพร้อมกับโทรหาภาวัตไปด้วย หญิงสาวโบกรกแท็กซี่แต่ยังไม่ยอมจอดสักคัน ความร้อนใจทำให้เธอลืมบางคนไปจนกระทั่งรถแท็กซี่ยอมจอด ทว่ามือของภาวัตกลับปิดประตูแล้วขอโทษคนขับที่ทำให้เสียเวลา ก่อนจะหันมาทำหน้าเคร่งใส่เด็กบ้าเอาแต่ใจ




“จะไปไหน สัญญากันแล้วนี่ว่าจะรอ”




“ที่ไร่มีปัญหาค่ะ น้ำเป็นพิษ ตอนนี้องุ่นกำลังแย่อีกแล้ว” น้ำเสียงของมาลินเหมือนจะร้องไห้ไม่ใช่เพราะแก้ปัญหายังไม่ได้ แต่อยากไปแต่เขามาขวางไว้ต่างหาก




“มากับฉัน เราจะไปด้วยกัน” มือหนาคว้าข้อมือเล็กไว้ แต่เดินไม่กี่ก้าวก็หยุด หัวเสียจนอยากจับไล่บางเขย่าให้หัวสั่นหัวคลอน ทว่าดวงตาใสซื่อที่มองมาก็ทำลงไม่อีก “ทำไมนะมาลิน เวลามีปัญหาทำไมถึงชอบวิ่งไปก่อน นึกถึงฉันสักครั้งมันยากนักหรือไงฮะ”




มาลินหน้าเสีย “ไม่ยากหรอกค่ะ แต่ลินเกรงใจ”




ภาวัตถอนใจพรืด ไม่รู้จะโมโหใส่หรือหัวเราะดี เราสนิทกันขาดนี้ยังมาเกรงใจกันอีก หรือเป็นแค่เขาที่คิดว่าสนิทกับมาลินเท่านั้น พูดไปจะเข้าใจไหมล่ะเนี่ย เฮ้อ!




ภายในรถเงียบกริบ มาลินมองไปข้างก็เห็นรหัทขับรถตามมาห่างๆ เวลานี้คงไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ๆ ภาวัตเท่าไหร่ เขาโกรธอะไรนักหนา เธอเกรงใจจริงๆ นี่นางานเขากำลังยุ่งไม่ใช่หรือ รถเลี้ยวเข้าลานโล่งๆ คล้ายลานบิน มีเครื่องบินเล็กจอดอยู่หลายลำ




“เรามาที่นี่กันทำไมหรือคะ” เธอถามพลางรีบลงมาจากรถเดินตามมาภาวัตไปยังออฟฟิศที่ยังเปิดไฟสว่าง




“มันดึกแล้ว ฉันขับรถไม่ไหว หยุดเลย อย่าเพิ่งบอกนะว่าจะไปเอง” ภาวัตถอนใจอีกรอบ ป่วยการโมโหต่อ มาลินไม่ได้ทำผิดอะไร เขานี่แหละผิดที่ดันคาดหวัง “นั่งเครื่องบินเล็กไปเร็วกว่า”




“คุณวัตขับเป็นหรือคะ”




“เดี๋ยวคอยดู แต่เพื่อความมั่นใจของเธอ ฉันจะขอให้พี่นักบินไปด้วยกัน รอตรงนี้ไม่นานหรอก อ้อ อีกประเดี๋ยวเพื่อนฉันจะไปด้วย คนนี้น่าจะช่วยเธอได้”




มาลินพยักหน้าหงึกๆ พลางยกมือไหว้ แต่เขากลับทำหน้าเหมือนปวดท้องใส่ เธอทำผิดอะไรอีกแล้วล่ะนี่ ตอนนั่งรถมาภาวัตโทรหาใครให้วุ่นไปหมดที่แท้ก็ธุระของเธอทั้งนั้น ทำไมเขาถึงมาช่วยทุกเรื่องเพราะตาขอร้องไว้ก่อนผ่าตัดงั้นหรือ ที่ทำให้ตอนนี้มากเกินไปแล้วหรือเปล่า









เพื่อนของภาวัตมีเครื่องมือมาตรวจค่า pH ในน้ำซึ่งมีความเป็นเบสที่มาก เขาใส่สารเคมีบางอย่างลงไปเพื่อปรับให้น้ำมีความเป็นกลางมากขึ้นไม่อย่างนั้นจะมีผลต่อปั้ม ส่วนดินยังต้องเก็บไปวิเคราะห์ต่อ โดยมีการเก็บดินด้วยการเจาะในระยะต่างๆ ส่วนน้ำกำลังถูกสูบออกไปยังแท้งค์พลาสติกที่พอจะมีอยู่ท้ายไร่เพื่อไม่ให้ซึมออกไปบริเวณกว้างกว่าเดิมซึ่งจะส่งผลต่อองุ่นที่ปลูก




“จำกัดบริเวณแล้วก็ต้องเฝ้าระวัง ต้นไหนไม่น่ารอดก็ขุดเอาไปเผารวมกัน เรื่องดินผมขอไปตรวจที่แลปก่อน ในเรื่องน้ำผมจะลิสสารบำบัดให้นะครับ อย่าทิ้งลงธรรมชาติเด็ดขาด”




ปัญหาใหญ่จนไม่รู้จะแก้ไขยังไงกลับมีทางออกภายในพริบตาเมื่อมีผู้ชำนาญเข้ามาช่วย มาลินยกมือไหว้เบาใจไปได้มาก แม้เสียต้นองุ่นไปหลายต้น แต่จะไม่มากไปกว่านี้ ใครมาแกล้งไร่ของเธออยู่เนี่ย




“ขอบคุณนะคะที่มาช่วยลินทั้งๆ ที่มันกะทันหันเหลือเกิน”




“ไม่เป็นไรครับ แฟนเพื่อนกำลังมีปัญหา ผมก็ต้องมาช่วยอยู่แล้ว”




ภาวัตยิ้มกริ่ม มาลินยกมือจะบอกว่าไม่ใช่อย่างนั้น แต่กลับถูกพูดแทรกแถมเธอยังถูกดึงให้มายืนข้างหลังคนตัวสูงแสนใจดีแทนเสียนี่




“ขอบใจ เครื่องบินเล็กยังจอดรออยู่ อยากไปไหนบอกนักบินแล้วกัน”




“จะไปไหนล่ะ กลับบ้านสิ เมียรออยู่”




สองหนุ่มพากันหัวเราะ ภาวัตเดินไปส่งเพื่อนที่เครื่องบินเล็ก รหัทคอยดูแลความสะดวกให้ต่อแล้วกลับไปพร้อมกับนักบิน บอกว่าจะกลับมาตอนเช้าพร้อมรถยนต์ ภาวัตเดินมาหาคนทำหน้าไม่ถูกจะมองเขาก็เปลี่ยนเป็นเมินไปทางอื่น พอเขาจับข้อมือก็ดึงออกก้มหน้าหลบตา




“เขินเหรอ”




มาลินถอนใจยาวแข็งใจเงยหน้ามองภาวัต เขาอาจไม่คิดอะไรเลยก็ได้




“ค่ะ มันไม่ใช่เรื่องจริง” เธอบอกเสียงเบากระแอมเรียกสติให้กลับเข้าที่เข้าทาง ขายหน้าชะมัด “คุณวัตจะค้างที่นี่ใช่ไหมคะ ถ้างั้นเดี๋ยวลินไปเตรียมเสื้อผ้ากับห้องให้ก่อน แล้วหิวไหมคะ”




“แม่เตรียมอาหารไว้แล้วลูก” พัชนีลงจากบ้านมาตามพอดี “ขอบใจนะพ่อวัต ที่ไร่มีปัญหาทีไร ได้พ่อวัตมาช่วยอยู่เรื่อยเลย”




ภาวัตโบกมือว่อน “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยครับ เพื่อนผม คนของปู่กับพี่คิมทำทั้งนั้น”




“นั่นแหละค่ะ ถ้าพ่อวัตไม่จัดแจงให้ ปัญหาคงแก้ไขช้ากว่านี้”




คนถูกชมได้แต่ยิ้มถ้าปฏิเสธอีกก็จะเสียน้ำใจเปล่าๆ ได้แต่เดินตามขึ้นเรือนไป นานวันยิ่งคุ้นเคย บ้านหลังนี้เหมือนมีไอหวานละมุนลอยฟุ้งในอากาศ อยู่แล้วเย็นกายชื่นอยู่ในใจ นี่ไม่ใช่วิถีที่เคยเป็นมา เขากลายเป็นคนชอบอยู่บ้านเงียบๆ ไร้แสงสีไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน









กลับดึก เฉยเมยและกำลังจะไร้ตัวจน แล้ววันนี้ยังไม่กลับ รัมภามานั่งรอภาวัตที่ห้องนั่งเล่นทั้งที่อยากไปเดินที่สนามหญ้าหน้าบ้าน แต่กลัวว่าจะมีนักข่าวมาแอบถ่ายรูป เท่าที่ยังไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ที่ไหนก็ดีมากแล้ว ทว่าก็น่าแปลกในคราวเดียวกัน ก้องภพเงียบไปแบบนี้น่าจะไม่ดีเท่าไหร่นัก




เวลาบอกเกือบ 2 ทุ่มแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าว่าภาวัตจะกลับบ้าน โทรไปก็ไม่รับสาย ด้วยความอยากรู้เธอถึงกับเคาะประตูห้องภาณิน หลายวันมานี้แม้ไม่มีคำพูดขับไล่ แต่ก็ห่างเหิน




“ขอโทษที่รบกวนนะคะคุณแม่ ภาแค่อยากถามว่าทำไมวัตยังไม่กลับมาอีกล่ะคะ”




ภาณินรู้สึกสังเวชใจมากกว่ารำคาญ “ไม่รู้เหมือนกันนะ รายนั้นถ้าอยู่ที่ไหนแล้วอึดอัดก็ไม่อยากกลับมานักหรอก ถ้าหิวก็ทานอาหารก่อนได้เลยนะจ๊ะ แม่จะทานกับภาคน่ะ”




“ขอบคุณนะคะคุณแม่”




รัมภายิ้มหวานซ่อนความไม่พอใจไว้ เพียงไม่กี่วันก็รู้สึกได้ว่าหากมาอยู่ที่จริงๆ เข้าสักวันคงอกแตกตาย ทั้งนายและสาวใช้พากันทำเหมือนเธอไม่มีตัวตน โทรศัพท์ถูกกดโทรออกอีกครั้ง แต่ยังคงไร้ผลเช่นเดิม ไปไหนนะวัต โทรไปก็ไม่ยอมรับสายอีก









มาลินอาบน้ำเสร็จแล้วกำลังจะเข้านอนถ้าไม่เห็นว่าภาวัตเดินไปเดินมาอยู่หน้าบ้าน ในมือถือโทรศัพท์กำลังคุยกับใครสักคน วันนี้เขามาช่วยเธอจนงานตัวเองเสียหรือเปล่านะ หญิงสาวลงมาตามรอจะถามเรื่องนี้ ภาวัตเห็นเข้าพอดีเลยเดินมาใกล้ๆ พยักหน้าเหมือนเรียก แต่เธอไม่แน่ใจจนเขาต้องหันมาพูดให้เข้าใจ




“มานี่เร็ว ภาคกำลังรอสายอยู่” มือหนากวักพลางบอกปลายสายไปด้วย “เดี๋ยวครูลินจะเล่านิทานให้ฟังนะครับลูก”




มาลินเข้ามาใกล้ๆ เขาจงใจไม่เปิดเสียงลำโพงแต่ดึงใบหน้าของเธอเข้ามาชิดแล้วพยักพเยิดให้ยอมตามใจไม่รู้ลูกชายหรือว่าคุณพ่อกันแน่




“กาลครั้งหนึ่ง...”




ทั้งพ่อและลูกพากันตั้งใจฟังนิทานของมาลินเพราะมันไม่เหมือนเรื่องราวที่เคยได้ฟัง ตอนแรกเหมือนหนูน้อยหมวกแดง แต่สักพักสาวน้อยในเรื่องไปกินแอบเปิ้ลอาบยาพิษเข้าต้องรอเจ้าชายมาช่วย ภาวัตเพิ่งรู้ว่าเธอมีหัวสร้างสรรค์ ถึงว่าสาวใช้บอกว่าภาคชอบให้มาลินเล่านิทานให้ฟัง




“น้องภาคหลับแล้วค่ะคุณวัต ครูลิน” สาวใช้ดึงโทรศัพท์ออกมาจากมือของเด็กน้อยที่หลับปุ๋ยไปแล้ว




ภาวัตวางสายบ้างพลางนั่งลงที่ขอนไม้ซึ่งตัดเป็นท่อนๆ แล้วตั้งล้อมเป็นวงกลมสูงบ้างต่ำบ้าง ดีไซน์แปลกดี มาลินนั่งลงอีกฝั่ง




“ขอบใจนะ เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อนหรือเปล่า คล่องซะพลิ้วขนาดนี้”




“เคยดูแลหลานให้พัฒค่ะ” เธอยิ้มเขินๆ เมื่อภาวัตกอดอกมองมานิ่งๆ “ลินพูดอะไรผิดหรือเปล่าคะ”




“เปล่า แค่...รู้สึกร้อนๆ”




“ก็เย็นสบายออกนะคะ ถ้างั้นเดี๋ยวลินไปยกพัดลมในห้องตามาให้คุณวัตดีไหมคะ”




คนร้อนหัวเราะ ไม่แน่ใจแล้วว่ามาลินซื่อบื้อหรือซื่อจริงๆ เธอใสเหมือนแก้วจนเขากลายเป็นแก้วสีดำหม่น




“ช่างมันเถอะ ดึกแล้ว แยกย้ายกันไปนอนดีกว่า ไม่อย่างนั้น แม่ของเธอคงไม่ได้นอนเพราะมายืนมองเราสองคนอยู่ตรงหน้าต่าง” เรียวปากหนายิ้มรู้ทัน หากเขามีลูกสาวคงห่วงไม่ยอมให้ไอ้หน้าไหนมาเข้าใกล้ง่ายๆ เหมือนกัน “ไม่ต้องหันไปหรอกนะ ท่านก็แค่เป็นห่วงเธอเท่านั้นเอง”




มาลินทำหน้าไม่ถูกเลยขอตัวขึ้นบ้านลืมเรื่องที่จะถามไปสนิท ร่างสูงเดินตามมาใกล้ๆ หญิงสาวย่อตัวลงจะถอดรองเท้าสานที่ใส่อยู่ ทว่าภาวัตกลับนั่งลงแล้วช่วยถอดรองเท้าให้ เธอยืนนิ่งเหมือนถูกสาปจนเขาบอกว่าขึ้นบันไดไปได้แล้วนั่นล่ะ ก้อนหินถึงกลับมาหายใจได้




ชายหนุ่มมองตามก่อนหันมามองหน้าต่างที่ผ้าม่านไหวขยับ การแสดงออกของเขาน่าจะเสียงดังกว่าคำพูดใช่ไหม หากอดีตแก้ไขไม่ได้ สิ่งที่เห็นในปัจจุบันน่าจะคลายความกังวลใจให้พัชนีได้ไม่น้อย








หนังสือวางแผงแล้วนะคะ สามารถซื้อได้จากร้านหนังสือทั่วประเทศเช่น se-ed นายอินทร์ หรืออ่านต่อใน E-BOOK เว็บ MEB ค่ะ ฝากภาวัตกับมาลินด้วยจ้า




อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ธ.ค. 2558, 10:57:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ธ.ค. 2558, 10:57:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 1060





<< ตอนที่15 ครึ่งหลัง   ตอนที่ 16 ครึ่งหลัง >>
konhin 1 ม.ค. 2559, 13:10:27 น.
รุกแล้วสิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account