เล่ห์รักพรางแค้น วางแผงแล้ว สนพ ทัช
ใครจะไปคิดว่าการทำภารกิจให้ปู่ กลับกลายเป็นถูกโชคชะตากลั่นแกล้งให้เขาถูกสลัดลงจากคาน ยัยซื่อบื้อนั่นน่ะหรือคือไก่วัดที่ทำให้เขากลายเป็นสมภาร
Tags: ความรัก ความหลัง

ตอน: ตอนที่ 16 ครึ่งหลัง

อากาศเย็นสบายในยามเช้าชวนให้วิ่งออกกำลังกาย คนงานในไร่กำลังช่วยกันลากต้นองุ่นที่โค่นไว้ตั้งแต่เมื่อวานมาเผาและตรวจดูต้นองุ่นใกล้เคียงกับแหล่งน้ำที่สูบไปใส่แท้งค์พลาสติก มือหนาโบกมือทักทายคนขยันที่ตื่นมาทำงานแต่เช้า พออาบน้ำเสร็จแล้วลงมาจากบ้านก็เห็นเพื่อนชายร่วมมหา’ลัยของมาลินกำลังช่วยพัชนีรดน้ำต้นไม้ เขาคงไม่สนใจหากไม่มีเสียงลอยลมมาให้ได้ยิน

“ลินบอกว่าคุณมาช่วยเรื่องในไร่ตั้งแต่เมื่อคืน ขอบคุณที่ช่วยพวกเรานะครับ แต่คราวหน้าผมขอดูแลตามประสาคนสนิทกัน”

ไว้เชิงเสียด้วย ภาวัตมองเฉยกอดอกใส่ อีกฝ่ายกอดอกกลับมาเช่นกัน ผู้ชายรอบตัวมาลินดูไม่ชอบหน้าเขาทั้งนั้น รหัทขับรถมาถึงพอดี แต่รายนี้ก็ทำหน้าเหมือนโลกใกล้แตก

“มีอะไรหรือรหัท ข่าวดีหรือข่าวร้ายล่ะจะได้เตรียมใจถูก”

มาลินขี่จักรยานกลับมาถึงบ้านพอดี สีหน้าของสามหนุ่มจากยิ้มกลายเป็นเคร่งขรึมพอเธอจะถามก็ถูกสั่งเสียงเรียบๆ ใส่เสียนี่

“มาลินอยู่บ้านนะ ส่วนคุณช่วยไปกับพวกผมทีงานนี้ต้องการคนนำทาง”

พิพัฒนิ่วหน้าใส่กะว่าจะไม่สนใจอยู่แล้ว แต่ท่าทางเหมือนมีลับลมคมในของภาวัตเลยทำให้เปลี่ยนใจยอมเดินมาที่รถ มาลินมองตามได้แต่สงสัยว่าสามหนุ่มขับรถมุ่งหน้าไปท้ายไร้กันทำไม แถวนั้นมีแต่ป่ารกๆ กับเนินเขาทั้งนั้น



ปลายทางของสามหนุ่มต้องฝ่าเข้าไปในสุมทุมพุ่มไม้ที่หนาทึบตามเบาะแสที่รหัทได้ฟังมาจากคนงาน พิพัฒช่วยนำทางได้เพราะหากเดินลึกเข้าไปอีกจะมีน้ำตกที่เขามาเล่นเมื่อตอนเด็กๆ ที่เขายอมช่วยเพราะภาวัตบอกว่ากำลังหาว่าร่มธรรมไปไหนมาก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ

ทว่าเมื่อลึกเข้าไปกลับพบลานโล่งๆ ต้นไม่ถูกตัดจนเตียน จากรอยตัดเหมือนจะไม่นานเท่าไหร่ รหัทสำรวจแล้วใช้เท้ากวาดใบไม้ที่สุมกันผิดปกติออกไปก็พบบางอย่างที่น่าสงสัย

“ร่องรอยของดินเหมือนเพิ่งถูกขุด คนงานบอกผมว่าก่อนที่คุณร่มธรรมจะไปหาคุณวัตได้ขับรถมาทางนี้ก่อน แต่ไม่กี่นาทีก็รีบขับรถออกไปจากไร่”

“ตั้งแต่มีคนงานมาตายจากงูกัดก็ไม่มีใครอยากเข้ามาอีก แล้วลุงธรรมเข้ามาทำไม ประเด็นนี้ผมว่าน่าสนใจนะ” พิพัฒมองภาวัตกับรหัทอย่างสงสัยว่ามีอะไรที่เขายังไม่รู้อีกหรือเปล่า

ภาวัตทำหน้าเฉยใส่พลางตั้งข้อสังเกต “ถ้าเป้าหมายของคุณร่มธรรมเปลี่ยนล่ะ ตรงที่เกิดอุบัติเหตุจะเข้ากรุงเทพฯ หรือจะเข้าเมืองก็ได้เหมือนกัน”

“เดี๋ยวผมไปหาจอบมาให้ ใกล้ๆ แถวนี้คนงานน่าจะเอามาวางทิ้งไว้บ้าง”

พิพัฒเดินเร็วๆ ออกมาถึงเชิงเขาได้ก็มองหาจอบ ไม่นานก็พบจึงรีบกลับเข้าไปสมทบสองคนนั้น สายตาคมวาวมองตามรีบโทรส่งข่าวไม่ได้หนักใจนักเมื่อของสำคัญได้ถูกเอาออกไปจนหมดแล้วหลังจากเกิดเรื่อง

ดินถูกขุดหลายหลุม แต่กลับไม่พบสิ่งแปลกปลอม แต่สิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้นั่นคือต้องมีใครบางคนนำมาบางอย่างมาฝังไว้เพราะดินนิ่มขุดง่ายต่างจากบริเวณใกล้เคียงอย่างเห็นได้ชัด

“ผมมั่นใจว่ามันต้องมีอะไรแล้วมันต้องเกี่ยวกับที่รถของคุณร่มธรรมถูกเจาะสายน้ำมันเบรกด้วย” รหัทปรึกษาอยู่กับภาวัต

“คุณว่าอะไรนะ มีคนจงใจฆ่าลุงธรรมงั้นหรือ” พิพัฒแทบจะโยนจอบที่กำลังขุดทิ้ง

“ใช่ มีคนต้องการฆ่าคุณร่มธรรม เราต้องทำเหมือนไม่รู้อะไรคนร้ายจะได้ไม่ไหวตัวทัน แล้วทำพิรุธให้เราเห็น ตอนนี้ผมอยากให้คุณสองคนไปสถานีตำรวจอาจมีเบาะแสอะไรเพิ่ม ส่วนผมต้องทำธุระเรื่องที่ดินก่อน”

พิพัฒคิดว่ามันแปลกมาตั้งแต่แรกแล้วเพราะลุงธรรมไม่ใช่คนขับรถเร็ว เขาวางจอบหมดแรงเอาดื้อๆ เมื่อคิดไม่ออกว่าใครจะทำแบบนั้น ความตั้งใจหาคำร้ายของภาวัตทำให้สายตาหมิ่นๆ เปลี่ยนเป็นนิยมชมชอบขึ้นมานิดหน่อย

“ก็ได้ครับ ตามนั้น ถ้าคุณช่วยลินกับคุณป้าด้วยความจริงใจ ผมก็ขอบคุณด้วย”

ภาวัตร้องเฮอะอยู่ในใจ เจ้านี่ทำตัวอย่างกับอายุเท่ากัน ปีนเกลียวจนน่าถีบ แต่ช่างเถอะ ตอนนี้มีคนมาช่วยนอกจากตำรวจก็ดี การหาคนร้ายจะได้ง่ายขึ้น ขอให้มันทำอะไรสักอย่างเถอะ คนทำผิดก็เหมือนก่อไฟ ยังไงก็ต้องเห็นควัน เมื่อนั้นแหละพวกมันจะถูกนำตัวมาลงโทษตามกฎหมาย



รหัทกลับมาแล้วพร้อมข้อมูลจากตำรวจที่ได้เพิ่มมาว่าผู้ต้องหาที่ภาวัตจำได้และบังเอิญกล้องหน้ารถบันทึกไว้ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ ทำให้เกิดประเด็นใหม่ว่าอาจเป็นความแค้นส่วนตัว แต่แค้นเรื่องอะไรยังยากจะหาเหตุผล คงได้แต่ภาวนาไม่ให้ถูกฆ่าปิดปาก ถ้าแค่หนีอย่างไรก็ต้องล่าตัวจนเจอ

ใกล้ 6 โมงเย็นเต็มที ภาวัตหยุดเรื่องที่คุยไว้ก่อนเพราะต้องเดินทางกลับแล้ว เขาเข้ามาในบ้านเห็นพัชนีกำลังฝานกล้วยเป็นแว่นๆ ถ้าได้พบแม่เขาคงได้แลกวิชาทำอาหารกัน

“มาลินไปไหนครับหรือคุณป้า”

พัชนีมองไปทั่วบ้าน “เอ ไม่เห็นเหมือนกัน ไปเยี่ยมลูกคนงานละมั้ง มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”

“อีกเดี๋ยวจะกลับแล้วน่ะครับ ผมไปตามแล้วกัน”

ภาวัตเดินมาตามทางที่จะนำไปสู่บ้านพักคนงาน แต่ไม่พบมาลินที่นั่นเลยเดินไปทางไร่องุ่นที่กำลังใกล้ได้เก็บผลเผื่อคนขยันจะไปตรวจงาน ทางเดินค่อนข้างขรุขระ หากจะทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วยต้องปรับปรุง เขาเดินลงไปยังดินที่เพิ่งไถเพื่อลัดไปยังแปลงองุ่นอีกฝั่ง

ชายหนุ่มเท้าเอวมองไปทั่วบริเวณพลางเดินไปเรื่อยๆ ไม่ทันเห็นทางมะพร้าวที่วางไว้หยาบๆ จนเหยียบเข้าแล้วแรงดึงดูดของโลกก็ทำงานทันที

“โอ๊ะ...?!?”

ร่างของภาวัตหล่นตุ้บลงไปในหลุมลึกซึ่งเป็นบ่อเก่าคนงานเอาทางมะพร้าวปิดไว้ รอให้รถดันมาถมดินในวันพรุ่งนี้ แต่ไม่ทันคิดว่าจะมีใครตกลงไปจากความซวยล้วนๆ ภาวัตสะบัดแขนและขาด้วยความห่วงตัวเอง ใกล้แข่งขันแล้วเขาจะมาบาดเจ็บไม่ได้ หน้าผากเจ็บแปลบพอลูบก็เห็นเลือดติดนิ้วมาไม่มากนัก ไม่น่าถึงแตก แต่ก็มากกว่าถลอก

มาลินกลับบ้านไปแล้วไม่เจอภาวัต เห็นแต่รหัทที่มารอนายก็เลยมาช่วยกันออกมาตามหาแยกไปคนละทาง หญิงสาวป้องปากตะโกนเรียกไปเรื่อยๆ พระอาทิตย์ใกล้ลาลับขอบฟ้า เธอน่าจะหยิบไฟฉายมาด้วย แต่มันไกลบ้านมากแล้วรีบหาให้เจอคงดีกว่าเทียวไปเทียวมา

“คุณวัต...อยู่ที่ไหน ให้เสียงลินด้วย”

“มาลิน...ลิน ฉันอยู่นี่”

เสียงทุ้มๆ แว่วมาไกลๆ มาลินวิ่งไปตามเสียงนั้น

“ตรงไหนคะคุณวัต”

เธอตะโกนถามซ้ำ แต่เสียงกลับเงียบไป อารามรีบร้อนไม่ทันมองเลยกลายเป็นว่าไม่ทันเห็นหลุมลึกตรงหน้าหล่นลงมาข้างล่างอีกคน ภาวัตจะร้องบอกให้ระวังก็ไม่ทันแล้ว

“กรี๊ด...!?!”

มาลินหลับตาปี๋กอดอกรอรับแรงกระแทกเต็มที่ แต่กลับไม่เจ็บอย่างที่คิดเมื่อถูกกอดไว้ทั้งตัวจากคนที่ตกมาก่อน เรียวปากหนาบิดโค้งไม่คิดว่าจะยิ้มออกในสถานการณ์แบบนี้

“ซุ่มซ่ามตลอดเวลาเลยนะเธอน่ะ ลุกก่อน ฉันจุก”

ร่างเล็กกว่าขยับลุกรู้สึกเจ็บขาหน่อยๆ เลยรีบนั่งลงใกล้กัน แน่ล่ะถึงอยากไปไกลกว่านั้นคงไม่ได้เมื่อบ่อไม่ได้กว้างอะไร แค่ภาวัตยืดขาก็ยันกับผนังอีกฝั่งแล้ว

“ขอโทษค่ะ แล้วทำไมคุณวัตถึงหล่นมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะคะ”

“เหตุผลเดียวกับเธอนั่นแหละ มีโทรศัพท์มาไหม ของฉันคงอยู่บนบ้าน”

มาลินอยากทึ้งหัวตัวเองถ้ากลับไปเอาไฟฉายคงได้หยิบโทรศัพท์มาด้วย เวลาซวยอะไรๆ ก็ช่างประจวบเหมาะเหลือเกิน

“ไม่ได้เอามาค่ะ แต่อีกเดี๋ยวคุณรหัทกับคนงานคงหาเราสองคนเจอมั้งคะ” เธอปลอบใจตัวเอง ถ้าติดในนี้ทั้งคืนคงขำไม่ออกแน่ แล้วหัวเขามีเลือดนี่นา มือบางยื่นไปสัมผัสแผลเบาๆ แต่เขาหันหน้าหนีคงเจ็บไม่น้อย

“เจ็บไม่เท่าไหร่หรอก ตอนที่ตกลงมา หัวฉันไปกระแทกกับดินแข็งเข้า แล้วเธอล่ะ เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า” เขาห่วงเธอมากกว่าห่วงตัวเองเสียอีก

มาลินส่ายหน้า “จะเจ็บได้ยังไงล่ะคะก็หล่นมาบนตัวคุณวัต ว่าแต่เราจะขึ้นไปข้างบนกันยังไงล่ะนี่”

แสงสุดท้ายหายไปจากท้องฟ้า แสงจันทร์เข้ามาแทนที่อย่างช้าๆ มาลินมองความสูงของพื้นดินเหนือหัวขึ้นไปแล้วถอนใจกลุ้มๆ ให้ต่อตัวกันยังไม่ถึงครึ่งของความลึกที่เห็นด้วยซ้ำ ภาวัตลุกขึ้นจะลองปีน แต่ก็นิ่วหน้าเวียนหัวจนต้องนั่งลง เราคงต้องรอให้ใครผ่านมาแถวๆ นี้เท่านั้น รหัทอาจแกะรอยจนมาเจอก็ได้



พิพัฒกำลังเดินเข้าซอยมาที่หอพัก ตามองทาง แต่สมองกลับคิดหนักเมื่อได้คุยกับรหัทจนรู้เรื่องทั้งหมดจึงไม่แปลกใจอีกแล้วว่าทำไมภาวัตถึงยื่นมือเข้ามาช่วยมาลินและครอบครัว ไม่ใช่...แส่ อย่างที่เขาคิดในตอนแรก แล้วยังที่ร่มธรรมถูกวางยา มีเหตุผลอะไรคนร้ายถึงต้องการฆ่าปิดปาก ขัดแย้งหรือไปรู้อะไรที่ไม่ควรรู้

ความที่มัวแต่คิดอะไรเพลินพอเงยหน้ามาอีกทีก็เกือบชนคนที่กำลังเดินสวนมา เขาหลีกทางให้ แต่กลับไม่พ้นเมื่อกลายเป็นหลีกมาทางเดียวกัน พอหลีกให้อีกครั้งก็เหมือนเดิม อย่างนี้หาเรื่องแน่ๆ

“มีอะไรหรือครับ ไม่รู้จักกันสักหน่อย อย่ามายืนขวาง” พิพัฒบอกเสียงแข็งๆ ใส่

ชายแปลกหน้ากอดอกมองหมิ่นๆ “มีคนอยากให้รางวัลน้องนะสิ”

พิพัฒเป็นฝ่ายหลีกเองไม่อยากมีเรื่อง แต่สายไปแล้วเมื่อไม้ถูกฟาดจนเซถลา ชายอีกคนก็ถีบ แต่เขากระชากหมัดใส่ปากมันจนหน้าหัน เกิดการตะลุมบอนสองรุมหนึ่ง เหยื่อถูกลากเข้าไปในซอยเล็กๆ พิพัฒเอาหลังแขนบังหน้าแล้วสู้กลับ ปลายเท้ากระแทกใส่กลางอก เขาล้มลง แต่ก็รีบตะกายขึ้นมา ใครอีกคนผ่านเข้ามาเห็นเหตุการณ์คว้าไม้ฟาดใส่เจ้าคนรุมพร้อมกับแหกปากเสียงดังลั่น

“ช่วยด้วยยยยย...มีคนถูกทำร้าย”

“เฮ้ย มันมีคนมาช่วย”

คนร้ายเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งหนีไป คนที่ช่วยรีบวิ่งมาประคองคนเจ็บ พิพัฒเช็ดตาด้วยหลังมือ แม้จะเห็นพร่าๆ แต่ก็รู้ว่าเอมิกานั่นเองที่มาช่วยเขาไว้

“นายรู้จักพวกมันหรือเปล่า”

“โห! ถ้ารู้จักมันจะรุมตื้บฉันเรอะ” มือหนาคว้าไหล่ของเอมิกาไว้ เพราะเจ็บจนเดินเองยังแทบไม่ไหว “แล้วเธอน่ะ มาทำอะไร”

“อ้าว อีตานี่ ก็เอาหนังสือมาคืน แล้วไปทำให้ใครโมโหหรือไงถึงได้ถูกรุมตื้บน่ะ”

พิพัฒก็ไม่รู้จะตอบยังไง นึกออกเสียที่ไหนว่าไปมีเรื่องกับใคร ความอ่อนโยนของเอมิกาทำให้เขาหันมาสนใจ ถึงจะพูดร้ายๆ ใส่ แต่มือยังช่วยประคองเดินพามาถึงหอพัก

“คืนนี้เธอคงต้องค้างห้องฉันแล้ว”

“จะบ้าหรือ” เสียงเอมิกาแหวลั่น

“ไม่บ้า ฉันกลัวว่าคนที่รุมตื้บฉันมันจะกลับมาอีกน่ะสิ แล้วเธอมาหาฉัน มันคงปล่อยไว้หรอก ไม่ต้องห่วง ถึงฉันจะเป็นผู้ชาย ยังไม่มีแฟน แต่ก็เลือก”

“ปากหมาอย่างนี้สมควรหรอกที่หาแฟนไม่ได้” เรียวปากสวยเบ้ใส่อย่างเหลือทน แต่พอมองทางออกไปจากซอยแล้วก็ชักหวาดๆ อีตาพัฒบ้าก็ผิด หอพักตั้งเยอะ มาเลือกที่นี่ทำไม “ก็ได้ เดี๋ยวเข้าห้องแล้วฉันจะทำแผลให้ แต่ฉันว่านายควรแจ้งความนะ”

ลิฟต์มาพอดี เอมิกายังประคองคนปากหมาเข้ามาแล้วยังช่วยกดชั้นให้ ถ้าไม่ติดว่ากลัวจนออกไปจากที่นี่ไม่ได้จะปล่อยให้นอนจุกอยู่ข้างนอกนั่นแหละ พิพัฒมองตาปรอย เพิ่งเห็นชัดๆ ว่านอกจากความสวยแล้วยัยนี่ก็มีน้ำใจ ก่อนหน้านี้ไม่น่าไปบ้าผู้ชายคนเสียเพื่อนเลย บ้าๆ เขาคิดอะไร เกิดเรื่องแบบนี้ควรโทรหาคุณรหัทน่าจะดีที่สุดสิ




หนังสือวางแผงแล้วนะคะ สามารถซื้อได้จากร้านหนังสือทั่วประเทศเช่น se-ed นายอินทร์ หรืออ่านต่อใน E-BOOK เว็บ MEB ค่ะ ฝากภาวัตกับมาลินด้วยจ้า




อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ม.ค. 2559, 13:01:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ม.ค. 2559, 13:01:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 1074





<< ตอนที่ 16 ครึ่งแรก   ตอนที่ 17 ครึ่งแรก >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account