ริษยาซ่อนรัก
ความเจ็บเปลี่ยนภูเขาน้ำแข็งให้เป็นภูเขาไฟ เธอจึงถือคติว่าเจ็บแล้วต้องจำ และหากถูกกระทำซ้ำๆต้องเอาคืน!

ไฟใดจะร้อนเท่าไฟในอก
ความริษยาคือเปลวไฟที่จะเผาไหม้ทุกอย่างให้เป็นจุณ
แล้วอำนาจใดเล่าที่จะยับยั้งอานุภาพแห่งไฟร้ายได้
หากมิใช่...ความรัก

Tags: น้ำฟ้า,ริษยาซ่อนรัก,นิยายรัก

ตอน: บทที่ ๗ เป้าหมายแห่งความแค้น

กลับมาแล้ว หลังจากไม่ได้อัพตอนใหม่เสียนาน เดือนที่แล้วอยู่ในช่วงของการเคลียร์งานที่ค้างทั้งหมดให้เสร็จสิ้นไป ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่ะ ต่อไปสามารถที่จะเขียนนิยายอย่างต่อเนื่องได้แล้ว ขออภัยนักอ่านที่ทำให้ค้างคานะคะ

ตอบคุณ Zephyr จากตอนที่แล้ว "เมื่อไหร่คู่นี้จะหวีดหวานวีดหวิ้วบ้าง" รอจังหวะก่อนนะคะ ใกล้แล้ว ๕๕๕

บทที่ ๗


เรือเข้าเทียบท่าเกาะช้าง ผู้โดยสารจึงทยอยลงจากเรือผ่านท่าเรือเข้าไปในตัวเกาะ

ซันดาเองก็เช่นเดียวกัน เมื่อลงจากเรือแล้วเธอจึงลากกระเป๋าเข้าไปยืนรวมกับคนอื่นๆที่มาจากสำนักพิมพ์เดียวกัน หลังจากนั้นจึงมีรถจากทางรีสอร์ตมารอรับ การเดินทางเป็นไปอย่างทุลักทะเลพอสมควรเพราะบางจุดเป็นทางลาดชัน กว่าจะไปถึงจุดหมายซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในตัวเกาะก็ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง

สถานที่จัดงานสังสรรค์คนทำหนังสือเป็นที่พักหรูริมทะเล บริเวณทางเข้ารีสอร์ตงดงามด้วยสวนดอกไม้นานาพันธุ์ ถัดไปจึงเป็นโซนบ้านพัก ห้องจัดเลี้ยง และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจหลากหลายรูปแบบ

ที่พักของซันดาและสิยาพรเป็นบ้านหลังย่อมชั้นเดียวยกพื้นสูงพื้นที่กว้างขวาง ด้านนอกตัวบ้านมีระเบียงยื่นออกมาจนถึงสระว่ายน้ำ ใกล้ๆกันมีแผงน้ำไหล หินแกะสลักให้มีน้ำพ่นออกจากปากสิงห์บาหลีและเตียงสำหรับอาบแดดตั้งอยู่ เมื่อเดินเลยเข้าไปในตัวบ้านจะพบห้องโถงจัดเป็นมุมนั่งเล่น มีทั้งโซฟาและม้านั่ง โดยมีโต๊ะไม้รูปทรงเก๋ไก๋ตั้งอยู่ตรงกลาง ด้านในสุดเป็นห้องนอนหรูอยู่ติดกัน 2 ห้อง ซึ่งด้านหนึ่งของห้องเป็นประตู 4 บาน แต่ละบานสามารถเปิดออกไปนอกตัวบ้านได้ มองไกลๆจึงดูคล้ายหน้าต่างบานใหญ่ ซึ่งตั้งขนานกับเตียงนอนที่มีมุ้งสีขาวสะอาดผูกด้วยริบบินอยู่ 4 มุม สวยงามราวกับฉากในเทพนิยาย

“สวยจังเลยค่ะพี่ซัน” สิยาพรจัดของในห้องตนเองเสร็จแล้วจึงเปิดประตูเข้ามาชวนคุย ขณะที่เจ้าของห้องกำลังนำเสื้อผ้าเข้าไปแขวนในตู้แบบบิวท์อินอย่างไม่รีบเร่ง

“สวยดีเหมาะกับสาวสวยเพ้อฝันแบบเก๋นั่นแหละ” ซันดาหันไปตอบเจือยิ้ม

นักศึกษาสาวยิ้มแก้มปริ ลากเก้าอี้ไม้มานั่งข้างๆเตียงพลางเอียงคอมองผู้ที่ก้มๆเงยๆอยู่ตรงหน้าก่อนแสดงความคิดเห็น “พี่ซันสวยกว่าเก๋อีก”

ซันดาหันขวับ จ้องคนพูดนิ่ง ย้อนถามกลั้วหัวเราะ “จริงเหรอ”

“จริงสิคะ พี่ซันหน้าใสมากเลย ตอนเจอใหม่ๆเก๋นึกว่ารุ่นราวคราวเดียวกันเสียอีก” สาวน้อยตอบด้วยท่าทีจริงจัง ทั้งยังมองตอบไม่หลบ “เก๋ว่าถ้าพี่ซันไว้ผมยาวสักหน่อย คงหน้าหวานมากเลย แต่ไว้ผมซอยแบบนี้ก็เท่ดีค่ะ หน้าใสๆมีชัยไปกว่าครึ่ง”

ซันดาหัวเราะเบาๆ พร้อมกับลุกขึ้นยืน “อยากได้อะไรจากพี่หรือเปล่า มาชมกันขนาดนี้ ปะ จัดเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ไปห้องจัดเลี้ยงกัน เห็นว่าจะแจกหมายกำหนดการ”

สิยาพรลุกตาม “โอเคค่ะ ป่านนี้วิชกับพี่เอเธ็นส์คงรอแย่แล้ว”

สองสาวเดินออกจากตัวบ้าน ลัดเลาะไปตามทางเดินปูด้วยแผ่นหินทรายแดงคั่นด้วยกรวดจนถึงอาคารหลังใหญ่สองชั้น แล้วตามพนักงานของรีสอร์ตจึงเดินขึ้นไปบนชั้นสอง

“ทางนี้ฮะคุณซัน น้องเก๋” เสียงของฐิติดังขึ้นหลังจากซันดาก้าวเข้าไปในห้องไม่กี่อึดใจ เขาบอกพร้อมทั้งโบกมือเรียก

“ซันดาก้าวฉับๆเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะซึ่งมีฐิติ วิชกร และพนักงานฝ่ายศิลป์ซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลจากประตูห้องนัก เมื่อมีคนเดินเข้ามาจึงมองเห็นได้อย่างชัดเจน

“นั่นคุณปรัชญ์มากับใคร” สิยาพรเอ่ยขึ้น ทำเอาทุกคนในโต๊ะมองไปยังประตูทางเข้าเป็นจุดเดียว

วันนี้ปรัชญ์มาในชุดเสื้อคอโปโลสีฟ้าอ่อน ปล่อยชายเสื้อลงมาคลุมกางเกงยีนสีดำสนิท ข้างกายของเขาคือสาวสวยในชุดเสื้อสีเหลืองสดเปิดไหล่ และเอวลอย ทำให้มองเห็นเอวคอดกิ่วเหนือกางเกงสีขาวสะอาดตาได้อย่างถนัดถนี่

“ก็คุณฟ้าไงครับ” หนุ่มฝ่ายศิลป์เป็นผู้ตอบ

ฐิติยิ้มมุมปากน้อยๆเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเคยพบกับคู่ควงของปรัชญ์เมื่อไม่นานมานี้ แต่เขาก็เงียบเสีย ไม่แสดงออกใดๆ เช่นเดียวกับซันดาที่ทำเหมือนไม่มีคนทั้งสองอยู่ในสายตา จวบจนจนปรัชญ์มองเห็นฐิตินั่นแหละ เธอจึงรู้ว่าตนเองคิดผิดเพราะคนทั้งสองกำลังเดินเข้ามาและมานั่งร่วมโต๊ะกับเธอในที่สุด

“ขับรถมาเองเลยหรือฮะพี่ปรัชญ์” ฐิติถามหลังทักทายกันพอหอมปากหอมคอแล้ว

“ใช่ พี่ต้องไปเคลียร์งานที่บริษัทก่อสร้างก่อนน่ะสิ ไม่อยู่ตั้งหลายวัน ถ้างานไม่เสร็จคุณพ่อเล่นงานแน่”ตอบรุ่นน้องแล้วเขาจึงทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้ “ลืมแนะนำ ทุกคนครับนี่คุณฟ้าเป็นบอกออยู่ที่สำนักพิมพ์ลูกหว้า”

“สำนักพิมพ์เก่าของบอกอไงล่ะคะ” ฟ้ารุ่งต่อยิ้มๆมองเลยไปยังคนที่ตนเองพูดด้วยซึ่งก็คือซันดา

“แหม ถ้าไม่มีคุณ ฉันก็คงไม่ได้มาทำงานกับสำนักพิมพ์ดีๆอย่างเลิฟไลน์บุ๊คส์หรอกค่ะ ต้องขอบคุณจริงๆ” ซันดาตอบเสียงเรียบ

ฟ้ารุ่งมองตาขวาง ทำท่าจะพูดต่อ ปรัชญ์เบรกด้วยการแนะนำเพื่อนร่วมโต๊ะทีละคน จนมาถึงฐิติ “นี่เอเธ็นส์ครับฟ้า เป็นรุ่นน้องของผม แล้วก็เป็นนักเขียนดังนามปากกา กุหลาบเที่ยงคืน ด้วย”

ฟ้ารุ่งมองชายหนุ่มผมยาวในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง นี่หรือคือเป้าหมายที่สำนักพิมพ์ลูกหว้าต้องการ ผู้ชายปากเสีย เอาแต่ใจ ไร้มารยาท และดูไม่น่าเชื่อถือคนนี้น่ะหรือนักเขียนขายดี เฮ้อ! เคยแขวะกันมาก่อนแล้วจะใช้วิธีไหนดึงตัวล่ะเนี่ย

“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณเอเธ็นส์” เธอปรับสีหน้าให้ดีขึ้นขณะทักทาย ทั้งๆที่ความรู้สึกในใจยังไม่พอใจเรื่องเก่าๆอยู่ลึกๆ

ส่วนฐิตินั้นไม่สนใจอะไร สำหรับเขา ความเข้าใจผิดเกิดขึ้นได้เสมอ ผ่านมาก็ผ่านไปเหมือนสายลม ชายหนุ่มจึงยิ้มให้เธอได้อย่างเต็มใจ “ยินดีเช่นกันคุณฟ้า”

“ สามวันนี้จะมีกิจกรรมอะไรบ้างครับคุณปรัชญ์” วิชกรถาม

ปรัญช์หันมามองหน้าหนุ่มน้อยแล้วจึงค่อยตอบ “วันนี้ให้ทุกคนพักผ่อน ตอนกลางคืนมีงานเลี้ยงสังสรรค์ พรุ่งนี้มีอบรมเรื่องการเขียน การทำหนังสืออะไรนี่แหละ พอตกกลางคืนพวกเราจะสังสรรค์ริมหาด มีประกวดแฟนตาซีด้วย วันสุดท้ายก็กลับตอนสายๆ”

“มีแฟนตาซีด้วย ทำไมปรัชญ์ไม่บอกฟ้าก่อนล่ะคะ ไม่ได้เตรียมตัวเลย แบบนี้ปรัชญ์ต้องพาฟ้าออกไปซื้อนะ รู้มั้ย” ฟ้ารุ้งเอียงหน้าบอกชายหนุ่มข้างกายด้วยน้ำเสียงงอนๆ

ปรัชญ์พยักหน้า “ได้สิ ยังไงเราก็เอารถข้ามมากับเรืออยู่แล้ว แต่จริงๆเขาไม่ได้ต้องการให้เลิศหรูอะไรหรอกนะฟ้า แค่อยากให้แต่งตัวตามที่หากันได้ง่ายๆ ถึงได้ไม่บอกล่วงหน้า”

“แต่ยังไงฟ้าก็อยากไปอยู่ดีแหละ จะได้แต่งสวยๆไงคะ ถ้าให้แต่งแบบนี้ต้องมีประกวดอยู่แล้วใช่ไหม”

“ครับ ก็มีประกวดอยู่” ชายหนุ่มตอบแล้วจึงหันไปทางซันดา “คุณบอกอออกไปด้วยกันนะ จะได้พาน้องๆไปด้วย”

หญิงสาวทำหน้าตึง เพราะใจนึกรำคาญบทพระ-นางตรงหน้าอยู่ครามครัน “ขอบคุณที่ชวนนะ แต่ไม่ดีกว่า เอาเท่าที่มีก็พอ”

ฟ้ารุ่งขยับมุมปากยิ้ม “แหม บอกอซันเขาเป็นทอม ปรัชญ์แค่ให้เขายืมสูทก็พอแล้ว”

ซันดาชายหางตาไปมองคนพูดพลางยิ้มกว้าง “เป็นไอเดียที่ดี การมาเที่ยวแบบนี้ไม่ควรทำตัวให้ยุ่งยาก หาได้ยังไงก็ใส่ไปอย่างนั้นดีที่สุด”

“ถ้าคุณซันไม่ไปผมก็ขอตัวนะฮะพี่ปรัชญ์” ฐิติพูดขึ้นบ้าง

“เก๋กับวิชก็เหมือนกันค่ะ เก๋พอจะมีชุดที่ดัดแปลงได้อยู่ ส่วนวิชให้ใส่ผ้าขาวม้าก็พอแล้ว” พูดจบสิยากรก็หัวเราะคิกคัก หันไปทางบอกอพี่เลี้ยงของตน “เราไปตักอาหารกันดีกว่าค่ะ เห็นแว้บๆว่าที่นี่จัดบุฟเฟต์ได้น่ากินมากเลย”

“งั้นเราก็ไปกันบ้างป่ะพี่นพ วิช พี่ปรัชญ์ดูแลคุณฟ้านะครับ เดี๋ยวพวกผมมา” ฐิติจัดแจงวางแผน แล้วจึงลุกขึ้นเป็นคนแรก

ฟ้ารุ่งมองตามคนทั้งหมดไปด้วยสายตาหมิ่นแคลน ตรงข้ามกับสิ่งที่กล่าวออกมา “พวกเขาน่ารักดีนะคะ เห็นแบบนี้แล้วฟ้าชักอยากจะมาอยู่เลิฟไลน์บุ๊คส์แล้วสิ”

ปรัชญ์หันมองคนพูดพลางเลิกคิ้ว “อะไรกัน เพิ่งไปทำงานที่ลูกหว้าอย่างอแงสิฟ้า แม่ผมเป็นคนฝากคุณนะ”

หญิงสาวแบะปาก “คุณป้าน่ะใจร้าย ส่งฟ้าไปทำงานที่อื่น ทั้งๆที่สำนักพิมพ์ตัวเองก็อยากได้บอกอเพิ่ม สงสัยฟ้าไม่เก่งเท่าซันมั้งก็เลยมองข้าม”

“ไม่หรอกน่า คุณแม่ท่านชอบซันมาตั้งแต่เป็นนักเขียนแล้ว”

“แน่ใจว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวปรัชญ์นะคะ” เธอถามตรงไปตรงมา

ปรัชญ์เลี่ยงตอบด้วยการหัวเราะเบาๆ “ไร้สาระน่า ป่ะ ไปหาอะไรกินกัน”

เขาเลื่อนเก้าอี้ออกพลางยืนขึ้น แล้วรอให้หญิงสาวเดินนำไปก่อน

ฟ้ารุ่งทำหน้าตึงก้าวฉับๆออกไป

แค่นี้เธอก็รู้แล้วว่าใครกันแน่ที่เป็นตัวตั้งตัวตีให้ซันดามาทำงานอยู่ในเลิฟไลน์บุ๊คส์

++++++++++++++++++++++++++++++++++

มือเรียวสวยวางจานอาหารลงบนโต๊ะซึ่งปูด้วยผ้าสีขาวสะอาดก่อนเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวผมซอยสั้นที่นั่งอยู่ตรงข้าม พลางเอ่ยขึ้น “น้องสาวพี่นี่ดูสนิทสนมกับนักเขียนดีนะ นายเอเธ็นส์งี้ติดเธอแจเลย”

ซันดาเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายแวบหนึ่งแต่ก็ไม่ได้กล่าวตอบว่ากระไร เพราะรู้ว่าฟ้ารุ่งต้องการหาเรื่องมากกว่า และเธอก็ไม่พร้อมที่จะมาทำเรื่องขายหน้าในสถานที่แห่งนี้

“พี่อยากจะรู้จังว่าถ้าเขารู้อดีตของเธอ เขาจะรู้สึกชื่นชมเธออยู่ไหม” ฟ้ารุ่งพูดต่อกลั้วหัวเราะ

คราวนี้ซันดาเงยหน้าขึ้น พลางวางซ้อนลง ใบหน้าของเธอเจือด้วยรอยยิ้มจางๆ “สมัยนี้ผู้ชายเขาไม่สนอดีตกันแล้ว ยิ่งความผิดพลาดที่เกิดจากความเลวของคนอื่นยิ่งไม่จำเป็นต้องแคร์ อย่าคิดว่าจะเอาเรื่องนั้นมาทำร้ายฉันตลอดชีวิตนะฟ้ารุ่ง ฉันเข้าใจว่าเธอโกรธแค้นเรื่องพ่อแม่ของเรา แต่ถ้าเธอยังบ้าไม่เลิก ไฟในใจมันจะเผาเธอให้ไหม้ไปเอง”

ฟ้ารุ่งฟังแล้วหัวเราะเบาๆ “แหม เดี๋ยวนี้น้องสาวพี่แกร่งขึ้นเยอะนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงอับอายมาก หึ คงกลัวปรัชญ์จะรู้ด้วยสินะ ถึงได้หนีเขาไปแบบนั้น”

ซันดาข่มอารมณ์ให้เย็นขณะเอียงหน้ามองพี่สาวร่วมบิดาด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ถ้าเธอคิดแบบนั้นแล้วสบายใจก็คิดไปเถอะนะ ฉันถือว่าทำทาน”

พูดจบซันดาก็ยกจานข้าวขึ้น แล้วเดินฉับๆ ออกไปนั่งโต๊ะอื่นซึ่งอยู่ห่างออกไป

ฟ้ารุ่งจึงนั่งรอเพื่อนร่วมโต๊ะอยู่เพียงลำพัง เธอนั่งพิงพนักเก้าอี้ครุ่นคิดไปพลาง

หญิงสาวยังตอบตนเองไม่ได้ว่าจะจัดการกับครอบครัวของซันดา และตัวซันดาอย่างไรดี ทุกอย่างดูเหมือนจะมีกรอบกันเอาไว้เสียหมด เธอรู้เพียงอย่างเดียวว่าเธอจะต้องทำให้ครอบครัวนั้นเป็นทุกข์และสูญเสียเหมือนที่เธอและแม่ได้รับ

แม่ของเธอต้องถูกฆาตกรรมพร้อมกับลูกในท้อง แต่ก็ไม่สามารถจับคนร้ายได้ ทำให้เธอต้องเป็นลูกกำพร้าอาศัยอยู่กับยายมาตั้งแต่เด็ก ทุกๆครั้งที่ยายพาเธอไปแอบดูครอบครัวของพ่อ เธอเจ็บปวดเหลือเกินที่ได้เห็นความอบอุ่นและรอยยิ้มของคนในครอบครัวนั้น ทั้งๆที่พวกมันคือ...ฆาตกร

“อ้าว บอกอซันไปไหนแล้วล่ะ” เสียงของฐิติปลุกให้ฟ้ารุ่งละจากความนึกคิด

ฟ้ารุ่งเงยหน้าขึ้นมองเขาพลางปรับสีหน้าให้ดีขึ้น เพราะแวบหนึ่งนึกถึงคำสั่งของผู้เป็นนายขึ้นมา

“ไม่รู้สิ”เธอตอบพลางยักไหล่เบาๆ

“แต่ผมเห็นว่าเดินมาทางนี้แล้วนะ”ฐิติยืนยัน ก่อนจะสอดส่ายสายตามองหาคนที่ตนพูดถึง “อ้าว! ทำไมย้ายไปนั่งโต๊ะโน้น งั้นฝากบอกพี่ปรัชญ์ด้วยนะว่าผม...”

“ฉันมีเรื่องคุยกับคุณ”ฟ้ารุ่งแทรกขึ้น “นั่งลงก่อนสิคะ”

ฐิติทำตามอย่างงงๆ เมื่อนั่งชายหนุ่มนั่งลงแล้วฟ้ารุ่งจึงเผยเจตนาของตนทันที “ทางสำนักพิมพ์ลูกหว้าให้ฉันมาของานจากคุณ”

หนุ่มผมยาวฟังแล้วเลิกคิ้ว กังขา “คุณไม่รู้หรือว่าตอนนี้ผมออกงานกับเลิฟไลน์บุ๊คส์”

ฟ้ารุ่งพยักหน้า “รู้ แต่เราเซ็นสัญญากันแค่ต้นฉบับนี่คะ นักเขียนเป็นอิสระจะออกกับที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเขียนให้สำนักพิมพ์เดียว”

“เรื่องนั้นผมก็รู้เหมือนกัน แต่คุณเป็นบอกอน่าจะรู้นะ ว่าทุกๆสำนักพิมพ์อยากให้นักเขียนอยู่ประจำ ถึงแม้จะไม่มีสัญญาก็เถอะ”

“ฉันให้ค่าลิขสิทธิ์คุณเพิ่มขึ้นจากที่เดิม 2%”

ฐิติหัวเราะหึหึ “ผมไม่ได้ลำบากเรื่องเงิน ผมเป็นน้องพี่ปรัชญ์ มีความสบายใจแล้วที่จะเขียนกับที่นี่ ผมนึกแปลกใจคุณนะ ดูสนิทสนมกับพี่ปรัชญ์ราวกับเป็นคนรักแต่กลับแอบมาขโมยนักเขียนของเขา โทษนะ คนแบบนี้ผมคบไม่ได้”

“ฉันทำตามหน้าที่” เมื่อถูกปรามาสซึ่งหน้าฟ้ารุ่งก็ชักจะโมโหอยู่ครามครัน น้ำเสียงของเธอจึงดูแข็งกระด้าง

ฐิติพยักหน้า “ครับ ทำตามหน้าที่บอกอสำนักพิมพ์ลูกหว้า แต่คุณไม่นึกหน้าที่อื่นๆ เช่นหน้าที่ของมิตร แบบนี้เขาเรียกปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ ผมขอตัวนะ คุยไปก็เสียเวลา”

พูดจบชายหนุ่มก็ถือจานข้าวเดินฉับๆออกไปหาซันดา ทิ้งให้ฟ้ารุ่งมองตามด้วยสายตาเคียดแค้น “ปากดีนักนะ แล้วสักวันนายจะเสียใจ”

ฝ่ายฐิตินั้นขณะเดินเข้าไปหาบรรณาธิการสาว เขาสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเธอดูหม่นหมอง ครุ่นคิด คล้ายคนที่มีอะไรอยู่ในใจ ชายหนุ่มจึงนั่งลงฝั่งตรงข้ามและถามออกไปเบาๆ “ทำไมถึงย้ายมานั่งที่นี่ล่ะฮะ”

ซันดาเงยหน้าขึ้นสบตาผู้ถามพร้อมทั้งส่งยิ้มจางๆ “มีคนนั่งโต๊ะโน้นเยอะแล้วค่ะ ปลีกตัวออกมาดีกว่า”

“งั้นผมขอนั่งด้วยคนนะฮะ ชอบความส่วนตัวเหมือนกัน คุณซันอยากได้อะไรบอกนะฮะ เดี๋ยวผมตักให้”

“ขอบคุณมากคุณเอเธ็นส์ ซันอิ่มแล้วละ เดี๋ยวถ้าเก๋กินเสร็จก็ว่าจะชวนกลับที่พักเลย”

ฟังคำตอบแล้วฐิติก็นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจถาม “มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าฮะ”

ซันดาส่ายหน้าพลางตัดบทด้วยการยกมือขึ้นโบกเรียกสิยาพรให้ตามเข้ามาสมทบ ทว่าฐิติก็ยังยืนยันตามความตั้งใจเดิม “ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกเลยนะครับ ผมยินดี”

คนฟังฝืนยิ้มให้กว้างขึ้น รับรู้ถึงความปรารถนาดีของเขา “ขอบคุณนะ บางที...ฉันอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากคุณก็ได้”

ผู้อาสาพยักหน้ามองเธอด้วยสายตาละมุน “ยินดีมากๆฮะ”


“เดี๋ยวนี้แม่น้องสาวตัวดีของฟ้าเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยค่ะคุณยาย”ฟ้ารุ่งกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์หลังจากปลีกตัวหลบเข้ามาอยู่ในห้องพักของตนเรียบร้อยแล้ว

ห้องนี้เธอพักอยู่กับผู้ช่วยของตน แต่ฝ่ายนั้นยังสนุกสนานอยู่กับการเมาท์มอยอยู่ในห้องจัดเลี้ยง ทำให้เธอมีโอกาสได้เปิดใจคุยกับผู้เป็นยายอย่างสะดวก

“เปลี่ยนยังไงเหรอ”

“ก็เหมือนจะเข้มแข็ง ไม่แคร์สังคมมากขึ้น ฟ้าขู่อะไรก็ไม่กลัวเหมือนก่อนน่ะค่ะ”

แจ่มใจหัวเราะเบาๆก่อนเสริม “ดูเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นด้วยใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ แล้วดูไม่สนใจปรัชญ์ด้วยนะ ฟ้ากำลังหาวิธีการเอาคืนพวกมันให้เจ็บแสบแต่ก็เหมือนจะยากขึ้น ยายต้องช่วยฟ้าคิดนะคะว่าจะทำยังไงดี”

“แน่นอน ยายต้องช่วยหนูอยู่แล้ว แต่เราจะต้องค่อยๆทำอย่ากระโตกกระตาก พวกมันจะต้องชดใช้สิ่งที่เคยทำ ลูกๆของมันจะต้องได้รู้ ได้รับกรรมแทนแม่ของมัน”

“พวกมันทำให้แม่กับน้องของฟ้าต้องตาย แต่ดูพวกมันสิคะ ไม่เคยได้รับกรรมอะไรเลย มันมีครอบครัวที่สมบูรณ์ แถมคุณพ่อยังเห็นดีเห็นงามไปด้วย ในขณะที่ฟ้า...”

“ยายเข้าใจลูก ยายเองก็เจ็บไม่แพ้กัน ที่ต้องมาเสียทั้งลูกและหลานไป”

“ฟ้าจะต้องเปิดโปงความชั่วของรยา และทำให้ครอบครัวของมันเป็นเหมือนเราให้ได้ ถึงกรรมจะตามมันไม่ทัน ฟ้านี่แหละที่จะไล่ตามเอง”

ปลายสายหัวเราะหึๆ “ดี ยายคิดว่ามันยังทำใจยอมรับเรื่องอดีตไม่ได้หรอก แต่มันพยายามเข้มแข็งไม่ให้เราเห็นจุดอ่อน ปรัชญ์ก็เหมือนกัน รักแรกไม่ได้ลืมกันง่ายๆหรอกนะ”

ฟ้ารุ่งนิ่ง ย้อนคิดถึงคำพูดผู้เป็นยาย รักแรกไม่ได้ลืมกันง่ายๆ เธอเชื่อว่าจริง เหมือนดังความรู้สึกที่เธอมีต่อปรัชญ์ เธอยังรักเขาอยู่ แม้วันนี้จะเปลี่ยนสถานะเป็นเพียงเพื่อนกัน ลึกๆในใจก็ยังมีเขาซ่อนอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง

“เรื่องปรัชญ์นี่ฟ้าไม่แน่ใจค่ะ เพราะตอนนี้ซันดาเหมือนจะเป็นทอม”

“อ้อ ชอบผู้หญิงสินะ ใครล่ะคนรักของมันน่ะ”

“ลูกสาวเจ้าของสำนักพิมพ์ที่ฟ้าไปทำงานอยู่นี่แหละค่ะ ชื่อ แพรวา แต่แม่นี่ก็ร้ายกาจไม่ใช่เล่น”

“ก็ดีนะ เป็นคนใกล้ตัวเราจะได้หาช่องโหว่ได้ง่ายๆ ใจเย็นๆนะฟ้า ยายเองก็แค้นพวกมันเหลือเกิน นอกจากพวกมันจะทำให้ยายเสียแม่และน้องของหลานไป แล้วยังทำให้ยายต้องอับอายจนต้องปิดร้านทองร้านเดิมไปอยู่ที่อื่น มันทำให้ชีวิตของพวกเราตกต่ำ ดังนั้นมันต้องชดใช้”

“ค่ะยาย ฟ้าไม่มีวันยอมเจ็บคนเดียวแน่นอน”

“ว่าแต่ตอนนี้หนูอยู่ในเกาะที่จัดงานสังสรรค์อะไรนั่นใช่ไหม”

“ค่ะ ฟ้าตามมาพร้อมปรัชญ์ตอนก่อนเที่ยง”

ปลายสายเงียบไปชั่วครู่ ต่อมาจึงเล่าแผนการอย่างช้าๆ “การที่เราจะต่อสู้โดยที่ไม่รู้จักคู่ต่อสู้ดีพอ อาจจะทำให้เราประเมินคู่ต่อสู้ไม่ได้ เราจะต้องหยั่งเชิงมันให้รู้ความคิดก่อน อย่างที่ยายบอกนะ ว่าคนเราลืมรักแรกไม่ได้ง่ายๆหรอก ฟ้าจะต้องลองใจซันดาดูว่าตอนนี้มันคิดยังไงกับปรัชญ์”

“แล้วถ้ามันยังรักปรัชญ์ล่ะคะ”

“นั่นแหละคือจุดอ่อน ฟ้าจะต้องใช้ปรัชญ์เป็นตัวช่วย”

ฟ้ารุ่งยิ้มมุมปากก่อนขอวางสาย และมองทะลุกระจกออกไปนอกบ้านพัก ในใจคิดวางแผนการคร่าวๆ เธอไม่รู้หรอกว่าผลดี-ผลเสียของการกระทำตนเองจะออกมาเป็นอย่างไร รู้เพียงว่าทั้งชีวิตได้ยินแค่ถ้อยคำกรอกหูมาตลอดว่าแม่กับน้องตายเพราะรยา แต่กลับไม่ได้รับความยุติธรรมเลยสักนิด เธอจะต้องเปิดโปง และเอาคืนพวกมันอย่างสาสมที่สุด พอโตขึ้นเธอเองก็คล้อยตามผู้เป็นยาย แม้ว่าในบางขณะจะมีความรู้สึกผิดเกิดขึ้นบ้างก็ปัดมันทิ้งไปเสีย

จบตอน



ณฤดี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ม.ค. 2559, 06:30:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ม.ค. 2559, 06:35:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 1039





<< บทที่ ๖ บนถนนสายความรัก   บทที่ ๘ คมอดีต >>
Zephyr 13 ม.ค. 2559, 21:47:54 น.
อ่านตอนนี้บอกเลย
เกลียดฟ้ารุ่ง และยายมาก
แก่แล้วไม่ปลงเลยนะ
ผิดว่าตามผิด
ถ้าฝ่ายนู้นไม่ผิด
จะแช่งให้ปลกรรมกลับคืน
หมั่นไส้โหมด ลำเอียงโหมด
เข้าข้างซันดา เกลียดฟ้ารุ่ง หึหึ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account