ริษยาซ่อนรัก
ความเจ็บเปลี่ยนภูเขาน้ำแข็งให้เป็นภูเขาไฟ เธอจึงถือคติว่าเจ็บแล้วต้องจำ และหากถูกกระทำซ้ำๆต้องเอาคืน!
ไฟใดจะร้อนเท่าไฟในอก
ความริษยาคือเปลวไฟที่จะเผาไหม้ทุกอย่างให้เป็นจุณ
แล้วอำนาจใดเล่าที่จะยับยั้งอานุภาพแห่งไฟร้ายได้
หากมิใช่...ความรัก
ไฟใดจะร้อนเท่าไฟในอก
ความริษยาคือเปลวไฟที่จะเผาไหม้ทุกอย่างให้เป็นจุณ
แล้วอำนาจใดเล่าที่จะยับยั้งอานุภาพแห่งไฟร้ายได้
หากมิใช่...ความรัก
Tags: น้ำฟ้า,ริษยาซ่อนรัก,นิยายรัก
ตอน: บทที่ ๘ คมอดีต
ตอบคุณ Zephyr ทีมซันดาต้องอ่านตอนนี้ค่ะ อาจจะเกลียดฟ้ารุ่งมากขึ้นก็ได้ ๕๕๕
บทที่ ๘
ค่ำคืนนี้บริเวณชายหาดถูกเนรมิตให้สวยงามไปด้วยดอกไม้หลากสีและแสงไฟสว่างไสว ถัดมาเป็นเวทีเตี้ยๆซึ่งในขณะนี้สาวสวยคนหนึ่งกำลังทั้งร้องและเต้นอยู่อย่างสนุกสนาน ส่วนคนทำหนังสือทั้งหลายที่ต่างก็อยู่ในชุดสวยงาม บ้างก็นั่งรับประทานอาหารอยู่ประจำโต๊ะ บ้างก็แยกตัวไปนั่งอยู่บริเวณเก้าอี้ชายหาด อากาศคืนนี้ค่อนข้างเย็น คงเป็นเพราะมีฝนตกลงมาเมื่อหัวค่ำ ซันดานั่งอยู่ห่างจากเวทีมากพอสมควร เธอชอบการนั่งปล่อยใจไปกับธรรมชาติรอบตัวมากกว่าฟังเสียงคุยจอแจภายในบริเวณงาน
“พี่ซันคะ” เสียงหวานใสดังแทรกเสียงดนตรี
ซันดารีบวางเครื่องดื่มลง แล้วหันไปมองผู้มาใหม่พลางฉีกยิ้ม “ แพรมาได้ไง”
แพรวาขยับเข้ามาใกล้แล้วดึงมือสาวรุ่นพี่ขึ้นเขย่าเบาๆ สีหน้ายิ้มแย้ม “แพรพักอยู่รีสอร์ตใกล้ๆกันนี่แหละค่ะ อยากมาด้วยแต่คุณแม่ไม่ยอม ก็เลยต้องใช้วิธีนี้”
“ดื้ออีกแล้วสิเรา” ซันดาพูดยิ้มๆ และพยักเพยิดให้อีกฝ่ายนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆตัว
แพรวาแกล้งทำหน้าง้ำ “ไม่สักหน่อย แพรก็แค่อยากมาเที่ยวบ้าง แต่คุณแม่กีดกันไม่อยากให้มาเจอพี่ซัน”
“แล้วนี่น้าไหมจะไม่ว่าเอารึ”
“ไม่หรอกค่ะ แพรไปขอร้องคุณหญิงป้านิลฤดีประธานสมาคมคนทำหนังสือให้กล่อมคุณแม่แล้ว คุณหญิงป้าเอ็นดูแพรจะตาย คุณแม่ก็เลยเกรงใจ”
“ดีแล้ว พี่ไม่อยากให้แพรมีปัญหากับคุณน้า”
แพรวาพยักหน้าพลางหันมองไปรอบตัว เมื่อเห็นฟ้ารุ่งนั่งอยู่กับปรัชญ์ห่างออกไปจึงกระซิบถามซันดาเบาๆ “ยายฟ้ารุ่งนั่นมาหาเรื่องพี่ซันหรือเปล่าคะ”
“ก็มีแขวะอยู่บ้าง”ซันดาตอบด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น
“แล้วพูดถึงเรื่อง...เอ่อ...เรื่องนั้นหรือเปล่าคะ” แพรวาถามต่อด้วยความนัยที่รู้กันเพียงสองคน
ซันดาสบตาผู้ถามตรงๆก่อนตอบ “ก็พูด แต่พี่ไม่ได้สนใจ”
แพรวาซักสีหน้าบึ้งตึง “หึ ว่าแล้ว คนอย่างนั้นต้องกัดไม่ปล่อย น่ารังเกียจเหลือเกิน พี่ซันไหวแน่นะคะ”
“พี่ไหว แพรไม่ต้องห่วง”
“แพรจะช่วยอีกแรง นี่ถ้าไม่เกรงใจคุณแม่ แพรจะกดดันฝ่ายบุคคลให้ไล่มันออกจากสำนักพิมพ์ไปละ เก่งแค่ไหนก็ไม่ควรเอาคนไม่ซื่อไว้ใกล้ตัว”
ซันดาส่ายหน้า “อย่าเลย ทำแล้วจะตกเป็นเป้าสายตาให้คนสงสัยเปล่าๆ”
“นี่เราทำอะไรไม่ได้เลยหรือคะพี่ซัน”
“ก็ไม่เชิง เอ่อ...แพรคงยังไม่รู้ว่าฟ้ารุ่งเป็นพี่สาวพ่อเดียวกันกับพี่”
แพรว่าทำหน้าตื่น “อะไรนะคะ ฟ้ารุ่งเนี่ยนะพี่สาวต่างแม่ของพี่ซัน”
“ใช่ พี่ก็เพิ่งรู้”
“แล้วเขาล่ะคะ ตัวเขาเองรู้มานานหรือยัง”
“ก็คงรู้มาตลอดตั้งแต่ต้น”
“อ้าว! แล้วทำไมถึงทำร้ายน้องสาวตัวเองได้ลง”
“พี่คิดว่าเขามีอะไรบางอย่างในใจ พี่ไม่ได้สนใจความผูกพันทางสายเลือดอะไรนั่นหรอกนะ แต่พี่ห่วงคุณพ่อ ไม่อยากให้ท่านไม่สบายใจ อะไรที่จบได้ก็อยากจะจบ”
“แต่แพรว่าฝ่ายนั้นยังไม่ยอมจบง่ายๆหรอก ทั้งๆที่เขาได้พี่ปรัชญ์ไปแล้วก็ยังไม่ยอมจบ แต่ก็ดี เขาแย่งพี่ปรัชญ์ไป ทำให้เราสองคนได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น พี่ซันก็รู้ว่าแพรคิดยังไง ตั้งแต่แพรถูกทิ้งคราวนั้น แพรก็มีแต่พี่ซันคนเดียวนะคะ ตอนนี้แพรเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้หญิงหลายๆคนถึงเลือกที่จะชอบเพศเดียวกัน คงเหมือนแพรที่มีความสุขเสมอที่มีพี่ซันอยู่ใกล้ๆ” แพรวาเผยความในใจยิ้มๆ
ซันดายิ้มตอบพลางลูบศรีษะได้รูปของสาวน้อยตรงหน้าเบาๆ “ขอบคุณนะ ที่แพรอยู่ข้างพี่เสมอ”
บรรยากาศในงานดำเนินไปอย่างราบรื่น คนทำหนังสือแต่ละสำนักพิมพ์ต่างก็มีความสุขไปกับบรรยากาศของงานสังสรรค์ริมทะเล บ้างก็ดื่ม กินและพูดคุยกันสรวลเสเฮฮา บ้างก็ลุกขึ้นไปร้องเพลงบนเวที บ้างก็ลุกขึ้นเต้น ทุกคนล้วนเป็นตัวของตัวเอง เพราะแม้จะต่างสำนักพิมพ์ก็พบเจอกันอยู่บ่อยครั้งจนคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้ว
ปรัชญ์ซึ่งเดิมทีนั่งอยู่ที่โต๊ะวีไอพีอันเป็นโต๊ะรวมเจ้าของสำนักพิมพ์ทั้งหลาย แต่เมื่อเวลาผ่านไปได้ระยะหนึ่งชายหนุ่มก็ขอตัวออกไปทักทายคนรู้จักตามโต๊ะอื่นๆ จนมาถึงโต๊ะที่ฟ้ารุ่งนั่งอยู่กับกองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ลูกหว้า เขาจึงนั่งลงข้างๆเธอ ฟ้ารุ่งหันมายิ้มพลางชูแก้วไวน์ให้เป็นเชิงสัพยอก
“ครึ้มใจอะไรถึงดื่มเอาๆล่ะฟ้า ปกติไม่ค่อยเห็นดื่มไวน์”ปรัชญ์ถามพลางจ้องหญิงสาวในชุดเดรสสายเดี่ยวสีส้มที่กำลังส่งยิ้มให้แก่เขาอยู่ในเวลานี้
ฟ้ารุ่งหัวเราะเบาๆก่อนตอบ “เปล่านี่ เพียงแต่ฟ้ากำลังฉลองการเริ่มต้นใหม่”
“เริ่มต้นใหม่” เขาทวนคำ
“ค่ะ ฟ้าเพิ่งคิดอะไรออก มันก็เป็นสิ่งที่ดีกับชีวิตฟ้าแล้วก็เกี่ยวกับปรัชญ์ด้วย”
“หืม เกี่ยวกับผม งั้นเล่ามาสิ”
บรรณาธิการสาวยกนิ้วชี้ขึ้นแกว่งไปมาก่อนปฏิเสธ “ยังไม่ถึงเวลาค่ะ เอาไว้เราค่อยไปคุยกันสองคนดีกว่า ตรงนี้คนเดินไปเดินมา ไม่สะดวก”
“โอเค งั้นเดี๋ยวผมไปหาเอเธ็นส์ก่อนดีกว่า แล้วเราค่อยคุยกัน”ชายหนุ่มสรุปแล้วจึงลุกขึ้นในทันที
ฟ้ารุ่งไม่ทักท้วง เธอพยักหน้าและนัดหมาย “อีกครึ่งชั่วโมงฟ้าจะไปรอปรัชญ์ที่หาดทรายนะ จะพูดเรื่องนี้แหละ”
ชายหนุ่มรับคำแล้วจึงเดินออกไปหาฐิติตามที่ได้บอกไว้ก่อนหน้า
“แหม คุณปรัชญ์กับบอกอฟ้านี่สวีทกันจังนะคะ จะไปไหนก็บอก” ผานิตผู้ช่วยบรรณาธิการแซวหลังจากที่เห็นปรัชญ์เดินไปไกลแล้ว
“ไม่หรอกค่ะพี่นิด เราเคยคบกันก็จริง แต่ปรัชญ์ขอเลิกฟ้าเพราะเขารักคนอื่น”
ผานิตยิ้มแหยๆ “อ้าว เป็นงั้นไป แต่ไม่เคยได้ข่าวว่าคุณปรัชญ์จะจริงจังกับใครเท่าบอกอฟ้าเลยนะคะ”
ฟ้ารุ่งหัวเราะขื่นๆ “ฟ้ามีความลับบางอย่างจะบอกพี่นิดค่ะ แล้วก็มีเรื่องจะขอร้องให้พี่นิดช่วยด้วย”
“อะไรคะ” ผานิตหูผึ่ง รีบย้อนถามทันใด
ฟ้ารุ่งยิ้มเศร้า “จริงๆฟ้ากับซันดาเคยรู้จักกันตอนเรียนมหา’ลัย แล้วที่ปรัชญ์ขอเลิกกับฟ้าก็เพราะเขารักซันดา”
ผานิตเบิกตากว้าง “หา! บอกอซันนี่ร้ายไม่เบานะคะ แล้วทำอีท่าไหนถึงมาคบคุณแพรได้ล่ะเนี่ย ตอนแรกก็มีแฟนผู้ชายอยู่แท้ๆ”
“ก็หลังจากเลิกกับปรัชญ์นั่นแหละค่ะ จู่ๆซันดาก็หายไป จนวันนี้มาเจอกันอีกครั้ง ซันดาก็เปลี่ยนไปชอบผู้หญิงแล้ว ฟ้าอยากได้ปรัชญ์คืนมาค่ะพี่นิด”
“ดีค่ะ ของของเราต้องเอาคืนมาให้ได้ ว่าแต่บอกอจะให้พี่ช่วยยังไงคะ” ผานิตทำหน้าตาจริงจังราวกับพูดเรื่องของตนเอง ขณะถามเธอจ้องรอคำตอบอย่างจดจ่อ
“อีกครึ่งชั่วโมงพี่นิดช่วยพาซันดาไปหาฟ้าที่ชายหาดด้วยนะคะ ฟ้าจะคุยกับปรัชญ์ก่อน พอฟ้าหันมองพี่นิดแล้วพยักหน้า พี่ค่อยพาซันดาเข้าไปนะคะ”
ผานิตรับคำด้วยท่าทางจริงจัง “ได้สิคะ เรื่องแค่นี้เอง”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เสียงคลื่นซัดฝั่งดังแทรกเสียงดนตรีกลายเป็นท่วงทำนองอันไพเราะอย่างประหลาด ปรัชญ์ยืนกอดอก ทอดสายตาออกไปไกลลิบ เห็นแสงสว่างเรื่อเรืองจากเรือประมงอยู่เป็นจุดๆ แต่ใจของชายหนุ่มกลับกระหวัดไปถึงซันดา ตั้งแต่มาถึงเกาะช้าง ฟ้ารุ่งก็เกาะเขาแจ ทำให้โอกาสที่จะได้เข้าไปใกล้ชิดซันดาแทบจะไม่มีเลย ครั้นจะตีมึนปล่อยให้สองสาวเผชิญหน้ากันก็กลายเป็นก่อสงครามเสียนี่ แต่จะว่าไปการตั้งตัวเป็นศัตรูของทั้งคู่ก็ทำให้เขาแปลกใจอยู่ไม่น้อย ในเมื่อความทรงจำของเขาบ่งบอกว่า ก่อนหน้านี้ซันดากับฟ้ารุ่งเคยเป็นเพื่อนรักกันมาก่อน ถึงแม้ว่าจะอยู่ต่างมหาวิทยาลัยแต่ทั้งสองคนก็ชอบอะไรคล้ายๆกัน ทำให้ได้พบเจอกันตามงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกีฬามหาวิทยาลัย หรืองานประชันกลอนสดที่มักจะจัดขึ้นในวันสำคัญต่างๆอยู่เสมอ พอบ่อยครั้งเข้าทั้งสองจึงสนิทและกลายเป็นเพื่อนกันไปโดยปริยาย แล้วเหตุใดหนอที่ทำให้ทั้งสองแตกคอกัน หรือจะเป็นเพราะตัวเขาเองที่เป็นชนวนเหตุ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็เป็นเรื่องที่น่าละอายมากทีเดียว เขารักซันดา แต่กลับต้องเข้าไปจีบฟ้ารุ่งตามที่เพื่อนรักขอร้อง สุดท้ายเขาก็ต้องเสียซันดาไปโดยไม่ทันได้อธิบายความจริงใดๆเลย หลังเรียนจบหญิงสาวก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เมื่อเขาตามหาเธอโดยเช็คจากทะเบียนราษฎร์ก็พบว่าครอบครัวของซันดาย้ายออกไปแล้ว ความเสียใจในครั้งนั้นทำให้ปรัชญ์สำมะเลเทเมาอยู่พักหนึ่ง ฟ้ารุ่งจึงเสนอตัวเข้ามาเยียวยาแผลใจ แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะสำหรับเขา รักคือรัก เมื่อรักใครไปแล้วยากที่จะเอาคืน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
“คิดอะไรอยู่คะปรัชญ์” เสียงของฟ้ารุ่งดังขึ้นทางด้านหลัง
ปรัชญ์กำลังจะหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้า แต่หญิงสาวก็เดินเข้ามาเกาะเอวเขาเอาไว้ พลางใช้มืออีกข้างชี้ออกไปยังท้องทะเลสีดำทะมึน “มองทะเลเถอะค่ะ ฟ้าอยากรู้สึกว่าโลกนี้มีแค่เราสองคน”
ชายหนุ่มหันไปมองดวงหน้าที่อยู่ห่างกันแค่คืบพลางถาม “เมาแล้วหรือฟ้า”
ฟ้ารุ่งไม่ตอบคำถาม กลับใช้แขนอีกข้างโอบเอวของเขาเอาไว้พลางเอนศีรษะซบลงบนไหล่แกร่งแล้วเป็นฝ่ายตั้งคำถามแทน “ปรัชญ์รักฟ้าหรือเปล่า”
“รักสิ ฟ้าดีกับผมมาตลอด”
“รักแล้วทำไมต้องเลิกกับฟ้าด้วย รู้ไหมตั้งแต่เราคบกัน เลิกกัน จนมาถึงวันนี้ใจฟ้าก็ยังมีแค่ปรัชญ์ ไม่เคยมีคนอื่นเลย”พูดพลางน้ำตาของหญิงสาวก็พรั่งพรูออกมาเป็นสาย ทำให้น้ำเสียงของเธอสั่นไปตามแรงอารมณ์
“ฟ้า” ปรัชญ์เรียกชื่อพลางขยับตัวออกจากอ้อมกอด เขาหันไปเผชิญหน้าเธอ แล้วใช้สองมือจับไหล่บางเอาไว้ “ตั้งสตินะ เป็นอะไรไป”
ฟ้ารุ่งไม่หยุดการกระทำ กลับโผเข้าไปกอดร่างสูงก่อนระบายความในใจออกมาจนหมดสิ้น “ไม่ได้เป็นอะไร แค่อยากพูด อยากบอกความรู้สึก ฟ้ารักปรัชญ์ รักตลอดมา ไม่เคยลืม”
“แต่ผม...”
“หยุด!” เธอสั่งเสียงแข็ง ก่อนผละออกห่างจากตัวเขา แล้วมองคู่สนทนาด้วยน้ำตานองหน้า “ปรัชญ์ไม่ต้องปฏิเสธว่ารักฟ้าแบบเพื่อน ไม่ต้องบอกว่ารักใคร ฟ้ารู้ว่าปรัชญ์รักซัน แล้วก็ยังพยายามให้มันมาทำงานที่สำนักพิมพ์ด้วย”
พูดจบเธอจึงหันหลังให้เขา มองไปทางชายหาด เมื่อเห็นผานิตและซันดายืนอยู่ห่างออกไปก็พยักหน้า จากนั้นผู้ช่วยของเธอจึงดึงมือซันดาเดินเข้ามาหาตามที่นัดหมายกันไว้
“นี่คุณพาฉันมาหาสองคนนี่ทำไม” เมื่อเดินฝ่าความมืดเข้ามาและเห็นชัดว่าบุคคลที่ผานิตพามาพบนั่นคือปรัชญ์และฟ้ารุ่งซันดาก็เริ่มโวยวาย
“บอกอฟ้ามีเรื่องจะคุยกับคุณ โตๆกันแล้วจะหลบทำไมล่ะ พูดกันให้รู้เรื่องสิ กลัวอะไร” ผู้ช่วยของฟ้ารุ่งเข้าข้างเจ้านายเต็มที่
“พี่นิดคะ ฟ้าขอตกลงกันสามคนได้ไหม บางเรื่องที่เราจะพูดกันมันเป็นความลับน่ะค่ะ” ฟ้ารุ่งหันไปบอกผู้ช่วยของตน
“ได้ค่ะ ยังไงพี่ก็เอาใจช่วยบอกอฟ้านะคะ” ผานิตทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินลับหายเข้าไปในงาน
“คุณกำลังจะทำอะไรเนี่ยฟ้า ให้คนของคุณพาซันมาทำไม” เมื่อต้องเผชิญหน้ากันสามคนแล้ว ปรัชญ์จึงเปิดฉากถามขึ้นก่อน
“ฟ้าอยากตกลงเรื่องรักสามเส้าของเราให้จบน่ะสิคะ” ฟ้ารุ่งยิ้มมุมปากหลังตอบ แล้วจึงหันไปทางซันดา “เธอก็รู้ใช่ไหมว่าปรัชญ์เขาดึงเธอเข้ามาทำงานที่เลิฟไลน์บุ๊คส์เอง”
ซันดาเชิดหน้ามองปรัชญ์ด้วยหางตาก่อนตอบ “ทำไมฉันต้องรู้ ในเมื่อคนที่ติดต่อให้มาทำงานคือคุณนาถลดา”
“อย่ามาทำเป็นใสซื่อหน่อยเลย แค่เห็นว่าปรัชญ์เป็นลูกอาดา คนมีสมองก็ต้องเดาได้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร” ฟ้ารุ่งแขวะ
“เอาละ ไม่ต้องเถียงกัน ผมเป็นคนขอให้คุณแม่ติดต่อซันมาเอง ผมอยากได้ซันมาทำงานด้วย” ปรัชญ์ตัดปัญหาด้วยการพูดความจริง
ซันดามองชายหนุ่มนิ่ง เวลานี้ใบหน้าของเขาดูเรียบเฉย จริงจัง ดวงตาคู่คมมองจ้องเธอไม่หลบ “ผมตามหาคุณมาตลอด ไม่เข้าใจทำไมคุณถึงทิ้งผม เพราะเรื่องฟ้าใช่ไหม”
“ปรัชญ์ คุณกำลังพูดอะไร คุณไม่เกรงใจฟ้าเลย นี่คุณง้อมันต่อหน้าฟ้าได้ยังไง” ฟ้ารุ่งโพล่งขึ้นอย่างหมดความอดทน เธอไม่เข้าใจปรัชญ์ ชายหนุ่มที่เป็นสุภาพบุรุษ ที่คอยห่วงใยความรู้สึกเธอหายไปไหน
เหมือนปรัชญ์จะเข้าใจความคิดของอีกฝ่าย เขาจึงเอ่ยขึ้นมาลอยๆ “ผมเห็นว่าฟ้าพาซันเข้ามาเคลียร์ ก็เลยคิดว่าควรจะพูดตรงๆทุกอย่างจะได้จบ ถ้ามัวอ้ำอึ้งมันก็คงเป็นวัวพันหลักไปเรื่อยๆ”
“ฉันไม่มีอะไรจะเคลียร์กับพวกคุณ” ซันดาตัดบท ทำท่าจะเดินหนี
ปรัชญ์รีบคว้าข้อมือหญิงสาวเอาไว้ “คุณยังไปไม่ได้นะซัน คุณยังไม่ตอบคำถามผมเลย”
ซันดาหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้าและตอบด้วยเสียงดังลั่น “อยากฟังมากใช่ไหม ฉันไม่ได้รักคุณเลยตั้งแต่ต้น ฉันไม่ชอบผู้ชาย เข้าใจมั้ย ฉันชอบผู้หญิง!”
“ผมไม่เชื่อ ตอนนั้นซันรักผม” ปรัชญ์เถียงและยังกำข้อมือเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
ฟ้ารุ่งยิ้มมุมปาก “หยุดโกหกได้แล้วซันดา เธอก็รู้ว่าความจริงมันเป็นยังไง”
ปรัชญ์หันขวับ “คุณรู้อะไรมาฟ้า”
ฟ้ารุ่งหัวเราะ “ก็รู้ความลับของซันดาไงคะ ปรัชญ์คงจะจำได้ว่าเมื่อก่อนฟ้ากับซันสนิทกันแค่ไหน”
ซันดาหันมองฟ้ารุ่งนิ่ง เธอพยายามข่มอารมณ์ให้เป็นปกติ พลางกัดริมฝีปากแน่น ตั้งสติบอกตนเองว่าเหตุการณ์นี้จะต้องมาถึงสักวัน เธอต้องรับมันให้ได้ แต่ถึงกระนั้นลำคอของเธอก็ยังแห้งผาก เช่นเดียวกับหัวใจที่มันแห้งโหยเหลือเกิน
‘ช่างสิ ปรัชญ์จะเข้าใจว่าอย่างไรมันก็ไม่มีผลต่อเธอ เธอไม่ได้รักเขาแล้ว เราเลิกกันไปนานแล้ว เขาไม่ได้มีความสำคัญอะไร’หญิงสาวพยายามเตือนสติตนเอง
“ผมอยากฟังจากปากซัน” ปรัชญ์ยืนยัน
“จะยอมพูดเร้อ กล้าพูดหรือเปล่าล่ะซัน” ฟ้ารุ่งหัวเราะคล้ายขบขันเสียเต็มประดา
ซันดาเงยหน้าขึ้นมองอดีตคนรักด้วยแววตาปวดร้าว หัวใจของเธอร้าวรานไปหมดแล้วในเวลานี้ “ลืมมันเสียเถอะ ฉันไม่ได้รักคุณ”
ฟ้ารุ่งกระชากมือปรัชญ์ให้หลุดจากข้อมือของซันดาแล้วจึงแทรกตัวเข้าไปยืนกันระหว่างคนทั้งสอง “เธอก็บอกความจริงไปสิซันดา ว่าที่ทิ้งปรัชญ์ไปเพราะละอายใจที่ตอนคบกัน เธอไปมีอะไรกับผู้ชายคนอื่น”
คำพูดของฟ้ารุ่งทำเอาซันดายืนแข็งทื่อ ขณะที่ปรัชญ์เองก็รู้สึกเหมือนถูกของแข็งทุบศีรษะเต็มแรง ต่างก็นิ่งอึ้งไปนาน จนฟ้ารุ่งพูดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง “ฟ้าไปเจอซันดาอยู่บนเตียงกับผู้ชาย ฟ้ารับการกระทำนี้ไม่ได้เราถึงทะเลาะกันใหญ่โต และเลิกคบกันไปในที่สุด ปรัชญ์เข้าใจหรือยังคะ ว่าผู้หญิงที่คุณรักนักรักหนาไม่มีค่าอะไรเลย”
“จริงเหมือนที่ฟ้าบอกหรือเปล่าซัน” ปรัชญ์ถามซ้ำ เขารอฟังคำตอบจากเธอ รอให้เธอบอกว่านั่นคือเรื่องเข้าใจผิด เขาพร้อมที่จะเชื่อเสมอ
ทว่าซันดากลับเงยหน้าขึ้นตอบเขาทั้งน้ำตา “ใช่ แต่ไม่ต้องถามนะว่าเพราะอะไร ฉันไม่รู้”
“ที่ผ่านมาผมรู้สึกผิดมาตลอด คิดว่าที่คุณหายไปเพราะเรื่องฟ้า แต่จริงๆแล้วคุณกลับ...”ปรัชญ์ตัดพ้อด้วยใจที่เจ็บปวด
น้ำตาของซันดาไหลริน “ใช่ เพราะฉะนั้นเลิกยุ่งกับฉันซะ”
สิ้นคำหญิงสาวก็รีบหันหลังวิ่งออกไปจากจุดที่ยืนอยู่ เธอวิ่งไปตามชายหาดโดยไม่สนใจกระแสคลื่นที่เคลื่อนเข้ามากระทบฝั่ง เวลานี้หัวใจของซันดากำลังแหลกสลาย เธอตอบตนเองไม่ได้ว่ามันคือความอายหรือเพราะเธอยังแคร์เขา...คนเคยรัก
จนหลับหูหลับตาวิ่งมาถึงมุมหนึ่งที่แสนสงัด เธอหยุดวิ่งแล้วนั่งคุกเข่าลงกับผืนทราย ปล่อยให้น้ำตารินไหลอาบสองแก้ม กระแสคลื่นสาดกระเซ็นเข้ามาโดนร่างบางจนเปียกปอน แต่ซันดาก็มิได้รู้สึกรู้สม ความรู้สึกทั้งเจ็บและอายประดังเข้ามาราวกับห่าฝน
“ซัน” เสียงเรียกของใครบางคนดังอยู่ทางด้านหลัง
หญิงสาวหันไปอย่างช้าๆ แทบไม่เชื่อสายตา ปรัชญ์ยืนอยู่ไม่ไกลจากเธอนัก
“ตามมาทำไม” เธอพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น
ปรัชญ์เดินเข้ามาหา แล้วคุกเข่าลงตรงหน้า เขาจับไหล่บางคู่นั้นเอาไว้ ตรึงให้ร่างระหงเผชิญหน้า “ผมรู้จักคุณดี ผมเชื่อว่ามันเป็นความผิดพลาด ลืมมันเถอะนะ แล้วมาเริ่มต้นใหม่”
ดวงตาพร่าพรายของหญิงสาวไหวระริก ริมฝีปากของเธอสั่น ก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจนจุก ซันดาร้องไห้จนตัวโยน จริงอยู่คำพูดของเขาทำให้เกิดความปีติ แต่เธอยังจะเห็นแก่ตัวอย่างนั้นได้ลงคอหรือ
ปรัชญ์ดึงร่างบางเข้ามาสวมกอดเอาไว้ พลางปลอบประโลม “ไม่มีวันเลวร้ายนั้นอีกแล้ว วันนี้คุณมีผมอยู่ข้างๆ ผมรักคุณนะซัน ลืมทุกอย่างเสียเถอะ”
ไม่มีคำตอบจากปากของหญิงสาว นอกจากน้ำตาที่ไหลรินลงมาอาบแก้มนวล เวลานี้เธอซบหน้ากับอกเขา แม้เสียงคลื่นจะดังกลบเสียงอื่นทั่วบริเวณ แต่เสียงที่ซันดาได้ยินชัดที่สุด คือ เสียงเต้นของหัวใจในอกกว้างของผู้ชายที่เพิ่งบอกรักเธอไปหยกๆ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
[จบตอน]
ณฤดี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ม.ค. 2559, 05:56:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ม.ค. 2559, 05:56:00 น.
จำนวนการเข้าชม : 905
<< บทที่ ๗ เป้าหมายแห่งความแค้น | บทที่ ๙ วันใหม่ >> |
Zephyr 21 ม.ค. 2559, 23:41:19 น.
คุณรุ่งริ่ง จะทำเรื่องอีกละ
ฟ้าร่วง สักวัน เธอจะได้รับกรรมนั้น
ปากไม่สร้างสรรเลย นางมาร
ตบสักทีดีไหม
คุณรุ่งริ่ง จะทำเรื่องอีกละ
ฟ้าร่วง สักวัน เธอจะได้รับกรรมนั้น
ปากไม่สร้างสรรเลย นางมาร
ตบสักทีดีไหม