ริษยาซ่อนรัก
ความเจ็บเปลี่ยนภูเขาน้ำแข็งให้เป็นภูเขาไฟ เธอจึงถือคติว่าเจ็บแล้วต้องจำ และหากถูกกระทำซ้ำๆต้องเอาคืน!
ไฟใดจะร้อนเท่าไฟในอก
ความริษยาคือเปลวไฟที่จะเผาไหม้ทุกอย่างให้เป็นจุณ
แล้วอำนาจใดเล่าที่จะยับยั้งอานุภาพแห่งไฟร้ายได้
หากมิใช่...ความรัก
ไฟใดจะร้อนเท่าไฟในอก
ความริษยาคือเปลวไฟที่จะเผาไหม้ทุกอย่างให้เป็นจุณ
แล้วอำนาจใดเล่าที่จะยับยั้งอานุภาพแห่งไฟร้ายได้
หากมิใช่...ความรัก
Tags: น้ำฟ้า,ริษยาซ่อนรัก,นิยายรัก
ตอน: บทที่ ๙ วันใหม่
ตอบคุณ Zephyr, lookpud ฟ้ารุ่งนี่ต้องโดนดัดหลังเสียบ้างนะคะ ^^
บทที่ ๙
แสงแดดส่องลอดผ้าม่านสีครีมเข้ามาเป็นทางยาว ภายในห้องนอนริมทะเลจึงสว่างโร่และอบอ้าว ทำให้ผู้ที่หลับใหลอยู่บนเตียงสีขาวเริ่มมีการขยับตัว ครู่ใหญ่เปลือกตาอันปิดสนิทก็เปิดออก เผยให้เห็นดวงตาบวมเป่ง ค่อนข้างแดง จากนั้นเจ้าตัวจึงหันมองไปรอบตัว เมื่อรับรู้ว่าเป็นช่วงสายฟ้ารุ่งก็ยังไม่คิดจะลุกขึ้นจากที่นอน เนื่องจากความทรงจำที่ผุดขึ้นพานทำให้จิตใจอ่อนล้า ไม่เคยคิดเลยว่าปรัชญ์จะมีอิทธิพลต่อจิตใจเธอถึงขนาดนี้
ก่อนหน้าที่จะเผชิญหน้ากัน 3 คน คือ เธอ ปรัชญ์ และซันดา ฟ้ารุ่งคิดว่าการเปิดเผยความลับของซันดาต่อหน้าปรัชญ์ จะทำให้หญิงสาวอับอาย อีกทั้งยังทำให้ปรัชญ์เกิดความโกรธแค้นและรังเกียจศัตรูของเธอ ทว่าเหตุการณ์กลับเป็นตรงกันข้าม หลังจากที่ซันดาวิ่งจากไป ปรัชญ์ยืนแข็งทื่ออยู่ครู่เดียว ไม่ช้าเขาก็วิ่งตามไปอีกคน ฟ้ารุ่งพยายามเหนี่ยวรั้งเขาไว้ แต่ก็ไม่เป็นผล เธอจึงวิ่งตามออกไปหมายจะแก้ปัญหาเอาภายหน้า แต่กลับพบว่าปรัชญ์กำลังตระกองกอดซันดาอยู่ ภาพที่เห็นทำเอาเธอแทบล้มทั้งยืน มันเป็นภาพของคนรักที่รักและทะนุถนอมกันอย่างที่สุด ซันดาซบหน้าอยู่ในอกกว้าง ฝ่ายชายหนุ่มก็โอบประคอง และปลอบประโลมอยู่เนิ่นนาน
ภาพที่เห็นทำให้ใจของฟ้ารุ่งปวดหนึบ ความรู้สึกเวลานั้นคล้ายจะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้ เธอจึงวิ่งไปอีกทาง จนไปสิ้นสุดด้วยการวิ่งลงทะเลแล้วเตะถีบ หวีดร้องจนสาแก่ใจ แต่เมื่อเธอเดินกลับขึ้นมาก็พบว่ามีใครบางคนนั่งอยู่บนโขดหินใกล้ๆกัน คงเป็นเคราะห์ร้ายของเธอกระมังที่บุคคลดังกล่าว คือนายฐิติ นักเขียนปากเปราะที่เข้าข้างซันดาตะพึดคนนั้นนั่นเอง
“นายคงได้ยินหมดแล้วสินะ” เธอถามหลังจากหันมาเห็นเขานั่งอยู่
ฐิติไม่ตอบ เพียงแค่พยักหน้าตอบมา แต่อคติในใจกลับทำให้เธอรู้สึกว่าเขากำลังพยายามกวนประสาทเธออยู่ จึงย้อนกลับไปว่า “คงสะใจแล้วสินะ ที่บอกอของนายทำให้ฉันทุกข์ใจได้”
ชายหนุ่มลุกขึ้น กระโดดลงจากโขดหินก่อนตอบโต้มาด้วยท่าทียียวนเช่นเคย “ผมไม่คิดว่าบอกอซันจะเป็นคนทำอะไรคุณ คุณนั่นแหละที่หาเรื่องเขาตลอด ถ้าจะให้เดาก็คงเป็นอย่างเคย แต่คราวนี้ฟีตแบ็คมันตีกลับมาทำให้คุณเจ็บเสียเอง คุณถึงได้บ้าคลั่งขนาดนี้”
ฟ้ารุ่งเดินจ้ำๆเข้าไปหาคนที่กำลังตำหนิเธอด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ “นายไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันนะ”
คราวนี้ฐิติพยักหน้าหงึกหงักและแสร้งทำหน้าตาเด๋อด๋า “เออจริง ผมไม่มีสิทธิ์ไปว่าคุณ แล้วคุณล่ะ ใช้สิทธิ์อะไรไปหาเรื่องบอกอซัน ผมเป็นคนนอกแต่ผมก็พอรู้นะว่าคุณคอยจิกกัดบอกอของผมอยู่บ่อยๆ บ่อยเสียจนน้องแพรเป็นห่วง ต้องโทร.มาฝากฝังให้ผมช่วยดูแลบอกอซันด้วย แสดงว่าคุณคงต้องร้ายกาจอย่างสุดขีดแน่นอน”
“พูดแค่นั้นนายก็เชื่อรึไง” ฟ้ารุ่งย้อนถาม ในใจยังกรุ่นๆอยู่
“เปล๊า ผมเองก็เคยเจอกับตัวที่ร้านอาหารแล้วไง หรือคุณจำไม่ได้ ที่คุณไปทานข้าวกับแฟนคุณที่ร้านแม่ผมน่ะ จำได้ป่ะ” พูดจบฐิติก็หัวเราะ
ฟ้ารุ่งมองคนร่างสูง ผมยาวมัดรวบลวกๆในชุดเสื้อเชิ้ตลายดอก กางเกงขาสั้นด้วยสายตาอาฆาต “นายพยายามดิสเครดิตฉัน”
“โอ้โหเจ๊ อย่างเจ๊น่ะ ไม่ต้องให้ใครมาดิสเครดิตหรอก เจ๊น่ะดิสเครดิตตัวเอง มีอย่างเหรอ เที่ยวไปแขวะคนอื่นเขายังกะนางร้ายในนิยายเล่มละสิบบาท”
“มันก็เรื่องของฉัน”เธอเชิดหน้าตอบ ใจสุดแสนจะเดือดปุดๆ ที่อยู่ดีๆก็ต้องมายืนให้คนอื่นถากถางแบบนี้ เอาละ เธอจะไม่ยอมถูกว่าข้างเดียว เตรียมตัวรับมือได้เลยนายฐิติ
“ถ้านายอยากจะทำดีเอาหน้ากับบอกอละก็ พอเถอะ ตอนนี้บอกอของนายเขาไม่ได้อยู่ที่นี่”
ฐิติหัวเราะอย่างขบขัน “นี่คุณลืมอะไรไปหรือเปล่า ผมเนี่ยน้องคนสนิทของพี่ปรัชญ์นะ ถ้าคิดจะใช้เส้นสายคงไม่ต้องเข้าทางบอกอหรอก เจ้าของสำนักพิมพ์เลยก็ได้ บอกอใหม่อย่างบอกอซันคงช่วยอะไรไม่ได้มากหรอก แต่ที่ผมต่อว่าคุณเนี่ย เพราะผมเห็นนิสัยคุณล้วนๆ คุณเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่าง เจ้าทิฐิ แถมยังไม่ค่อยจะซื่อสัตย์ด้วย”
คำปรามาสของเขาทำเอาความอดทนของฟ้ารุ่งขาดผึง เธอวิ่งโร่เข้าไปหาเขา ง้างแขนคล้ายจะตบ แต่ก็ต้องชะงักเพราะคำพูดของอีกฝ่าย
“ถ้าคุณคิดจะตบผมแบบในละครตบจูบละก็ คุณคิดผิดแล้วนะ ผมคงไม่จูบคุณหรอก นิสัยอย่างคุณน่ะผมจูบไม่ลง” พูดจบฐิติก็หันหลังเดินจากไป
ปล่อยให้เธอยืนนิ่ง ข่มอาการโมโหอยู่ลำพัง
‘แกมีดีอะไรนะซันดา ถึงได้โชคดีและมีคนปกป้องอยู่เสมอ แม้แต่ปรัชญ์เอง แทนที่จะโกรธที่ถูกทรยศ กลับวิ่งตามไปด้วยความเป็นห่วง แต่อย่าคิดนะว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้ฟ้ารุ่งท้อแท้ วันนี้เป็นวันของแก วันพรุ่งนี้ก็ต้องมีวันของฉันบ้าง’
คิดได้ดังนั้นบรรณาธิการสาวก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วหยิบผ้าขนหนูหอมกรุ่นเดินเข้าไปในห้องน้ำ เธอจะต้องเริ่มต้นวันนี้ด้วยความเข้มแข็ง และจะไม่ยอมให้ใครมองเห็นความอ่อนแอเป็นอันขาด
+++++++++++++++++++++++++++++++++
ฟ้ารุ่งเดินเข้าไปในห้องประชุมด้วยท่าทางที่พยายามให้สดใสที่สุด มองไปในห้องประชุมที่มีการสัมมนานักเขียนอยู่ บรรยากาศรอบตัวจึงค่อนข้างเงียบ มีเพียงเสียงวิทยากรผู้บรรยายเท่านั้นที่ดังอยู่ตลอดเวลา เมื่อสอดส่ายสายตามองหาปรัชญ์แล้วไม่พบ เธอจึงเดินไปถามพนักงานคนหนึ่ง ก่อนจะเดินออกนอกประตูไป และพบว่าปรัชญ์กำลังนั่งจิบกาแฟอยู่เพียงลำพังที่มุมนั่งเล่น เธอจึงเดินเข้าไปหาและนั่งลงฝั่งตรงข้าม
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเธอแวบหนึ่ง แล้วหันมองไปทางอื่น ฟ้ารุ่งรับรู้ได้ถึงความเฉยเมย เนื่องจากปรัชญ์ไม่เคยมีกิริยาห่างเหินต่อเธอเช่นนี้
“ปรัชญ์โกรธฟ้าอยู่หรือคะ”
คำถามนั้นทำให้เขาหันมามองเธออีกครั้ง “ผมไม่มีสิทธิ์โกรธฟ้าหรอก ฟ้าไม่ได้ทำอะไรให้ผม เพียงแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมฟ้าถึงใจร้ายกับซัน คุณเป็นผู้หญิงเหมือนกันก็น่าจะรู้ว่าเรื่องใดที่ทำร้ายจิตใจลูกผู้หญิงที่สุด โดยเฉพาะการพูดเรื่องนั้นต่อหน้าผู้ชายมันเป็นสิ่งไม่ควร”
ฟ้ารุ่งเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม “การที่ฟ้าบอกคุณว่าซันเคยนอกใจนี่กลายเป็นว่าฟ้าเป็นคนใจร้ายอย่างนั้นหรือคะ ความรักทำให้คนลำเอียงจริงๆ พูดความจริงก็ผิด”
“ถ้าคุณมีเจตนาแค่อยากพูดความจริงก็คงไม่ผิด แต่เหตุการณ์นี้คุณจงใจทำให้ซันอับอาย มีคนมากมายที่บอกว่าตนเองเป็นคนตรงไปตรงมา แต่ความตรงที่ว่าก็ต้องมีขอบเขตอยู่ในกาลเทศะด้วย ไม่ใช่อยากพูดอะไรก็พูด” ปรัชญ์ย้อนตรงๆ ทำเอาฟ้ารุ่งใจหายวูบ น้อยครั้งนักที่เขาจะตอกกลับคนอื่นแบบนี้ เธอจึงแก้ไขสถานการณ์ด้วยการผ่อนอารมณ์ให้เบาลง
“ฟ้ารู้ว่าเรื่องนั้นทำให้ปรัชญ์เสียความรู้สึก แต่ฟ้าทำไปเพราะรักและห่วงปรัชญ์นะคะ ความเห็นแก่ตัวทำให้ฟ้าเลือกที่จะแฉเรื่องของซันซึ่งปรัชญ์ควรจะได้รู้ จะได้ตัดสินใจว่าจะเดินหน้าต่อไปหรือเปล่า การกระทำของซันมองได้สองอย่าง คือทำเพราะนอกใจ กับทำโดยไม่ตั้งใจ แต่คุณก็เลือกมองว่าเป็นเรื่องของความผิดพลาด มันก็เลยกลายเป็นว่าฟ้าซ้ำเติมเขา ทุกอย่างอยู่ที่มุมที่ปรัชญ์มอง ฟ้ากลายเป็นมารร้ายไปแล้ว พูดอะไรก็คงดูแย่ไปหมด”
“ผมใช้หัวใจเลือกคนรัก ผมไม่ได้ต้องการคนรักที่ดีพร้อม แค่คนดีธรรมดาๆ ที่รักผมและผมก็รักเขาก็พอ”
“คุณใจกว้างมาก” น้ำเสียงผู้พูดติดจะแขวะ
ทว่าปรัชญ์ก็ไม่ถือสา เขาพูดต่อด้วยความมั่นใจ “ผมให้เกียรติผู้หญิงนะฟ้า ผู้หญิงก็เป็นมนุษย์เหมือนผู้ชายนี่แหละ ผู้ชายเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เคยผ่านผู้หญิงมาก่อนแต่งงาน แต่พอเกิดขึ้นกับผู้หญิงบ้างเราก็ควรมองเป็นเรื่องธรรมดา ตลอดเวลาที่ผมคบกับซัน ความดีที่เธอทำมันมากกว่าข้อผิดพลาดนี้หลายเท่านัก ผมให้ความสำคัญกับความรักมากกว่าเรื่องอื่น การที่ผมตามหาซันมาหลายปีจนได้พบกันอีกครั้ง มันทำให้ผมดีใจมาก มากจนสามารถลืมสิ่งที่ผ่านมาได้ทั้งหมด ผมพร้อมจะอยู่ข้างซัน”
ฟ้ารุ่งถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วตอบรับด้วยสีหน้าสลด “ค่ะ ได้ฟังแบบนี้ฟ้าก็ยิ่งรู้สึกเสียใจกับการกระทำของตัวเอง ฟ้าขอโทษนะคะ แล้วเดี๋ยวฟ้าจะไปขอโทษซันด้วย จริงๆซันเป็นน้องสาวคนละแม่กับฟ้า ฟ้าทำลายเขาไม่ลงหรอกค่ะ อารมณ์ชั่ววูบทำให้ฟ้าตัดสินใจทำลงไป ปรัชญ์อภัยให้ฟ้านะคะ”
“ถ้าคุณยอมรับและแก้ไขให้ดีขึ้น ผมก็ไม่ติดใจอะไรหรอก ฟ้าเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่ผมรัก”
คำว่าเพื่อนกระตุกความรู้สึกคนฟังเต็มแรง หญิงสาวเจ็บหนึบหนักหน่วงแต่ก็ต้องทน หากต้องการจะยืนอยู่ข้างเขาต่อไป เธอก็ต้องยอมผ่อนปรนบ้าง “ขอบคุณค่ะ แล้วนี่ซันไปไหนแล้วคะ มาร่วมงานหรือยัง”
“เห็นเด็กๆบอกว่าขอพักก่อน คงยังไม่ค่อยสบายใจ ต้องให้เวลาซันสักพัก เดี๋ยวคงดีขึ้น ผมเชื่อว่าซันเข้มแข็งพอ”
“แล้วนี่ปรัชญ์จะทำยังไงต่อไปคะ เมื่อคืนเห็นซันเขาก็ยอมรับปรัชญ์มากขึ้นแล้วนี่”เธอถามเพื่อสำทับความจริงใจลงไปอีกครั้ง
“ผมคงต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองอีกสักพัก เพื่อให้ซันแน่ใจ” ปรัชญ์สรุปด้วยท่าทางอารมณ์ดีมากขึ้น
เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นดังใกล้เข้ามา ทำให้คู่สนทนาต้องหันไปมองพร้อมๆกัน และพบว่าผู้ที่เดินเข้ามาใหม่คือแพรวา หญิงสาวก้าวเข้ามาด้วยหน้าตาบอกบุญไม่รับ
“แพรอยากคุยกับพี่ปรัชญ์เรื่องพี่ซัน” เธอโพล่งขึ้นทันทีที่เผชิญหน้าเขา
ชายหนุ่มพยักหน้า มองอีกฝ่ายตรงๆรอดูปฏิกิริยา “พี่ปรัชญ์คงรู้นะว่าแพรกับพี่ซันอยู่ในสถานะไหน”
“สถานะไหนล่ะ พี่ก็เห็นแค่ว่าแพรติดพี่ซันเขาแจก็เท่านั้นเอง แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดา เราเป็นพี่รหัส น้องรหัสกันมาตั้งแต่เรียน”
“แพรรักพี่ซัน พี่ปรัชญ์อย่าแกล้งทำไม่รู้นะ แพรไม่ได้ต้องการเป็นแค่น้องสาว” เธอโต้กลับมาเสียงแข็ง
ฟ้ารุ่งมองคนทั้งคู่แล้วอมยิ้ม เธอเริ่มมองเห็นอะไรบางอย่างรางๆแล้ว
“แล้วซันเขาคิดแบบเดียวกับแพรไหมล่ะ ความรักไม่ใช่ความต้องการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มันต้องเป็นความรู้สึกของคนสองคน ถ้าเรารักแล้วไปบังคับอีกฝ่าย มันเป็นความเห็นแก่ตัวนะแพร"
แพรวาแค่นหัวเราะหึๆ “แล้วการที่พี่ปรัชญ์ไปจีบฟ้ารุ่งลับหลังพี่ซัน นั่นมันเป็นความรักใช่ไหม ทำให้พี่ซันดูเหมือนควายที่ถูกสวมเขามันใช่รักหรือคะ”
“ตอนนั้นพี่รู้ว่าพี่ผิด แต่มันเป็นแค่ความคึกคะนอง เพื่อนพี่จีบฟ้าไม่ติด พวกเราก็เลยพนันกันเท่านั้นเอง” พูดจบชายหนุ่มก็หันไปทางฟ้ารุ่ง ดวงหน้าเธอเรียบเฉย ฟ้ารุ่งดูเข้มแข็งขึ้น แม้จะได้ยินเรื่องทำร้ายจิตใจก็ไม่ได้แสดงความอ่อนแอใดๆออกมา “ผมต้องขอโทษฟ้าด้วยนะ จริงๆแล้วฟ้าเป็นผู้หญิงแบบที่ผู้ชายทุกคนชอบ เพียงแต่ผมมีซันแล้ว และตอนนั้นผมโง่ เล่นสนุกกันประสาผู้ชายก็เลยทำให้ต้องเกิดปัญหา”
ฟ้ารุ่งฝืนยิ้มจางๆ “ไม่เปนไรค่ะปรัชญ์ ตอนนั้นเราต่างก็ยังเด็ก อาจจะทำอะไรบ้าๆบอๆไปบ้าง ก็ถือว่าหายกันนะ ทำผิดคนละที ไม่มีใครไม่เคยผิดพลาดหรอกค่ะ”
แพรวาเหล่มองบรรณาธิการสาวอย่างไม่เชื่อถือ “ที่พูดนั่นช่างขัดกับการกระทำที่ผ่านมาเหลือเกินนะ”
ฟ้ารุ่งยังคงยิ้ม “แหม คนเราก็ต้องแก้ไขแนวคิดให้ดีขึ้นสิคะคุณแพร เอาเป็นเคลียร์กันไปก่อนนะปรัชญ์ ฟ้าขอตัวละ”
หลังชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆ ฟ้ารุ่งจึงลุกขึ้น ก้าวจากไป ระหว่างเดินออกมาเธอพยายามเงี่ยหูฟังว่าสองหนุ่มสาวจะสนทนาเรื่องใดต่อ แล้วสิ่งที่ได้ยินก็ทำให้เธอเกิดไอเดียบางอย่าง เมื่อรู้ว่ายามนี้แพรวารู้สึกไม่ดีต่อคู่รักที่กำลังจะรีเทิร์นคู่นั้นแล้ว มันคงไม่ยากนักหรอกที่เธอจะชักใยสาวน้อยเจ้าอารมณ์คนนี้ แค่เข้าไปให้ถูกจังหวะก็พอ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
กว่าซันดาจะลุกขึ้นจากที่นอนก็สายมากแล้ว เธอจึงรีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วโผล่หน้าไปดูสิยาพรที่ห้อง พบว่าภายในห้องของสาวน้อยเงียบเชียบ เธอจึงเดินตามไปยังห้องประชุมเนื่องจากรู้กำหนดการอยู่แล้วว่าวันนี้เป็นการอบรมเทคนิคให้แก่นักเขียนทั้งหลาย แต่เมื่อเดินไปถึงแค่เพียงด้านหน้าอาคารหญิงสาวกลับต้องชะงัก เพราะมีใครบางคนกำลังเดินปรี่เข้ามาหา
“ซันเพิ่งตื่นเหรอ ไปดื่มกาแฟกัน” ปรัชญ์ไม่พูดเปล่า ขยับเข้ามาดึงมือเธอให้เดินตามไปยังจุดที่มีแพรวานั่งรออยู่
ซันดาเดินตามชายหนุ่มมาอย่างเสียไม่ได้ เธอคิดเรื่องของเขาเกือบทั้งคืนแต่ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าควรวางตัวอย่างไรต่อกัน จริงอยู่...เมื่อคืนนี้ปรัชญ์พูดความในใจของเขาออกมาหมดแล้ว เขายินดีที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม และยอมรับทุกๆความพลาดพลั้งที่เคยเกิดขึ้น ไม่น่าเชื่อเลยว่าผู้ชายเพลย์บอยผู้หยิ่งทะนงอย่างเขาจะคิดแบบนี้ แต่ปรัชญ์ก็ทำให้เธอประหลาดใจมาแล้วหลายอย่าง ไม่ว่าจะการผันตัวเองมาอยู่ในวงการนวนิยายทั้งๆที่เคยบ่นอยู่เสมอว่าไม่ชอบ รวมไปถึงการใช้ชีวิตควบคู่ไปกับงานทั้งๆที่ก่อนนี้เขาเคยเป็นผู้ชายรักสนุก กินเที่ยว ทำกิจกรรมโลดโผนต่างๆเช่นเดียวกับเพื่อนในกลุ่ม ที่ล้วนแต่เย่อหยิ่ง หลงตัวเองว่าหน้าตาดี ร่ำรวย และมีเสน่ห์จนมองไม่เห็นค่าของเพศตรงข้าม ปรัชญ์เปลี่ยนไปแล้วหรือเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาที่เขาจงใจสร้างขึ้นกันล่ะ
“พี่ซันมานั่งด้วยกันค่ะ เดี๋ยวแพรสั่งกาแฟให้นะ” ผู้ที่นั่งอยู่ก่อนเอ่ยอย่างเอาใจ ด้วยรู้ดีว่าซันดายังไม่ค่อยสบายใจนัก เธอเห็นเหตุการณ์เมื่อคืนเกือบทั้งหมด แม้จะไม่ได้ยินว่าแต่ละคนพูดคุยอะไรกัน แต่การที่ซันดา ปรัชญ์ และฟ้ารุ่งยืนประจันหน้ากันคงไม่ใช่เหตุการณ์ปกติ และยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อซันดาวิ่งหนีออกไป น่าเสียดายที่เธออยู่ไกลจึงแซงปรัชญ์ไปตามหาสาวรุ่นพี่ไม่ทัน ชายหนุ่มจึงกลายเป็นพระเอกไปในพริบตา ภาพที่ปรัชญ์โอบกอดซันดาทำให้เธอไม่สามารถก้าวตามเข้าไปสมทบได้ ความผูกพันระหว่างคนทั้งสองเป็นอย่างไรแพรวารู้ดี ตลอดเวลาสามปีที่ซันดาคบกับปรัชญ์คือช่วงเวลาดีๆของคนทั้งคู่ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอเองก็ทุ่มเทใจให้พี่รหัสของตนไปจนหมดแล้ว ครั้นจะปล่อยมือง่ายๆก็คงทำไม่ได้ อีกทั้งยังไม่รู้สถานการณ์ระหว่างคนทั้งคู่ เพราะระหว่างซันดากับปรัชญ์มีฟ้ารุ่งแทรกอยู่ หากฟ้ารุ่งทำสำเร็จเธอก็คงจะมีซันดาอยู่เคียงข้างเช่นเดิม
“พี่ยังไม่หิวเลย แพรมานานแล้วเหรอ” ซันดาย้อนถามหลังจากที่นั่งลงเรียบร้อยแล้ว
สาวรุ่นน้องพยักหน้า “ค่ะ แพรตั้งใจมาคุยกับพี่ปรัชญ์”
“อ้าว แล้วตามพี่มานั่งด้วยทำไม รบกวนหรือเปล่า”ซันดาถาม
“ไม่ค่ะ เราคุยกันจบแล้ว” แพรวารีบปฏิเสธทันควัน
“เราไม่ได้คุยเรื่องสำคัญอะไรหรอกซัน เรื่องงานทั่วๆไปน่ะ” เขากลบเกลื่อน ขณะที่ดวงตาคมจ้องมองซันดาอย่างพินิจ
หญิงสาวดูไม่สดใสเท่าใดนัก ดวงตากลมโตยังมีรอยบวมอยู่หน่อยๆ เช่นเดียวกับกิริยาเนือยๆที่เจ้าตัวแสดงออกมา เขาจึงถาม “ซันโอเคไหม”
“หมายถึงอะไร” ซันดาย้อนถามทันควัน
“ก็ เอ่อ เรื่องเมื่อคืน” เขาตอบขยักขย่อนเพราะเข้าใจว่าแพรวาไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น
“ไม่มีอะไร” ซันดาตอบสั้นๆ แววตาของหญิงสาวดูแน่วแน่ มองตรงไปข้างหน้า ทำให้ผู้ฟังไม่สามารถจับความรู้สึกของเธอได้
“ดีแล้ว ว่าแต่คืนนี้แต่งแฟนซี ใส่ชุดอะไรกันดี” ปรัชญ์ตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องที่คิดว่าจะทำให้หญิงสาวสบายใจขึ้น
“ประกวดแฟนซีเหรอ แพรขอแจมด้วยนะคะ แพรเอารถขึ้นเรือมาด้วย เดี๋ยวหาชุดมาเผื่อพี่ซันด้วยดีกว่า”แพรวาเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริง แล้วหันไปดึงมือซันดามากุมไว้ “เราแต่งเป็นเจ้าชายกับเจ้าหญิงกันนะคะ”
ปรัชญ์มองภาพตรงหน้าพลางสกัดกลั้นก้อนร้อนๆที่พุ่งพล่านขึ้นมาจากในช่องท้อง “ความหึง”นั่นเองที่ก่อหวอดอยู่ในอารมณ์ขณะนี้ ถึงแพรวาจะเป็นผู้หญิงก็เถอะ แต่การวางตัวของซันดาเวลานี้ทำให้เขาไม่แน่ใจว่าเธอจะยังเป็นซันดาคนเดิมของเขาหรือเปล่า
เพราะความรู้สึกดังกล่าวนั่นเอง ทำให้ตลอดช่วงเวลาที่นั่งอยู่ด้วยกันสามคนปรัชญ์จึง ปล่อยให้สองสาวพูดคุยกันไปโดยมีเขานั่งฟัง ยอมรับกับใจได้เลยว่าซันดากำลังทำให้เขาสับสน เขาตอบตนเองได้ว่ายังรักเธอ แล้วเธอเล่ายังรักเขาหรือเปล่า แววตาว่างเปล่าคู่นั้นไม่สามารถทำให้เขาคาดเดาสิ่งใดได้เลยจริงๆ
[จบตอน]
บทที่ ๙
แสงแดดส่องลอดผ้าม่านสีครีมเข้ามาเป็นทางยาว ภายในห้องนอนริมทะเลจึงสว่างโร่และอบอ้าว ทำให้ผู้ที่หลับใหลอยู่บนเตียงสีขาวเริ่มมีการขยับตัว ครู่ใหญ่เปลือกตาอันปิดสนิทก็เปิดออก เผยให้เห็นดวงตาบวมเป่ง ค่อนข้างแดง จากนั้นเจ้าตัวจึงหันมองไปรอบตัว เมื่อรับรู้ว่าเป็นช่วงสายฟ้ารุ่งก็ยังไม่คิดจะลุกขึ้นจากที่นอน เนื่องจากความทรงจำที่ผุดขึ้นพานทำให้จิตใจอ่อนล้า ไม่เคยคิดเลยว่าปรัชญ์จะมีอิทธิพลต่อจิตใจเธอถึงขนาดนี้
ก่อนหน้าที่จะเผชิญหน้ากัน 3 คน คือ เธอ ปรัชญ์ และซันดา ฟ้ารุ่งคิดว่าการเปิดเผยความลับของซันดาต่อหน้าปรัชญ์ จะทำให้หญิงสาวอับอาย อีกทั้งยังทำให้ปรัชญ์เกิดความโกรธแค้นและรังเกียจศัตรูของเธอ ทว่าเหตุการณ์กลับเป็นตรงกันข้าม หลังจากที่ซันดาวิ่งจากไป ปรัชญ์ยืนแข็งทื่ออยู่ครู่เดียว ไม่ช้าเขาก็วิ่งตามไปอีกคน ฟ้ารุ่งพยายามเหนี่ยวรั้งเขาไว้ แต่ก็ไม่เป็นผล เธอจึงวิ่งตามออกไปหมายจะแก้ปัญหาเอาภายหน้า แต่กลับพบว่าปรัชญ์กำลังตระกองกอดซันดาอยู่ ภาพที่เห็นทำเอาเธอแทบล้มทั้งยืน มันเป็นภาพของคนรักที่รักและทะนุถนอมกันอย่างที่สุด ซันดาซบหน้าอยู่ในอกกว้าง ฝ่ายชายหนุ่มก็โอบประคอง และปลอบประโลมอยู่เนิ่นนาน
ภาพที่เห็นทำให้ใจของฟ้ารุ่งปวดหนึบ ความรู้สึกเวลานั้นคล้ายจะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้ เธอจึงวิ่งไปอีกทาง จนไปสิ้นสุดด้วยการวิ่งลงทะเลแล้วเตะถีบ หวีดร้องจนสาแก่ใจ แต่เมื่อเธอเดินกลับขึ้นมาก็พบว่ามีใครบางคนนั่งอยู่บนโขดหินใกล้ๆกัน คงเป็นเคราะห์ร้ายของเธอกระมังที่บุคคลดังกล่าว คือนายฐิติ นักเขียนปากเปราะที่เข้าข้างซันดาตะพึดคนนั้นนั่นเอง
“นายคงได้ยินหมดแล้วสินะ” เธอถามหลังจากหันมาเห็นเขานั่งอยู่
ฐิติไม่ตอบ เพียงแค่พยักหน้าตอบมา แต่อคติในใจกลับทำให้เธอรู้สึกว่าเขากำลังพยายามกวนประสาทเธออยู่ จึงย้อนกลับไปว่า “คงสะใจแล้วสินะ ที่บอกอของนายทำให้ฉันทุกข์ใจได้”
ชายหนุ่มลุกขึ้น กระโดดลงจากโขดหินก่อนตอบโต้มาด้วยท่าทียียวนเช่นเคย “ผมไม่คิดว่าบอกอซันจะเป็นคนทำอะไรคุณ คุณนั่นแหละที่หาเรื่องเขาตลอด ถ้าจะให้เดาก็คงเป็นอย่างเคย แต่คราวนี้ฟีตแบ็คมันตีกลับมาทำให้คุณเจ็บเสียเอง คุณถึงได้บ้าคลั่งขนาดนี้”
ฟ้ารุ่งเดินจ้ำๆเข้าไปหาคนที่กำลังตำหนิเธอด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ “นายไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันนะ”
คราวนี้ฐิติพยักหน้าหงึกหงักและแสร้งทำหน้าตาเด๋อด๋า “เออจริง ผมไม่มีสิทธิ์ไปว่าคุณ แล้วคุณล่ะ ใช้สิทธิ์อะไรไปหาเรื่องบอกอซัน ผมเป็นคนนอกแต่ผมก็พอรู้นะว่าคุณคอยจิกกัดบอกอของผมอยู่บ่อยๆ บ่อยเสียจนน้องแพรเป็นห่วง ต้องโทร.มาฝากฝังให้ผมช่วยดูแลบอกอซันด้วย แสดงว่าคุณคงต้องร้ายกาจอย่างสุดขีดแน่นอน”
“พูดแค่นั้นนายก็เชื่อรึไง” ฟ้ารุ่งย้อนถาม ในใจยังกรุ่นๆอยู่
“เปล๊า ผมเองก็เคยเจอกับตัวที่ร้านอาหารแล้วไง หรือคุณจำไม่ได้ ที่คุณไปทานข้าวกับแฟนคุณที่ร้านแม่ผมน่ะ จำได้ป่ะ” พูดจบฐิติก็หัวเราะ
ฟ้ารุ่งมองคนร่างสูง ผมยาวมัดรวบลวกๆในชุดเสื้อเชิ้ตลายดอก กางเกงขาสั้นด้วยสายตาอาฆาต “นายพยายามดิสเครดิตฉัน”
“โอ้โหเจ๊ อย่างเจ๊น่ะ ไม่ต้องให้ใครมาดิสเครดิตหรอก เจ๊น่ะดิสเครดิตตัวเอง มีอย่างเหรอ เที่ยวไปแขวะคนอื่นเขายังกะนางร้ายในนิยายเล่มละสิบบาท”
“มันก็เรื่องของฉัน”เธอเชิดหน้าตอบ ใจสุดแสนจะเดือดปุดๆ ที่อยู่ดีๆก็ต้องมายืนให้คนอื่นถากถางแบบนี้ เอาละ เธอจะไม่ยอมถูกว่าข้างเดียว เตรียมตัวรับมือได้เลยนายฐิติ
“ถ้านายอยากจะทำดีเอาหน้ากับบอกอละก็ พอเถอะ ตอนนี้บอกอของนายเขาไม่ได้อยู่ที่นี่”
ฐิติหัวเราะอย่างขบขัน “นี่คุณลืมอะไรไปหรือเปล่า ผมเนี่ยน้องคนสนิทของพี่ปรัชญ์นะ ถ้าคิดจะใช้เส้นสายคงไม่ต้องเข้าทางบอกอหรอก เจ้าของสำนักพิมพ์เลยก็ได้ บอกอใหม่อย่างบอกอซันคงช่วยอะไรไม่ได้มากหรอก แต่ที่ผมต่อว่าคุณเนี่ย เพราะผมเห็นนิสัยคุณล้วนๆ คุณเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่าง เจ้าทิฐิ แถมยังไม่ค่อยจะซื่อสัตย์ด้วย”
คำปรามาสของเขาทำเอาความอดทนของฟ้ารุ่งขาดผึง เธอวิ่งโร่เข้าไปหาเขา ง้างแขนคล้ายจะตบ แต่ก็ต้องชะงักเพราะคำพูดของอีกฝ่าย
“ถ้าคุณคิดจะตบผมแบบในละครตบจูบละก็ คุณคิดผิดแล้วนะ ผมคงไม่จูบคุณหรอก นิสัยอย่างคุณน่ะผมจูบไม่ลง” พูดจบฐิติก็หันหลังเดินจากไป
ปล่อยให้เธอยืนนิ่ง ข่มอาการโมโหอยู่ลำพัง
‘แกมีดีอะไรนะซันดา ถึงได้โชคดีและมีคนปกป้องอยู่เสมอ แม้แต่ปรัชญ์เอง แทนที่จะโกรธที่ถูกทรยศ กลับวิ่งตามไปด้วยความเป็นห่วง แต่อย่าคิดนะว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้ฟ้ารุ่งท้อแท้ วันนี้เป็นวันของแก วันพรุ่งนี้ก็ต้องมีวันของฉันบ้าง’
คิดได้ดังนั้นบรรณาธิการสาวก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วหยิบผ้าขนหนูหอมกรุ่นเดินเข้าไปในห้องน้ำ เธอจะต้องเริ่มต้นวันนี้ด้วยความเข้มแข็ง และจะไม่ยอมให้ใครมองเห็นความอ่อนแอเป็นอันขาด
+++++++++++++++++++++++++++++++++
ฟ้ารุ่งเดินเข้าไปในห้องประชุมด้วยท่าทางที่พยายามให้สดใสที่สุด มองไปในห้องประชุมที่มีการสัมมนานักเขียนอยู่ บรรยากาศรอบตัวจึงค่อนข้างเงียบ มีเพียงเสียงวิทยากรผู้บรรยายเท่านั้นที่ดังอยู่ตลอดเวลา เมื่อสอดส่ายสายตามองหาปรัชญ์แล้วไม่พบ เธอจึงเดินไปถามพนักงานคนหนึ่ง ก่อนจะเดินออกนอกประตูไป และพบว่าปรัชญ์กำลังนั่งจิบกาแฟอยู่เพียงลำพังที่มุมนั่งเล่น เธอจึงเดินเข้าไปหาและนั่งลงฝั่งตรงข้าม
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเธอแวบหนึ่ง แล้วหันมองไปทางอื่น ฟ้ารุ่งรับรู้ได้ถึงความเฉยเมย เนื่องจากปรัชญ์ไม่เคยมีกิริยาห่างเหินต่อเธอเช่นนี้
“ปรัชญ์โกรธฟ้าอยู่หรือคะ”
คำถามนั้นทำให้เขาหันมามองเธออีกครั้ง “ผมไม่มีสิทธิ์โกรธฟ้าหรอก ฟ้าไม่ได้ทำอะไรให้ผม เพียงแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมฟ้าถึงใจร้ายกับซัน คุณเป็นผู้หญิงเหมือนกันก็น่าจะรู้ว่าเรื่องใดที่ทำร้ายจิตใจลูกผู้หญิงที่สุด โดยเฉพาะการพูดเรื่องนั้นต่อหน้าผู้ชายมันเป็นสิ่งไม่ควร”
ฟ้ารุ่งเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม “การที่ฟ้าบอกคุณว่าซันเคยนอกใจนี่กลายเป็นว่าฟ้าเป็นคนใจร้ายอย่างนั้นหรือคะ ความรักทำให้คนลำเอียงจริงๆ พูดความจริงก็ผิด”
“ถ้าคุณมีเจตนาแค่อยากพูดความจริงก็คงไม่ผิด แต่เหตุการณ์นี้คุณจงใจทำให้ซันอับอาย มีคนมากมายที่บอกว่าตนเองเป็นคนตรงไปตรงมา แต่ความตรงที่ว่าก็ต้องมีขอบเขตอยู่ในกาลเทศะด้วย ไม่ใช่อยากพูดอะไรก็พูด” ปรัชญ์ย้อนตรงๆ ทำเอาฟ้ารุ่งใจหายวูบ น้อยครั้งนักที่เขาจะตอกกลับคนอื่นแบบนี้ เธอจึงแก้ไขสถานการณ์ด้วยการผ่อนอารมณ์ให้เบาลง
“ฟ้ารู้ว่าเรื่องนั้นทำให้ปรัชญ์เสียความรู้สึก แต่ฟ้าทำไปเพราะรักและห่วงปรัชญ์นะคะ ความเห็นแก่ตัวทำให้ฟ้าเลือกที่จะแฉเรื่องของซันซึ่งปรัชญ์ควรจะได้รู้ จะได้ตัดสินใจว่าจะเดินหน้าต่อไปหรือเปล่า การกระทำของซันมองได้สองอย่าง คือทำเพราะนอกใจ กับทำโดยไม่ตั้งใจ แต่คุณก็เลือกมองว่าเป็นเรื่องของความผิดพลาด มันก็เลยกลายเป็นว่าฟ้าซ้ำเติมเขา ทุกอย่างอยู่ที่มุมที่ปรัชญ์มอง ฟ้ากลายเป็นมารร้ายไปแล้ว พูดอะไรก็คงดูแย่ไปหมด”
“ผมใช้หัวใจเลือกคนรัก ผมไม่ได้ต้องการคนรักที่ดีพร้อม แค่คนดีธรรมดาๆ ที่รักผมและผมก็รักเขาก็พอ”
“คุณใจกว้างมาก” น้ำเสียงผู้พูดติดจะแขวะ
ทว่าปรัชญ์ก็ไม่ถือสา เขาพูดต่อด้วยความมั่นใจ “ผมให้เกียรติผู้หญิงนะฟ้า ผู้หญิงก็เป็นมนุษย์เหมือนผู้ชายนี่แหละ ผู้ชายเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เคยผ่านผู้หญิงมาก่อนแต่งงาน แต่พอเกิดขึ้นกับผู้หญิงบ้างเราก็ควรมองเป็นเรื่องธรรมดา ตลอดเวลาที่ผมคบกับซัน ความดีที่เธอทำมันมากกว่าข้อผิดพลาดนี้หลายเท่านัก ผมให้ความสำคัญกับความรักมากกว่าเรื่องอื่น การที่ผมตามหาซันมาหลายปีจนได้พบกันอีกครั้ง มันทำให้ผมดีใจมาก มากจนสามารถลืมสิ่งที่ผ่านมาได้ทั้งหมด ผมพร้อมจะอยู่ข้างซัน”
ฟ้ารุ่งถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วตอบรับด้วยสีหน้าสลด “ค่ะ ได้ฟังแบบนี้ฟ้าก็ยิ่งรู้สึกเสียใจกับการกระทำของตัวเอง ฟ้าขอโทษนะคะ แล้วเดี๋ยวฟ้าจะไปขอโทษซันด้วย จริงๆซันเป็นน้องสาวคนละแม่กับฟ้า ฟ้าทำลายเขาไม่ลงหรอกค่ะ อารมณ์ชั่ววูบทำให้ฟ้าตัดสินใจทำลงไป ปรัชญ์อภัยให้ฟ้านะคะ”
“ถ้าคุณยอมรับและแก้ไขให้ดีขึ้น ผมก็ไม่ติดใจอะไรหรอก ฟ้าเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่ผมรัก”
คำว่าเพื่อนกระตุกความรู้สึกคนฟังเต็มแรง หญิงสาวเจ็บหนึบหนักหน่วงแต่ก็ต้องทน หากต้องการจะยืนอยู่ข้างเขาต่อไป เธอก็ต้องยอมผ่อนปรนบ้าง “ขอบคุณค่ะ แล้วนี่ซันไปไหนแล้วคะ มาร่วมงานหรือยัง”
“เห็นเด็กๆบอกว่าขอพักก่อน คงยังไม่ค่อยสบายใจ ต้องให้เวลาซันสักพัก เดี๋ยวคงดีขึ้น ผมเชื่อว่าซันเข้มแข็งพอ”
“แล้วนี่ปรัชญ์จะทำยังไงต่อไปคะ เมื่อคืนเห็นซันเขาก็ยอมรับปรัชญ์มากขึ้นแล้วนี่”เธอถามเพื่อสำทับความจริงใจลงไปอีกครั้ง
“ผมคงต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองอีกสักพัก เพื่อให้ซันแน่ใจ” ปรัชญ์สรุปด้วยท่าทางอารมณ์ดีมากขึ้น
เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นดังใกล้เข้ามา ทำให้คู่สนทนาต้องหันไปมองพร้อมๆกัน และพบว่าผู้ที่เดินเข้ามาใหม่คือแพรวา หญิงสาวก้าวเข้ามาด้วยหน้าตาบอกบุญไม่รับ
“แพรอยากคุยกับพี่ปรัชญ์เรื่องพี่ซัน” เธอโพล่งขึ้นทันทีที่เผชิญหน้าเขา
ชายหนุ่มพยักหน้า มองอีกฝ่ายตรงๆรอดูปฏิกิริยา “พี่ปรัชญ์คงรู้นะว่าแพรกับพี่ซันอยู่ในสถานะไหน”
“สถานะไหนล่ะ พี่ก็เห็นแค่ว่าแพรติดพี่ซันเขาแจก็เท่านั้นเอง แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดา เราเป็นพี่รหัส น้องรหัสกันมาตั้งแต่เรียน”
“แพรรักพี่ซัน พี่ปรัชญ์อย่าแกล้งทำไม่รู้นะ แพรไม่ได้ต้องการเป็นแค่น้องสาว” เธอโต้กลับมาเสียงแข็ง
ฟ้ารุ่งมองคนทั้งคู่แล้วอมยิ้ม เธอเริ่มมองเห็นอะไรบางอย่างรางๆแล้ว
“แล้วซันเขาคิดแบบเดียวกับแพรไหมล่ะ ความรักไม่ใช่ความต้องการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มันต้องเป็นความรู้สึกของคนสองคน ถ้าเรารักแล้วไปบังคับอีกฝ่าย มันเป็นความเห็นแก่ตัวนะแพร"
แพรวาแค่นหัวเราะหึๆ “แล้วการที่พี่ปรัชญ์ไปจีบฟ้ารุ่งลับหลังพี่ซัน นั่นมันเป็นความรักใช่ไหม ทำให้พี่ซันดูเหมือนควายที่ถูกสวมเขามันใช่รักหรือคะ”
“ตอนนั้นพี่รู้ว่าพี่ผิด แต่มันเป็นแค่ความคึกคะนอง เพื่อนพี่จีบฟ้าไม่ติด พวกเราก็เลยพนันกันเท่านั้นเอง” พูดจบชายหนุ่มก็หันไปทางฟ้ารุ่ง ดวงหน้าเธอเรียบเฉย ฟ้ารุ่งดูเข้มแข็งขึ้น แม้จะได้ยินเรื่องทำร้ายจิตใจก็ไม่ได้แสดงความอ่อนแอใดๆออกมา “ผมต้องขอโทษฟ้าด้วยนะ จริงๆแล้วฟ้าเป็นผู้หญิงแบบที่ผู้ชายทุกคนชอบ เพียงแต่ผมมีซันแล้ว และตอนนั้นผมโง่ เล่นสนุกกันประสาผู้ชายก็เลยทำให้ต้องเกิดปัญหา”
ฟ้ารุ่งฝืนยิ้มจางๆ “ไม่เปนไรค่ะปรัชญ์ ตอนนั้นเราต่างก็ยังเด็ก อาจจะทำอะไรบ้าๆบอๆไปบ้าง ก็ถือว่าหายกันนะ ทำผิดคนละที ไม่มีใครไม่เคยผิดพลาดหรอกค่ะ”
แพรวาเหล่มองบรรณาธิการสาวอย่างไม่เชื่อถือ “ที่พูดนั่นช่างขัดกับการกระทำที่ผ่านมาเหลือเกินนะ”
ฟ้ารุ่งยังคงยิ้ม “แหม คนเราก็ต้องแก้ไขแนวคิดให้ดีขึ้นสิคะคุณแพร เอาเป็นเคลียร์กันไปก่อนนะปรัชญ์ ฟ้าขอตัวละ”
หลังชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆ ฟ้ารุ่งจึงลุกขึ้น ก้าวจากไป ระหว่างเดินออกมาเธอพยายามเงี่ยหูฟังว่าสองหนุ่มสาวจะสนทนาเรื่องใดต่อ แล้วสิ่งที่ได้ยินก็ทำให้เธอเกิดไอเดียบางอย่าง เมื่อรู้ว่ายามนี้แพรวารู้สึกไม่ดีต่อคู่รักที่กำลังจะรีเทิร์นคู่นั้นแล้ว มันคงไม่ยากนักหรอกที่เธอจะชักใยสาวน้อยเจ้าอารมณ์คนนี้ แค่เข้าไปให้ถูกจังหวะก็พอ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
กว่าซันดาจะลุกขึ้นจากที่นอนก็สายมากแล้ว เธอจึงรีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วโผล่หน้าไปดูสิยาพรที่ห้อง พบว่าภายในห้องของสาวน้อยเงียบเชียบ เธอจึงเดินตามไปยังห้องประชุมเนื่องจากรู้กำหนดการอยู่แล้วว่าวันนี้เป็นการอบรมเทคนิคให้แก่นักเขียนทั้งหลาย แต่เมื่อเดินไปถึงแค่เพียงด้านหน้าอาคารหญิงสาวกลับต้องชะงัก เพราะมีใครบางคนกำลังเดินปรี่เข้ามาหา
“ซันเพิ่งตื่นเหรอ ไปดื่มกาแฟกัน” ปรัชญ์ไม่พูดเปล่า ขยับเข้ามาดึงมือเธอให้เดินตามไปยังจุดที่มีแพรวานั่งรออยู่
ซันดาเดินตามชายหนุ่มมาอย่างเสียไม่ได้ เธอคิดเรื่องของเขาเกือบทั้งคืนแต่ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าควรวางตัวอย่างไรต่อกัน จริงอยู่...เมื่อคืนนี้ปรัชญ์พูดความในใจของเขาออกมาหมดแล้ว เขายินดีที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม และยอมรับทุกๆความพลาดพลั้งที่เคยเกิดขึ้น ไม่น่าเชื่อเลยว่าผู้ชายเพลย์บอยผู้หยิ่งทะนงอย่างเขาจะคิดแบบนี้ แต่ปรัชญ์ก็ทำให้เธอประหลาดใจมาแล้วหลายอย่าง ไม่ว่าจะการผันตัวเองมาอยู่ในวงการนวนิยายทั้งๆที่เคยบ่นอยู่เสมอว่าไม่ชอบ รวมไปถึงการใช้ชีวิตควบคู่ไปกับงานทั้งๆที่ก่อนนี้เขาเคยเป็นผู้ชายรักสนุก กินเที่ยว ทำกิจกรรมโลดโผนต่างๆเช่นเดียวกับเพื่อนในกลุ่ม ที่ล้วนแต่เย่อหยิ่ง หลงตัวเองว่าหน้าตาดี ร่ำรวย และมีเสน่ห์จนมองไม่เห็นค่าของเพศตรงข้าม ปรัชญ์เปลี่ยนไปแล้วหรือเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาที่เขาจงใจสร้างขึ้นกันล่ะ
“พี่ซันมานั่งด้วยกันค่ะ เดี๋ยวแพรสั่งกาแฟให้นะ” ผู้ที่นั่งอยู่ก่อนเอ่ยอย่างเอาใจ ด้วยรู้ดีว่าซันดายังไม่ค่อยสบายใจนัก เธอเห็นเหตุการณ์เมื่อคืนเกือบทั้งหมด แม้จะไม่ได้ยินว่าแต่ละคนพูดคุยอะไรกัน แต่การที่ซันดา ปรัชญ์ และฟ้ารุ่งยืนประจันหน้ากันคงไม่ใช่เหตุการณ์ปกติ และยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อซันดาวิ่งหนีออกไป น่าเสียดายที่เธออยู่ไกลจึงแซงปรัชญ์ไปตามหาสาวรุ่นพี่ไม่ทัน ชายหนุ่มจึงกลายเป็นพระเอกไปในพริบตา ภาพที่ปรัชญ์โอบกอดซันดาทำให้เธอไม่สามารถก้าวตามเข้าไปสมทบได้ ความผูกพันระหว่างคนทั้งสองเป็นอย่างไรแพรวารู้ดี ตลอดเวลาสามปีที่ซันดาคบกับปรัชญ์คือช่วงเวลาดีๆของคนทั้งคู่ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอเองก็ทุ่มเทใจให้พี่รหัสของตนไปจนหมดแล้ว ครั้นจะปล่อยมือง่ายๆก็คงทำไม่ได้ อีกทั้งยังไม่รู้สถานการณ์ระหว่างคนทั้งคู่ เพราะระหว่างซันดากับปรัชญ์มีฟ้ารุ่งแทรกอยู่ หากฟ้ารุ่งทำสำเร็จเธอก็คงจะมีซันดาอยู่เคียงข้างเช่นเดิม
“พี่ยังไม่หิวเลย แพรมานานแล้วเหรอ” ซันดาย้อนถามหลังจากที่นั่งลงเรียบร้อยแล้ว
สาวรุ่นน้องพยักหน้า “ค่ะ แพรตั้งใจมาคุยกับพี่ปรัชญ์”
“อ้าว แล้วตามพี่มานั่งด้วยทำไม รบกวนหรือเปล่า”ซันดาถาม
“ไม่ค่ะ เราคุยกันจบแล้ว” แพรวารีบปฏิเสธทันควัน
“เราไม่ได้คุยเรื่องสำคัญอะไรหรอกซัน เรื่องงานทั่วๆไปน่ะ” เขากลบเกลื่อน ขณะที่ดวงตาคมจ้องมองซันดาอย่างพินิจ
หญิงสาวดูไม่สดใสเท่าใดนัก ดวงตากลมโตยังมีรอยบวมอยู่หน่อยๆ เช่นเดียวกับกิริยาเนือยๆที่เจ้าตัวแสดงออกมา เขาจึงถาม “ซันโอเคไหม”
“หมายถึงอะไร” ซันดาย้อนถามทันควัน
“ก็ เอ่อ เรื่องเมื่อคืน” เขาตอบขยักขย่อนเพราะเข้าใจว่าแพรวาไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น
“ไม่มีอะไร” ซันดาตอบสั้นๆ แววตาของหญิงสาวดูแน่วแน่ มองตรงไปข้างหน้า ทำให้ผู้ฟังไม่สามารถจับความรู้สึกของเธอได้
“ดีแล้ว ว่าแต่คืนนี้แต่งแฟนซี ใส่ชุดอะไรกันดี” ปรัชญ์ตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องที่คิดว่าจะทำให้หญิงสาวสบายใจขึ้น
“ประกวดแฟนซีเหรอ แพรขอแจมด้วยนะคะ แพรเอารถขึ้นเรือมาด้วย เดี๋ยวหาชุดมาเผื่อพี่ซันด้วยดีกว่า”แพรวาเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริง แล้วหันไปดึงมือซันดามากุมไว้ “เราแต่งเป็นเจ้าชายกับเจ้าหญิงกันนะคะ”
ปรัชญ์มองภาพตรงหน้าพลางสกัดกลั้นก้อนร้อนๆที่พุ่งพล่านขึ้นมาจากในช่องท้อง “ความหึง”นั่นเองที่ก่อหวอดอยู่ในอารมณ์ขณะนี้ ถึงแพรวาจะเป็นผู้หญิงก็เถอะ แต่การวางตัวของซันดาเวลานี้ทำให้เขาไม่แน่ใจว่าเธอจะยังเป็นซันดาคนเดิมของเขาหรือเปล่า
เพราะความรู้สึกดังกล่าวนั่นเอง ทำให้ตลอดช่วงเวลาที่นั่งอยู่ด้วยกันสามคนปรัชญ์จึง ปล่อยให้สองสาวพูดคุยกันไปโดยมีเขานั่งฟัง ยอมรับกับใจได้เลยว่าซันดากำลังทำให้เขาสับสน เขาตอบตนเองได้ว่ายังรักเธอ แล้วเธอเล่ายังรักเขาหรือเปล่า แววตาว่างเปล่าคู่นั้นไม่สามารถทำให้เขาคาดเดาสิ่งใดได้เลยจริงๆ
[จบตอน]
ณฤดี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ม.ค. 2559, 06:16:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ม.ค. 2559, 18:21:56 น.
จำนวนการเข้าชม : 983
<< บทที่ ๘ คมอดีต | บทที่ ๑๐ รื้อฟื้น >> |