ตะวัน (ร้าย) ฉายรัก (นามปากกา 'พิริตา' ) เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อม E-Book
‘ปาลิกา’ หญิงสาวกำพร้าที่สูญเสียครอบครัวไป

ตั้งแต่ยังเยาว์วัย แต่โชคดีที่มีผู้อุปการะไว้ ซึ่งก็เป็นนายจ้างของครอบครัว

เธอนั่นเอง ปาลิกาเติบโตมาท่ามกลางความรัก เข้าใจอย่างล้นเหลือของ

ประมุขทั้งสองของบริษัท ‘เดอะซัน กรุ๊ป จิวเวลรี่’ และเพราะที่แห่งนี้เป็น

สถานที่ที่ทั้งพ่อแม่และยายของเธอได้ใช้ชีวิตอยู่จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

ที่นี่จึงมีความหมาย และมีความสำคัญสำหรับหญิงสาวมาก

ในชีวิตของปาลิกามีเพียงสองสิ่งเท่านั้นที่เธอรู้สึกว่าเป็นอุปสรรค ขวาก

หนามที่ยิ่งใหญ่ นั้นก็คือ ปมแห่งความหวาดกลัวที่เป็นเหตุให้เธอติดอยู่กับฝัน

ร้ายในวัยเด็ก และลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รัตนาวาณิชย์’ ที่เติบโต

มาด้วยกัน เขามีอายุอ่อนกว่าเธอหนึ่งปี แต่ไม่เคยยอมรับว่าเธอเป็นพี่สาว

หนำซ้ำยังคอยแกล้งเธอมาตั้งแต่เด็ก และเธอก็เรียกเขาว่า ‘จอมวายร้ายเจ้า

เล่ห์,คนกวนประสาทฯ ‘ แต่ทว่าจอมวายร้ายคนนั้นกลับเป็นคนเดียวกันที่อยู่

เคียงข้างเธอยามมีภัย และพยายามช่วยเธอให้หลุดพ้นจากปมแห่งฝันร้าย

นั้น และเป็นคนเดียวกับที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย

แต่แล้ว...ก็กลับเป็นคนเดียวกัน ที่กันเธอออกจากเดอะซัน กรุ๊ปฯ และชีวิต

ของเขา เหมือนไม่เห็นค่า ความสำคัญของเธออีกต่อไป จนหญิงสาวทนอยู่

กับความรู้สึกเจ็บปวด สิ้นไร้ ด้อยค่าของตัวเองไม่ไหว ที่สุดจึงตัดสินใจเดิน

ออกมาจากชายคาเดอะซัน กรุ๊ปฯ ด้วยหัวใจที่บอบช้ำ.


‘ตะวันฉาย’ ลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รัตนาวาณิชย์’ และผู้สืบทอด

กิจการของบริษัท ‘เดอะซัน กรุ๊ป จิวเวลรี่’ ต่อจากมารดา หลังกลับจากเรียน

ต่อต่างประเทศชายหนุ่มได้เข้ามาเรียนรู้งานในเดอะซัน กรุ๊ปฯ อย่างเต็มตัว

โดยมี ‘ปาลิกา’ (หรือที่เขาเรียกจนติดปากว่า ‘ยัยปลิก’) คอยกระตุ้นอยู่ตลอด

ทั้งที่โดยนิสัยแล้วตะวันฉายเป็นคนที่มีความตั้งใจ รับผิดชอบและจริงจังกับ

งาน โดยเฉพาะช่วงหลังที่เขาเข้ามาทำงานอย่างเต็มตัวแล้วนั่น แต่ใน

ทางกลับกันตะวันฉายจะกลายเป็นเด็กไม่ยอมโตทันทีที่อยู่กับปาลิกา เพราะ

ความรื่นรมย์อีกอย่างในชีวิตของเขาตั้งแต่เล็กจนโต คือการได้แกล้งปาลิกา

ทั้งวาจาและการกระทำ แต่เขาก็ได้สงวนลิขสิทธิ์ในการแกล้งไว้แค่ตัวเขา

เอง คนอื่นห้ามแกล้งโดยไม่ได้รับอนุญาตเสียอย่างนั้น

แต่ทว่าหากยามใดที่ปาลิกามีภัย อ่อนแอ ตะวันฉายจะถึงตัวเธอก่อนเสมอ

เขาห่วงทุกย่างก้าวในชีวิตของเธอ โดยเฉพาะปมแห่งความกลัวที่ทำให้เธอ

ฝันร้ายในตอนเด็ก ชายหนุ่มปรารถนาจะให้เธอเอาชนะความกลัวนั้นให้ได้

และการที่ตะวันฉายได้มีโอกาสอยู่เพียงลำพัง ไกลห่างกับปาลิกาขณะที่

เรียนอยู่ต่างประเทศนั้น ได้ทำให้เขารู้ใจตัวเองว่าคิดอย่างไรกับเธอ ชาย

หนุ่มไม่เคยสงสัยในความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวเลยสักนิด แต่เพราะเชื่อว่าเธอ

รักใครอีกคนที่เป็นญาติสนิทของเขา และผู้ชายคนนั้นก็เป็น ‘ผู้ชายในฝัน’

ของเธอมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาได้แต่กล้ำกลืนความรู้สึกเอาไว้ กว่าจะรู้ว่า
ปาลิกาก็รักเขาไม่ต่างกัน ก็ในวันที่เธอได้หนีเขาไปเสียแล้ว...


‘ก็ลื้อสองคนน่ะสิ มีด้ายแดงผูกติดกันมา

ตั้งแต่เกิด แต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือด้ายแดงที่ผูกพวกลื้อไว้นั้นมันสั้นมาก ทำ

ให้ต้องมาใกล้กันตั้งแต่เด็ก ไม่เหมือนบางคู่ที่ด้ายจะยาวอาจใช้เวลานานกว่า

จะได้มาเจอกัน แต่นั่นแหล่ะด้ายแดงแห่งโชคชะตาของพวกลื้อจะไม่มีวันถูก

ตัดขาด แล้วมันก็จะอยู่ในระยะสั้นอย่างนี้ตลอดไป อย่างที่เคยเป็นมาจนกว่า

จะตายจากกัน และหากวันใดที่มันยืดยาวออกไปไม่ว่าด้วยสาเหตุอันใด ด้าย

นั้นก็จะดึงรั้งพวกลื้อให้ต้องกลับมาใกล้กันจนได้ หากพวกลื้อฝืนก็จะทำให้

เจ็บปวดทุรนทุราย เหมือนจะขาดใจเลยทีเดียว มันเป็นลิขิตของสวรรค์’

ตะวันฉายกับปาลิกาจะทำเช่นไรกับหัวใจของตัวเอง

ด้ายแดงแห่งโชคชะตา และสายใยแห่งความผูกพัน

จะสามารถนำพาหัวใจทั้งสองดวงให้กลับมาแนบชิดกัน

เหมือนในวันเก่าได้หรือไม่?..................................

โปรดติดตามใน ‘ตะวัน (ร้าย) ฉายรัก’ ได้เลยค่ะ


Tags: ตะวัน ร้าย ฉาย รัก ปลา อัญมณี จิวเวลรี่ หวานซึ้ง

ตอน: บทที่ 15

ชั้น 7 ณ. ห้องประชุมของผู้บริหารเดอะซัน กรุ๊ปฯ วันนี้มีผู้บริหาร

ระดับสูงเข้าร่วมประชุมกันเกือบครบปาลิกาก็เป็นหนึ่งในนั้น
คุณโฉมฉายได้เปิดการประชุมด้วยท่าทีสบายๆ

“เนื่องจากตะวันฉายได้เข้ามาทำงานที่บริษัทเป็นเวลาหลายเดือน

แล้ว และดิฉันก็เห็นว่าควรที่จะให้ตะวันฉายขึ้นมาเป็นประธานบริษัท

แทนดิฉันเสียที ดิฉันอยากให้ทุกท่านช่วยให้ความร่วมมือ ชี้แนะในงาน

ด้านต่างๆ ที่เขายังไม่เข้าใจหรือติดขัด หวังว่าทุกท่านคงให้ความร่วมมือ

นะคะ เดี๋ยวให้เจ้าตัวกล่าวอะไรสักหน่อย” เมื่อคุณโฉมฉายพูดจบตะวัน

ฉายก็ลุกขึ้นโค้งคำนับ พร้อมกับเสียงปรบมือต้อนรับที่ดังกึกก้อง

“ขอบคุณครับ ผมเองก็ได้เรียนรู้งานมาได้สักพักแล้ว แต่อาจจะยัง

มีส่วนที่ยังไม่เข้าใจอีกพอสมควร จึงใคร่ขอความร่วมมือและความ

เมตตาจากพี่ ป้า น้า อาของเราช่วยชี้แนะผมด้วย ผมจะพยายามทำ

หน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของป่ะป๊ะ หม่าม๊าและเพื่อ

เดอะซัน กรุ๊ปฯ ของเรา

“หากใครมีปัญหาหรือข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์กับบริษัทของ

เราไม่ว่าในส่วนใดก็ตาม เชิญมาคุยกับผมได้นะครับ ผมได้ปรึกษากับ

หม่าม๊าและบรรดาญาติผู้ใหญ่หลายคนถึงเรื่องแผนงานต่างๆ ในบริษัท

และเห็นว่าควรมีการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้าน ซึ่งคงจะค่อยๆ ทำกัน

ไป”

และจากนั้นเขาก็ได้ร่ายถึงแผนงานส่วนแรกที่ต้องการ

เปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นเรื่องสวัสดิการของพนักงานในบางส่วนที่เห็นว่า

ยังคงไม่ดีพอ ทั้งในส่วนวันหยุดของพนักงาน ที่ผ่านมาทางบริษัทหยุด

วันอาทิตย์วันเดียว แต่จะเพิ่มวันเสาร์ให้อีกครึ่งวัน

และจัดให้มีคอฟฟี่เบรคในทุกแผนก สุดท้ายก็คือเรื่องจะจัดให้มี

พยาบาลประจำห้องพยาบาลอย่างเป็นกิจลักษณะ เพราะที่ผ่านมาทาง

บริษัทยังขาดการดูแลเรื่องรักษาพยาบาลเบื้องต้นอยู่ หลังจากนั้นใน

ห้องประชุมได้พูดคุยกันถึงเรื่องงานกันอีกพักใหญ่จึงได้เลิกประชุม

ก่อนออกมาจากห้องประชุม ปาลิกาอดมองร่างสูงด้วยความ

ประหลาดใจไม่ได้ แม้ไม่ใช่สิ่งที่เหนือความคาดหมายที่ตะวันฉายขึ้นมา

เป็นประธานบริษัท เพราะเป็นสิ่งที่คุณโฉมฉายคาดหวังและได้คุยกับ

เธอมาตลอดว่าต้องการให้ตะวันฉายขึ้นมาบริหารงานอย่างเต็มตัวใน

เร็ววัน

แต่ในขณะเดียวกันคุณโฉมฉายก็ยังไม่ได้วางมือแต่อย่างใด

เพียงแต่ลดบทบาทบางอย่างลง และที่สำคัญจะยังคอย

ประคับประคองอยู่เคียงข้าง ให้คำปรึกษากับลูกชายอยู่เสมอ ปาลิกา

เองก็เห็นด้วยและที่ผ่านมาเธอก็คอยกระตุ้นเรื่องงานของเขาเพราะ

อยากให้ชายหนุ่มเตรียมตัวรับกับวันนี้

ถึงกระนั้น...คำพูดที่ตะวันฉายกล่าวต่อหน้าที่ประชุมก็ทำให้

ปาลิกาอดแปลกใจไม่ได้ เขาพูดจาไม่เหมือน ‘นายซัน’ ที่เธอรู้จักสักนิด

ดูเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ และเข้าใจในงานไม่น้อย แววตาคู่นั้น

เล่า...ตอกย้ำได้ดีถึงความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งที่

นั่งอยู่ตรงข้ามเขา เยื้องกันไปไม่กี่ที่นั่ง แต่หญิงสาวกลับรู้สึกเหมือนมี

ม่านบางๆ กั้นระหว่างเธอกับตะวันฉายไว้ ทำให้มองเห็นเจ้าของร่างสูง

นั้นรางเลือน

ปาลิกาได้ยินเสียงแสดงความยินดีกับประธานบริษัทคนใหม่เซ่ง

แซ่มา ทั้งที่เธอเองก็รู้สึกยินดีไม่ต่างกันแต่รอยยิ้มของหญิงสาวกลับจืด

เจื่อนลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอจึงปลีกตัวเดินออกมาคนเดียว

“น้องปลาจะลงไปห้องทำงานเลยหรือเปล่า” เสียงอานุภาพที่รีบ

สาวเท้าตามหลังมาเอ่ยถาม ปาลิกาพยักหน้ารับน้อยๆ “พี่ไปด้วยนะจ๊ะ”

“พี่อ๋าไม่รีบกลับโชว์รูมเหรอคะ”

“อ๋อ พอดีพี่ต้องรองานซ่อมน่ะจ้ะ ยังไม่เสร็จเลย” อานุภาพ

หมายถึงงานบางชิ้นในโชว์รูมที่ชำรุดต้องกลับเอามาซ่อมใหม่ที่บริษัท

หญิงสาวทำท่ารับรู้


ชายหนุ่มก้าวตามเจ้าของร่างบอบบางเข้ามาในห้องทำงานสีชมพู

หวานแหววของเธอ

“เออจริงสิ หยินมี่ไปไหน ทำไมพี่ไม่เห็นเลยน้องปลา” อานุภาพ

ถามขึ้น

“อ๋อ อาม่าไม่สบายน่ะค่ะ หยินมี่เลยต้องเฝ้าอาม่าอยู่ที่

โรงพยาบาล ไม่รู้เป็นอะไรมากหรือเปล่าสิคะ พี่อ๋านั่งสิคะ” ปาลิกาวาง

แฟ้มลงบนโต๊ะ ผายมือไปยังเก้าอี้ตรงข้าม

“คงไม่ร้ายแรงอะไรมั้งน้องปลา อาม่าก็เป็นบ่อยออกนะ” ชาย

หนุ่มเปรยขึ้นเมื่อทั้งคู่นั่งลงแล้ว

“นั่นสิคะ ตั้งแต่อากงเสียไปเมื่อปีก่อน อาม่าก็เจ็บออดๆ แอดๆ

อยู่เรื่อย น่าสงสารอาม่าจังคงคิดถึงอากงมากนะคะ อยู่ด้วยกันมา

ตลอดชีวิต พอจากกันไปก็ทำให้อีกคนที่เหลือถึงกับตรอมใจตามไปด้วย

ทั้งสองเกิดมาเป็นเนื้อคู่กันจริงๆ นะคะ คงเป็นเพราะด้ายแดงแห่ง

โชคชะตาแน่เลย” ปาลิกาเอ่ยถึงเรื่องอาม่าของเพื่อนด้วยความรู้สึกเศร้า

อยู่ลึกๆ เพราะตอนที่อาม่ายังปกติดีอยู่นั้นก็รักและเอ็นดูเธอไม่ต่างจาก

ลูกหลานแท้ๆ เธอเองก็เข้านอกออกในบ้านหยินมี่มาตลอด

“การมีอีกคนเป็นทั้งหมดของชีวิตก็เสี่ยงอย่างนี้แหล่ะ ถ้าขาดเขา

ไปเราก็แทบจะประคองชีวิตอยู่ต่อไม่ได้ แต่การมีใครเป็นแค่ส่วนหนึ่ง

ของชีวิตยังพอมีแรงประคองชีวิตเพื่อเดินต่อไปได้ แต่พี่เพิ่งรู้นะว่าน้อง

ปลาเชื่อเรื่องด้ายแดงอะไรนั่นด้วย” ชายหนุ่มแสดงความคิดเห็นที่ทำให้

ปาลิกาอดชะงักไม่ได้

“พี่อ๋าไม่เชื่อเรื่องการมีใครสักคนเป็นทั้งหมดของชีวิต หรือเป็นเนื้อ

คู่ที่มาจากด้ายแดงที่ผูกนิ้วคนเราไว้ด้วยกันหรอกเหรอคะ” และเอ่ยถาม

คนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกประหลาดใจ

“ไม่รู้สิ พี่เชื่อในสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้ามากกว่า แล้วยิ่งเรื่องด้ายแดง

ในตำนานอะไรนั่นพี่คิดว่ามันเป็นเรื่องล้าสมัยเกินไป” คำตอบนั้นตอก

ย้ำถึงความเห็นและมุมมองของชายหนุ่มชัดเจน

“เหรอคะ” คนพูดพยายามซ่อนความผิดหวังไม่ให้เล็ดลอดออกไป

ในน้ำเสียง

“ส่วนเรื่องการมีใครสักคนเป็นทั้งหมดของชีวิตก็คงไม่ใช่เรื่องดี

แน่ๆ ตัวอย่างก็ดูเอาอย่างอาม่านั่นไง อีกอย่างพี่เองก็มีครอบครัว มี

อะไรต้องทำอีกเยอะ พี่ก็เลยไม่อยากทุ่มเททั้งชีวิตไปกับคนเพียงคน

เดียว” อานุภาพให้เหตุผลในตอนท้าย ก่อนที่สายตาคู่นั้นของเขาจะจับ

จ้องใบหน้าเธอนิ่ง และเอื้อนเอ่ยต่อ “แต่พี่ก็เชื่อมาตลอดว่าจะมีคนที่

เข้าใจและเหมาะสมกับพี่ คนๆ นั้นจะต้องดูแลตัวเองได้ดี เข้าใจพี่และ

ยอมรับพี่ได้ดี จนกระทั่งวันนี้ พี่ถึงได้มั่นใจว่าพี่เจอแล้ว...” ดวงตาของ

อานุภาพเต็มไปด้วยความหมาย ขณะที่น้ำเสียงของเขาก็ฟังดูนุ่มนวล

ขึ้น

แต่ทว่าคนฟังกลับรู้สึกแปลกในหัวใจ ไม่ใช่หวานไหวเช่นที่เคยฝัน

แต่มันทะแม่งๆ ชอบกล กับความคิดของอานุภาพ ผู้ชายคนที่เธอเคย

คิดว่ารู้จักเขามาตั้งแต่เด็ก แต่แท้ที่จริงแล้วหญิงสาวพึ่งซึ้งใจถึงความคิด

ของเขาในวันนี้เอง แม้จะไม่ใช่ความผิดของอานุภาพเลยที่คิดนึก รู้สึก

เช่นนี้ เพราะคนเราย่อมคิดแตกต่างกันเป็นธรรมดา แต่ปาลิกาก็ยอมรับ

ว่าแอบผิดหวังอยู่ไม่น้อย

“เอ่อ จริงสิคะ ตอนเย็นปลาว่าจะไปเยี่ยมอาม่าสักหน่อย พี่อ๋าไป

ด้วยกันไหมคะ” เธอรีบเปลี่ยนเรื่องคุยในทันที และนั่นก็ทำให้ชายหนุ่ม

ชะงักปฏิกิริยานุ่มนวลนั้นอย่างเก้อๆ ก่อนตอบ

“เอ...เป็นวันอื่นได้ไหม พี่ต้องพาม๊าไปทำธุระด้วยสิวันนี้”

“งั้นไม่เป็นไรค่ะ” ปาลิกายิ้มให้เขาด้วยความรู้สึกตามคำพูดที่

เปล่งออกไป ไม่ได้ผิดหวังแต่อย่างใด



เสียงอินเตอร์คอมดังขึ้นในตอนเย็นใกล้เลิกงาน ทำให้ปาลิกาหัน

ไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์รับภาพจากกล้องวงจรปิดที่อยู่หน้าลิฟท์ข้าง

นอก เห็นตะวันฉายกับเฮียย้งที่มีแฟ้มอยู่ในมือรอประตูเปิด หญิงสาวจึง

รีบกดเปิดประตูให้

พอเข้ามาถึงข้างในเฮียย้งได้พาตะวันฉายเดินไปยังแผนกโน้น

แผนกนี้พลางพูดคุยอธิบาย คนตัวสูงก็ยิ้มแย้มพูดคุยกับพนักงานด้วย

ความเป็นกันเอง เนื่องจากคุ้นเคยกันบ้างแล้วตั้งแต่ไปเที่ยวทะเลคราว

นั้น แต่ดูเหมือนเฮียย้งจะแนะนำอย่างเป็นทางการมากขึ้น

หญิงสาวมองภาพนั้นจากห้องทำงานของตัวเองอยู่เงียบๆ

จนกระทั่งมาถึงแผนกที่อยู่หน้าห้องทำงานของเธอ ปาลิกาจึงทำเป็นก้ม

หน้าก้มตาอยู่กับงานตรงหน้า แต่แล้วที่สุดทั้งเฮียย้งและตะวันฉายก็มา

ยืนคุยกันอยู่ตรงหน้าประตูห้องทำงานของเธออีกครู่ใหญ่

ส่วนมากเป็นเรื่องงานของชั้น 5 ทั้งหมดที่ปาลิการับผิดชอบ

ท่าทางเอาการเอางานของตะวันฉายที่หญิงสาวเห็น เล่นเอาคนแอบ

มองและแอบฟังรู้สึกแปลกขึ้นไปอีก ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่ดีมากๆ และเธอก็

อยากเห็นมาตลอด แต่ทว่า...ทำไมพอเห็นเข้าจริงๆ ใจมันกลับหายอยู่

ลึกๆ เสียอย่างนั้น

“ยัยปลิก ทำอะไรอยู่” แต่แล้วก็ต้องตกใจกับเสียงที่ดังขึ้นใกล้ตัว


“ตกใจหมดเลย ทำอะไรของนายเนี่ย” หญิงสาวรีบปรับสีหน้า

ท่าทางให้เป็นปกติ

“เอาแต่เหม่อลอย คิดถึงเฮียอ๋าหรือไง” ตะวันฉายยิ้มพรายเย้า

แหย่มา

“บ้า...มีอะไรหรือเปล่านายน่ะ เห็นคุยอะไรกับเฮียย้ง” ปาลิกา

ไม่ได้ใส่ใจจะต่อคำ แต่กลับถามเป็นงานเป็นการขึ้น

“อ๋อ เรื่องพนักงานไง เห็นว่าเฮียย้งน่ะข้อมูลเพียบยิ่งกว่าฝ่าย

บุคคลจริงๆ เสียอีก”

“ก็คงจะจริง เพราะเฮียย้งน่ะอยู่มาตั้งแต่บริษัทเริ่มก่อตั้งกับ

คุณท่านแล้วนี่ ว่าแต่นายอยากรู้อะไรเกี่ยวกับงานในส่วนของฉันไหม

จะให้รายงานอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า” ปาลิกาถามอย่างเป็นทางการอีก

ครั้ง ริมฝีปากหยักได้รูปของชายหนุ่มเม้มจนเป็นเส้นตรงอย่างคนที่

กำลังใช้ความคิด

“เย็นนี้เธอไม่ทำโอที.ไม่ใช่เหรอ แล้วว่างหรือเปล่า” แล้วจึงถามขึ้น

“หา...ก็อ่า...ว่าง นายจะคุยเรื่องงานใช่ไหม ว่าแต่เกี่ยวกับส่วน

ไหนล่ะ ฉันจะได้เตรียมข้อมูลให้พร้อม” ปาลิกาถามด้วยอาการงงนิดๆ

“เปล่า ว่าจะชวนเธอไปเยี่ยมอาม่าซะหน่อย เห็นว่ายังอยู่โรง’บาล

อยู่เลย บอกหยางไว้แล้วว่าจะชวนเธอไป เลิกงานแล้วไปรอฉันที่ห้อง

ทำงานล่ะ” พูดเองเออเองเสร็จสรรพแล้วก็รีบเดินออกไป ทิ้งให้อีกคน

มองตามหลังด้วยความงงงัน อะไรของเขานะ ปาลิกาคิด แต่ทว่าเหมือน

ม่านบางๆ จะจางหายไปจากความรู้สึก และความคุ้นเคย สนิทสนมที่

เธอผลักมันออกห่างไปเมื่อครู่นี้จะกลับคืนมาอยู่ที่เดิม บ้าจริง...ทำไม

เราต้องคิดมากด้วยก็ไม่รู้ บ่นกับตัวเองพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ระบายบนริม

ฝีปากบางอย่างใจชื้นขึ้นมา




กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ม.ค. 2559, 10:36:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ม.ค. 2559, 10:36:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 1104





<< บทที่ 14   บทที่ 16 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account