ตะวัน (ร้าย) ฉายรัก (นามปากกา 'พิริตา' ) เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อม E-Book
‘ปาลิกา’ หญิงสาวกำพร้าที่สูญเสียครอบครัวไป

ตั้งแต่ยังเยาว์วัย แต่โชคดีที่มีผู้อุปการะไว้ ซึ่งก็เป็นนายจ้างของครอบครัว

เธอนั่นเอง ปาลิกาเติบโตมาท่ามกลางความรัก เข้าใจอย่างล้นเหลือของ

ประมุขทั้งสองของบริษัท ‘เดอะซัน กรุ๊ป จิวเวลรี่’ และเพราะที่แห่งนี้เป็น

สถานที่ที่ทั้งพ่อแม่และยายของเธอได้ใช้ชีวิตอยู่จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

ที่นี่จึงมีความหมาย และมีความสำคัญสำหรับหญิงสาวมาก

ในชีวิตของปาลิกามีเพียงสองสิ่งเท่านั้นที่เธอรู้สึกว่าเป็นอุปสรรค ขวาก

หนามที่ยิ่งใหญ่ นั้นก็คือ ปมแห่งความหวาดกลัวที่เป็นเหตุให้เธอติดอยู่กับฝัน

ร้ายในวัยเด็ก และลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รัตนาวาณิชย์’ ที่เติบโต

มาด้วยกัน เขามีอายุอ่อนกว่าเธอหนึ่งปี แต่ไม่เคยยอมรับว่าเธอเป็นพี่สาว

หนำซ้ำยังคอยแกล้งเธอมาตั้งแต่เด็ก และเธอก็เรียกเขาว่า ‘จอมวายร้ายเจ้า

เล่ห์,คนกวนประสาทฯ ‘ แต่ทว่าจอมวายร้ายคนนั้นกลับเป็นคนเดียวกันที่อยู่

เคียงข้างเธอยามมีภัย และพยายามช่วยเธอให้หลุดพ้นจากปมแห่งฝันร้าย

นั้น และเป็นคนเดียวกับที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย

แต่แล้ว...ก็กลับเป็นคนเดียวกัน ที่กันเธอออกจากเดอะซัน กรุ๊ปฯ และชีวิต

ของเขา เหมือนไม่เห็นค่า ความสำคัญของเธออีกต่อไป จนหญิงสาวทนอยู่

กับความรู้สึกเจ็บปวด สิ้นไร้ ด้อยค่าของตัวเองไม่ไหว ที่สุดจึงตัดสินใจเดิน

ออกมาจากชายคาเดอะซัน กรุ๊ปฯ ด้วยหัวใจที่บอบช้ำ.


‘ตะวันฉาย’ ลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รัตนาวาณิชย์’ และผู้สืบทอด

กิจการของบริษัท ‘เดอะซัน กรุ๊ป จิวเวลรี่’ ต่อจากมารดา หลังกลับจากเรียน

ต่อต่างประเทศชายหนุ่มได้เข้ามาเรียนรู้งานในเดอะซัน กรุ๊ปฯ อย่างเต็มตัว

โดยมี ‘ปาลิกา’ (หรือที่เขาเรียกจนติดปากว่า ‘ยัยปลิก’) คอยกระตุ้นอยู่ตลอด

ทั้งที่โดยนิสัยแล้วตะวันฉายเป็นคนที่มีความตั้งใจ รับผิดชอบและจริงจังกับ

งาน โดยเฉพาะช่วงหลังที่เขาเข้ามาทำงานอย่างเต็มตัวแล้วนั่น แต่ใน

ทางกลับกันตะวันฉายจะกลายเป็นเด็กไม่ยอมโตทันทีที่อยู่กับปาลิกา เพราะ

ความรื่นรมย์อีกอย่างในชีวิตของเขาตั้งแต่เล็กจนโต คือการได้แกล้งปาลิกา

ทั้งวาจาและการกระทำ แต่เขาก็ได้สงวนลิขสิทธิ์ในการแกล้งไว้แค่ตัวเขา

เอง คนอื่นห้ามแกล้งโดยไม่ได้รับอนุญาตเสียอย่างนั้น

แต่ทว่าหากยามใดที่ปาลิกามีภัย อ่อนแอ ตะวันฉายจะถึงตัวเธอก่อนเสมอ

เขาห่วงทุกย่างก้าวในชีวิตของเธอ โดยเฉพาะปมแห่งความกลัวที่ทำให้เธอ

ฝันร้ายในตอนเด็ก ชายหนุ่มปรารถนาจะให้เธอเอาชนะความกลัวนั้นให้ได้

และการที่ตะวันฉายได้มีโอกาสอยู่เพียงลำพัง ไกลห่างกับปาลิกาขณะที่

เรียนอยู่ต่างประเทศนั้น ได้ทำให้เขารู้ใจตัวเองว่าคิดอย่างไรกับเธอ ชาย

หนุ่มไม่เคยสงสัยในความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวเลยสักนิด แต่เพราะเชื่อว่าเธอ

รักใครอีกคนที่เป็นญาติสนิทของเขา และผู้ชายคนนั้นก็เป็น ‘ผู้ชายในฝัน’

ของเธอมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาได้แต่กล้ำกลืนความรู้สึกเอาไว้ กว่าจะรู้ว่า
ปาลิกาก็รักเขาไม่ต่างกัน ก็ในวันที่เธอได้หนีเขาไปเสียแล้ว...


‘ก็ลื้อสองคนน่ะสิ มีด้ายแดงผูกติดกันมา

ตั้งแต่เกิด แต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือด้ายแดงที่ผูกพวกลื้อไว้นั้นมันสั้นมาก ทำ

ให้ต้องมาใกล้กันตั้งแต่เด็ก ไม่เหมือนบางคู่ที่ด้ายจะยาวอาจใช้เวลานานกว่า

จะได้มาเจอกัน แต่นั่นแหล่ะด้ายแดงแห่งโชคชะตาของพวกลื้อจะไม่มีวันถูก

ตัดขาด แล้วมันก็จะอยู่ในระยะสั้นอย่างนี้ตลอดไป อย่างที่เคยเป็นมาจนกว่า

จะตายจากกัน และหากวันใดที่มันยืดยาวออกไปไม่ว่าด้วยสาเหตุอันใด ด้าย

นั้นก็จะดึงรั้งพวกลื้อให้ต้องกลับมาใกล้กันจนได้ หากพวกลื้อฝืนก็จะทำให้

เจ็บปวดทุรนทุราย เหมือนจะขาดใจเลยทีเดียว มันเป็นลิขิตของสวรรค์’

ตะวันฉายกับปาลิกาจะทำเช่นไรกับหัวใจของตัวเอง

ด้ายแดงแห่งโชคชะตา และสายใยแห่งความผูกพัน

จะสามารถนำพาหัวใจทั้งสองดวงให้กลับมาแนบชิดกัน

เหมือนในวันเก่าได้หรือไม่?..................................

โปรดติดตามใน ‘ตะวัน (ร้าย) ฉายรัก’ ได้เลยค่ะ


Tags: ตะวัน ร้าย ฉาย รัก ปลา อัญมณี จิวเวลรี่ หวานซึ้ง

ตอน: บทที่ 17

หลังเคลียร์งานเสร็จในเย็นวันหนึ่ง ตะวันฉายก็รีบขึ้นไปที่พัก

เพราะปาลิกาได้โทร.มากำชับว่าหลังเลิกงานให้เขารีบขึ้นห้อง เธอจะรอ

ทานข้าว ชายหนุ่มออกจะงงๆ เล็กน้อย แม้ปกติจะทานข้าวเย็นร่วมกัน

เกือบทุกวันอยู่แล้ว แต่ปาลิกาก็ไม่ได้กำชับกำชาอะไรมากขนาดนี้ ไอ้

ครั้นจะถามเหตุผลก็ไม่ทันเพราะเธอวางสายไปเสียก่อน

ขณะเดินเข้าไปยังห้องรับประทานอาหารตะวันฉายเห็นร่างเล็ก

ง่วนอยู่ตรงโต๊ะทานข้าว ดูวุ่นวายเหลือจะกล่าว

“ทำอะไรของเธอยัยปลิก” คนตัวเล็กหันมายิ้มให้เขา

“มาแล้วเหรอ ฉันกำลังจัดโต๊ะอยู่ไง พอดีเลยนายไปอาบน้ำก่อนสิ

เสร็จแล้วจะได้กินข้าว”

“กินแล้วค่อยอาบก็ได้ มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่าจะได้เสร็จเร็วๆ

ฉันหิวแล้ว”

“งั้นนายนั่งได้เลย นี่ๆ นั่งตรงนี้เลย” เธอกุลีกุจอจัดแจงให้เขานั่ง

แล้วจึงหันไปตักข้าวใส่จานส่งให้ในขณะที่ป้าแต๋วลำเลียงกับข้าวมา

วางบนโต๊ะสองสามจาน แต่ทุกจานมีฝาปิดไว้ ตะวันฉายเอื้อมมือไป

หมายจะเปิดฝาออกดู แต่ปาลิกาแตะมือเขาเป็นเชิงห้ามไว้ พลางดัด

เสียงคล้ายสาวประเภทสอง

“อ๊ะๆๆๆ อย่าพึ่งใจร้อนสิฮ้าท่านผู้ชม ตอนนี้อิฉันขอบอกก่อนนะ

ฮ้าว่าเมนูนี้เป็นเมนูพิเศษสุดๆ ที่อิฉันเต็มใจนำมาเสนอท่านผู้ชมทีเดียว

เชียวนะฮ้า” ไม่เลียนแค่เสียงของอาจารย์ยิ่งศักดิ์เท่านั้น แต่ท่าทาง

สะบัดสะบิ้งราวอาจารย์ยิ่งศักดิ์มาเองกระนั้น ตะวันฉายอดหัวเราะ

ไม่ได้ทั้งที่ยังงงๆ

“เล่นอะไรของเธอยัยปลิก เธอนี่ท่าจะบ้า” แต่อีกฝ่ายก็ยังเล่นไม่

เลิก

“อย่ากระพริบตานะฮ้าท่านผู้ชม มาถึงช่วงเวลาแห่งความเซอร์

ไพร์แล้วฮ่ะ แถ่น แทน แถ้น! ” แล้วปาลิกาก็เปิดฝาออก เผยให้เห็น

ซี่โครงหมูทอดสีดำมะเมี่ยมราวกับไหม้ ชิ้นเล็กพอคำอยู่ในจาน และใน

ถ้วยน้ำจิ้มมีน้ำซอสสีดำข้นลอยพริกสดประปราย ช่างดูคุ้นตาชายหนุ่ม

ยิ่งนัก

“นี่อย่าบอกนะว่าเธอไปหาซื้อมาให้ฉันกินโดยเฉพาะ ก็ไหนบอก

อาเจ๊แกเลิกขายแล้วไง” เขาถามด้วยความแปลกใจมากขึ้นไปอีก

“อาเจ๊เลิกขายไปแล้วจริงๆ แต่ว่าฉันสามารถหามาให้นายกินได้

ละกัน ลองชิมดูก่อนสิว่าโอเค.ไหม” ปาลิกาคะยั้นคะยอ ตะวันฉายจึงใช้

ส้อมจิ้มซี่โครงหมูทอดชิ้นหนึ่งแตะน้ำจิ้มซอสนิดหน่อยส่งเข้าปาก แล้ว

เคี้ยวลิ้มรสอย่างช้าๆ โดยมีสายตากลมโตจ้องแป๋วลุ้นเต็มที่

“อืมม์...อร่อย ฝีมืออาเจ๊นี่กี่ปีๆ ก็ไม่เคยเปลี่ยนเลย” รสชาติที่

คุ้นเคยทำให้ชายหนุ่มถึงกับเก็บอาการพึงพอใจไว้ไม่อยู่ และพอเอื้อม

มือไปเปิดฝาอีกจานดู กลิ่นเครื่องยำแซ่บๆ ลอยมาปะทะกับจมูกเขา

เป็นอันดับแรก และสิ่งที่อยู่ในนั้นก็ทำให้ตะวันฉายมั่นใจว่าเป็นฝีมือของ

เจ้าประจำเป็นแน่ “นั่นยำหมูกรอบของโปรดเธอด้วยนี่ อาเจ๊แกเปิดร้าน

ใหม่เหรอ”

“อร่อยแน่ใช่ไหม เหมือนอาเจ๊ทำเองเลยใช่ไหม” ปาลิกาไม่ตอบ

แต่กลับถามเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“อืมม์ ทำไม? หรือไม่ใช่อาเจ๊แต่เป็นลูกๆ ของแก อ้าว...ทำไมยิ้ม

หน้าแตกอย่างกะเธอทำเองงั้นแหล่ะ” คนฟังยิ้มแก้มปริดวงตาเป็น

ประกาย

“ก็ใช่น่ะสิ อุตส่าห์ไปซุ่มฝึกทำกับอาเจ๊มาตั้งหลายวันกว่าจะได้

รสชาติเป๊ะขนาดนี้ ฉันตั้งใจทำสุดฝีมือเลยนะ ดีจังที่นายว่าโอเค.” สอง

มือของหญิงสาวประสานกันไว้ระหว่างอก รอยยิ้มภูมิใจเกลื่อนใบหน้า

“เธอเนี่ยนะ! ” แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกเหมือนได้ยินเรื่องเหลือเชื่อ

กระนั้น

“ใช่ ฉันถึงถามนายไงว่ายังอยากกินอยู่หรือเปล่า เซอร์ไพร์วันเกิด

นายย้อนหลังไง สุขสันต์วันเกิดนะซัน” ตะวันฉายถือช้อนค้างไปครู่หนึ่ง

มองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย คิดไปถึงวันที่เธอถามเขา

เรื่องนี้ ทั้งที่เขาเองก็ตงิดอยู่ในใจว่าต้องมีอะไรสักอย่าง แต่ก็วุ่นวายจน

ลืมไปเสียสนิท ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง “ทำไมมองฉันอย่างนั้น นายไม่ชอบ

หรอกเหรอ” จนรอยยิ้มแป้นของคนถูกมองเริ่มจางลงด้วยความไม่แน่ใจ

ชายหนุ่มจึงได้รู้สึกตัว

“เปล่า ฉัน...ขอบใจเธอมากนะยัยปลิก ที่พยายามทำเพื่อฉัน ฉัน

ไม่ได้ให้อะไรเธอเลย”

“ช่างเหอะเรื่องนั้นน่ะ นายบอกฉันแล้วนี่ ฉันก็ไม่อยากได้อะไร

จากนายหรอก อย่าซีเรียสๆ กินข้าวกันดีกว่า” ว่าแล้วก็หันไปตักข้าวของ

ตัวเองบ้าง

ตะวันฉายยังถือช้อนค้างมองเจ้าของร่างเล็กด้วยรอยยิ้มพราย

เหมือนที่ว่างๆ ข้างในอกถูกเติมด้วยความปลาบปลื้ม เต็มตื้นจนล้นปรี่

แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมาอีก

ปาลิกาแอบมองคนที่นั่งทานข้าวอยู่ตรงหน้า แม้เขาจะไม่ได้เอ่ย

ถ้อยคำใดมากไปกว่าคำว่าขอบใจ แต่แค่เห็นเขาตั้งหน้าตั้งตาทาน

กับข้าวที่เธอทำด้วยความถูกปากปาลิกาก็ดีใจจวนจะแย่แล้ว และทำให้

หญิงสาวรู้ว่าความสุขที่ได้จากการทำอะไรเพื่อใครสักคนมันเป็นอย่างนี้

นี่เอง ไม่เสียแรงที่เธอสู้อุตส่าห์ไปฝึกทำมา ปาลิกาแอบยิ้ม

จนกระทั่งเสียงริงโทนโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น ชายหนุ่มจึงได้

วางมือจากช้อน เขาหยิบมือถือขึ้นมามองหน้าจอปราดเดียว

“ว่าไงหมวยเล็ก อ๋อ...จำได้ อืมม์...ไม่ลืมหรอก แค่นี้ใช่ไหมเฮีย

กำลังกินข้าวอยู่ โอเค.นะ”

“แฝดนรกโทร.มาหานายทำไมเหรอ” แล้วคนที่แอบเอียงหูฟังเมื่อ

ครู่ก็เกิดอาการอดรนทนไม่ได้

“อ๋อ...วันเกิดยัยคู่ปรับอภิมหาอมตะนิรันดร์กาลของเธอนั่นไง เธอ

จำได้หรือเปล่า วันเสาร์ที่จะถึงนี้น่ะ” หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงัก เธอจำ

ได้เลาๆ ว่าวันเกิดของแฝดนรกตรงกับเดือนนี้ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจว่าตรงกับ

วันไหน “เธอจะไปหรือเปล่าล่ะ” ชายหนุ่มมองมาราวกับรอคอยคำตอบ

“ไม่ล่ะ ยัยแฝดนรกพวกนั้นคงอยากให้ฉันไปหรอก” ปาลิกายัก

ไหล่อย่างขนลุก “แต่นายคงไม่พลาดใช่ไหมล่ะ งานวันเกิดลูกน้องทั้งทีนี่

จะขาดหัวหน้าแก๊งค์ได้ยังไง ไหนจะเพื่อนสาวแสนเซ็กเอ็กซ์แตกนั่นอีก”

ตอนท้ายหญิงสาวยืดอกแล้วส่ายเลียนแบบวดีลดา แถมยังลอยหน้า

ลอยตาล้อเขาเล่น

“ปากดีนักนะเธอน่ะ อิจฉาอยากไปล่ะสิ” ชายหนุ่มเอื้อมมือมา

ผลักหัวเธอเบาๆ ทั้งที่รอยยิ้มขำยังฉายอยู่บนใบหน้า

“อยากไปตายล่ะ ใครอิจฉานายไม่ทราบยะ” เป็นเหตุให้ปาลิกาเบ้

ปากพร้อมแหวใส่เสียงดัง แล้วก็เกิดสงครามน้ำลายตามมาอีกจนได้


ขณะที่หญิงสาวใจจดจ่ออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คคู่ใจสี

ชมพูหวานแหวว ก็ต้องชะงักกับเสียงริงโทนมือถือที่ดังขึ้น

“น้องปลาทานข้าวกลางวันหรือยังเอ่ย เที่ยงแล้วนะ” เสียง

อ่อนโยนของอานุภาพดังมาตามสายเมื่อเธอกดรับ

“ยังเลยค่ะ พอดีปลามีงานด่วนนิดหน่อยค่ะพี่อ๋า แล้วก็รอไปทาน

กับหยินมี่ด้วยน่ะค่ะ พี่อ๋าล่ะค่ะ”

“พึ่งทานเสร็จจ้ะ เลยโทร.มาหาน้องปลา คือวันเสาร์นี้น้องปลา

ว่างหรือเปล่า พี่ว่าจะชวนมาร่วมงานวันเกิดหมวยเล็ก หมวยใหญ่ที่บ้าน

พี่น่ะจ้ะ”

“ปลาว่างค่ะ แต่...ปลาว่า เอ่อ คือ”

“คงกลัวยัยสองหมวยว่าเอาสินะ ไม่หรอกน่าน้องปลา งานนี้พี่เป็น

คนจัดให้สองคนนั่นเอง คงไม่ว่าหรอกอยากให้คนไปเยอะๆ ด้วยซ้ำ และ

คงยินดีมากกว่าที่น้องปลาไป”

“แต่ว่าปลา...” แม้อานุภาพจะพูดเช่นนั้น แต่เธอกลับไม่ปักใจเชื่อ

นัก

“หรือน้องปลายังโกรธสองคนนั่น” พอเห็นปาลิกาอึกอักอานุภาพ

จึงคิดไปอีกทาง

“เปล่าหรอกค่ะพี่อ๋า ปลาไม่เคยถือโทษโกรธสองคนนั่นหรอกค่ะ

...” แต่ยังพูดไม่ทันจบเขาก็รีบแทรกขึ้น

“ถ้าอย่างนั้น เลิกงานแล้วพี่จะมารับนะ เราแวะซื้อของขวัญกัน

ก่อน แล้วค่อยไปงาน โอเค.นะน้องปลา แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ” อานุภาพสรุป

ให้เป็นที่เรียบร้อยด้วยความยินดีเต็มเปี่ยมในน้ำเสียง ปาลิกาได้แต่มอง

โทรศัพท์ในมือแล้วถอนหายใจหนักหน่วง


งานวันเกิดจัดขึ้นริมสระน้ำขนาดใหญ่บริเวณบ้านของคุณ

อาภากร ภายในงานที่จัดแบบบุฟเฟ่ห์คลาคล่ำไปด้วยคนหนุ่มสาวรุ่น

ราวคราวเดียวกับเจ้าของงานทั้งสอง บ้างก็ยืนจับกลุ่มคุยกันตรงริมสระ

น้ำ บ้างก็นั่งตามโต๊ะที่ตั้งไว้ทั่วบริเวณงาน เสียงเพลงจังหวะครึกครื้นกับ

เสียงพูดคุยจ้อกแจ้กจอแจ และเสียงหัวเราะหยอกเย้าฟังแทบไม่ได้ศัพท์

ดังผสมปนเปกันอยู่ในบรรยากาศของค่ำคืน

เจ้าของวันเกิดที่มีรูปร่างค่อนข้างผอมทั้งคู่ ใส่ชุดแซ็คสั้นสายเดี่ยว

เหมือนกันต่างเพียงสีสันที่หมวยใหญ่เป็นสีฟ้าอ่อน ส่วนหมวยเล็กเป็นสี

ขาว ทั้งสองเดินไปทักทายเพื่อนกลุ่นนั้นที กลุ่มนี้ที หัวเราะดื่มกินกัน

อย่างสนุกสนาน ซึ่งส่วนมากจะเป็นเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวที่อยู่ก๊วน

เดียวกันกับทั้งสองหมวยนั่นเอง แต่พอเห็นร่างสูงโปร่งที่ก้าวเข้ามาใน

งานพร้อมหนุ่มร่างอวบอีกคน ทั้งสองหมวยก็รีบตรงเข้าไปหา

“เฮียซัน เฮียหยาง” แต่ก็ช้าไปกว่าร่างปราดเปรียวที่อยู่ในชุดเกาะ

อกสีแดงเพลิงสั้นจู๋ที่แยกตัวจากกลุ่มเพื่อนวิ่งมาเกาะแขนตะวันฉาย

ในทันทีที่เห็น

“พี่ซัน ทำไมพึ่งมาล่ะค่ะ ดีด้ารอพี่ซันตั้งนานแน่ะ” วดีลดาถาม

ด้วยเสียงอ่อนหวาน

“เอ่อ รถติดน่ะ สุขสันต์วันเกิดนะหมวยเล็ก หมวยใหญ่” ท้าย

ประโยคเขาหันไปทักทายแฝดนรกที่เดินมาใกล้ “เออจริงสิ หม่าม๊าฝาก

ของขวัญมาให้ด้วย แล้วนี่ก็ของเฮีย” ตะวันฉายพูดต่อพร้อมส่งของขวัญ

กล่องจิ๋ว 2 กล่องให้ และตามด้วยอีกหนึ่งกล่องใหญ่ในถุงช็อปปิ้ง ส่วน

หยางก็ยื่นกล่องของขวัญขนาดกลางให้พลางกล่าวอวยพรเช่นกัน

ก่อนที่เจ้าของวันเกิดจะเชิญทั้งคู่เข้าไปด้านใน

พอรับเครื่องดื่มเสร็จทั้งหมดก็พากันมายืนคุยอยู่ริมสระด้านหนึ่ง

มีเพื่อนฝูงที่รู้จักคุ้นเคยกับสองหนุ่มและเจ้าของวันเกิดแวะเวียนเข้ามา

ทักทายพูดคุยกันอยู่ตลอด รวมทั้งเพื่อนสมัยเรียนมัธยมฯ และ

มหาวิทยาลัยของตะวันฉายเองด้วย จึงทำให้วงสนทนาค่อนข้าง

ครึกครื้น หนุ่มๆ พูดคุยหยอกล้อกันอย่างออกรส ก่อนที่ใครสักคนใน

กลุ่มจะเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น

“เฮ้ย! นั่นพี่ชายหมวยเล็ก หมวยใหญ่นี่ ควงสาวสวยซะด้วย ใคร

วะสาวคนนั้นน่ะน่ารักจัง” ประเด็นสำคัญกลับอยู่ตรงสาวสวยที่

อานุภาพควงคู่มาเสียอย่างนั้น ทำให้ทุกคนในกลุ่มต่างหันไปมองตาม

“เจ๊ปลานี่หว่า มากับเฮียอ๋าแต่งตัวสวยซะด้วย” หยางเปรยขึ้น

สายตามองไปยังคู่หนุ่มสาวที่เข้ามาใหม่ หญิงสาวที่ปกติดูเหมือนตัว

เล็ก แต่เวลานี้ชุดเดรสเกาะอกที่เธอใส่กลับทำให้ดูได้สัดได้ส่วนอย่างไม่

น่าเชื่อ

“ชื่อปลาเหรอฮะ ใช่พี่สาวพี่ซันหรือเปล่า ที่ผมเคยเห็นตอนเด็กไป

ไหนมาไหนกับพี่ซัน แทบไม่เหลือเค้าเลยนะผมว่า” รุ่นน้องที่เรียนมัธยม

ฯ โรงเรียนเดียวกับตะวันฉายว่า

“นั่นสิ ไม่เห็นแก่เลยน่ารักดีออก ซ่อนรูปนะเนี่ย” รุ่นน้องอีกคน

เสริม เป็นเหตุให้ความรู้สึกหงุดหงิดเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของชายหนุ่ม

“เป็นแฟนพี่ชายหมวยเล็ก หมวยใหญ่ไปซะแล้ว” เพื่อนชายอีกคน

ของสองหมวยพูดด้วยน้ำเสียงเสียดมเสียดายไม่ปิดบัง

“ไม่ใช่แฟนเฮียซักหน่อย นายอย่าพูดพล่อยๆ นะกี้” พอได้ยิน

ดังนั้นหมวยเล็กถึงกับโพล่งขึ้นมาทันทีด้วยความไม่พอใจ

“อ้าว ก็เห็นมาด้วยกันนึกว่าเป็นแฟนซะอีก” เพื่อนชายคนนั้นมี

ท่าทางฉงนฉงาย

“เฮียแค่พามาออกงานแค่นั้นแหล่ะ เพราะปกติลำพังยัยนั่นไม่

ค่อยได้ออกงานเท่าไหร่หรอก ยังไงก็ไม่ใช่แฟนพี่ชายเรา” หมวยใหญ่

เสริม

“จริงเหรอ งั้นเราก็มีหวังน่ะสิ” เพื่อนอีกคนที่สายตาจดจ้องไปยัง

ร่างของปาลิกาหันมาทางตะวันฉาย “นายจะว่ายังไงวะ ถ้าเราจะจีบ

พี่สาวนาย”

“ยัยนั่นไม่ใช่พี่สาวฉัน! ” ตะวันฉายตอบกลับเสียงขุ่น ถอนสายตา

จากคู่ที่เป็นจุดสนใจเหมือนไม่สบอารมณ์ จนคนถามงงงันกับท่าทางนั้น

ไม่น้อย

“เอ่อ แล้วมันยังไงกันแน่วะเนี่ย” คนถูกหงุดหงิดใส่หันมากระซิบ

กับหยางราวกับขอคำอธิบาย

“เฮ้ย...อย่าสนใจเลยว่ะ ปล่อยเจ๊แกอยู่กับเฮียอ๋าไปเหอะ เรามา

ดื่มกันต่อดีกว่า” หยางรีบกู้สถานการณ์กลับมาในที่สุด

แต่พอทุกคนเลิกสนใจคนคู่นั้น ตะวันฉายเองกลับลอบมองไปยัง

ร่างของปาลิกาที่ยืนเคียงข้างอานุภาพไม่ห่างนั่น ร่างเล็กบอบบางในชุด

เดรสเกาะอกผ้าไหมสีทองเข้ารูป สั้นเลยเข่าขึ้นมาเล็กน้อย ตัวผ้าจาก

เอวขึ้นไปทำเป็นชั้นขนาดกลางๆ เหลื่อมกันขึ้นไปจนถึงอก และท่อนล่าง

ตั้งแต่โคนขาลงไปจนถึงชายกระโปรงก็เช่นกัน

เผยให้เห็นผิวผุดผ่องอย่างที่เจ้าตัวไม่เคยเปิดเผยมาก่อน ตรงเอว

ตกแต่งด้วยกุหลาบผ้าดอกเล็กๆ 5-6 ดอก เป็นสีเดียวกันกับชุด เวลา

ต้องแสงไฟเนื้อผ้าจะขึ้นแสงไฟดีนัก และรองเท้าส้นสูงแบบโปร่ง มีสาย

รัดตรงข้อเท้าโทนสีน้ำตาลทองก็ทำให้ร่างเล็กดูระหงขึ้น

ผมยาวและหน้าม้าที่คุ้นตาถูกถักเก็บเรียบร้อย เผยให้เห็น

หน้าผากมน ต่างหูแบบแนบติดหูโทนสีเดียวกันกับชุดที่สวมใส่ ใบหน้า

หวานละมุนนั้นตกแต่งเพียงบางๆ แต่ก็ทำให้เธอดูน่ารักและเหมือนเด็ก

มากขึ้น แต่ที่แอบแฝงอยู่ในตัวของหญิงสาวและทำให้ผู้ชายตาวาวกัน

ได้นั้นกลับเป็นความเซ็กซี่เล็กๆ นั่นต่างหาก

ตะวันฉายไม่แปลกใจนักที่เพื่อนผู้ชายในกลุ่มให้ความสนใจเธอ

เพราะเขาเองก็ตะลึงไปเหมือนกัน แทบไม่เชื่อว่า ‘ยัยกาคาบพริก’ ที่เขา

คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก จะสามารถดึงดูดสายตาได้ถึงเพียงนี้ แต่ก็ด้วย

ความรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านอย่างไรบอกไม่ถูก ทำเป็นบอกว่าไม่มาๆ พอ

เฮียอ๋าไปรับก็แต่งตัวสวยมาเชียวนะ ชายหนุ่มค่อนขอดอยู่ในใจ

ทั้งสองหมวยจำต้องต้อนรับคู่อานุภาพกับปาลิกาอย่างเสียไม่ได้

“สุขสันต์วันเกิดนะหมวยเล็ก หมวยใหญ่ นี่เป็นของขวัญจากเฮีย

และน้องปลา เลิกงานแล้วเฮียกับน้องปลาไปหาซื้อให้เองกับมือเลยนะ

ต้องถูกใจเราสองคนแน่เลย” อานุภาพกล่าวด้วยรอยยิ้มแต้มใบหน้า

“ขอบใจ” สองหมวยพยายามยิ้มให้ทั้งคู่ขณะรับของขวัญ แต่ก็ดู

แกนเต็มที

“เราไปหาอะไรกินด้านโน้นกันเถอะน้องปลา”

คล้อยหลังอานุภาพกับปาลิกาไป วดีลดาดึงตะวันฉายตามมา

สมทบเพื่อนหมวยในทันที และแน่นอนว่าหยางก็ถูกพ่วงตามตะวันฉาย

มาด้วย

“ยัยป้านั่นแต่งตัวยังกะหลุดออกมาจากงานราตรีสโมสรของคุณ

ยายอย่างนั้นแหล่ะ” วดีลดากระซิบกระซาบขึ้นมาพลางจ้องมองไปยัง

ปาลิกาที่เดินจากไปตาแทบไม่กระพริบ ไม่อาจปิดบังความอิจฉาไว้ได้

“สวยตายล่ะ เฮียนะเฮียเห็นว่าเป็นคนจัดงานให้หรอกนะถึงยอม

ให้เอามันมาด้วย” หมวยใหญ่ว่าบ้าง

“นั่นสิ ไม่งั้นนะมันไม่มีทางได้เหยียบย่างเข้ามาในงานของเรา

หรอก” หมวยเล็กเข่นเขี้ยวสายตาที่มองตามคู่ของพี่ชายไปนั้น หากมัน

เป็นเปลวไฟก็คงลุกไหม้ทั้งคู่เป็นจุณไปแล้ว โดยเฉพาะ...ปาลิกา

แม้ทั้งสามสาวจะพูดกันเบาๆ แต่ตะวันฉายก็ได้ยินทุกถ้อยคำ

รู้สึกเหมือนความสงบในจิตใจที่มีอยู่น้อยเต็มที มาถึงตอนนี้ก็ยิ่งไม่

เหลือเข้าไปใหญ่ เมื่อตกมาอยู่ท่ามกลางแมงอิจฉาเหล่านี้

“พี่ซันคะเราไปทางโน้นกันเถอะค่ะ” วดีลดาที่กอดแขนเขาไว้แน่น

หันมาชวนเสียงหวานก่อนออกแรงดึงตะวันฉาย และหยางก็ทำท่าจะ

ตามไปอีก เห็นดังนั้นวดีลดาจึงรีบเน้นเสียงบอกหยางในทันที

“แค่-เรา-สอง-คน! ” เพียงแค่นั้นหนุ่มร่างอวบก็ชะงักไปอย่างเก้อๆ



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ม.ค. 2559, 21:49:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ม.ค. 2559, 22:02:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 1189





<< บทที่ 16   บทที่ 18 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account