ตะวัน (ร้าย) ฉายรัก (นามปากกา 'พิริตา' ) เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อม E-Book
‘ปาลิกา’ หญิงสาวกำพร้าที่สูญเสียครอบครัวไป

ตั้งแต่ยังเยาว์วัย แต่โชคดีที่มีผู้อุปการะไว้ ซึ่งก็เป็นนายจ้างของครอบครัว

เธอนั่นเอง ปาลิกาเติบโตมาท่ามกลางความรัก เข้าใจอย่างล้นเหลือของ

ประมุขทั้งสองของบริษัท ‘เดอะซัน กรุ๊ป จิวเวลรี่’ และเพราะที่แห่งนี้เป็น

สถานที่ที่ทั้งพ่อแม่และยายของเธอได้ใช้ชีวิตอยู่จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

ที่นี่จึงมีความหมาย และมีความสำคัญสำหรับหญิงสาวมาก

ในชีวิตของปาลิกามีเพียงสองสิ่งเท่านั้นที่เธอรู้สึกว่าเป็นอุปสรรค ขวาก

หนามที่ยิ่งใหญ่ นั้นก็คือ ปมแห่งความหวาดกลัวที่เป็นเหตุให้เธอติดอยู่กับฝัน

ร้ายในวัยเด็ก และลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รัตนาวาณิชย์’ ที่เติบโต

มาด้วยกัน เขามีอายุอ่อนกว่าเธอหนึ่งปี แต่ไม่เคยยอมรับว่าเธอเป็นพี่สาว

หนำซ้ำยังคอยแกล้งเธอมาตั้งแต่เด็ก และเธอก็เรียกเขาว่า ‘จอมวายร้ายเจ้า

เล่ห์,คนกวนประสาทฯ ‘ แต่ทว่าจอมวายร้ายคนนั้นกลับเป็นคนเดียวกันที่อยู่

เคียงข้างเธอยามมีภัย และพยายามช่วยเธอให้หลุดพ้นจากปมแห่งฝันร้าย

นั้น และเป็นคนเดียวกับที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย

แต่แล้ว...ก็กลับเป็นคนเดียวกัน ที่กันเธอออกจากเดอะซัน กรุ๊ปฯ และชีวิต

ของเขา เหมือนไม่เห็นค่า ความสำคัญของเธออีกต่อไป จนหญิงสาวทนอยู่

กับความรู้สึกเจ็บปวด สิ้นไร้ ด้อยค่าของตัวเองไม่ไหว ที่สุดจึงตัดสินใจเดิน

ออกมาจากชายคาเดอะซัน กรุ๊ปฯ ด้วยหัวใจที่บอบช้ำ.


‘ตะวันฉาย’ ลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รัตนาวาณิชย์’ และผู้สืบทอด

กิจการของบริษัท ‘เดอะซัน กรุ๊ป จิวเวลรี่’ ต่อจากมารดา หลังกลับจากเรียน

ต่อต่างประเทศชายหนุ่มได้เข้ามาเรียนรู้งานในเดอะซัน กรุ๊ปฯ อย่างเต็มตัว

โดยมี ‘ปาลิกา’ (หรือที่เขาเรียกจนติดปากว่า ‘ยัยปลิก’) คอยกระตุ้นอยู่ตลอด

ทั้งที่โดยนิสัยแล้วตะวันฉายเป็นคนที่มีความตั้งใจ รับผิดชอบและจริงจังกับ

งาน โดยเฉพาะช่วงหลังที่เขาเข้ามาทำงานอย่างเต็มตัวแล้วนั่น แต่ใน

ทางกลับกันตะวันฉายจะกลายเป็นเด็กไม่ยอมโตทันทีที่อยู่กับปาลิกา เพราะ

ความรื่นรมย์อีกอย่างในชีวิตของเขาตั้งแต่เล็กจนโต คือการได้แกล้งปาลิกา

ทั้งวาจาและการกระทำ แต่เขาก็ได้สงวนลิขสิทธิ์ในการแกล้งไว้แค่ตัวเขา

เอง คนอื่นห้ามแกล้งโดยไม่ได้รับอนุญาตเสียอย่างนั้น

แต่ทว่าหากยามใดที่ปาลิกามีภัย อ่อนแอ ตะวันฉายจะถึงตัวเธอก่อนเสมอ

เขาห่วงทุกย่างก้าวในชีวิตของเธอ โดยเฉพาะปมแห่งความกลัวที่ทำให้เธอ

ฝันร้ายในตอนเด็ก ชายหนุ่มปรารถนาจะให้เธอเอาชนะความกลัวนั้นให้ได้

และการที่ตะวันฉายได้มีโอกาสอยู่เพียงลำพัง ไกลห่างกับปาลิกาขณะที่

เรียนอยู่ต่างประเทศนั้น ได้ทำให้เขารู้ใจตัวเองว่าคิดอย่างไรกับเธอ ชาย

หนุ่มไม่เคยสงสัยในความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวเลยสักนิด แต่เพราะเชื่อว่าเธอ

รักใครอีกคนที่เป็นญาติสนิทของเขา และผู้ชายคนนั้นก็เป็น ‘ผู้ชายในฝัน’

ของเธอมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาได้แต่กล้ำกลืนความรู้สึกเอาไว้ กว่าจะรู้ว่า
ปาลิกาก็รักเขาไม่ต่างกัน ก็ในวันที่เธอได้หนีเขาไปเสียแล้ว...


‘ก็ลื้อสองคนน่ะสิ มีด้ายแดงผูกติดกันมา

ตั้งแต่เกิด แต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือด้ายแดงที่ผูกพวกลื้อไว้นั้นมันสั้นมาก ทำ

ให้ต้องมาใกล้กันตั้งแต่เด็ก ไม่เหมือนบางคู่ที่ด้ายจะยาวอาจใช้เวลานานกว่า

จะได้มาเจอกัน แต่นั่นแหล่ะด้ายแดงแห่งโชคชะตาของพวกลื้อจะไม่มีวันถูก

ตัดขาด แล้วมันก็จะอยู่ในระยะสั้นอย่างนี้ตลอดไป อย่างที่เคยเป็นมาจนกว่า

จะตายจากกัน และหากวันใดที่มันยืดยาวออกไปไม่ว่าด้วยสาเหตุอันใด ด้าย

นั้นก็จะดึงรั้งพวกลื้อให้ต้องกลับมาใกล้กันจนได้ หากพวกลื้อฝืนก็จะทำให้

เจ็บปวดทุรนทุราย เหมือนจะขาดใจเลยทีเดียว มันเป็นลิขิตของสวรรค์’

ตะวันฉายกับปาลิกาจะทำเช่นไรกับหัวใจของตัวเอง

ด้ายแดงแห่งโชคชะตา และสายใยแห่งความผูกพัน

จะสามารถนำพาหัวใจทั้งสองดวงให้กลับมาแนบชิดกัน

เหมือนในวันเก่าได้หรือไม่?..................................

โปรดติดตามใน ‘ตะวัน (ร้าย) ฉายรัก’ ได้เลยค่ะ


Tags: ตะวัน ร้าย ฉาย รัก ปลา อัญมณี จิวเวลรี่ หวานซึ้ง

ตอน: บทที่ 18

ตอนดึกหลังจากเสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์จากผู้คนที่มาร่วมงาน

จบลง สองหมวยก็วุ่นวายอยู่กับการตัดเค้กท่ามกลางเพื่อนๆ โดยมี

อานุภาพคอยช่วยน้องสาวหยิบจับโน่นนี่อยู่ใกล้ๆ ทิ้งปาลิกายืนมองอยู่

นอกวงคนเดียว และทางตะวันฉายเองก็ถูกวดีลดาล็อคไว้อย่างแน่น

หนา พยายามเชิญชวนให้เขาชิมเค้กวันเกิดอยู่นั่นแล้ว

ปาลิกามองภาพที่เพื่อนฝูงต่างห้อมล้อมสองหมวยอยู่เงียบๆ แต่

เพียงครู่ก็ต้องแปลกใจเมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งเดินตรงมาทางเธอ

“สวัสดีครับ ไม่เข้าไปร่วมสนุกกับเพื่อนๆ เหรอครับ” เขามีใบหน้า

หล่อเหลาเอาการ แต่ที่โดดเด่นคงจะเป็นเสื้อผ้าที่ห่อหุ้มร่างของเขา

เพราะล้วนแล้วแต่ติดแบรนด์หรูหรา แต่หญิงสาวกลับรู้สึกไม่ไว้ใจ

สายตาวิบวับที่มองมาทางเธอนั่นเลย

“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ”

“ผมชื่อกี้ครับ ชื่อจริงกีรติเป็นเพื่อนหมวยเล็ก หมวยใหญ่ฮะ ไม่

ทราบว่าคุณคือ...”

“ฉันชื่อปาลิกาค่ะ เป็นเพื่อนเอ่อ...พี่อ๋า” ปาลิกาแอบเห็นเขายิ้ม

เหมือนโล่งใจ เมื่อเธอเอ่ยประโยคสุดท้ายออกไป

“ดื่มกันหน่อยไหมฮะ” เขายกแก้วขึ้นชวนชน ปาลิกาจำใจต้องยก

แก้วพั้นซ์ที่ถืออยู่ในมือขึ้นชน แล้วชายหนุ่มแปลกหน้าก็ชวนเธอคุยนั่น

คุยนี่ ขณะที่ปาลิกามองหาอานุภาพและภาวนาให้เขากลับมาเร็วๆ แต่

อานุภาพยังคงวุ่นวายอยู่กับกลุ่มเพื่อนของน้องสาวไม่ว่างเว้น

ทั้งสองหารู้ไม่ว่าได้ตกเป็นเป้าสายตาของบางคนและไม่ใช่ด้วย

ความรู้สึกที่ดีแน่นอน

“นั่นนายกี้นี่เล็ก ดูทำก้อร่อก้อติกยัยปลาเน่านั่น” หมวยใหญ่

กระซิบกับผู้เป็นน้องสาว

“ไม่จริงหรอกกี้ไม่ได้เป็นคนอย่างนั้น ยัยปลาเน่านั่นต่างหากที่ยั่ว

กี้หมั่นไส้นัก! ” หมวยเล็กพูดพลางมองไปทางคนทั้งคู่ด้วยสายตา

วาววับ

“เธอก็รู้ว่านายกี้น่ะเจ้าชู้จะตาย ยังจะชอบอีก นี่ดูหันไปคั่วยัยนั่น

ทั้งที่ก็เห็นว่ายัยนั่นมากับเฮีย”

“เอ๊ะ! ใหญ่นี่เธอเข้าข้างยัยนั่นเหรอ” หมวยเล็กถึงกับแหวใส่

พี่สาว บ่งบอกถึงความไม่พอใจที่เริ่มมากขึ้น

“ฉันไม่ได้เข้าข้าง ฉันก็เกลียดมันพอๆ กับเธอนั่นแหล่ะ แต่ฉัน

อยากสงบศึกกับมันซักวัน อย่าลืมสิว่างานนี้เฮียเป็นคนจัดให้เรานะ

แล้วเราก็เป็นคนอนุญาตให้เฮียพามันมาเองด้วย” หมวยใหญ่เตือน

น้องสาว

“ฉันไม่สนแล้ว เธอไม่เห็นเหรอไงว่ามันโขมยซีนเราไปหมด แม้

แต่ยัยดีด้าก็ยังเอาไม่อยู่ ดูสิแทนที่วันนี้เป็นวันเกิดฉันกี้จะสนใจฉันคน

เดียวแต่ดูมันทำสิ มันกำลังยั่วกี้อยู่นะใหญ่ ฉันอยากให้มันกลับไปเสีย

ที”

“ก็บอกเฮียให้พามันกลับไปสิ” หมวยใหญ่แนะแบบซื่อๆ แต่

น้องสาวกลับรู้สึกขัดใจนัก

“มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ เธอจะปล่อยให้ยัยปลาเน่าลอยนวล

กลับไปแบบนั้นอะนะ”

“แล้วเธอจะทำยังไงล่ะเล็ก” พอดีกับเสียงวี้ดว้ายและเสียงกระโดด

น้ำดังมาจากริมสระน้ำด้านหนึ่ง จึงได้เห็นว่าเพื่อนบางคนพากันกระโดด

ลงเล่นน้ำในสระด้วยความเมามายและคึกคะนอง หมวยเล็กแสยะยิ้ม

มุมปาก ดวงตาวาวด้วยความหมายมาดขณะที่แผนการบางอย่างผุด

ขึ้นมาในหัว ก่อนจะเดินไปหาพี่ชาย พูดคุยอะไรบางอย่าง แล้วอานุภาพ

จึงเดินเข้าบ้านไป

ปาลิกามองตามร่างของกีรติที่เดินไปเอาเครื่องดื่มตามที่เธอร้อง

ขอ แล้วจึงรีบเลี่ยงออกมา หญิงสาวไม่ต้องการคุยกับผู้ชายคนนี้ ทั้งที่

พยายามปลีกตัวครั้งแล้วครั้งเล่าแต่เขาก็พยายามเหนี่ยวรั้งเธอไว้ได้ทุก

ที ครั้นจะรออานุภาพมาขัดตาทัพก็คงไม่ทันการ เพราะเธอเห็นเขาเดิน

เข้าบ้านไปแล้ว คงอีกนานกว่าจะออกมาได้

หญิงสาวกวาดสายตามองหาเพื่อนคนอื่นในกลุ่มผู้คน เธอจำได้

ว่าเห็นหยางแว่บๆ เมื่อครู่แต่ตอนนี้ผลุบหายไปไหนแล้วไม่รู้ และแล้ว

สายตาของปาลิกาก็หยุดอยู่ตรงร่างสูงโปร่งคุ้นตานั้น เขายังอยู่ในชุด

ทำงานที่เป็นกางเกงสแล็คและเสื้อเชิ้ตพอดีตัว มีเพียงเนคไทเท่านั้นที่

ถูกปลดออกไป

ตอนนี้ตะวันฉายกำลังยืนคุยอยู่กับกลุ่มเพื่อนผู้ชาย และแน่นอน

ว่ามีวดีลดาอยู่เคียงข้างไม่ห่าง เธอเห็นเขากับวดีลดาขลุกอยู่ด้วยกัน

ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในงานจนกระทั่งตอนนี้ โดยไม่ใส่ใจจะมองมาทางเธอ

สักนิด ความรู้สึกโดดเดี่ยวเริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจ นึกอยากจะกลับบ้าน

แต่ก็ติดที่ต้องรออานุภาพไปส่งอยู่ดี

ปาลิกาสาวเท้าไปยังริมสระที่ค่อนข้างปลอดคน ปล่อยใจคิดอะไร

ไปเรื่อยเปื่อย กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองมายืนอยู่ใกล้ขอบสระ

เหลือเกินแล้ว หญิงสาวจึงรีบหันหลังหมายจะเดินห่างออกมาแต่...

“นี่ยัยปลา เธอเอาอะไรมาให้ฉัน เธอจงใจแกล้งพวกฉันใช่ไหม”

ปาลิกาหันมาพบกับสองหมวยยืนถือกล่องของขวัญที่เธอกับอานุภาพ

ให้อยู่ในมือ

“ฉันให้กระเป๋าถือพวกเธอ ทำไมมีปัญหาอะไรเหรอ” หญิงสาว

มองแฝดนรกอย่างงงๆ

“กระเป๋า...กระเป๋าบ้าอะไรของเธอ ทำไมมันเป็นอย่างนี้ เธอแกล้ง

พวกฉัน ต้องการให้ฉันอับอายขายหน้าต่อหน้าเพื่อนๆ ใช่ไหม” หมวย

เล็กผลักกล่องของขวัญที่เปิดแล้วใส่อกปาลิกา และพอเปิดกล่องนั้นดู ก็

เห็นกระเป๋าถือแบรนด์เนมยี่ห้อหนึ่งขนาดพอเหมาะ 2 ใบแต่คนละสี ที่มี

สภาพไม่น่าจะนำมาเป็นของขวัญได้ เพราะมันถูกกรีดจนขาดรุ่งริ่งใช้

การไม่ได้เสียแล้ว

“ตายจริง! ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ เมื่อกี้มันยังดีอยู่เลยนะ” ปาลิกา

มองกระเป๋าในมือด้วยความรู้สึกทั้งงงทั้งเสียดายในคราเดียวกัน

“นี่เธอว่าฉันจะบ้ากรีดกระเป๋ายี่ห้อโปรดของตัวเองเหรอไง” หมวย

เล็กพูด สาวเท้าเข้ามาหาท่าทางเอาเรื่อง ทำให้ปาลิกาถอยหลังกรูดโดย

อัตโนมัติ จนยืนหมิ่นเหม่อยู่ตรงขอบสระโดยไม่รู้ตัว

“ฉันเปล่านะ”

“ไม่ต้องมาแก้ตัว เธอทำให้ฉันขายหน้าแค่ไหนเธอรู้ไหม” หมวย

เล็กยังคงสาวเท้าเข้าไปหาคู่ปรับอย่างคุกคาม ดวงตาวาววับ ปาลิกาตื่น

ตระหนกมากขึ้นกว่าเดิมจึงก้าวถอยหลังอีกครั้ง และแล้ว...

“ว้าย! ตูม!!! ” เสียงเพลงแด๊นซ์ที่ดังกระหึ่มบวกกับเสียงเฮฮา

เจี๊ยวจ๊าวกลบเสียงร้องของปาลิกาจนหมดสิ้น และความวุ่นวายของ

พวกที่เมาบริเวณสระน้ำด้านที่ตื้น ทำให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับปาลิกา

ไม่เป็นที่สังเกต

หญิงสาวรู้สึกตัวหนักอึ้งหายใจเอาน้ำเข้าไปเต็มปอด เธอทั้งถีบ

ทั้งตะกายอยู่ในน้ำที่ลึกจนหยั่งไม่ถึงด้วยความตื่นกลัวสุดขีด สักครู่จึง

โผล่หัวขึ้นมาเหนือน้ำได้ ปาลิการวบรวมกำลังร้องตะโกน

“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ” แล้วร่างเล็กก็จมลงไปอีก เป็นเช่นนี้อยู่สอง

สามครั้ง ที่สุดหญิงสาวก็อ่อนแรงลง ในขณะที่บางคนเริ่มรู้สึกถึงความ

ผิดปกติจึงร้องตะโกนบอกต่อกันไป และแฝดนรกมองร่างที่กำลังจมลงสู่

ใต้น้ำครั้งสุดท้ายด้วยความสะใจ

ปาลิการู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงหดหาย ไม่มีแรงแม้จะถีบ หรือ

ตะเกียกตะกายอีกต่อไป เธอได้แต่ปล่อยให้ตัวเองจมลงสู่ก้นสระช้าๆ

หายใจไม่ออก อึดอัดจนแทบทนไม่ไหว แต่ความรู้สึกนี้ ช่างเป็น

ความรู้สึกที่คุ้นเคยเหลือเกิน เธอเคยฝันถึงมาตั้งแต่เด็ก

ครั้งนั้น...ที่เรือหางยาวข้ามฟากถูกชนล่ม พ่อ แม่และตัวเธอเองได้

จมลงสู่ใต้น้ำพร้อมกัน และครั้งนี้...มันคือความฝันเดิมๆ ที่กลับมาหรือ

เปล่านะ ต้องใช่แน่ๆ เลย หญิงสาวได้แต่บอกตัวเองว่ามันคือความฝัน

มันคือ....ความฝัน ก่อนที่ทุกสิ่งจะดับวูบลง

“เกิดอะไรขึ้น! ” ตะวันฉายถลันเข้ามาผลักสองหมวยที่กำลังมอง

ร่างของปาลิกาจมลงสู่ก้นสระอย่างช้าๆ ตอนนี้ความรู้สึกสะใจของสอง

พี่น้องได้แปรเปลี่ยนไปเป็นความตื่นตะลึงและทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็น

ร่างของปาลิกาไม่มีปฏิกิริยากระเสือกกระสนอีกต่อไป

“ปาลิกา! ” ตะวันฉายเรียกชื่อนั้นด้วยความตกใจสุดขีด ก่อนจะ

ตัดสินใจกระโดดลงไปในสระน้ำอย่างรวดเร็ว เสียงอื้ออึงดังอยู่รอบสระ

และร่างของอานุภาพก็แหวกผู้คนที่มุงดูเข้ามา

“เกิดอะไรขึ้นครับ เกิดอะไรขึ้นหมวยเล็ก หมวยใหญ่” และแล้ว

อานุภาพก็ต้องชะงักกับเสียงฮือฮาที่ดังขึ้นอีกครั้ง เขามองเห็นตะวันฉาย

กำลังอุ้มร่างไร้สติของปาลิกาขึ้นมายังขอบสระด้านที่ตื้น ชายหนุ่มวาง

ร่างนั้นลงบนพื้นอย่างทะนุถนอม

“ปาลิกา ปาลิกา ลืมตาสิ เธออย่าเป็นอะไรไปนะ” ไม่มีปฏิกิริยา

ตอบโต้จากร่างเล็กนั้น

ตะวันฉายจึงรีบถอดเสื้อของตัวเองออก จับศรีษะปาลิกาหงาย

หลังเต็มที่โดยใช้เสื้อของเขารอง แล้วจึงใช้มือบีบจมูกของหญิงสาวแน่น

ขณะอ้าปากเธอกว้าง ก่อนที่เขาจะก้มลงไปใช้ปากของตัวเองประกบ

ปากบางนั้น เป่าลมหายใจเข้าไป 2-3 ครั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปด้วย

ความรวดเร็ว จนกระทั่งปาลิกาเริ่มรู้สึกตัวและหายใจได้เอง พร้อม

สำลักน้ำออกมา

“ยัยปลิก เธอเป็นยังไงบ้าง” น้ำเสียงที่ถามเต็มไปด้วยความโล่งใจ

ระคนยินดี เขาช่วยพยุงหญิงสาวให้ชันตัวขึ้น ปาลิกาเริ่มไอและสำลักน้ำ

ออกมาอีกหลายละลอก ตะวันฉายยังโอบร่างที่เปียกโชกนั้นไว้

“ซัน นายจริงๆ ด้วย” ปาลิกามองหน้าเขา คลี่ยิ้มซีดเซียว

“น้องปลา น้องปลาเป็นยังไงบ้าง” ขณะที่อานุภาพวิ่งอ้อมจากอีก

ด้านของสระน้ำปราดเข้ามา แต่ก็ต้องชะงักทันทีกับดวงตาคู่กร้าวของ

ตะวันฉายที่มองมาทางเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“มันเกิดขึ้นได้ยังไงบอกผมหน่อยซิ ทำไมยัยปลิกถึงตกลงไปในน้ำ

ได้ อย่าบอกนะว่าคนที่กลัวน้ำยิ่งกว่าหมาบ้าอย่างยัยนี่จะเต็มใจ

กระโดดลงไปเอง” น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงความโมโหจนถึงขีดสุด

“เฮีย เอ่อ ไม่รู้เหมือนกันซัน” อานุภาพตะกุกตะกักตอบ

“ไม่รู้? ถามจริง เฮียเคยรู้อะไรสักอย่างไหม เฮียเป็นคนพายัยนี่มา

เฮียควรจะดูแลให้ดีกว่านี้” แล้วสายตาของตะวันฉายก็กวาดไป

ยังหมวยเล็ก หมวยใหญ่ที่พึ่งจะแหวกผู้คนตามพี่ชายเข้ามา และพอได้

สบตากับตะวันฉายทำให้ทั้งสองชะงัก แววตาเต็มไปด้วยความ

หวาดกลัวในทันที

“ฝีมือพวกเธอใช่ไหม” เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับทุกสายตา

เพ่งมองมาทางแฝดนรกด้วยความอยากรู้และประณามในคราวเดียวกัน

“เปล่านะ ยัยนั่นตกลงไปเองไม่เกี่ยวกับเราซักหน่อย” หมวยเล็ก

รีบปฏิเสธรนๆ ทั้งที่ไม่กล้าสบตาชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย

“พวกเธอเล่นแรงเกินไปแล้วนะ กะจะเล่นกันให้ถึงตายเลยใช่

ไหม” แต่ตะวันฉายไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด

“เปล่านะเฮีย เราไม่รู้ว่ายัยนี่ เอ่อ ยัยปลาว่ายน้ำไม่เป็น” หมวย

ใหญ่แก้ตัวเสียงอ่อยพร้อมกับที่ดึงมือน้องสาวให้ค่อยๆ ถอยออกจากวง

“ฉันไม่เอาพวกเธอไว้แน่ คอยดู! ” ชายหนุ่มขู่ตามหลังดวงตา

วาววับด้วยความโกรธ ก่อนหันมาทางร่างบางในอ้อมกอดที่สั่นสะท้าน

“ยัยปลิกเป็นยังไงบ้าง หนาวเหรอ” เสียงที่แข็งกร้าวเมื่อครู่

แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนในทันที

“ซัน...ฉันอยากกลับแล้ว นายพาฉันกลับทีนะ อย่าทิ้งฉันนะซัน”

เจ้าของร่างเล็กบางพูดพลางตวัดแขนโอบรอบคอของชายหนุ่ม ซุกหน้า

กับอกกว้างแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น

“ยัยบ๊อง ใครจะทิ้งเธอกันหืมม์...ตกลงเราจะกลับบ้านกัน แต่ก่อน

กลับบ้านฉันว่าเราไปโรงพยาบาลกันก่อนดีกว่านะ จะได้ให้ลุงหมอ

ตรวจเธอให้ละเอียดอีกที” ตะวันฉายกระซิบข้างหู แล้วจึงช้อนร่างบาง

ขึ้นมาอุ้มและก้าวออกมาจากตรงนั้น ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่มองมา

และต่างก็พากันวิพากวิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอึงอล แต่ทว่า...

สายตาของอานุภาพที่มองตามคนทั้งคู่นั้น กลับเต็มไปด้วยความเจ็บ

ร้าวอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ม.ค. 2559, 21:26:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ม.ค. 2559, 21:26:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 1111





<< บทที่ 17   บทที่ 19 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account