ตะวัน (ร้าย) ฉายรัก (นามปากกา 'พิริตา' ) เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อม E-Book
‘ปาลิกา’ หญิงสาวกำพร้าที่สูญเสียครอบครัวไป

ตั้งแต่ยังเยาว์วัย แต่โชคดีที่มีผู้อุปการะไว้ ซึ่งก็เป็นนายจ้างของครอบครัว

เธอนั่นเอง ปาลิกาเติบโตมาท่ามกลางความรัก เข้าใจอย่างล้นเหลือของ

ประมุขทั้งสองของบริษัท ‘เดอะซัน กรุ๊ป จิวเวลรี่’ และเพราะที่แห่งนี้เป็น

สถานที่ที่ทั้งพ่อแม่และยายของเธอได้ใช้ชีวิตอยู่จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

ที่นี่จึงมีความหมาย และมีความสำคัญสำหรับหญิงสาวมาก

ในชีวิตของปาลิกามีเพียงสองสิ่งเท่านั้นที่เธอรู้สึกว่าเป็นอุปสรรค ขวาก

หนามที่ยิ่งใหญ่ นั้นก็คือ ปมแห่งความหวาดกลัวที่เป็นเหตุให้เธอติดอยู่กับฝัน

ร้ายในวัยเด็ก และลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รัตนาวาณิชย์’ ที่เติบโต

มาด้วยกัน เขามีอายุอ่อนกว่าเธอหนึ่งปี แต่ไม่เคยยอมรับว่าเธอเป็นพี่สาว

หนำซ้ำยังคอยแกล้งเธอมาตั้งแต่เด็ก และเธอก็เรียกเขาว่า ‘จอมวายร้ายเจ้า

เล่ห์,คนกวนประสาทฯ ‘ แต่ทว่าจอมวายร้ายคนนั้นกลับเป็นคนเดียวกันที่อยู่

เคียงข้างเธอยามมีภัย และพยายามช่วยเธอให้หลุดพ้นจากปมแห่งฝันร้าย

นั้น และเป็นคนเดียวกับที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย

แต่แล้ว...ก็กลับเป็นคนเดียวกัน ที่กันเธอออกจากเดอะซัน กรุ๊ปฯ และชีวิต

ของเขา เหมือนไม่เห็นค่า ความสำคัญของเธออีกต่อไป จนหญิงสาวทนอยู่

กับความรู้สึกเจ็บปวด สิ้นไร้ ด้อยค่าของตัวเองไม่ไหว ที่สุดจึงตัดสินใจเดิน

ออกมาจากชายคาเดอะซัน กรุ๊ปฯ ด้วยหัวใจที่บอบช้ำ.


‘ตะวันฉาย’ ลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รัตนาวาณิชย์’ และผู้สืบทอด

กิจการของบริษัท ‘เดอะซัน กรุ๊ป จิวเวลรี่’ ต่อจากมารดา หลังกลับจากเรียน

ต่อต่างประเทศชายหนุ่มได้เข้ามาเรียนรู้งานในเดอะซัน กรุ๊ปฯ อย่างเต็มตัว

โดยมี ‘ปาลิกา’ (หรือที่เขาเรียกจนติดปากว่า ‘ยัยปลิก’) คอยกระตุ้นอยู่ตลอด

ทั้งที่โดยนิสัยแล้วตะวันฉายเป็นคนที่มีความตั้งใจ รับผิดชอบและจริงจังกับ

งาน โดยเฉพาะช่วงหลังที่เขาเข้ามาทำงานอย่างเต็มตัวแล้วนั่น แต่ใน

ทางกลับกันตะวันฉายจะกลายเป็นเด็กไม่ยอมโตทันทีที่อยู่กับปาลิกา เพราะ

ความรื่นรมย์อีกอย่างในชีวิตของเขาตั้งแต่เล็กจนโต คือการได้แกล้งปาลิกา

ทั้งวาจาและการกระทำ แต่เขาก็ได้สงวนลิขสิทธิ์ในการแกล้งไว้แค่ตัวเขา

เอง คนอื่นห้ามแกล้งโดยไม่ได้รับอนุญาตเสียอย่างนั้น

แต่ทว่าหากยามใดที่ปาลิกามีภัย อ่อนแอ ตะวันฉายจะถึงตัวเธอก่อนเสมอ

เขาห่วงทุกย่างก้าวในชีวิตของเธอ โดยเฉพาะปมแห่งความกลัวที่ทำให้เธอ

ฝันร้ายในตอนเด็ก ชายหนุ่มปรารถนาจะให้เธอเอาชนะความกลัวนั้นให้ได้

และการที่ตะวันฉายได้มีโอกาสอยู่เพียงลำพัง ไกลห่างกับปาลิกาขณะที่

เรียนอยู่ต่างประเทศนั้น ได้ทำให้เขารู้ใจตัวเองว่าคิดอย่างไรกับเธอ ชาย

หนุ่มไม่เคยสงสัยในความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวเลยสักนิด แต่เพราะเชื่อว่าเธอ

รักใครอีกคนที่เป็นญาติสนิทของเขา และผู้ชายคนนั้นก็เป็น ‘ผู้ชายในฝัน’

ของเธอมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาได้แต่กล้ำกลืนความรู้สึกเอาไว้ กว่าจะรู้ว่า
ปาลิกาก็รักเขาไม่ต่างกัน ก็ในวันที่เธอได้หนีเขาไปเสียแล้ว...


‘ก็ลื้อสองคนน่ะสิ มีด้ายแดงผูกติดกันมา

ตั้งแต่เกิด แต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือด้ายแดงที่ผูกพวกลื้อไว้นั้นมันสั้นมาก ทำ

ให้ต้องมาใกล้กันตั้งแต่เด็ก ไม่เหมือนบางคู่ที่ด้ายจะยาวอาจใช้เวลานานกว่า

จะได้มาเจอกัน แต่นั่นแหล่ะด้ายแดงแห่งโชคชะตาของพวกลื้อจะไม่มีวันถูก

ตัดขาด แล้วมันก็จะอยู่ในระยะสั้นอย่างนี้ตลอดไป อย่างที่เคยเป็นมาจนกว่า

จะตายจากกัน และหากวันใดที่มันยืดยาวออกไปไม่ว่าด้วยสาเหตุอันใด ด้าย

นั้นก็จะดึงรั้งพวกลื้อให้ต้องกลับมาใกล้กันจนได้ หากพวกลื้อฝืนก็จะทำให้

เจ็บปวดทุรนทุราย เหมือนจะขาดใจเลยทีเดียว มันเป็นลิขิตของสวรรค์’

ตะวันฉายกับปาลิกาจะทำเช่นไรกับหัวใจของตัวเอง

ด้ายแดงแห่งโชคชะตา และสายใยแห่งความผูกพัน

จะสามารถนำพาหัวใจทั้งสองดวงให้กลับมาแนบชิดกัน

เหมือนในวันเก่าได้หรือไม่?..................................

โปรดติดตามใน ‘ตะวัน (ร้าย) ฉายรัก’ ได้เลยค่ะ


Tags: ตะวัน ร้าย ฉาย รัก ปลา อัญมณี จิวเวลรี่ หวานซึ้ง

ตอน: บทที่ 21

หลังจากการเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนอยู่โรงพยาบาลผ่านไปตาม

เวลาที่กำหนด ปรากฏว่าปาลิกาไม่มีอะไรผิดปกติ ตะวันฉายจึงพาเธอ

กลับบ้านในเย็นวันต่อมา แต่ชายหนุ่มยังไม่วางใจเสียทีเดียว

“นี่อย่าบอกนะว่านายจะมานอนเฝ้าฉันอีกน่ะ” ปาลิการ้องถาม

เมื่อเห็นเขาหอบที่นอนปิกนิกอันเก่ามาเตรียมไว้บนพื้นห้อง

“ก็ใช่น่ะสิ ยังไงก็ยังไว้ใจไม่ได้หรอก เผื่อเธอจะเป็นอะไรในตอน

ดึก” ร่างสูงตอบพร้อมง่วนอยู่กับการเปลี่ยนปลอกที่นอนผืนใหม่

“แต่ฉันไม่เป็นไรแล้ว ตรวจละเอียดแล้วนี่ ถ้านายยังห่วงให้ป้าแต๋ว

มานอนเป็นเพื่อนฉันก็ได้ เพราะนายก็เฝ้าฉันมาทั้งคืนแล้ว พรุ่งนี้ยังต้อง

ทำงานอีก” ปาลิกาทรุดตัวลงนั่งข้างเขา ทำให้ชายหนุ่มชะงักไปแล้วหัน

มามองเธอนิ่งๆ

“ไม่เป็นไรหรอกฉันจะเฝ้าเธอต่อเอง ไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจป้าแต๋ว

หรอกนะ แต่ฉัน...แค่...กลัวเธอจะฝันร้ายอีก” ประโยคสุดท้ายทำให้ปาก

บางที่ทำท่าจะค้านต้องเก้อไปเสียอย่างนั้น

“ซัน...” แล้วจึงเรียกชื่อเขาเสียงแผ่วน้ำตาคลอในดวงตาด้วย

ความซาบซึ้งใจ

“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย เธอเองก็เคยดูแลฉันตอนไม่สบาย

อยู่เหมือนกันไม่ใช่หรือไง พรุ่งนี้ก็อย่าพึ่งลงไปทำงานล่ะ พักอีกวัน ห้าม

เถียงห้ามแย้ง ฉันจะบอกหม่าม๊าเองว่าเธอแค่ปวดหัว โอเค.ไหม” คนที่

นั่งทำหน้าซึ้งอยู่ข้างๆ พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ตะวันฉายเลยเอื้อมมือ

ไปขยี้หัวเธอเล่น “คราวนี้ก็มาช่วยฉันใส่ปลอกที่นอนปิคนิคนี่ได้แล้ว พึ่ง

ให้ป้าแต๋วเอาไปซักมา เน่าน่าดู เอ้า...เธอจับตรงนี้ไว้นะเดี๋ยวฉันจะเอา

ตัวที่นอนใส่”

ป้าแต๋วมองภาพที่ชายหนุ่มกับหญิงสาวคู่หนึ่งกำลังช่วยกันใส่

ปลอกที่นอน และจัดหมอนผ้าห่ม พร้อมเสียงหัวเราะ กระเซ้าเย้าแหย่

และชวนกันคุยโน่น คุยนี่ดังอยู่ภายในห้อง แล้วจึงหันหลังกลับพร้อม

รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏบนใบหน้า

แกตั้งใจจะเข้ามาถามว่าจะให้มานอนเป็นเพื่อนปาลิกาหรือไม่

เพราะหญิงสาวเองเปรยไว้ว่าอยากให้ตะวันฉายได้พักผ่อนเพราะเฝ้า

เธอที่โรงพยาบาลมาทั้งคืนแล้ว พรุ่งนี้ก็ต้องทำงาน แต่พอถึงหน้าห้อง

ป้าแต๋วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นปฏิกิริยาของทั้งคู่ และตัดสินใจยืนมองอยู่

เงียบๆ

ถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความห่วงใยปนร้อนใจของตะวันฉายที่มีต่อ

ปาลิกานั้น มันสื่อถึงอะไรที่มากมายกว่าพี่น้องธรรมดานักในความรู้สึก

ของผู้สูงวัยกว่าเช่นป้าแต๋ว ส่วนหนูปลานั้นเล่าก็เรียกหาแต่ตะวันฉาย

ด้วยความรู้สึกพึ่งพิงไว้ใจ เพราะความที่อยู่ใกล้ชิดคนทั้งคู่ตั้งแต่เด็กจน

เติบใหญ่ ก็เห็นว่าต่างเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร จน

แทบแยกจากกันไม่ออก

ยามตะวันฉายเกเรก็จะถูกปาลิกากำราบ ‘คุณหนูซัน’ ที่ไม่ยอมฟัง

ใครแม้แต่คุณโฉมฉายผู้เป็นมารดาก็จะหยุด แม้จะไม่หยุดในทันทีด้วย

กลัวว่าจะเสียฟอร์ม แต่ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป และในยามที่ปาลิกาอ่อนแอ

เช่นตอนนี้ก็จะมีตะวันฉายคอยเป็นที่พึ่งพิง เวลาเกิดอะไรร้ายๆ ขึ้นกับ

ปาลิกา ตะวันฉายมักจะถึงตัวเธอก่อนใครเพื่อน แม้จะคอยแกล้ง

ปาลิกาเป็นนิสัยก็ตามที

มันเป็นสิ่งที่แม่บ้านของตึกและคนรอบข้างมองเห็นกันมาตลอด ที่

ผ่านมาต่างคิดว่าเป็นความรัก ความผูกพันของพี่น้องต่างสายเลือดคู่

หนึ่ง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ทว่า...ตอนนี้ป้าแต๋วเองชักไม่แน่ใจเสีย

แล้ว ถ้าสิ่งที่คิดและสงสัยเป็นจริงได้คงจะเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย เพราะทั้ง

คู่เป็นคนที่แกรัก นั่นเป็นเหตุให้หญิงวัยกลางคนเดินจากมาด้วยรอยยิ้ม

น้อยๆ แต้มใบหน้า


ปาลิกาวางหนังสือในมือลง มองไปทางนาฬิกาตรงหัวเตียง เป็น

เวลาเกือบเที่ยงแล้ว ป้าแต๋วออกไปหาซื้อกับข้าวมาให้เธอกับตะวันฉาย

ทานในตอนกลางวันยังไม่กลับมา วันนี้เป็นวันทำงานที่เธอต้องหยุดตาม

คำสั่งของตะวันฉาย แต่ตัวเขาเองลงไปทำงานตามปกติ และยังโทร.

ขึ้นมาถามอาการของหญิงสาวอยู่เป็นระยะ

ส่วนคุณโฉมฉายกับหยินมี่ก็รีบขึ้นมาเยี่ยมเธอตั้งแต่ตอนเช้า

ก่อนที่คุณโฉมฉายจะไปตรวจงานที่โชว์รูมข้างนอก หญิงสาวได้แต่บอก

คนทั้งคู่ไปว่าแค่ปวดหัวเท่านั้น คุณโฉมฉายมีท่าทีเป็นห่วงเหมือนทุกทีที่

เธอและคนในบ้านไม่สบาย

รีบหายามาให้ โดยไม่รู้ว่าเธอพึ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อเย็นวาน

นี้เอง ส่วนหยินมี่ดูจะไม่ค่อยเชื่อนัก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะอยู่

ต่อหน้าคุณโฉมฉาย ปาลิกาคาดว่าหยินมี่คงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นจากหยาง

น้องชาย และป่านนี้คงถามความจริงเอากับตะวันฉายเรียบร้อยแล้ว

ขณะที่หญิงสาวกำลังจะเปิดหนังสือออกอ่านต่อ เพื่อฆ่าเวลาใน

การรอการป้าแต๋วและตะวันฉายอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงเปิดประตูและพูดคุย

กัน พอเธอหันไปมองจึงเห็นแม่บ้านของตึกพร้อมกับร่างคุ้นตาที่ก้าว

ตามหลังมา

“หนูปลาจ๊ะ คุณอ๋ามาเยี่ยมแน่ะ” ป้าแต๋วบอก แล้วจึงปลีกตัว

ออกไป ปาลิกาชันตัวลุกขึ้นนั่ง หมายจะลงจากเตียง

“ไม่ต้องลุกขึ้นก็ได้จ้ะ นั่งบนเตียงเถอะ น้องปลาเป็นยังไงบ้าง”

อานุภาพถามพลางนั่งลงข้างเตียง

“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ ปลาเป็นปกติดี แต่ที่ไม่ได้ไปทำงานเพราะนาย

ซันสั่งห้ามน่ะค่ะ”

“เจ้าซันคงห่วงน้องปลาน่ะ พี่เองก็เป็นห่วงน้องปลาแทบแย่ กลัว

น้องปลาจะเป็นอะไรมาก พี่ต้องขอโทษน้องปลาด้วยนะสำหรับเรื่องเมื่อ

คืนก่อน ที่พาน้องปลาไปเจอเรื่องแย่ๆ ” ดวงตาชายหนุ่มที่มองเธอเต็ม

ไปด้วยความรู้สึกผิด

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่อ๋าอย่าโทษตัวเองเลยค่ะ” ปาลิการีบบอก

“แต่ยัยสองหมวยเป็นน้องสาวของพี่นะ พี่ไม่สบายใจเลยน้องปลา

พี่ไม่คิดว่าสองคนนั่นจะเล่นแรงอย่างนี้ เป็นเพราะพี่แท้ๆ ” อานุภาพยัง

เอาแต่โทษตัวเองไม่หยุด

“อย่าคิดมากเลยค่ะพี่อ๋า ไม่ใช่ความผิดของใครหรอกค่ะ มันเป็น

อุบัติเหตุ ปลาซุ่มซ่ามเอง แล้วตอนนี้ปลาก็ปลอดภัยดีแล้ว” เธอ

พยายามยิ้มกว้างให้เขาสบายใจ อานุภาพจึงถอนหายใจเหมือนโล่งอก

ขึ้นมาบ้าง ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือของหญิงสาวไปกุมไว้

“พี่ขอบคุณน้องปลามากนะ น้องปลารู้ไหม...น้องปลาทำให้พี่

สบายใจเสมอ ไม่ว่าเรื่องราวต่างๆ จะยุ่งยากขนาดไหนก็คลี่คลายลงได้

ง่ายดาย เพราะน้องปลามีจิตใจดีอย่างนี้นี่เอง” ดวงตาคู่นั้นมีแวว

เปลี่ยนไปจากเมื่อครู่ กลายเป็นแววอ่อนหวานและเต็มไปด้วย

ความหมาย แต่คนที่ถูกกุมมือกลับรู้สึกแปลกๆ

“พี่อ๋าอย่าชมปลาอย่างนี้สิคะ ปลาเขินจะแย่” เธอจึงแสร้งว่าให้

เห็นขัน และพยายามดึงมือออกจากการเกาะกุม แต่อานุภาพไม่ยอม

ปล่อยง่ายๆ แถมด้วยการยกมือเล็กนั้นขึ้นจรดจมูก คราวนี้ปาลิกาถึงกับ

ตัวแข็งทื่อ รอยยิ้มที่เสแสร้งเมื่อครู่ค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น

เท้าของตะวันฉายชะงักกึก กระตุกวูบที่หัวใจกับภาพที่ปรากฏอยู่

ตรงหน้า อานุภาพกำลังจูบมือคนที่นั่งอยู่บนเตียง ใบหน้าเล็กนั่นฉาย

รอยยิ้มแย้ม เรารึอุตส่าห์เป็นห่วงจะเป็นจะตาย พอเห็นหน้าเฮียอ๋าเข้า

หน่อยยิ้มร่าเลยนะ ชายหนุ่มค่อนอยู่ในใจ และมองภาพนั้นอยู่ครู่หนึ่ง

ด้วยความรู้สึกแปลบอยู่ข้างในอก ก่อนจะหันหลังกลับ

“ป้ากำลังจะบอกอยู่พอดีว่าคุณอ๋ามาเยี่ยมหนูปลา แต่ไม่ทัน...”

ป้าแต๋วที่ออกมารออยู่ห้องรับแขกเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่ม

ตะวันฉายขึ้นมาจากออฟฟิศเพื่อจะมาทานอาหารกลางวันกับ

ปาลิกา พอมาถึงก็รีบเข้าไปหาเธอ โดยไม่หยุดฟังป้าแต๋วที่พูดอะไรสัก

อย่างให้จบ เพราะไม่คาดคิดว่าจะไปเจอภาพหวานแหววของคนทั้งคู่

เข้า

“ช่างเถอะครับป้าแต๋ว ยัยนั่นคงไม่เป็นไรแล้วล่ะ ยิ้มร่าออกอย่าง

นั้น ผมลงไปก่อนล่ะครับ” น้ำเสียงของเขาติดประชดประชัน แล้วทำท่า

จะผละไป

“นั่นคุณซันจะไปไหนคะ ไม่ทานอะไรหน่อยเหรอคะ ป้าเตรียมไว้

ให้แล้วนะคะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมจะไปหาอะไรทานข้างล่าง มีอะไรโทร.หาผมละ

กันนะครับป้าแต๋ว”


“ซันกลับมาแล้วเหรอ” ปาลิการีบร้องทักเมื่อเห็นร่างสูงก้าวเข้ามา

ในห้องรับแขกตอนเย็นของวันนั้น

“อือ...เธอเป็นยังไงบ้าง” แม้จะถามไถ่แต่ก็ด้วยท่าทางเฉยเมยเต็ม

ที แต่หญิงสาวก็ไม่ได้สะกิดใจสักนิด เพราะเธอยังยิ้มกว้างก่อนเอื้อน

เอ่ย

“ก็บอกแล้วว่าฉันไม่เป็นไร พรุ่งนี้ให้ฉันไปทำงานตามปกตินะ”


“ตามใจสิ” ห้วน สั้น มึนตึงจนคนฟังเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ แต่ก็

ปัดความรู้สึกนั้นไปจากความคิด

“นายเลิกงานมาเหนื่อยๆ อาบน้ำแล้วมากินข้าวด้วยกันเหอะฉัน

จะรอนาย” และพูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนยิ่งกว่าเดิมเพราะอยากเอา

ใจ และแน่นอนว่าส่งสายตาปริบๆ ไปให้ด้วย

“ฉันไม่หิว” แต่ทว่าคราวนี้เขากลับมองเมินไปเสียอย่างนั้น

“เหรอ...” คนรอทำเสียงผิดหวัง แต่ก็เพียงแว่บเดียว “งั้นตอนเช้า

ฉันให้ป้าแต๋วซื้อซี่โครงหมูมาทำซี่โครงหมูทอดของโปรดให้นายกินดีกว่า

นายอุตส่าห์เฝ้าไข้ฉันมาตลอด” เธอยังไม่ยอมแพ้

“ไม่ต้อง ฉันไม่อยากกิน” ว่าแล้วก็เดินเข้าห้องไป ทิ้งให้หญิงสาว

อ้าปากค้างมองตามอย่างงงๆ อะไรของเค้าเนี่ย? ปาลิกาคิดพลางเกา

หัวแกรกๆ และหันมาทางป้าแต๋วที่ยืนอมยิ้มอยู่ใกล้ๆ

“ป้าแต๋วคะ? ” ทำปากบุ้ยใบ้ตามหลังคนที่ปิดประตูห้องไปเหมือน

ถามความคิดเห็น

ตอนกลางวันก็ทีหนึ่งแล้วที่หญิงสาวรอเก้อ แต่ตอนที่อานุภาพคุย

กับเธอยู่ในห้อง ปาลิกาได้ยินเสียงเหมือนป้าแต๋วคุยกับใครสักคน พอ

ถามเอาความจึงรู้ว่าตะวันฉายขึ้นมา และลงไปข้างล่างแล้ว ไม่มาทาน

ข้าวกับเธออย่างที่คุยกันไว้ สร้างความแปลกใจให้กับหญิงสาวไม่น้อย

เพราะปกติตะวันฉายไม่เคยผิดคำพูดโดยไม่อธิบายอะไรให้เธอ

เข้าใจอย่างนี้ แต่ก็คิดว่างานคงยุ่งเธอจึงไม่โทร.ตามเซ้าซี้อีก ได้แต่รอ

เขากลับมาในตอนเย็นแทน แต่เรื่องกลับกลายมาเป็นแบบนี้ หญิงสาว

คิดว่าไม่ธรรมดาเสียแล้ว

“ถ้าหนูปลายังไม่เคยเห็นผู้ชายขี้งอน ขี้ใจน้อยก็ดูเอาไว้เถอะ”

แม่บ้านของตึกว่า รอยยิ้มยังระบายอยู่บนใบหน้าอย่างเห็นขัน

“อะไรนะคะ นายซันเนี่ยนะคะ แล้วนายซันงอนหรือน้อยใจใครล่ะ

คะ คุณป้า ป้าแต๋ว หรือปลาคะ” หญิงสาวร้องถามด้วยความประหลาด

ใจที่มากขึ้นไปอีก

“โอ๊ย! ป้ากับคุณผู้หญิงน่ะคงไม่ใช่หรอกหนูปลา” ป้าแต๋วโบกมือ

ปฏิเสธให้ว่อนไปหมด

“ถ้างั้น...ก็เป็นปลาสิคะ ตายจริง! แล้วมันเรื่องอะไรล่ะคะ”

ปาลิกายกมือทาบอกตกใจ เบิ่งตาแป๋วถามหญิงวัยกลางคนราวกับแก

เป็นคนที่งอนเสียเองกระนั้น

“อันนี้ป้าก็ไม่รู้เหมือนกันนะ รอคุณซันอารมณ์ดีแล้วค่อยถามสิ

จ๊ะ” ป้าแต๋วทิ้งปริศนาเอาไว้ ก่อนหัวเราะอารมณ์ดีจากไป ทิ้งคนฟังให้

นั่งครุ่นคิดทำหน้ายุ่งด้วยความงงอยู่คนเดียว


เจ้าของร่างบางนั่งเท้าคางมองหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างเหม่อ

ลอย ในใจครุ่นคิดถึงแต่เรื่องของตะวันฉาย หลายวันมาแล้วที่เขากับเธอ

ไม่ได้คุยกัน ปาลิกาสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มพยายามไม่เผชิญหน้าเธอจน

ไม่ค่อยได้คุยกัน ตอนเย็นหลังเลิกงานก็มักจะกลับบ้านใหญ่กับคุณโฉม

ฉาย หญิงสาวหาทางเข้าหาไม่ได้สักที นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอได้แต่

เหม่อลอยและถอนหายใจเฮือกใหญ่บ่อยๆ ในช่วงที่ผ่านมานี้

พอดีกับเสียงกดประตูดังขึ้นทำให้ปาลิกาถึงกับสะดุ้ง และรีบหัน

ไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่รับสัญญาณจากกล้องวงจรปิดตรงมุมห้อง

หน้าประตูมีร่างของหยินมี่ยืนรออยู่ เธอจึงรีบกดเปิดประตูให้เพื่อน

“ฉันเอาแบบสร้อยกับจี้มาให้เธอน่ะยัยปลา” หยินมี่ที่ถือแฟ้ม

บางๆ รีบบอกปาลิกาทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง แล้วนั่งลงตรงข้าม หยิบ

กระดาษแบบเครื่องประดับออกมาวางตรงหน้าปาลิกา

หญิงสาวมองหน้าเพื่อนด้วยความสงสัย ปกติหยินมี่ไม่เคยสั่งงาน

เอง เพราะมีแผนกที่รับผิดชอบเกี่ยวกับออร์เดอร์โดยตรงอยู่แล้ว นอก

เสียจากว่าเป็นแบบใหม่ที่มาจากตะวันฉาย

“นายซันพึ่งออกแบบมาใหม่สดๆ ร้อนๆ เลยนะยัยปลา อยากให้

ช่างลองขึ้นตัวเรือนดู ส่วนรายละเอียดต่างๆ นายซันเขียนเอาไว้ข้างล่าง

แล้วล่ะ เธออ่านดูเองล่ะกัน” ปาลิกากวาดสายตาไปยังลายมือคุ้นตาที่

อยู่ด้านล่างแบบเครื่องประดับแต่ละแบบ ซึ่งได้ระบุรายละเอียดต่างๆ

ของงานอย่างที่เขาต้องการ “เป็นไง เข้าใจไหม”

“อืมม์ ถ้ามีปัญหาอะไรเดี๋ยวฉันคุยกับนายซันเองก็ได้”

“นั่นสิ ปกติมีงานใหม่ๆ นายซันก็สั่งงานเธอเองอยู่แล้วนี่นา กลัว

จะไม่ได้ดั่งใจ แล้วทำไมคราวนี้ให้ฉันมาก็ไม่รู้ แถมยังบอกอีกว่าถ้าเธอ

ไม่เข้าใจต้องอธิบายให้ฟังอย่างละเอียดด้วย” ปาลิกาถอนหายใจทันทีที่

เพื่อนพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ความวิตกเริ่มปรากฏบนใบหน้า “อ้าว แล้วทำไม

เธอทำหน้าอย่างนั้นล่ะ” หยินมี่คงเพิ่งสังเกตเห็นหน้าตาที่เต็มไปด้วย

ความกังวลของปาลิกาจึงถามขึ้น

“ก็นายซันน่ะสิ คงไม่อยากคุยกับฉันถึงให้เธอมาแทน ทำบึ้งตึงกับ

ฉันมาตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว ไม่รู้งอนอะไร เวลาฉันถามก็คุยไม่เกิน

สองคำเดินหนีซะอย่างงั้น นี่ยังไม่ค่อยกลับไปนอนที่ห้องด้วย ฉันหา

โอกาสคุยยากมากเลย” คนพูดถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้ง

“มิน่าถึงดูหงุดหงิดงุ่นง่านมาหลายวันแล้ว” หยินมี่เปรยขึ้นเมื่อ

เริ่มเข้าใจสถานการณ์

“เหรอ นายซันก็มีอาการอย่างนั้นเหรอหยินมี่ ไม่ได้การ ฉันต้องไป

คุยให้รู้เรื่องหน่อยล่ะ” ที่สุดก็ตัดสินใจ เพราะร่ำๆ จะทนไม่ไหวกับ

สถานการณ์ที่เป็นอยู่นี่แล้ว



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.พ. 2559, 15:46:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.พ. 2559, 15:46:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 1149





<< บทที่ 20   บทที่ 22 >>
Kim 6 ก.พ. 2559, 21:49:40 น.
นายซันคงรู้ความรู้สึกของตัวเองแต่ไม่กล้าบอกแต่ปลายังไม่รู้ ง้อให้ได้นะ รอตอนต่อไปค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account