ตะวัน (ร้าย) ฉายรัก (นามปากกา 'พิริตา' ) เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อม E-Book
‘ปาลิกา’ หญิงสาวกำพร้าที่สูญเสียครอบครัวไป

ตั้งแต่ยังเยาว์วัย แต่โชคดีที่มีผู้อุปการะไว้ ซึ่งก็เป็นนายจ้างของครอบครัว

เธอนั่นเอง ปาลิกาเติบโตมาท่ามกลางความรัก เข้าใจอย่างล้นเหลือของ

ประมุขทั้งสองของบริษัท ‘เดอะซัน กรุ๊ป จิวเวลรี่’ และเพราะที่แห่งนี้เป็น

สถานที่ที่ทั้งพ่อแม่และยายของเธอได้ใช้ชีวิตอยู่จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

ที่นี่จึงมีความหมาย และมีความสำคัญสำหรับหญิงสาวมาก

ในชีวิตของปาลิกามีเพียงสองสิ่งเท่านั้นที่เธอรู้สึกว่าเป็นอุปสรรค ขวาก

หนามที่ยิ่งใหญ่ นั้นก็คือ ปมแห่งความหวาดกลัวที่เป็นเหตุให้เธอติดอยู่กับฝัน

ร้ายในวัยเด็ก และลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รัตนาวาณิชย์’ ที่เติบโต

มาด้วยกัน เขามีอายุอ่อนกว่าเธอหนึ่งปี แต่ไม่เคยยอมรับว่าเธอเป็นพี่สาว

หนำซ้ำยังคอยแกล้งเธอมาตั้งแต่เด็ก และเธอก็เรียกเขาว่า ‘จอมวายร้ายเจ้า

เล่ห์,คนกวนประสาทฯ ‘ แต่ทว่าจอมวายร้ายคนนั้นกลับเป็นคนเดียวกันที่อยู่

เคียงข้างเธอยามมีภัย และพยายามช่วยเธอให้หลุดพ้นจากปมแห่งฝันร้าย

นั้น และเป็นคนเดียวกับที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย

แต่แล้ว...ก็กลับเป็นคนเดียวกัน ที่กันเธอออกจากเดอะซัน กรุ๊ปฯ และชีวิต

ของเขา เหมือนไม่เห็นค่า ความสำคัญของเธออีกต่อไป จนหญิงสาวทนอยู่

กับความรู้สึกเจ็บปวด สิ้นไร้ ด้อยค่าของตัวเองไม่ไหว ที่สุดจึงตัดสินใจเดิน

ออกมาจากชายคาเดอะซัน กรุ๊ปฯ ด้วยหัวใจที่บอบช้ำ.


‘ตะวันฉาย’ ลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รัตนาวาณิชย์’ และผู้สืบทอด

กิจการของบริษัท ‘เดอะซัน กรุ๊ป จิวเวลรี่’ ต่อจากมารดา หลังกลับจากเรียน

ต่อต่างประเทศชายหนุ่มได้เข้ามาเรียนรู้งานในเดอะซัน กรุ๊ปฯ อย่างเต็มตัว

โดยมี ‘ปาลิกา’ (หรือที่เขาเรียกจนติดปากว่า ‘ยัยปลิก’) คอยกระตุ้นอยู่ตลอด

ทั้งที่โดยนิสัยแล้วตะวันฉายเป็นคนที่มีความตั้งใจ รับผิดชอบและจริงจังกับ

งาน โดยเฉพาะช่วงหลังที่เขาเข้ามาทำงานอย่างเต็มตัวแล้วนั่น แต่ใน

ทางกลับกันตะวันฉายจะกลายเป็นเด็กไม่ยอมโตทันทีที่อยู่กับปาลิกา เพราะ

ความรื่นรมย์อีกอย่างในชีวิตของเขาตั้งแต่เล็กจนโต คือการได้แกล้งปาลิกา

ทั้งวาจาและการกระทำ แต่เขาก็ได้สงวนลิขสิทธิ์ในการแกล้งไว้แค่ตัวเขา

เอง คนอื่นห้ามแกล้งโดยไม่ได้รับอนุญาตเสียอย่างนั้น

แต่ทว่าหากยามใดที่ปาลิกามีภัย อ่อนแอ ตะวันฉายจะถึงตัวเธอก่อนเสมอ

เขาห่วงทุกย่างก้าวในชีวิตของเธอ โดยเฉพาะปมแห่งความกลัวที่ทำให้เธอ

ฝันร้ายในตอนเด็ก ชายหนุ่มปรารถนาจะให้เธอเอาชนะความกลัวนั้นให้ได้

และการที่ตะวันฉายได้มีโอกาสอยู่เพียงลำพัง ไกลห่างกับปาลิกาขณะที่

เรียนอยู่ต่างประเทศนั้น ได้ทำให้เขารู้ใจตัวเองว่าคิดอย่างไรกับเธอ ชาย

หนุ่มไม่เคยสงสัยในความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวเลยสักนิด แต่เพราะเชื่อว่าเธอ

รักใครอีกคนที่เป็นญาติสนิทของเขา และผู้ชายคนนั้นก็เป็น ‘ผู้ชายในฝัน’

ของเธอมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาได้แต่กล้ำกลืนความรู้สึกเอาไว้ กว่าจะรู้ว่า
ปาลิกาก็รักเขาไม่ต่างกัน ก็ในวันที่เธอได้หนีเขาไปเสียแล้ว...


‘ก็ลื้อสองคนน่ะสิ มีด้ายแดงผูกติดกันมา

ตั้งแต่เกิด แต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือด้ายแดงที่ผูกพวกลื้อไว้นั้นมันสั้นมาก ทำ

ให้ต้องมาใกล้กันตั้งแต่เด็ก ไม่เหมือนบางคู่ที่ด้ายจะยาวอาจใช้เวลานานกว่า

จะได้มาเจอกัน แต่นั่นแหล่ะด้ายแดงแห่งโชคชะตาของพวกลื้อจะไม่มีวันถูก

ตัดขาด แล้วมันก็จะอยู่ในระยะสั้นอย่างนี้ตลอดไป อย่างที่เคยเป็นมาจนกว่า

จะตายจากกัน และหากวันใดที่มันยืดยาวออกไปไม่ว่าด้วยสาเหตุอันใด ด้าย

นั้นก็จะดึงรั้งพวกลื้อให้ต้องกลับมาใกล้กันจนได้ หากพวกลื้อฝืนก็จะทำให้

เจ็บปวดทุรนทุราย เหมือนจะขาดใจเลยทีเดียว มันเป็นลิขิตของสวรรค์’

ตะวันฉายกับปาลิกาจะทำเช่นไรกับหัวใจของตัวเอง

ด้ายแดงแห่งโชคชะตา และสายใยแห่งความผูกพัน

จะสามารถนำพาหัวใจทั้งสองดวงให้กลับมาแนบชิดกัน

เหมือนในวันเก่าได้หรือไม่?..................................

โปรดติดตามใน ‘ตะวัน (ร้าย) ฉายรัก’ ได้เลยค่ะ


Tags: ตะวัน ร้าย ฉาย รัก ปลา อัญมณี จิวเวลรี่ หวานซึ้ง

ตอน: บทที่ 23

ห้องประชุมผู้บริหารของเดอะซัน กรุ๊ปฯ ในตอนสายของวันต่อมา

ยังคงมีผู้เข้าร่วมประชุมครบครัน และเป็นไปตามคาดที่ข่าวดีเรื่องตะวัน

ฉายพึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดออกแบบเครื่องประดับเมื่อคืน

ที่ผ่านมากลายเป็นประเด็นร้อน ทำให้ห้องประชุมอื้ออึงไปด้วยเสียงชื่น

ชมและแสดงความยินดี

ปาลิกานั่งอยู่ในที่ประจำไม่มองไปทาง ‘ท่านประธาน’ สักนิด

เพราะรู้สึกถึงม่านบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่แค่เพียง

ม่านบางๆ อย่างเคย แต่มันดูหนาทึบและอึมครึมมากยิ่งขึ้น จนเธอไม่

อยากเผชิญหน้ากับเขา แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากยิ้มขณะที่

เฮียย้งกับคุณอาภากรซึ่งนั่งอยู่ข้างเธอ ต่างก็ชื่นชมตะวันฉายให้ฟังไม่

ขาดปาก โดยที่หญิงสาวไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรสักคำ

“ขอบคุณครับ รางวัลนี้ไม่ใช่รางวัลของผมคนเดียว แต่เป็นรางวัล

ของพวกเราเดอะซัน กรุ๊ปฯ ทั้งหมด ขอบคุณทุกท่านมากครับที่ให้

กำลังใจ” ตะวันฉายพูดตบท้ายถึงเรื่องนี้ด้วยรอยยิ้ม เสียงชื่นชมยังคง

ดังอยู่สักครู่จึงซาไป

จากนั้นชายหนุ่มก็เข้าเรื่องงานต่อในทันที ในฐานะประธานบริษัท

เขาต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายใน เพราะนับตั้งแต่ท่านเจ้าสัว

อาทิตย์จากไป เดอะซัน กรุ๊ปฯ ก็ไม่เคยได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างอะไรอีก

เลยนอกจากคุณโฉมฉายจะขึ้นมาเป็นหัวเรือใหญ่แทนสามีเท่านั้นเอง

ตะวันฉายได้ปรึกษาผู้เป็นมารดาถึงเรื่องนี้มาพอสมควร และ

ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง หน้าที่ของหลายๆ ฝ่ายทั้งใน

ระดับผู้บริหารจนถึงพนักงานช่างให้ชัดเจน เป็นระบบแบบแผนมาก

ยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีและง่ายต่อการบริหารงานต่อไป คุณโฉมฉายเองก็

เห็นด้วยกับลูกชายเป็นอย่างยิ่ง

วันนี้จึงได้มีการประกาศชื่อผู้ที่จะมารับตำแหน่งรองประธาน

บริษัทที่ไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่คุณโฉมฉายขึ้นมารับตำแหน่งประธาน

บริษัท ซึ่งก็คือ ‘คุณอาภากร’ นั่นเอง แม้ปกติคุณอาภากรจะดูแลโชว์รูม

ข้างนอกเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ต้องวิ่งรอกไปมาระหว่างโชว์รูมกับบริษัทอยู่

ดี เป็นอีกคนที่ทำงานหลายอย่างในบริษัทแต่ไม่ได้มีตำแหน่งชัดเจนมา

ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทกับพี่ชาย

และพอมารับตำแหน่งรองประธานฯ อย่างเป็นเรื่องเป็นราวเช่นนี้

อานุภาพลูกชายคือคนที่ถูกวางไว้ให้เป็นผู้จัดการโชว์รูมข้างนอกแทน

บิดา สร้างความยินดีให้กับสองพ่อลูกเป็นยิ่งนัก

ส่วนเฮียย้งซึ่งเคยรับตำแหน่ง ‘ผู้จัดการทั่วไป’ ของบริษัทอย่างไม่

เป็นทางการนั้น มีความรู้ ความสามารถ และนิสัยส่วนตัวเป็นที่ไว้วางใจ

ก็ได้รับมอบหมายให้เป็นที่ปรึกษาทั่วไปและดูแลเกี่ยวกับการเงิน

ทั้งหมด พร้อมทั้งตรวจสอบสิ่งผิดปกติต่างๆ โดยขึ้นอยู่กับคุณโฉมฉาย

โดยตรง เฮียย้งยิ้มหน้าบานกับหน้าที่การงานที่ถูกปรับเปลี่ยน เพราะมัน

ตรงกับนิสัยชอบทำอะไรหลายอย่างของตัวเองอยู่ดี

เมื่อเสียงปรบมือแสดงความยินดีกับเฮียย้งที่ลุกขึ้นกล่าวขอบคุณ

ซาลง ตะวันฉายก็มองมาทางปาลิกาที่นั่งมองมือของตัวเองนิ่งๆ แต่พอ

รู้สึกตัวว่าถูกมองเธอถึงกับสะดุ้งนิดๆ

“แล้วอีกอย่างที่ผมอยากเปลี่ยนแปลงก็คือ ปาลิกาที่ดูแลชั้น 5 ผม

จะให้หยางขึ้นมาเรียนรู้งานที่ปาลิการับผิดชอบอยู่ทั้งหมด มีปัญหา

อะไรไหม” เขาถามปาลิกาสลับกับหยาง

“ไม่มีครับ” หยางที่ค่อนข้างฉงนกับคำสั่งเล็กน้อยตอบ

“ไม่มี...ค่ะ” ส่วนปาลิกานั้นพึ่งหาเสียงของตัวเองเจอ และรู้สึก

เหมือนตัวเล็กลีบลงไปทุกที

หลังจากนั้นก็เป็นการปรึกษาหารือเรื่องเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยี

ใหม่ๆ เข้ามาใช้ในงานจิวเวลรี่ และเตรียมการสำหรับงาน ‘เจมส์ แอนด์

จิวเวลรี่แฟร์’ ประจำปีที่จะมาถึงในเร็ววันนี้ ซึ่งมีทั้งงานระดับจังหวัดและ

งานใหญ่ระดับประเทศที่จะจัดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ปาลิกาได้แต่นั่งอยู่

เงียบๆ จนกระทั่งเลิกประชุม โดยที่สมองไม่ยอมรับรู้อะไรอีกเลย ตั้งแต่

ตอนที่ตะวันฉายหันมาสั่งเรื่องงานกับเธอเมื่อครู่นี้

“เห็นว่าถ้าอาหยางเรียนรู้งานได้หมดจะให้หนูปลาลงมาอยู่ชั้น 3

นะ” น้าผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ชั้น 7 กระซิบกับปาลิกา ตอนออกมาจากห้อง

ประชุม

“นั่นสิ ว่ากันว่าอาตี๋ซันคงเห็นหนูปลาเป็นผู้หญิง อีจึงอยากให้อา

หยางดูแลชั้น 5 ที่มีแต่พวกช่างแทน หนูปลาควรขอบใจอาตี๋ซันอีนา”

ผู้หญิงอีกคนที่มีอายุกว่าคนแรกกระซิบกับหญิงสาวเช่นกัน ปาลิกา

รับคำพลางฝืนยิ้มให้ทั้งสอง และหยินมี่ก็เดินมาทันตรงห้องรับประทาน

อาหารด้านนอกพอดี

“ว่าไงยัยปลา ดีไหมที่มีคนช่วย” สาวอวบวางแฟ้มลงบนโต๊ะทาน

ข้าวแล้วนั่งลงบนเก้าอี้

“อืมม์ ก็ดีหยินมี่” ปาลิกายังยืนอยู่กับที่


“แล้วทำไมทำหน้าไม่เสบยอย่างนั้นล่ะ หรือว่า...เธอไม่พอใจเรื่อง

ที่นายซันย้ายหยางไปช่วยเธอ เขาไม่ได้ถามความคิดเห็นหรือบอกเธอ

ก่อนหน้านี้เหรอ” หยินมี่เดาจากท่าทางของเพื่อน

“เอ้อ เปล่า ฉันพึ่งรู้วันนี้เอง แต่ฉันไม่ได้ไม่พอใจเรื่องหยางนะ ดี

เสียอีกฉันว่าหยางมีศักยภาพมากกว่าจะไปอยู่กับงานจุกจิกหยุมหยิม

อย่างคัดเพชรคัดพลอยซึ่งเป็นงานของผู้หญิงอย่างนั้น แต่ว่า...”

“เธอน้อยใจที่นายซันไม่บอกเธอใช่ไหม” หยินมี่เองก็พอจะมอง

สถานการณ์ออกเลาๆ แล้วตอนนี้

“เปล่า ช่างเหอะหยินมี่ อย่าพูดไปนะ ฉันไม่อยากให้ใครรู้สึกไม่ดี

ฉันไม่เป็นไรจริงๆ เธอไม่ต้องกังวลหรอก เธอจะลงไปพร้อมกันหรือ

เปล่า”

“ฉันต้องรอนายซันก่อนน่ะ เธอไม่รอไปด้วยกันเหรอ”

“ไม่ล่ะ ฉันไปก่อนนะ”

หยินมี่มองตามหลังปาลิกาแล้วได้แต่ถอนหายใจ แต่พอหันไป

ทางประตูห้องประชุมก็เห็นตะวันฉายที่พึ่งตามออกมายืนมองไปทางคน

ที่เดินจากไปด้วยใบหน้าที่หม่นลง แต่เมื่อหันมาเห็นหยินมี่ชายหนุ่มก็รีบ

ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

“นายไม่ได้บอกยัยปลามาก่อนเหรอ เรื่องที่ให้หยางขึ้นไป

ช่วยงาน”

“ฉันกับยัยนั่นไม่ได้คุยกันมาพักหนึ่งแล้วล่ะหยินมี่” ชายหนุ่มนั่ง

ลงตรงข้าม

“อ้าว ฉันก็นึกว่าพวกนายคุยกันแล้วเสียอีก ยัยปลาเป็นเดือดเป็น

ร้อนจะตายที่นายงอนน่ะ แล้วนี่อะไรกันอีกล่ะ”

“ช่างเถอะหยินมี่ ยัยนั่นไม่ได้แคร์อะไรนักหรอก” ชายหนุ่มปัดไป

เป็นการบอกกลายๆ ว่าไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก ทำให้สาวอวบได้แต่

ส่ายหน้าไม่เข้าใจ

ปาลิกาออกมาด้านนอก ก็เห็นอานุภาพที่ยืนยิ้มอารมณ์ดีอยู่

ตรงหน้าลิฟท์ก่อนแล้ว

“พี่รอน้องปลาตั้งนานแน่ะ”

“พี่อ๋ามีอะไรกับปลาหรือเปล่าคะ”

“ไม่มีอะไรมากหรอกจ้ะ พี่แค่อยากลงไปพร้อมน้องปลาเท่านั้นเอง

ไปกันเถอะ” อานุภาพเอื้อมมือไปกดปุ่มลิฟท์ พอประตูลิฟท์เปิดออก

ปาลิกาก้าวล่วงเข้าไปก่อน ชายหนุ่มจึงก้าวตาม

ร่างเล็กที่ยืนพิงผนังลิฟท์ตรงข้ามอานุภาพพยายามซ่อนอาการซึม

ด้วยการยิ้มแย้ม แม้จะดูฝืดฝืนเต็มที แต่คนที่กำลังดีใจกับตำแหน่งใหม่

ที่ได้รับไม่สังเกตแต่อย่างใด

“น้องปลาคงจะสบายขึ้นนะ ที่ได้เจ้าหยางมาช่วย” อานุภาพพูด

ขึ้นขณะที่ลิฟท์กำลังเคลื่อนตัวลงสู่ชั้นล่าง

“ค่ะ ปลาก็ว่าอย่างนั้น ปลายินดีกับพี่อ๋าด้วยนะคะที่ได้ดูแลโชว์รูม

ที่นั่น”

“ต้องขอบคุณคุณป้ากับเจ้าซันที่ให้โอกาสกับพี่” อานุภาพพูดด้วย

น้ำเสียงรื่นเริง เพราะการเลื่อนตำแหน่งในครั้งนี้มันไม่ได้หมายถึงแค่

โอกาสในการแสดงความสามารถอย่างเต็มตัวเท่านั้น แต่มันหมายถึง

ค่าตอบแทนที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมด้วย

“พี่อ๋าเก่งอยู่แล้วล่ะค่ะ”

“เก่งยังไงก็ไม่เท่าเจ้าซันมันหรอกน้องปลา” คำพูดของชายหนุ่ม

ตอกย้ำความรู้สึกบางอย่าง เป็นเหตุให้ดวงตาของคนฟังหม่นวูบลงไป

อีก แต่อานุภาพก็ยังไม่สังเกตอากัปกิริยานั้น “ว่าแต่เย็นวันเสาร์นี้น้อง

ปลาว่างหรือเปล่า”

“ก็คงว่างมั้งคะ ทำไมเหรอคะ”

“พี่ว่าจะชวนน้องปลาไปทานข้าว แล้วเอ่อ...อีกอย่างพี่มีเรื่อง

สำคัญจะคุยกับน้องปลาด้วย” ท้ายประโยคชายหนุ่มดูเก้อเขินชอบกล

“เรื่องสำคัญอะไรเหรอคะ” หญิงสาวขมวดคิ้ว

“ไว้วันนั้นพี่ค่อยบอกน้องปลาดีกว่า มันเป็นเรื่องสำคัญระหว่าง

เราสองคนจ้ะ” แววตาที่ทอดมองมานั้นอ่อนหวานจนปาลิการู้สึกได้

หญิงสาวรู้สึกว่าช่วงหลังมานี้อานุภาพมักมองเธอด้วยสายตา

แบบนี้บ่อยขึ้น ปาลิกาได้แต่หลบสายตา ไม่ใช่เพราะความเขินอายแต่

อย่างใด แต่เพราะเธอมีเรื่องวุ่นวายใจเกินกว่าจะคิดถึงสิ่งอื่นได้ต่างหาก

พอดีกับที่เสียงลิฟท์ดังขึ้นเมื่อลงมาถึงชั้น 5 เธอจึงเอ่ยลาเขาเบาๆ ก่อน

ก้าวออกมาจากลิฟท์


“นั่นหนูแต่งตัวจะออกไปไหนน่ะลูก”

“อ๋อ ปลาจะไปทานข้าวกับพี่อ๋าค่ะป้าแต๋ว ปลาไปก่อนนะคะพี่อ๋า

รออยู่ข้างล่างน่ะค่ะ” ป้าแต๋วมองตามร่างบางที่เดินออกประตูไป

“ยัยนั่นไปไหนครับป้าแต๋ว” ตะวันฉายเยี่ยมหน้าออกมาจากห้อง

ของตัวเองถาม

“บอกว่าจะไปทานข้าวกับคุณอ๋าน่ะค่ะ” แล้วคนถามก็ผลุบหาย

เข้าไปในห้องต่อ

ตะวันฉายทรุดตัวลงนั่งบนเตียง รู้สึกขุ่นขึ้งไปหมด ตั้งแต่คืนที่

กลับมาจากงานรับรางวัลด้วยกันคืนนั้น แล้วยังจะเรื่องการเปลี่ยนแปลง

หน้าที่การงานที่เกี่ยวข้องและมีผลกระทบโดยตรงกับปาลิกาอีก เขารู้ว่า

คงทำให้หญิงสาวช็อคไม่น้อย เธอแทบจะไม่ยอมคุยกับเขาอีกเลย

บรรยากาศระหว่างเขากับเธอมันดูอึมครึมลงไปทุกที เวลาเจอกัน

ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงานหรือที่ห้อง ปาลิกาจะทำเฉยเมย เย็นชา ไม่ก็เดิน

หนี แรกๆ เขาก็ยังพยายามจะอธิบายเรื่องราวเหล่านั้นให้เธอเข้าใจ แต่

เมื่อหญิงสาวไม่ยอมแม้แต่จะมองหน้าตะวันฉายเลยชักทำตัวไม่ถูกไป

ใหญ่ แต่ยิ่งนานวันความรู้สึกอัดอั้นตันใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น จนทำให้ชาย

หนุ่มเริ่มทนความปั้นปึ่งเย็นชานี้ไม่ไหวขึ้นมาทุกที เห็นทีว่าเขาต้องทำ

อะไรสักอย่างเสียแล้ว

แต่ก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ มือเรียวยาวเอื้อมไปเปิดลิ้นชัก

ตรงหัวเตียงออก หยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงขนาดเล็กออกมา และเปิดดู

สิ่งที่อยู่ข้างในนั้น มันเป็นแหวนที่เขาพึ่งสั่งทำเสร็จ ตั้งใจทำให้เป็น

ของขวัญวันเกิดปาลิกาย้อนหลัง

แต่ทว่ารื้อๆ แก้ๆ กว่าจะเสร็จเอาก็วันนี้ บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาส

อันดีที่เขาจะใช้ง้อเธอ หากปาลิกาเห็นถึงความตั้งใจของเขาที่อยู่ใน

แหวนวงนี้แล้วคงจะใจอ่อนลงบ้าง และมันคงทำให้บรรยากาศกดหนักที่

ชวนอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกนี้คลี่คลายลง ตะวันฉายได้แต่หวัง

เช่นนั้น


ภายใต้แสงเทียนวับแวมบนเชิงเทียนทรงสูงที่ตั้งบนโต๊ะ มีดอก

กุหลาบสีแดงสดปักอยู่ในแจกัน กลิ่นหอมอ่อนของดอกไม้กรุ่นไปทั่ว

เสียงเปียโนเคล้าคลอเบาๆ ในบรรยากาศที่ดูโรแมนติค ทั้งสองนั่งอยู่ใน

มุมที่เป็นส่วนตัวเหมือนทุกครั้งที่มีโอกาสมาทานข้าวด้วยกันสองต่อสอง

ในช่วงหลังมานี้ อานุภาพมักจะพาปาลิกามาในร้านที่มีบรรยากาศ

โรแมนติคเช่นนี้เสมอ

พออาหารและไวน์ที่อานุภาพสั่งมาเสิร์ฟ เขาก็กุลีกุจอบริการเธอ

ด้วยตัวเอง ซึ่งมันดู ‘มาก’ เกินกว่าทุกครั้ง จนหญิงสาวรู้สึกกระดากใจ

มากกว่าจะเขินอาย

“พี่อ๋ามีอะไรจะพูดกับปลาไม่ใช่เหรอคะ” ปาลิการีบถามขึ้น

ระหว่างที่กำลังทานข้าวกันอยู่

“น้องปลาใจร้อนจัง พี่ว่าเราทานข้าวเสร็จก่อนค่อยคุยกันดีไหม”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ทานไปคุยไปก็ได้ค่ะ”

“งั้นก็ได้จ้ะ คือ...” ชายหนุ่มนิ่งราวกับตัดสินใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อน

เอื้อมมือมาจับมือบางไปกุมไว้ ปาลิกาตกใจ แต่ก็ไม่กล้าชักมือกลับ

“เราก็รู้จักกันมานานแล้วนะน้องปลา ตั้งแต่ตอนเด็กๆ ที่น้องปลามาอยู่

ที่นี่ พี่เองก็ไม่เคยมองใครเลยนอกจากน้องปลา จนถึงตอนนี้...น้องปลา

จะรังเกียจไหมถ้าพี่จะขอน้องปลาแต่งงาน” ดวงตาของอานุภาพที่จับ

จ้องดวงหน้าเล็กเต็มไปด้วยความคาดหวัง แต่คนฟังชะงักค้าง

“หา! พี่อ๋า พี่อ๋าล้อเล่นใช่ไหมคะ” และรีบถามขึ้นหลังจากได้สติ

“พี่ไม่ได้ล้อเล่นนะน้องปลา พี่รักน้องปลานะ รักมาตลอด” คราวนี้

มือใหญ่ที่เกาะกุมมือของเธอไว้บีบกระชับเป็นการยืนยันในความจริงจัง


“ตะ แต่ว่า...เท่าที่ผ่านมาเราไม่เคยคบกันแบบแฟน ปลาเองก็ไม่

เคยคิดว่าพี่อ๋าจะรักปลาแบบ เอ่อ...” หญิงสาวอธิบายไม่ถูกขึ้นมาเสีย

อย่างนั้น แต่ในใจภาวนาให้เขาพูดเล่น แต่...

“อะไรกัน น้องปลาไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่ทำมาตลอดหรอกหรือนี่”

ชายหนุ่มร้องอย่างผิดหวัง แล้วจึงยิ้มบางๆ และเอ่ยต่อ “พี่คงผิดเองที่

ไม่ได้แสดงออกให้ชัดเจน และไม่เคยพูดเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่สำหรับพี่

แล้วพี่คิดว่าความสัมพันธ์ของเรามันมากกว่าการรู้จักสนิทสนมกัน

ธรรมดาเสมอนะ หรือว่าน้องปลาไม่เคยรู้สึกอะไรกับพี่เลย”

“เอ่อ คือว่าปลา...”

“หรือ...น้องปลามีคนอื่นอยู่แล้ว โดยที่พี่ไม่เคยรู้”

“เปล่านะคะ ไม่ใช่อย่างงั้น คือ เอ่อ...” ปาลิการีบปฏิเสธ แต่ก็

ตามมาด้วยสีหน้าลำบากใจจนพูดไม่ออกอีกครั้ง อานุภาพผ่อนลม

หายใจ ก่อนคลี่ยิ้มให้หญิงสาว

“พี่เข้าใจความรู้สึกของน้องปลานะ พี่รวบรัดเอาเองจริงๆ ด้วย งั้น

เอาอย่างนี้ดีไหม พี่ว่าเราพักเรื่องแต่งงานไว้ก่อนก็ได้ แต่พี่อยากจะขอ

หมั้นน้องปลาไว้ก่อน น้องปลาพร้อมเมื่อไหร่เราค่อยแต่งกัน ระหว่างนั้น

พี่เองก็จะได้เตรียมเรื่องเรือนหอและอะไรที่จำเป็นสำหรับเราด้วย น้อง

ปลาจะว่ายังไงจ๊ะ”

“ปลาขอเวลาคิดดูก่อนได้ไหมคะ เพราะว่าปลาไม่ได้ตั้งตัวมาก่อน

เลย”

“ก็ได้จ้ะ พี่เข้าใจ พี่จะรอวันที่น้องปลาตัดสินใจจ้ะ” ที่สุดอานุภาพ

ก็เอ่ยขึ้น ท่ามกลางความโล่งใจและไม่สบายใจของปาลิกาเอง

หญิงสาวแปลกใจตัวเองอยู่ครามครัน ทั้งที่ใฝ่ฝันถึงวันนี้มาตลอด

แต่ทำไมพอเวลานี้มาถึงจริงๆ กลับไม่รู้สึกยินดีอย่างที่คิด หรือเธอมี

เรื่องราวหนักอึ้งอยู่ในใจที่ยังไม่ได้รับการสะสาง หรือหัวใจยังไม่พร้อม

กับเรื่องแบบนี้ หรืออีกที...แท้จริงแล้วลึกๆ ในใจตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอ

ไม่เคยต้องการให้เป็นแบบนี้เลย...


ตอบคอมเม้นต์ตอนที่แล้วจ้าา...
คุณKim -งอนไปงอนมา ทำท่าจะกู่ไม่กลับซะนี่ มาอัพต่อแล้วนะค่ะ ขอบคุณค่า ^_^



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.พ. 2559, 20:31:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.พ. 2559, 20:35:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 1109





<< บทที่ 22   บทที่ 24 >>
Kim 11 ก.พ. 2559, 01:36:54 น.
เฮียอ๋าขอแต่งงานแล้วนะ นายซันยังไปไม่ถึงไหนเลยแถมตอนนี้ยังงอนกันอยู่ด้วย รีบๆหน่อยนายซัน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account