ตะวัน (ร้าย) ฉายรัก (นามปากกา 'พิริตา' ) เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อม E-Book
‘ปาลิกา’ หญิงสาวกำพร้าที่สูญเสียครอบครัวไป

ตั้งแต่ยังเยาว์วัย แต่โชคดีที่มีผู้อุปการะไว้ ซึ่งก็เป็นนายจ้างของครอบครัว

เธอนั่นเอง ปาลิกาเติบโตมาท่ามกลางความรัก เข้าใจอย่างล้นเหลือของ

ประมุขทั้งสองของบริษัท ‘เดอะซัน กรุ๊ป จิวเวลรี่’ และเพราะที่แห่งนี้เป็น

สถานที่ที่ทั้งพ่อแม่และยายของเธอได้ใช้ชีวิตอยู่จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

ที่นี่จึงมีความหมาย และมีความสำคัญสำหรับหญิงสาวมาก

ในชีวิตของปาลิกามีเพียงสองสิ่งเท่านั้นที่เธอรู้สึกว่าเป็นอุปสรรค ขวาก

หนามที่ยิ่งใหญ่ นั้นก็คือ ปมแห่งความหวาดกลัวที่เป็นเหตุให้เธอติดอยู่กับฝัน

ร้ายในวัยเด็ก และลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รัตนาวาณิชย์’ ที่เติบโต

มาด้วยกัน เขามีอายุอ่อนกว่าเธอหนึ่งปี แต่ไม่เคยยอมรับว่าเธอเป็นพี่สาว

หนำซ้ำยังคอยแกล้งเธอมาตั้งแต่เด็ก และเธอก็เรียกเขาว่า ‘จอมวายร้ายเจ้า

เล่ห์,คนกวนประสาทฯ ‘ แต่ทว่าจอมวายร้ายคนนั้นกลับเป็นคนเดียวกันที่อยู่

เคียงข้างเธอยามมีภัย และพยายามช่วยเธอให้หลุดพ้นจากปมแห่งฝันร้าย

นั้น และเป็นคนเดียวกับที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย

แต่แล้ว...ก็กลับเป็นคนเดียวกัน ที่กันเธอออกจากเดอะซัน กรุ๊ปฯ และชีวิต

ของเขา เหมือนไม่เห็นค่า ความสำคัญของเธออีกต่อไป จนหญิงสาวทนอยู่

กับความรู้สึกเจ็บปวด สิ้นไร้ ด้อยค่าของตัวเองไม่ไหว ที่สุดจึงตัดสินใจเดิน

ออกมาจากชายคาเดอะซัน กรุ๊ปฯ ด้วยหัวใจที่บอบช้ำ.


‘ตะวันฉาย’ ลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รัตนาวาณิชย์’ และผู้สืบทอด

กิจการของบริษัท ‘เดอะซัน กรุ๊ป จิวเวลรี่’ ต่อจากมารดา หลังกลับจากเรียน

ต่อต่างประเทศชายหนุ่มได้เข้ามาเรียนรู้งานในเดอะซัน กรุ๊ปฯ อย่างเต็มตัว

โดยมี ‘ปาลิกา’ (หรือที่เขาเรียกจนติดปากว่า ‘ยัยปลิก’) คอยกระตุ้นอยู่ตลอด

ทั้งที่โดยนิสัยแล้วตะวันฉายเป็นคนที่มีความตั้งใจ รับผิดชอบและจริงจังกับ

งาน โดยเฉพาะช่วงหลังที่เขาเข้ามาทำงานอย่างเต็มตัวแล้วนั่น แต่ใน

ทางกลับกันตะวันฉายจะกลายเป็นเด็กไม่ยอมโตทันทีที่อยู่กับปาลิกา เพราะ

ความรื่นรมย์อีกอย่างในชีวิตของเขาตั้งแต่เล็กจนโต คือการได้แกล้งปาลิกา

ทั้งวาจาและการกระทำ แต่เขาก็ได้สงวนลิขสิทธิ์ในการแกล้งไว้แค่ตัวเขา

เอง คนอื่นห้ามแกล้งโดยไม่ได้รับอนุญาตเสียอย่างนั้น

แต่ทว่าหากยามใดที่ปาลิกามีภัย อ่อนแอ ตะวันฉายจะถึงตัวเธอก่อนเสมอ

เขาห่วงทุกย่างก้าวในชีวิตของเธอ โดยเฉพาะปมแห่งความกลัวที่ทำให้เธอ

ฝันร้ายในตอนเด็ก ชายหนุ่มปรารถนาจะให้เธอเอาชนะความกลัวนั้นให้ได้

และการที่ตะวันฉายได้มีโอกาสอยู่เพียงลำพัง ไกลห่างกับปาลิกาขณะที่

เรียนอยู่ต่างประเทศนั้น ได้ทำให้เขารู้ใจตัวเองว่าคิดอย่างไรกับเธอ ชาย

หนุ่มไม่เคยสงสัยในความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวเลยสักนิด แต่เพราะเชื่อว่าเธอ

รักใครอีกคนที่เป็นญาติสนิทของเขา และผู้ชายคนนั้นก็เป็น ‘ผู้ชายในฝัน’

ของเธอมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาได้แต่กล้ำกลืนความรู้สึกเอาไว้ กว่าจะรู้ว่า
ปาลิกาก็รักเขาไม่ต่างกัน ก็ในวันที่เธอได้หนีเขาไปเสียแล้ว...


‘ก็ลื้อสองคนน่ะสิ มีด้ายแดงผูกติดกันมา

ตั้งแต่เกิด แต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือด้ายแดงที่ผูกพวกลื้อไว้นั้นมันสั้นมาก ทำ

ให้ต้องมาใกล้กันตั้งแต่เด็ก ไม่เหมือนบางคู่ที่ด้ายจะยาวอาจใช้เวลานานกว่า

จะได้มาเจอกัน แต่นั่นแหล่ะด้ายแดงแห่งโชคชะตาของพวกลื้อจะไม่มีวันถูก

ตัดขาด แล้วมันก็จะอยู่ในระยะสั้นอย่างนี้ตลอดไป อย่างที่เคยเป็นมาจนกว่า

จะตายจากกัน และหากวันใดที่มันยืดยาวออกไปไม่ว่าด้วยสาเหตุอันใด ด้าย

นั้นก็จะดึงรั้งพวกลื้อให้ต้องกลับมาใกล้กันจนได้ หากพวกลื้อฝืนก็จะทำให้

เจ็บปวดทุรนทุราย เหมือนจะขาดใจเลยทีเดียว มันเป็นลิขิตของสวรรค์’

ตะวันฉายกับปาลิกาจะทำเช่นไรกับหัวใจของตัวเอง

ด้ายแดงแห่งโชคชะตา และสายใยแห่งความผูกพัน

จะสามารถนำพาหัวใจทั้งสองดวงให้กลับมาแนบชิดกัน

เหมือนในวันเก่าได้หรือไม่?..................................

โปรดติดตามใน ‘ตะวัน (ร้าย) ฉายรัก’ ได้เลยค่ะ


Tags: ตะวัน ร้าย ฉาย รัก ปลา อัญมณี จิวเวลรี่ หวานซึ้ง

ตอน: บทที่ 24

ตะวันฉายนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน มีแฟ้มกองใหญ่วางอยู่ทั้งด้านซ้าย

และขวา ขณะที่เขาเองกำลังก้มหน้าก้มตาตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ในนั้น

อย่างใจจดใจจ่อ เสียงอินเตอร์คอมก็ดังขึ้นมา

“ว่าไงหยินมี่” เขากดรับ สายตายังไม่ละจากแฟ้มที่กางอยู่

“หมวยเล็ก หมวยใหญ่มาขอพบนายแน่ะ” สิ่งที่หยินมี่บอกมาทำ

ให้ชายหนุ่มชะงักไปนิดหนึ่ง

“มีอะไรหรือเปล่า เอ่อ...ให้เข้ามาเถอะ” ที่สุดก็ตัดสินใจ เพราะรู้ดี

ว่าหากสองคนนั่นบุกมาถึงที่ทำงานของเขาคงมีเรื่องสำคัญเป็นแน่ และ

หากไม่ให้พบในตอนนี้ สองหมวยก็คงหาทางอื่นมาพบเขาจนได้นั่น

แหล่ะ

“เฮียซัน เรามีเรื่องจะบอกเฮีย” หมวยเล็กรีบพูดขึ้นทันทีที่โผล่หน้า

เข้ามาในห้อง

“ใช่ เฮียต้องตกใจแน่ๆ ที่สำคัญเฮียต้องช่วยเรานะ” หมวยใหญ่

เสริม ผิดจากที่คาดไว้เมื่อไหร่ล่ะ ชายหนุ่มแอบผ่อนลมหายใจ

“เรื่องอะไรของพวกเธอ ว่ามา...” ตะวันฉายเงยหน้าขึ้นมองพลาง

ถาม

“ก็เฮียอ๋าน่ะสิ ขอยัยปลาเน่า เอ๊ย! ยัยปลาแต่งงาน เฮียรู้ไหม? ”

หมวยเล็กจีบปากจีบคอพูดในทันทีที่ได้รับอนุญาต ขณะคนฟังหัวใจ

หล่นวูบในทันทีที่ได้ยินเช่นกัน

“ใช่ ยัยนั่นน่ะอยากจับเฮียอ๋าจะแย่อยู่แล้ว ก็เข้าล็อคพอดีเลยน่ะ

สิ” หมวยใหญ่รีบเสริมอีก แต่ชายหนุ่มนิ่งงันด้วยความรู้สึกปวดแปลบ

ในหัวใจ มันเข้มข้นจนไม่รับรู้สิ่งใดรอบข้างไปครู่หนึ่ง กระทั่งได้ยินเสียง

ของหมวยเล็กดังขึ้น

“เฮียซัน ยังฟังอยู่หรือเปล่าเฮีย” คนเรียกหันไปมองหน้าพี่สาวงงๆ

“เอ่อ...ฟังอยู่ แล้วยังไง” เสียงของเขาฟังดูแปลกแปร่งเต็มที

“เราอยากให้เฮียช่วยขัดขวางไม่ให้ยัยนั่นแต่งงานกับเฮียอ๋าน่ะสิ

เราไม่อยากได้ยัยนั่นเป็นพี่สะใภ้” หมวยใหญ่บอกจุดประสงค์ของการ

มาครั้งนี้แบบไม่มีอ้อมค้อม

“ทำไม ปาลิกาไม่ดีตรงไหน” ตะวันฉายถามหรี่ตามองญาติผู้น้อง

ทั้งสองประเมินสถานการณ์เต็มที่

“เฮียก็รู้ยัยนั่นอยากจับเฮียอ๋าขนาดไหน แล้วยัยนั่นก็ไม่ใช่ พวก

เรา ซะหน่อย แค่ลูกพนักงานกระจอกๆ ม๊าไม่ปลื้มหรอกนะ” หมวยเล็ก

เหยียดปาก

“เฮียก็รู้ว่าไม่ใช่แค่เราที่ไม่ชอบ ม๊าเองก็ไม่ได้อยากได้สะใภ้อย่าง

ยัยนั่น เฮียอ๋าบอกจะขอยัยนั่นแต่งงาน ม๊าห้ามยังไงก็ไม่ฟัง ถึงขนาด

ทะเลาะกันอย่างหนักเลยด้วย เฮียอ๋าหน้ามืดตามัวไปแล้ว” มาตอนนี้

หมวยใหญ่กลับมีท่าทีวิตกกับพฤติกรรมของพี่ชายที่แข็งขึ้นต่อมารดา

อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“ถ้าพวกเธออยากให้ฉันขัดขวางไม่ให้สองคนนั้นแต่งงานกันล่ะก็

ฉันคงทำไม่ได้หรอก” เขาบอกเสียงเรียบ ซ่อนความรู้สึกขื่นขมไว้ภายใน

“อ้าว ทำไมล่ะเฮีย” ทั้งสองหมวยร้องด้วยความผิดหวังอย่างแรง

“หากสองคนนั่นตกลงใจว่าจะแต่งงานกัน ก็แสดงว่าคงรักกันมาก

จะฉันหรือใครก็คงห้ามหรือทำอะไรไม่ได้หรอก พวกเธอกลับไปเถอะ”

ชายหนุ่มออกปากไล่ในที่สุด

“แต่...เฮีย” ทั้งสองร้องขึ้นหมายจะท้วง แต่...

“กลับกันไปได้แล้ว ฉันจะทำงาน! ” ตะวันฉายตวาด เล่นเอาสอง

หมวยรีบลนลานออกไปจากห้องด้วยความหวาดกลัวและผิดหวังใน

คราวเดียวกัน

พอคล้อยหลังพวกนั้นไปแล้ว ชายหนุ่มปิดแฟ้มที่อยู่ตรงหน้า โยน

ปากกาลงบนโต๊ะอย่างไม่ใยดี ก่อนจะหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงขนาด

เล็กที่อยู่ในลิ้นชักขึ้นมาเปิดดูอีกครั้ง แหวนวงเล็กน่ารักที่เขาพิถีพิถันทั้ง

การออกแบบให้ออกแนวแฟนซีเล็กๆ ดูเหมาะกับคนที่ตั้งใจจะให้ บรรจง

เลือกสรรวัตถุดิบอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นทอง 24k ที่ทำตัวเรือน และ

อัญมณีสีม่วงสวยเป็นประกายแวววาว

แต่ตอนนี้...มันจะมีความหมายอะไรเล่า ตะวันฉายพิงพนักเก้าอี้

หลับตานิ่งนาน ปวดหนึบที่หัวใจ ทำไมต้องรู้สึกอย่างนี้ด้วยนะ ทั้งที่รู้อยู่

แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง เขาถามตัวเองพลางถอนหายใจด้วยความอ่อนล้า

“ฉันพึ่งรู้นะซันว่าอาอรนภาไม่ชอบยัยปลา หรือยัยพวกนั้นเกลียด

ยัยปลาเข้ากระดูกดำจึงเอาแม่มาอ้าง” เสียงหยินมี่ปลุกชายหนุ่มให้ตื่น

จากภวังค์ ตะวันฉายวางกล่องแหวนลงในลิ้นชักตามเดิมด้วยความ

รวดเร็วเกินกว่าที่หยินมี่จะทันสังเกตเห็น และปรับท่านั่งให้เป็นปกติ

ทันที “เอ่อ...’โทษทีนะที่แอบฟัง เสียงยัยนรกสองตัวนั่นปรี๊ดออกไปถึง

ข้างนอก ทำให้ฉันอดแส่ไม่ได้จริงๆ ” หยินมี่ยกมือขึ้นลูบต้นคอตัวเอง

พลางยิ้มเก้อๆ แต่ตะวันฉายได้แต่โบกมือแทนการบอกว่าไม่เป็นไร

“เรื่องอาอรนภา ยัยแฝดนรกไม่ได้โกหกหรอก” แล้วจึงตอบในสิ่งที่

เพื่อนข้องใจ

“แสดงว่านายรู้เหรอ” ความแปลกใจปรากฏบนใบหน้าของหยินมี่

“ฉันเป็นหัวหน้าแก๊งค์ยัยพวกนั้นไม่ใช่หรือไง ฉันก็ต้องได้ยิน

อะไรบ้างล่ะ จริงๆ แล้วมันไม่ใช่แค่เรื่องที่ว่ายัยปลิกเป็นใครมาจากไหน

หรอก ที่ทำให้ผู้หญิงบ้านนั้นอคติกับยัยนั่น แต่สำคัญมันอยู่ที่ณ.วันนี้

ยัยปลิกอยู่ตรงไหน ได้ดียังไงมากกว่า”

“นายอย่าบอกนะว่าที่เกลียดๆ นี่เป็นเพราะอิจฉายัยปลาที่เป็นที่

รัก เอ็นดูของคุณป้าและคุณลุง”

“รวมทั้งหน้าที่การงานด้วย” ตะวันฉายเสริม รู้สึกเศร้าใจอยู่ลึกๆ

กับความจริงที่เขาเองก็รู้มานานแต่ไม่เคยกล้าบอกให้ปาลิการู้ตัว เพียง

เพราะสงสารเธอนั่นเอง

ชายหนุ่มคิดว่าอย่างไรเสียการไม่รู้ยังดีกว่าที่รู้แล้วเสียความรู้สึก

เขากลัวแต่ปาลิกาจะวางตัวลำบากหากลงเอยกับอานุภาพขึ้นมาจริงๆ

ตะวันฉายไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือผิด แต่ที่แน่ๆ ไม่ว่าเจ้าตัวจะรู้หรือไม่รู้

ก็มีค่าไม่ต่างกันอยู่ดี นั่นคือ...ถูกเกลียด

“บ้าจริง! ใช่ว่าคุณป้าจะใจร้ายด้วยซักหน่อย ก็รักสองคนนั่น

เหมือนหลานทุกคนนั่นแหล่ะ ตัวเองทำตัวไม่เอาถ่าน ไม่ทำอะไรดีๆ ให้

น่ารัก น่าเอ็นดูเองนี่นา แล้วจะมาเรียกร้องอะไรล่ะ ให้มาทำงานก็ไม่มา

ไม่มีสัมมาคาระวะ โอ๊ย! สารพัดความน่าชัง ไม่อยากจะพูด” หยินมี่ใส่

อารมณ์เต็มที่ “ที่ฉันเคยว่ายัยพวกนี้ร้ายอย่างไม่มีเหตุผลไร้สติเห็นจะ

ไม่ใช่เสียแล้ว แท้ที่จริงพวกนี้ร้ายเพราะถูกเสี้ยมมาจากแม่นั่นเอง นั่นล่ะ

เหตุผลที่สำคัญ จะว่าไปก็ไม่น่าเชื่อว่าอาอรนภาจะเสี้ยมลูกให้เป็นอย่าง
นี้ เห็นหงิมๆ มิน่ายัยพวกนี้ถึงได้กล้าร้ายใส่ยัยปลาสารพัด เฮ้อ! ฉันชัก

เป็นห่วงยัยปลาแล้วสิซัน จะไปอยู่ท่ามกลางคนที่เกลียดตัวเองขนาดนั้น

ได้ยังไง อย่างยัยปลาจะไปสู้รบปรบมือกับใครเขาได้ มีแต่จะถูกโขกสับ

มากขึ้นไปอีกน่ะสิไม่ว่า” แล้วก็อดวิตกด้วยความห่วงเพื่อนไม่ได้ แต่

คราวนี้มันมากกว่าเก่าหลายเท่านัก

“แล้วเธอจะทำอะไรได้ถ้ายัยนั่นเลือกที่จะให้เขาโขกสับเอง”

“ซัน นายคงไม่คิดว่ายัยปลาจะแต่งงานกับเฮียอ๋าจริงๆ หรอกนะ”

“เธอจะให้เข้าใจว่าไง ตั้งแต่ไหนแต่ไรมายัยนั่นหายใจเข้าหายใจ

ออกเป็นเฮียอ๋ามาตลอด รอวันที่เขาจะมาบอกรักหรือขอแต่งงานมาตั้ง

นานแล้วมั้ง” ตะวันฉายอดที่จะประชดลมประชดแล้งไม่ได้ แต่หยินมี่ที่

เป็นห่วงเพื่อนรักได้แต่หมายมาดในใจว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างเสีย

แล้ว


ปาลิกาขึ้นมาบนห้องทันทีหลังเลิกงาน แล้วรื้ออัลบั้มรูปเก่าๆ

ตั้งแต่สมัยเป็นเด็กมาดู ไล่สายตาไปยังภาพแอ็คชั่นประหลาดๆ ของ

‘นายซัน’ ภาพแล้วภาพเล่า ไม่ค่อยมีรูปไหนที่จะเรียบร้อยกับเขาบ้าง

เลย แม้ตอนนี้จะรู้สึกถึงความห่างไกลระหว่างเขาและเธอ แต่หญิงสาวก็

อดอมยิ้มไปกับภาพเหล่านั้นไม่ได้

อย่างน้อยที่สุด รูปภาพเหล่านี้ก็ทำให้ปาลิกาอุ่นใจว่าครั้งหนึ่งเธอ

และเขาเคยสนิทกัน...แม้จากนี้ต่อไปมันจะกลายเป็นแค่อดีตก็ตาม

หญิงสาวรู้สึกใจหายวูบเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ แต่แล้วก็ต้องชะงักกับเสียง

เคาะประตูที่ดังขึ้นพร้อมเสียงแปร๋นของหยินมี่

“ยัยปลา ฉันเองนะ” ปาลิการีบซุกอัลบั้มรูปไว้ใต้ผ้าห่มในทันที

ก่อนเดินไปเปิดประตู

“เธอไม่รีบกลับเหรอวันนี้”

“ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอน่ะสิ ถึงต้องขึ้นมาคุยเอง ไม่อยาก

โทร.มา” หยินมี่พูดเสียงกระซิบ ทำหน้าตาเหมือนมีลับลมคมในชอบกล

และเป็นฝ่ายรีบดึงปาลิกาเข้ามาในห้องเสียเอง

“เรื่องอะไรของเธอ สำคัญขนาดนั้นเชียว” ปาลิกาอดขำไปกับ

ท่าทางของเพื่อนไม่ได้ ขณะพากันนั่งลงบนเตียง

“ฉันได้ยินมาว่าเฮียอ๋าขอเธอแต่งงานเหรอ” หยินมี่รีบยิงเข้า

ประเด็นในทันทีไม่มีอ้อมค้อม

“เธอรู้ได้ยังไง” หญิงสาวรู้สึกฉงนอยู่ในใจ เพราะเธอยังไม่ได้เล่า

เรื่องนี้ให้หยินมี่ฟังเลยด้วยซ้ำ

“ก็ยัยแฝดนรกนั่นมาหานายซันวันนี้น่ะสิ” คนพูดทำเสียงฮึดฮัดให้

รู้ว่าหมั่นไส้เต็มประดา

“แสดงว่า...นายซันรู้...” แต่คนที่ได้ฟังกลับสะดุดใจอีกประเด็น

“ไม่รู้ได้ไงล่ะ ก็ยัยพวกนั้นให้นายซันขัดขวางเธอกับเฮียอ๋าซะ

ขนาดนั้น แต่นายซันเองก็คงไม่ทำอะไรปัญญาอ่อนอย่างนั้นหรอก ว่า

แต่เธอเหอะยัยปลาจะแต่งงานกับเฮียอ๋าจริงเหรอ”

“ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงหรอก ฉันขอเวลาพี่อ๋าคิดดูก่อนและก็ยัง

ไม่ได้ตัดสินใจ”

“เฮ้อ! ค่อยยังชั่ว อย่างน้อยฉันก็พอพูดอะไรได้เต็มปากหน่อย”

หยินมี่ถอนหายใจโล่งอก “คืองี้...ฉันอยากให้เธอลองคิดดูให้ดีนะ เธอรู้

หรือเปล่าว่าอาอรนภากับเฮียอ๋าถึงกับทะเลาะกันใหญ่โตเลยนะเรื่อง

นี้น่ะ”

“ขนาดนั้นเลยเหรอ” ปาลิการำพึงเสียงแผ่ว

“ก็ใช่น่ะสิ ฉันก็ไม่อยากเชื่อยัยแฝดนรกนั่นหรอก แต่นายซัน

ยืนยันมาว่าเป็นความจริง เธอรู้หรือเปล่าว่าอาอรนภาคิดยังไงกับเธอ”

“ฉัน...ก็ไม่แน่ใจนักหรอกหยินมี่ แต่ก็รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน

แต่ฉันไม่ได้คิดอะไรมาก แล้วอีกอย่างที่ผ่านมาฉันกับคุณอาอรนภาก็ไม่

มีโอกาสได้ใกล้ชิดกันอยู่แล้ว แต่ฉันไม่แปลกใจหรอกที่แกจะคิดกับฉัน

แบบนั้น ฉันก็เป็นแบบแกว่าจริงๆ ไม่มีค่าพอที่จะมาดีด้วยหรอก” พูด

เหมือนตัดพ้อไปถึงใครอีกคน ทั้งที่รู้เรื่องนี้ดีแต่กลับไม่เคยบอกให้เธอ

รู้ตัวเลยสักนิด

“โธ่ ยัยปลาเธออย่าคิดอย่างนั้นสิ เธอไม่ได้ไร้ค่าสักหน่อย ตรง

ข้ามเธอมีค่ามากแต่คนพวกนั้นมองไม่เห็นเองต่างหาก” ปาลิกาได้แต่

ยิ้มบางๆ ให้เพื่อนแทนการขอบคุณในคำปลอบโยนนั้น “แล้วนี่เธอคิดว่า

ถ้าแต่งกันไปจริงๆ เธอจะทนความกดดันแบบนั้นไหวเหรอ ทั้งชีวิตของ

เธอเชียวนะ แล้วอีกอย่างที่สำคัญฉันไม่แน่ใจว่าเฮียอ๋าจะดูแลปกป้อง

เธอจากครอบครัวเขาได้ เพราะไม่อย่างนั้นเธอก็คงไม่โดนยัยสองหมวย

นั่นแกล้งครั้งแล้วครั้งเล่าหรอก ที่ผ่านมานั่นแค่สองนะที่ประกาศตัวเป็น

ศัตรูกับเธอแบบออกนอกหน้า แต่ถ้าแต่งกันจริงๆ อาอรนภาคงไม่เก็บ

อาการเพราะเกรงใจคุณป้าโฉมกับนายซันอย่างในตอนนี้แน่”

“ฉันยังไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้นเลยหยินมี่” ปาลิกาพูดจาก

ความรู้สึกที่แท้จริง เพราะแม้จะมาถึงตอนนี้แล้ว สิ่งที่วนเวียนอยู่ใน

สมองของเธอกลับไม่ใช่เรื่องนี้เลยสักนิด

“เธอต้องคิดแล้วนะยัยปลา ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ อย่างที่เราเคยฝัน

หวานสมัยมัธยมฯ แล้วนะ ที่จะมองโลกสวยงาม ได้แต่งงานกับเทพบุตร

ในฝันมีความสุขตลอดกาลอะไรอย่างนั้นน่ะ” ปาลิกาหัวเราะคิกอย่าง

เห็นขันกับท่าทางจริงจังและสิ่งที่หยินมี่พูด จนเพื่อนผู้หวังดีถลึงตาเข้า

ใส่ “ยังจะมาทำหน้าแป้นแล้นอีก ฉันซีเรียสนะยัยปลา แต่นั่นแหล่ะ...ฉัน

ก็แค่อยากให้เธอหยุดคิดบ้างเท่านั้นเอง แต่ถ้าเธอรักเฮียอ๋ามาก และ

สามารถรับสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้จริง ฉันก็จะไปว่าอะไรเธอได้ บางที

มันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่ฉันพูดมาก็ได้นะ แต่ไม่ว่าเธอจะตัดสินใจ

ยังไงฉันก็ยังเป็นเพื่อนเธอเสมอ และฉันก็พร้อมจะเข้าใจกับทุกการ

ตัดสินใจของเธอ” คราวนี้น้ำเสียงของสาวอวบอ่อนลงแต่สีหน้ายังเต็ม

ไปด้วยความจริงจังไม่เปลี่ยนแปลง

“ขอบใจเธอมากนะหยินมี่ที่เป็นห่วงฉัน” ทำให้คนฟังคลี่ยิ้ม

ความรู้สึกตื้นตันเต็มล้นอยู่ภายในใจ

“ไม่ใช่แค่ฉันหรอกนะ นายซันเองก็เป็นห่วงเธอแทบแย่”

“อย่าพูดถึงเขาเลย” ปาลิกาตัดบทรอยยิ้มคลายไปจากริมฝีปาก

“ยัยปลา เธอกับนายซันโกรธอะไรกันนักหนานะ ทำไมถึงเป็นไป

ได้ขนาดนี้ พวกเธอไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลยนี่นา”

“เปล่าหรอกหยินมี่ ไม่มีอะไรหรอก เธออย่ากังวลเลยน่า” หญิง

สาวรีบปฏิเสธ แต่หยินมี่ดูท่าจะไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด เพราะเธอถอน

หายใจส่ายหน้าอยู่นั่นแล้ว

“เอาเถอะ ถ้าเธอไม่อยากพูดฉันก็จะไม่บังคับ แต่ไม่ว่าเธอจะ

ตัดสินใจยังไง ทำอะไร อย่าลืมนะฉันยังเป็นเพื่อนเธอเสมอ” หยินมี่ยัง

ย้ำถึงสิ่งที่บอกไปเมื่อครู่

“ขอบใจเธออีกครั้งนะหยินมี่ ฉันไม่ลืมหรอกรับรอง” เสียงของ

ปาลิกาสั่นเล็กน้อย ขณะที่ความร้อนผะผ่าวตรงกระบอกตา แต่เจ้าตัว

พยายามกลั้นน้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจเอาไว้ด้วยความยากลำบาก

หลังจากหยินมี่กลับไปแล้ว ปาลิกาได้แต่ทบทวนถึงสิ่งที่เพื่อนรัก

พูด เธอรู้ว่าหยินมี่รักและเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน และความรัก ห่วงใย

ของหยินมี่นั่นเองที่ทำให้เธอไม่สามารถพูดทุกสิ่งทุกอย่างได้เหมือนเก่า

เพราะความรู้สึกที่เธออยากพูดอยากบอกในวินาทีนี้ดันเกี่ยวข้องกับคน

ที่อยู่ใกล้ชิดหยินมี่ ทั้งในฐานะญาติสนิท เพื่อน และเจ้านาย

เช่นกันกับที่หยินมี่คงรักและห่วงใยตะวันฉายไม่ต่างไปจากที่รู้สึก

กับเธอ ปาลิกาจึงได้แต่กล้ำกลืนทุกสิ่งไว้ ในขณะที่รู้สึกเหมือนอยู่ตัวคน

เดียวในโลก วันที่ใครๆ ไม่ต้องการเธอ แม้แต่คนที่บอกว่าจะไม่ทิ้งเธอไป

ไหน จะอยู่ใกล้ๆ เสมอ มาวันนี้เขาไม่ได้เห็นค่าความสำคัญของเธออีก

ต่อไปแล้ว เพราะนอกจากตะวันฉายจะปิดบังทุกอย่างในชีวิตของเขา

ราวกับไม่อยากให้เธอมีส่วนรับรู้ แล้วยังไม่ใยดีด้วยซ้ำว่าเธอจะแต่งงาน

ไปกับใคร หรือไปพบเจอกับสิ่งใด

ตะวันฉายไม่เคยยอมรับเธอเป็น ‘พี่สาว’ มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เป็น

เรื่องที่หญิงสาวเข้าใจและไม่คิดมาก แต่จะในฐานะอะไรก็ช่าง หากเขา

บอกเธอสักนิดถึงสิ่งที่หยินมี่บอก ปาลิกาคงปัดความคิดน้อยใจ

ทั้งหลายทั้งปวงที่กำลังรู้สึกจากการกระทำหลายๆ อย่างของเขาไปได้ไม่

ยาก ไม่ว่าชายหนุ่มจะมีเหตุผลที่ฟังขึ้นหรือไม่มีเหตุผลอะไรเลยก็ตาม

ปาลิกาตลบผ้าห่มที่คลุมอัลบั้มรูปเมื่อครู่ออก มองมันอยู่นิ่งๆ ไม่

มีแรงแม้แต่จะเปิดดูอีกครั้ง เหมือนมวลอากาศที่หม่นเศร้ากำลังโอบรัด

ตัวเธอเอาไว้ ความเจ็บปวดมากองรวมกันอยู่ตรงหัวใจ หญิงสาวได้แต่

ปล่อยตัวเองให้จั่งจมกับความรู้สึกสิ้นไร้ด้อยค่า และความรู้สึกไม่เป็นที่

ต้องการของคนทั้งโลก ม่านน้ำตากำลังบดบังนัยน์ตาพร่าเลือน และเธอ

ก็ปล่อยให้มันรินไหลอยู่ในความเงียบงัน


ตอบเม้นต์จ้า...
คุณKim- ช่วงนี้อาจมีดราม่าเยอะหน่อย อย่าลืมเอาใจช่วยนายซันกับหนูปลากันต่อไปนะคะ ^_^



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.พ. 2559, 20:47:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.พ. 2559, 20:57:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1121





<< บทที่ 23   บทที่ 25 >>
Kim 12 ก.พ. 2559, 21:41:29 น.
สงสารทั้งยัยปลาและนายซัน เพราะความเป็นพี่น้องเลยไม่กล้าสารภาพความรู้สึกของตัวเอง


aom 13 ก.พ. 2559, 14:27:46 น.
น่าสงสารจัง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account