ตะวัน (ร้าย) ฉายรัก (นามปากกา 'พิริตา' ) เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อม E-Book
‘ปาลิกา’ หญิงสาวกำพร้าที่สูญเสียครอบครัวไป

ตั้งแต่ยังเยาว์วัย แต่โชคดีที่มีผู้อุปการะไว้ ซึ่งก็เป็นนายจ้างของครอบครัว

เธอนั่นเอง ปาลิกาเติบโตมาท่ามกลางความรัก เข้าใจอย่างล้นเหลือของ

ประมุขทั้งสองของบริษัท ‘เดอะซัน กรุ๊ป จิวเวลรี่’ และเพราะที่แห่งนี้เป็น

สถานที่ที่ทั้งพ่อแม่และยายของเธอได้ใช้ชีวิตอยู่จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

ที่นี่จึงมีความหมาย และมีความสำคัญสำหรับหญิงสาวมาก

ในชีวิตของปาลิกามีเพียงสองสิ่งเท่านั้นที่เธอรู้สึกว่าเป็นอุปสรรค ขวาก

หนามที่ยิ่งใหญ่ นั้นก็คือ ปมแห่งความหวาดกลัวที่เป็นเหตุให้เธอติดอยู่กับฝัน

ร้ายในวัยเด็ก และลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รัตนาวาณิชย์’ ที่เติบโต

มาด้วยกัน เขามีอายุอ่อนกว่าเธอหนึ่งปี แต่ไม่เคยยอมรับว่าเธอเป็นพี่สาว

หนำซ้ำยังคอยแกล้งเธอมาตั้งแต่เด็ก และเธอก็เรียกเขาว่า ‘จอมวายร้ายเจ้า

เล่ห์,คนกวนประสาทฯ ‘ แต่ทว่าจอมวายร้ายคนนั้นกลับเป็นคนเดียวกันที่อยู่

เคียงข้างเธอยามมีภัย และพยายามช่วยเธอให้หลุดพ้นจากปมแห่งฝันร้าย

นั้น และเป็นคนเดียวกับที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย

แต่แล้ว...ก็กลับเป็นคนเดียวกัน ที่กันเธอออกจากเดอะซัน กรุ๊ปฯ และชีวิต

ของเขา เหมือนไม่เห็นค่า ความสำคัญของเธออีกต่อไป จนหญิงสาวทนอยู่

กับความรู้สึกเจ็บปวด สิ้นไร้ ด้อยค่าของตัวเองไม่ไหว ที่สุดจึงตัดสินใจเดิน

ออกมาจากชายคาเดอะซัน กรุ๊ปฯ ด้วยหัวใจที่บอบช้ำ.


‘ตะวันฉาย’ ลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รัตนาวาณิชย์’ และผู้สืบทอด

กิจการของบริษัท ‘เดอะซัน กรุ๊ป จิวเวลรี่’ ต่อจากมารดา หลังกลับจากเรียน

ต่อต่างประเทศชายหนุ่มได้เข้ามาเรียนรู้งานในเดอะซัน กรุ๊ปฯ อย่างเต็มตัว

โดยมี ‘ปาลิกา’ (หรือที่เขาเรียกจนติดปากว่า ‘ยัยปลิก’) คอยกระตุ้นอยู่ตลอด

ทั้งที่โดยนิสัยแล้วตะวันฉายเป็นคนที่มีความตั้งใจ รับผิดชอบและจริงจังกับ

งาน โดยเฉพาะช่วงหลังที่เขาเข้ามาทำงานอย่างเต็มตัวแล้วนั่น แต่ใน

ทางกลับกันตะวันฉายจะกลายเป็นเด็กไม่ยอมโตทันทีที่อยู่กับปาลิกา เพราะ

ความรื่นรมย์อีกอย่างในชีวิตของเขาตั้งแต่เล็กจนโต คือการได้แกล้งปาลิกา

ทั้งวาจาและการกระทำ แต่เขาก็ได้สงวนลิขสิทธิ์ในการแกล้งไว้แค่ตัวเขา

เอง คนอื่นห้ามแกล้งโดยไม่ได้รับอนุญาตเสียอย่างนั้น

แต่ทว่าหากยามใดที่ปาลิกามีภัย อ่อนแอ ตะวันฉายจะถึงตัวเธอก่อนเสมอ

เขาห่วงทุกย่างก้าวในชีวิตของเธอ โดยเฉพาะปมแห่งความกลัวที่ทำให้เธอ

ฝันร้ายในตอนเด็ก ชายหนุ่มปรารถนาจะให้เธอเอาชนะความกลัวนั้นให้ได้

และการที่ตะวันฉายได้มีโอกาสอยู่เพียงลำพัง ไกลห่างกับปาลิกาขณะที่

เรียนอยู่ต่างประเทศนั้น ได้ทำให้เขารู้ใจตัวเองว่าคิดอย่างไรกับเธอ ชาย

หนุ่มไม่เคยสงสัยในความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวเลยสักนิด แต่เพราะเชื่อว่าเธอ

รักใครอีกคนที่เป็นญาติสนิทของเขา และผู้ชายคนนั้นก็เป็น ‘ผู้ชายในฝัน’

ของเธอมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาได้แต่กล้ำกลืนความรู้สึกเอาไว้ กว่าจะรู้ว่า
ปาลิกาก็รักเขาไม่ต่างกัน ก็ในวันที่เธอได้หนีเขาไปเสียแล้ว...


‘ก็ลื้อสองคนน่ะสิ มีด้ายแดงผูกติดกันมา

ตั้งแต่เกิด แต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือด้ายแดงที่ผูกพวกลื้อไว้นั้นมันสั้นมาก ทำ

ให้ต้องมาใกล้กันตั้งแต่เด็ก ไม่เหมือนบางคู่ที่ด้ายจะยาวอาจใช้เวลานานกว่า

จะได้มาเจอกัน แต่นั่นแหล่ะด้ายแดงแห่งโชคชะตาของพวกลื้อจะไม่มีวันถูก

ตัดขาด แล้วมันก็จะอยู่ในระยะสั้นอย่างนี้ตลอดไป อย่างที่เคยเป็นมาจนกว่า

จะตายจากกัน และหากวันใดที่มันยืดยาวออกไปไม่ว่าด้วยสาเหตุอันใด ด้าย

นั้นก็จะดึงรั้งพวกลื้อให้ต้องกลับมาใกล้กันจนได้ หากพวกลื้อฝืนก็จะทำให้

เจ็บปวดทุรนทุราย เหมือนจะขาดใจเลยทีเดียว มันเป็นลิขิตของสวรรค์’

ตะวันฉายกับปาลิกาจะทำเช่นไรกับหัวใจของตัวเอง

ด้ายแดงแห่งโชคชะตา และสายใยแห่งความผูกพัน

จะสามารถนำพาหัวใจทั้งสองดวงให้กลับมาแนบชิดกัน

เหมือนในวันเก่าได้หรือไม่?..................................

โปรดติดตามใน ‘ตะวัน (ร้าย) ฉายรัก’ ได้เลยค่ะ


Tags: ตะวัน ร้าย ฉาย รัก ปลา อัญมณี จิวเวลรี่ หวานซึ้ง

ตอน: บทที่ 25


ภายในผับเล็กๆ ช่วงดึกผู้คนบางตา เป็นสถานที่ที่ตะวันฉายกับหยางมานั่งดื่มกัน

ท่ามกลางบรรยากาศค่อนข้างสบายๆ กับเพลงสไตล์อีซี่ลิสเทนนิ่ง ทั้งสองเลือกนั่งอยู่หน้าเค้าเตอร์

บาร์ ในมือถือเบียร์ขวดเล็กคนละขวด ตะวันฉายยกมันขึ้นจรดริมฝีปากครั้งแล้วครั้งเล่า จนนับได้

เป็นขวดที่ 5-6 แล้ว ใบหน้าสวยราวกับผู้หญิงนั้นเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด หยางเห็นหน้าตา

ท่าทางของเพื่อนก็ได้แต่ถอนหายใจ

“มีอะไรน่ากลุ้มวะซัน ฉันว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเสียอีกที่เจ๊ปลาจะมีคนดูแล” หยางเอ่ยขึ้น

ด้วยรับรู้ถึงเรื่องราวที่ทำให้เพื่อนกลัดกลุ้มเป็นอย่างดี

“มันก็จริงของแก แต่ที่ฉันเป็นห่วงก็คือเฮียอ๋าจะดูแลยัยนั่นได้ดีอย่างที่หวังหรือเปล่า แกก็

เห็นตลอดเวลาที่ผ่านมายัยนั่นถูกกระทำมาโดยตลอด” ชายหนุ่มยังคงความวิตกกังวลจนเห็นได้ชัด

“บางทีเฮียอ๋าอาจจะเตรียมการสำหรับอนาคตไว้อย่างดีแล้วก็เป็นได้ ถ้าเป็นแก แกจะไม่

เตรียมสิ่งที่ดีที่สุดไว้เพื่อคนที่เรารักเลยเหรอวะ” คำพูดของหยางทำให้ตะวันฉายนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง

ที่สุดก็พยักหน้ายอมรับ

“ก็จริงอีก ฉันคงห่วงยัยนั่นมากไปทั้งที่เจ้าตัวเขาเองก็ไม่ได้กังวลอะไรสักนิด” เขาอดแค่น

เสียงประชดคนที่พูดถึงในตอนท้ายไม่ได้

“แกก็พูดไป บางทีเจ๊ปลาอาจจะไม่แต่งกับเฮียอ๋าก็ได้นี่ เห็นเจ๊หยินว่ายังไม่ตัดสินใจด้วย

ซ้ำ”

“เฮอะ! แกคิดว่ายัยนั่นจะปล่อยโอกาสทองให้หลุดไปเหรอ ยัยนั่นน่ะรอวันนี้มานานแค่ไหน

แล้ว แต่นั่นแหล่ะถ้ามันเป็นความสุขของยัยนั่นฉันก็ควรยินดีอย่างที่แกว่ามากกว่า” แม้จะพูด

ออกมาเช่นนั้น แต่ก็ด้วยน้ำเสียงที่ขื่นจนรู้สึกได้ พลางกระดกเบียร์ขวดเล็กในมือจนหมดแล้วจึงหัน

ไปสั่งต่ออีกขวด

แม้หนุ่มร่างอวบจะเป็นคนความรู้สึกช้ามาแต่ไหนแต่ไร แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง

ระหว่างตะวันฉายกับปาลิกาโดยเฉพาะช่วงหลังมานี้ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้จะถามไปคงไม่

เหมาะนัก เพราะความที่รู้จักตะวันฉายดีหยางรู้ว่าเพื่อนต้องปฏิเสธเป็นแน่ ดีไม่ดีอาจโวยเอากับ

เขาอีกต่างหาก หยางจึงได้แต่เก็บงำความสงสัยไว้ในใจ


ขณะเดียวกันกับที่ชั้น 8 ของตึกเดอะซัน กรุ๊ปฯ ป้าแต๋วที่ร้อนใจเอื้อมมือไปเคาะประตู

พลางส่งเสียงเรียกปาลิกาอยู่หลายครั้ง กว่าเธอจะลุกขึ้นมาเปิดประตูด้วยอาการงัวเงีย

“มีอะไรหรือคะป้าแต๋ว” หญิงสาวถามก่อนยกมือปิดปากหาว

“หนูปลา คุณซันยังไม่กลับมาเลย โทร.เข้ามือถือก็ไม่มีใครรับ ป้าโทร.ถามที่บ้านใหญ่ก็ไม่

เห็นไป คุณผู้หญิงก็เป็นห่วงอยู่เนี่ย หนูปลาพอจะรู้บ้างไหมว่าคุณซันไปไหน” ป้าแต๋วมีสีหน้า

ท่าทางเป็นกังวล

“ปลาก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะป้าแต๋ว” คนงัวเงียเริ่มตาสว่างขึ้นมา

“หนูปลาโทร.หาคุณซันหน่อยเถอะป้าว่า” หญิงวัยกลางคนยังร้อนใจไม่หาย

“ป้าแต๋วคุยนะคะ ปลาไม่อยากคุย” ปาลิกาก้าวตรงไปยังโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะมุมหนึ่ง

ในห้องรับแขก และยกหูกดหมายเลขปลายทาง แล้วจึงส่งหูโทรศัพท์ให้ป้าแต๋วที่ได้แต่มองปฏิกิริยา

ของอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ

“ฮาโหลคุณซัน อ้าว...คุณหยางเหรอคะ คุณซันอยู่ด้วยไหมคะ อ๋อ...ค่ะๆ ๆ”

ปาลิกาถอยออกมายืนอยู่ไม่ไกลจากป้าแต๋วนัก แต่ก็ไม่ใกล้พอที่จะได้ยินเสียงคู่สนทนา

ปลายสาย เพราะท่าทีกังวล ร้อนใจของหญิงวัยกลางคน ทำให้เธออดเงี่ยหูฟังด้วยเป็นห่วงไม่ได้

เหมือนกัน โดยปกติตั้งแต่เธอกับเขาไม่มองหน้ากัน ส่วนมากตะวันฉายจะค้างบ้านใหญ่กับคุณโฉม

ฉาย ป้าแต๋วโทร.ตามก็จะเจอ แต่ตอนนี้คงตามตัวไม่เจอจริงๆ ป้าแต๋วถึงได้ลุกมาเคาะประตูห้อง

เธอกลางดึกเช่นนี้

“ว่ายังไงบ้างคะป้าแต๋ว” รีบถามขึ้นทันทีที่หญิงวัยกลางคนวางหูโทรศัพท์ลง

“อยากรู้แล้วให้ป้าคุยทำไมล่ะแม่คุ้ณ” ป้าแต๋วทำเสียงค่อนขอด ปาลิกาได้แต่ยิ้มเก้อๆ

“คุณซันเมา คุณหยางกำลังพามาส่งน่ะ ทำไมถึงกินเหล้าเมามายอย่างนั้นนะคุณซัน” แล้วก็บ่นใน

ท้ายประโยค ปาลิกาแอบผ่อนลมหายใจ ค่อยเบาใจขึ้นมาบ้างแม้จะเมาก็เถอะ เพราะอย่างน้อย

เขาก็อยู่กับหยาง

จากนั้นทั้งสองก็นั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขกรอตะวันฉาย คุณโฉมฉายได้โทร.มาถามไถ่และ

คลายความเป็นห่วงลงบ้าง ป้าแต๋วออกไปชะเง้อชะแง้ตรงประตูอยู่เป็นระยะ จนกระทั่งเห็นหยาง

ประคองร่างสูงโปร่งนั้นออกมาจากลิฟท์จึงได้ร้องบอกปาลิกา หญิงสาวรีบลุกขึ้นไปหา

“ตายแล้วทำไมถึงกินจนเมามายขนาดนี้คะคุณซัน ดูเอาเถอะ” ป้าแต๋วบ่นอุบ ขณะที่

ปาลิกาเข้าไปช่วยหยางพยุงตะวันฉายและพาเขามานั่งตรงโซฟา ก่อนที่หยางจะขอตัวกลับ

“ป้าแต๋วคะ ปลาอยากได้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ มาเช็ดหน้าให้นายซันหน่อยน่ะค่ะ” พอคล้อย

หลังหยางไปแล้ว ปาลิการีบหันมาทางป้าแต๋วในทันที ซึ่งแม่บ้านของตึกก็รับคำและหายไปสักครู่จึง

กลับมาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กที่เปียกหมาด แล้วจึงกลับเข้าไปดูน้ำร้อนในครัวต่อ

ปาลิกามองใบหน้าสวยราวผู้หญิงที่เคยขาวจัด แต่บัดนี้กลับแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์

แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ชายหนุ่มยังไม่รู้สึกตัว ดวงตาปิดสนิท ปาลิกาค่อยบรรจงใช้ผ้าขนหนูเช็ด

ใบหน้าขาวนั้น ตะวันฉายสะดุ้งนิดหนึ่งพยายามฝืนลืมตาขึ้นมอง พอเห็นว่าเป็นปาลิกาเขาก็ชันตัว

ขึ้น

“อย่ามายุ่งกับฉัน! ” ตวาดเสียงกร้าวและปัดมือเธอทันที!

“ว้าย! ” หญิงสาวร้องด้วยความตกใจผ้าขนหนูร่วงลงพื้น แต่พอตั้งสติได้เธอพยายามทำใจ

เย็น เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเมามาก และก้มลงเก็บผ้าที่ร่วงจากมือ ขณะที่ตะวันฉายพยายามลุกขึ้น

ยืนแต่ก็โงนเงน เต็มที ปาลิการีบปราดเข้าไปพยุงอีกครั้ง

“อย่ามายุ่งกับฉัน ปล่อยฉันจะเข้าห้อง” เขาพยายามปัดมือปาลิกาออกจากตัวพัลวัน

“นายเมามากนะซัน ถ้าอยากเข้าห้องฉันจะพาไปเอง” หญิงสาวยื้อมือข้างหนึ่งของเขาไว้

ได้

“ไปยุ่งกับเฮียอ๋าโน่นไป แล้วแต่งเมื่อไหร่ล่ะ เธอคงดีใจจนเนื้อเต้นล่ะสิ” เสียงประชด

ประเทียดนั้นอ้อแอ้ ก่อนจะสะบัดมือหลุดจากการยื้อยุดและโซเซเข้าห้องไป โดยมีร่างเล็กก้าวตาม

ติดเข้าไปด้วยอารามเป็นห่วง และพอใกล้จะถึงเตียงร่างสูงนั้นเซเหมือนจะล้มอีกครั้ง ปาลิการีบ

ปราดเข้าไปกอดเอวเขาและดึงให้ลุกขึ้นมาจนได้ เมื่อประคองตัวเองได้ชายหนุ่มหันหน้ามาเผชิญ

กับปาลิกาช้าๆ พลางถาม

“ยัยปลิก เธอรักเฮียอ๋ามากใช่ไหม” แต่คนที่ยังกอดเอวเขาไว้ไม่ให้ล้มนั้นไม่ตอบแต่อย่าง

ใด “เงียบทำไม ตอบมาสิว่าเธอรักเขา จะแต่งงานกับเขา! ” ตะวันฉายตวาด ปาลิกาที่สะกดกลั้น

อารมณ์ขื่นขมไว้ในใจ รู้สึกเหมือนมันกำลังเอ่อท้นจนจะระเบิดออกมา และตอนนี้ก็ถึงเวลาปะทุ

แล้ว...

“ใช่...ฉันจะแต่งกับเฮียอ๋านายจะทำไม! ” เธอตวาดกลับบ้าง เป็นเหตุให้อีกฝ่ายปัดมือเธอ

ออกจากตัวอีกครั้ง

“ดีแต่งไปเลย แต่งวันนี้พรุ่งนี้เลยยิ่งดี สมใจเธอแล้วนี่ แต่งไปเล้ย!! ” เขาตะโกนใส่หน้า

หญิงสาวเสียงดัง

“หยุดนะนายซัน! เมาก็นอนสิ เสียงดังไปทำไม”

“ใช่ซี้...ใครจะดีเหมือนสุภาพบุรุษของเธอล่ะ รักเขามากใช่ไหม”

“ถ้านายจะพาลอย่างนี้ ก็พาลไปคนเดียวเหอะ ฉันจะกลับห้อง เดี๋ยวให้ป้าแต๋วมาดูล่ะกัน”

ปาลิกากำลังจะผละจาก แต่ตะวันฉายที่เร็วกว่ากลับคว้าตัวเธอมากอดในฉับพลัน ใบหน้าของเขา

โน้มลงมาใกล้ ก่อนที่หญิงสาวจะทันตั้งตัวริมฝีปากร้อนรุ่มของเขาก็กดทับลงบนริมฝีปากเธออย่าง

รวดเร็ว

ริมฝีปากตะวันฉายที่บดขยี้ลงมาบนเรียวปากนุ่มนั้นขึ้งเครียด เต็มไปด้วยอารมณ์ที่รุนแรง

รุกเร้า จนปาลิการู้สึกเจ็บ เธอพยายามดิ้นรนสุดแรง ผลักเขาพัลวัน ในที่สุดชายหนุ่มก็รู้สึกตัวและ

ถอนริมฝีปากออก...

“เพี๊ยะ!! ” ฝ่ามือเล็กปะทะกับใบหน้าสวยนั้นเต็มที่ จนปรากฏรอยแดงเป็นปื้น

“ฉันเกลียดนายที่สุด ฉันเกลียดนาย! ” หญิงสาวตะโกนใส่หน้า แล้วจึงหันหลังวิ่งจากมา

ด้วยน้ำตานองหน้า

“น้ำร้อนได้ที่แล้วนะหนูปลา อะ อ้าว...เป็นอะไรไปลูก หนูปลา” ป้าแต๋วที่สวนเข้ามาทาง

ประตูร้องถามด้วยความงงงัน เมื่อเห็นปาลิการ้องไห้วิ่งหนีเข้าไปยังห้องของตัวเอง

หญิงสาวทิ้งตัวลงนอนบนเตียง คว่ำหน้าแนบหมอนสะอึกสะอื้น น้ำตาไหลเป็นสายอย่าง

ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ในใจมีแต่คำถามวนเวียนอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้น ปาลิกาขบริมฝีปากตัวเอง

จนรู้สึกเจ็บขณะคิดไปถึงสัมผัสของเขา

นี่ใช่ตะวันฉายจริงๆ หรือ? ตะวันฉายที่เคยรู้จักไม่ใช่คนที่จะทำร้ายเธอได้ถึงเพียงนี้ แม้เขา

จะคอยแกล้งคอยป่วน แต่ไม่เคยสักครั้งที่จะสัมผัสแตะต้องเธอแบบนี้ หรือ...เขาแค่เมา หรือ...นี่คือ

การตอกย้ำว่าเขาไม่เคยเห็นค่า ความสำคัญอะไรในตัวเธอเลย เขานึกอยากจะพูด อยากจะทำ

อะไรกับเธอก็ได้

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง...ที่ผ่านมาเธอก็คงสำคัญตัวเองผิดสินะ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด การ

กระทำและถ้อยคำของเขาในครั้งนี้ก็เชือดเฉือนหัวใจของเธอเหลือเกินแล้ว ปาลิการู้สึกเหมือนถูก

มือที่มองไม่เห็นบีบเค้นตรงหัวใจอย่างรุนแรงจนเจ็บปวด รวดร้าว หญิงสาวนอนร้องไห้จนกระทั่ง

หลับไปตอนใกล้รุ่งสาง


เช้าวันต่อมา ปาลิกาเดินออกมาจากห้อง เตรียมตัวจะไปทำงานก็เห็นคุณโฉมฉายนั่งรออยู่

ที่ห้องรับประทานอาหาร และมองมาทางเธอพอดี

“หนูปลามาทานข้าวกันลูก หม่าม๊าเอากับข้าวจากบ้านใหญ่มาให้ทานกันตั้งหลายอย่าง

แน่ะ” ปาลิกาจึงเดินเข้าไปนั่งตรงข้ามกับคุณโฉมฉาย “ทำไมหน้าตาดูไม่สบายเลยล่ะลูก เหมือน

คนร้องไห้มาทั้งคืนอย่างนั้นแหล่ะ” คุณโฉมฉายทักเมื่อสังเกตเห็นร่องรอยความช้ำตรงใต้ตา และ

ท่าทางอิดโรยของหญิงสาว

“เปล่าหรอกค่ะคุณป้า ปลาสบายดีค่ะ แค่นอนไม่หลับนิดหน่อยเองคุณป้าไม่ต้องเป็นห่วง

หรอกค่ะ” อ้อมแอ้มตอบไปไม่เต็มเสียงนัก พร้อมฝืนยิ้ม พอดีกับที่ตะวันฉายออกมาจากห้องนอน

อีกคน คุณโฉมฉายที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วจึงหันไปเรียก

“น้องซัน จะรีบไปไหนลูก มาทานข้าวกันเร้ว หม่าม๊าอยากมาทานข้าวกับลูกๆ พร้อมหน้า

พร้อมตาหลายวันแล้ว แต่ตื่นสายทุกที วันนี้แม่บ้านปลุกเช้าหน่อยก็เลยได้จังหวะพอดี มานั่งนี่ลูก”

แล้วจึงจัดแจงให้ตะวันฉายนั่งข้างตัวเองและตักอาหารให้ทั้งสองชิม ปากก็บรรยายสรรพคุณของ

อาหารจานเด็ดที่เตรียมมาไม่หยุด โดยทำเป็นมองไม่เห็นความอึดอัดที่ก่อตัวขึ้นโดยรอบ

ในขณะที่ตะวันฉายกับปาลิกาได้แต่พยายามปั้นหน้ายิ้ม และขานรับคุณโฉมฉายเป็น

บางครั้ง แต่ทว่าทั้งสองกลับไม่...แม้แต่จะมองหน้ากันและกัน

“น้องซันตอนนี้ทำงานหนักมากนะ หม่าม๊าว่าเพลาๆ ลงบ้างก็ได้นะลูก” ผู้เป็นมารดาเอ่ย

ขึ้นกับลูกชาย

“ไม่ได้หรอกครับหม่าม๊า เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับงานแฟร์ฯ ปีนี้นะครับ”

“มันก็จริง แต่หม่าม๊าไม่อยากให้หักโหมมากเกินไป เกิดไม่สบายขึ้นมาจะว่ายังไง งานอะไร

ก็ตามทีหากสุขภาพแย่เสียแล้วจะทำอะไรได้เล่าลูก” นั่นเป็นสิ่งที่ประมุขของเดอะซัน กรุ๊ปฯ พร่ำ

บอกคนใกล้ชิดมาโดยตลอด เพราะทุกคนรอบข้างของเธอล้วนแล้วแต่เป็นคน ‘บ้างาน’ ตัวฉกาจ

ตะวันฉายได้แต่รับคำเบาๆ คุณโฉมฉายจึงหันมาทางปาลิกาที่เงียบกริบราวกับไม่มีตัวตนมาครู่

หนึ่งแล้วบ้าง “หนูปลาก็เหมือนกันนาลูกนา แล้วหยางเป็นยังไงบ้างล่ะลูก”

“ดีค่ะคุณป้า หยางเก่งอยู่แล้วล่ะค่ะ เรียนรู้ได้เร็วมากคุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ”

“งั้นหม่าม๊าค่อยเบาใจหน่อย แต่เอ๊ะ...ทำไมไม่เห็นคุย ไม่เห็นแหย่กันเหมือนทุกที เป็นอะไร

กันหรือเปล่า หรือว่าทะเลาะกัน” สายตาของผู้ที่สูงวัยกว่าจ้องหน้าทั้งสองสลับกันไปมา ทำราวกับ

ว่าเพิ่งสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ เล่นเอาคนทั้งคู่ชะงักไปในทันที

“เปล่านะคะ ไม่ได้ทะเลาะกันเลยนะคะคุณป้า เรายังรักกันดีเหมือนเดิม จริงไหมนายซัน”

ก่อนที่ปาลิกาจะรีบร้องบอกและหันไปทางตะวันฉายที่หันมามองเธอเช่นกัน

“เอ้อ...ใช่ครับหม่าม๊า เราคงเหนื่อยกันน่ะครับเลยไม่มีแรงจะแหย่กัน หม่าม๊าอย่าห่วงเลย

ครับ” ตะวันฉายพูดขึ้นบ้างทั้งที่ไม่กล้าสบตามารดามากนัก แล้วทั้งสองก็ยิ้มให้กัน หรือเรียกว่า

แสยะยิ้มจะเหมาะกว่า แต่ทว่ามันไม่ได้ทำให้บรรยากาศกดดันรอบตัวมลายหายไปสักนิด

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะ หม่าม๊าคงไม่สบายใจหากพวกลูกๆ มาทะเลาะเบาะแว้งกันเอง เรา

มีกันอยู่แค่นี้เองนะลูก รักกันเอาไว้อย่าทำให้หม่าม๊าและวิญญาณของป่ะป๊าผิดหวัง เสียใจนะ”

คุณโฉมฉายเอ่ยตบท้ายก่อนจะหันไปสบตากับแม่บ้านของตึกที่ยืนอยู่ไม่ไกลอย่างไม่สู้สบายใจนัก

ตอบเม้นจากตอนที่แล้วจ้าาา!!
คุณ Kim-มาต่อแล้วนะคะ ช่วงนี้สองคนนี่ผีเข้าผีออกบ่อย อิ อิ มาเอาใจช่วยต่อดีกว่าค่าาา
คุณ aom-ไม่รู้น่าสงสารกว่าเก่าหรือเปล่า ลุ้นกันต่อเนอะ ขอบคุณค่ะ




กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ก.พ. 2559, 21:21:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ก.พ. 2559, 21:21:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 1085





<< บทที่ 24   บทที่ 26 >>
Kim 15 ก.พ. 2559, 04:10:41 น.
อ้าวแย่กว่าเก่าอีก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account