ตะวัน (ร้าย) ฉายรัก (นามปากกา 'พิริตา' ) เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อม E-Book
‘ปาลิกา’ หญิงสาวกำพร้าที่สูญเสียครอบครัวไป

ตั้งแต่ยังเยาว์วัย แต่โชคดีที่มีผู้อุปการะไว้ ซึ่งก็เป็นนายจ้างของครอบครัว

เธอนั่นเอง ปาลิกาเติบโตมาท่ามกลางความรัก เข้าใจอย่างล้นเหลือของ

ประมุขทั้งสองของบริษัท ‘เดอะซัน กรุ๊ป จิวเวลรี่’ และเพราะที่แห่งนี้เป็น

สถานที่ที่ทั้งพ่อแม่และยายของเธอได้ใช้ชีวิตอยู่จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

ที่นี่จึงมีความหมาย และมีความสำคัญสำหรับหญิงสาวมาก

ในชีวิตของปาลิกามีเพียงสองสิ่งเท่านั้นที่เธอรู้สึกว่าเป็นอุปสรรค ขวาก

หนามที่ยิ่งใหญ่ นั้นก็คือ ปมแห่งความหวาดกลัวที่เป็นเหตุให้เธอติดอยู่กับฝัน

ร้ายในวัยเด็ก และลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รัตนาวาณิชย์’ ที่เติบโต

มาด้วยกัน เขามีอายุอ่อนกว่าเธอหนึ่งปี แต่ไม่เคยยอมรับว่าเธอเป็นพี่สาว

หนำซ้ำยังคอยแกล้งเธอมาตั้งแต่เด็ก และเธอก็เรียกเขาว่า ‘จอมวายร้ายเจ้า

เล่ห์,คนกวนประสาทฯ ‘ แต่ทว่าจอมวายร้ายคนนั้นกลับเป็นคนเดียวกันที่อยู่

เคียงข้างเธอยามมีภัย และพยายามช่วยเธอให้หลุดพ้นจากปมแห่งฝันร้าย

นั้น และเป็นคนเดียวกับที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย

แต่แล้ว...ก็กลับเป็นคนเดียวกัน ที่กันเธอออกจากเดอะซัน กรุ๊ปฯ และชีวิต

ของเขา เหมือนไม่เห็นค่า ความสำคัญของเธออีกต่อไป จนหญิงสาวทนอยู่

กับความรู้สึกเจ็บปวด สิ้นไร้ ด้อยค่าของตัวเองไม่ไหว ที่สุดจึงตัดสินใจเดิน

ออกมาจากชายคาเดอะซัน กรุ๊ปฯ ด้วยหัวใจที่บอบช้ำ.


‘ตะวันฉาย’ ลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รัตนาวาณิชย์’ และผู้สืบทอด

กิจการของบริษัท ‘เดอะซัน กรุ๊ป จิวเวลรี่’ ต่อจากมารดา หลังกลับจากเรียน

ต่อต่างประเทศชายหนุ่มได้เข้ามาเรียนรู้งานในเดอะซัน กรุ๊ปฯ อย่างเต็มตัว

โดยมี ‘ปาลิกา’ (หรือที่เขาเรียกจนติดปากว่า ‘ยัยปลิก’) คอยกระตุ้นอยู่ตลอด

ทั้งที่โดยนิสัยแล้วตะวันฉายเป็นคนที่มีความตั้งใจ รับผิดชอบและจริงจังกับ

งาน โดยเฉพาะช่วงหลังที่เขาเข้ามาทำงานอย่างเต็มตัวแล้วนั่น แต่ใน

ทางกลับกันตะวันฉายจะกลายเป็นเด็กไม่ยอมโตทันทีที่อยู่กับปาลิกา เพราะ

ความรื่นรมย์อีกอย่างในชีวิตของเขาตั้งแต่เล็กจนโต คือการได้แกล้งปาลิกา

ทั้งวาจาและการกระทำ แต่เขาก็ได้สงวนลิขสิทธิ์ในการแกล้งไว้แค่ตัวเขา

เอง คนอื่นห้ามแกล้งโดยไม่ได้รับอนุญาตเสียอย่างนั้น

แต่ทว่าหากยามใดที่ปาลิกามีภัย อ่อนแอ ตะวันฉายจะถึงตัวเธอก่อนเสมอ

เขาห่วงทุกย่างก้าวในชีวิตของเธอ โดยเฉพาะปมแห่งความกลัวที่ทำให้เธอ

ฝันร้ายในตอนเด็ก ชายหนุ่มปรารถนาจะให้เธอเอาชนะความกลัวนั้นให้ได้

และการที่ตะวันฉายได้มีโอกาสอยู่เพียงลำพัง ไกลห่างกับปาลิกาขณะที่

เรียนอยู่ต่างประเทศนั้น ได้ทำให้เขารู้ใจตัวเองว่าคิดอย่างไรกับเธอ ชาย

หนุ่มไม่เคยสงสัยในความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวเลยสักนิด แต่เพราะเชื่อว่าเธอ

รักใครอีกคนที่เป็นญาติสนิทของเขา และผู้ชายคนนั้นก็เป็น ‘ผู้ชายในฝัน’

ของเธอมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาได้แต่กล้ำกลืนความรู้สึกเอาไว้ กว่าจะรู้ว่า
ปาลิกาก็รักเขาไม่ต่างกัน ก็ในวันที่เธอได้หนีเขาไปเสียแล้ว...


‘ก็ลื้อสองคนน่ะสิ มีด้ายแดงผูกติดกันมา

ตั้งแต่เกิด แต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือด้ายแดงที่ผูกพวกลื้อไว้นั้นมันสั้นมาก ทำ

ให้ต้องมาใกล้กันตั้งแต่เด็ก ไม่เหมือนบางคู่ที่ด้ายจะยาวอาจใช้เวลานานกว่า

จะได้มาเจอกัน แต่นั่นแหล่ะด้ายแดงแห่งโชคชะตาของพวกลื้อจะไม่มีวันถูก

ตัดขาด แล้วมันก็จะอยู่ในระยะสั้นอย่างนี้ตลอดไป อย่างที่เคยเป็นมาจนกว่า

จะตายจากกัน และหากวันใดที่มันยืดยาวออกไปไม่ว่าด้วยสาเหตุอันใด ด้าย

นั้นก็จะดึงรั้งพวกลื้อให้ต้องกลับมาใกล้กันจนได้ หากพวกลื้อฝืนก็จะทำให้

เจ็บปวดทุรนทุราย เหมือนจะขาดใจเลยทีเดียว มันเป็นลิขิตของสวรรค์’

ตะวันฉายกับปาลิกาจะทำเช่นไรกับหัวใจของตัวเอง

ด้ายแดงแห่งโชคชะตา และสายใยแห่งความผูกพัน

จะสามารถนำพาหัวใจทั้งสองดวงให้กลับมาแนบชิดกัน

เหมือนในวันเก่าได้หรือไม่?..................................

โปรดติดตามใน ‘ตะวัน (ร้าย) ฉายรัก’ ได้เลยค่ะ


Tags: ตะวัน ร้าย ฉาย รัก ปลา อัญมณี จิวเวลรี่ หวานซึ้ง

ตอน: บทที่ 26


หลังทานอาหารเสร็จตะวันฉายขอตัวลงไปทำงานทันที ขณะที่
ปาลิกาแวะเข้าห้องตัวเองก่อนจะตามลงไป เหมือนจงใจไม่เผชิญหน้ากัน แต่ปฏิกิริยาทั้งหมดอยู่ในสายตาของคุณโฉมฉาย จนอดเปรยขึ้นไม่ได้เมื่ออยู่กันลำพังในห้องรับประทานอาหารกับป้าแต๋ว
“ฉันนอนไม่หลับเลยตั้งแต่ที่แต๋วบอกฉันเมื่อคืน ฉันไม่สบายใจเลยนะที่เด็กๆ มาทะเลาะกัน ไม่มองหน้ากันอย่างนี้” เมื่อคืนที่ป้าแต๋วโทร.หาตะวันฉายที่บ้านใหญ่ไม่เจอ ทำให้คุณโฉมฉายเองก็รู้สึกเป็นห่วงลูกชายยิ่งนัก จึงโทร.หาป้าแต๋วเป็นระยะ แต่พอตะวันฉายกลับมาแล้วกลับมีเรื่องใหม่ให้ไม่สบายใจอีกจนได้ เพราะป้าแต๋วบอกว่าทั้งคู่ดูเหมือนจะทะเลาะกันรุนแรง เพราะแกเห็นปาลิการ้องไห้ออกมาจากห้องของตะวันฉายพอดี
“แต๋วเองก็ไม่สบายใจเหมือนกันค่ะคุณผู้หญิง แรกๆ ที่มึนตึงกันก็คิดว่าวันสองวันคงหายเหมือนตอนเด็ก แต่พอนานวันยิ่งเลวร้ายไปใหญ่”
“ฉันเองก็ไม่ได้สังเกตเท่าไหร่ ทุกทีสองคนนี่มักจะแว่บไปป่วนกันเวลาทำงาน ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง ก็คิดว่าต่างคนต่างวุ่นเรื่องงาน ไม่เฉลียวใจเลยว่าจะโกรธกันขนาดนี้ ฉันกับคุณอาทิตย์เคยคิดในแง่ดีว่าการมีลูกคนเดียวคงตัดปัญหาการทะเลาะเบาะแว้งเรื่องผลประโยชน์ของพี่น้องร่วมสายเลือดได้ และก็เห็นว่าหนูปลาเป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่น่ารักน่าเอ็นดูคนหนึ่งเท่านั้น เชื่อว่าคงจะไม่มีปัญหาเรื่องภายในตระกูลแบบที่เห็นเป็นข่าวกันบ่อยๆ อย่างนั้น” พูดพลางถอนหายใจ ความกังวลฉายชัดบนใบหน้า
“แต๋วว่าที่คุณผู้หญิงกับท่านเจ้าสัวเชื่อน่ะถูกต้องแล้วล่ะค่ะ หนูปลาไม่ใช่คนที่อกตัญญู กำเริบเสิบสาน ไม่รู้บุญคุณหรอกค่ะ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นแต๋วคิดว่าปัญหาไม่ใช่ความขัดแย้งในตระกูลหรือทางธุรกิจหรอกค่ะ”
“หมายความว่ายังไงกันแต๋ว” คุณโฉมฉายขมวดคิ้วมุ่นขณะมองป้าแต๋ว
“แต๋วคิดว่าเรื่องนี้มันคงเกี่ยวกับ เอ่อ...ความรักมากกว่าค่ะ” แล้วหญิงวัยกลางคนก็เอ่ยปากบอกในสิ่งที่ตัวเองคิด และสงสัย
“หา! อะไรนะ? ความรัก หมายความว่ายังไงกันแต๋ว หรือว่า...น้องซันกับหนูปลาจะ...” ประมุขแห่งเดอะซัน กรุ๊ปฯ ร้องเสียงหลงดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะยกมือปิดปากตัวเองในตอนท้ายกับสิ่งที่ได้ฟังจากแม่บ้านเก่าแก่ของตึก
“แต๋วแค่เดาเอาน่ะค่ะ เมื่อคืนนี้แต๋วก็ไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยสิคะ ก็เลยไม่รู้ว่าสาเหตุจริงๆ มันคืออะไร แต่ถ้าจะให้ดีคุณผู้หญิงน่าจะลองสังเกตดู ไม่ก็ลองถามเพื่อนๆ อย่างคุณหยาง คุณหยินมี่ดูนะคะ” ป้าแต๋วแนะนำ เพราะตัวแกเองก็ดูจะยังไม่มั่นใจกับสิ่งที่คิดนัก
“เออ นั่นสิ แล้วฉันจะลองเลียบๆ เคียงๆ ถามดู” ประมุขของเดอะซัน กรุ๊ปฯ มีสีหน้าครุ่นคิดเหมือนกำลังทำความเข้าใจกับอะไรบางอย่าง
คุณโฉมฉายยอมรับว่าสิ่งที่ได้ยินจากปากป้าแต๋วนั้นสร้างความตกใจให้กับตัวเองไม่น้อย และพอย้อนมองกลับไปเธอเองก็ไม่แน่ใจว่ามีสัญญาณอะไรบ่งบอกหรือสนับสนุนข้อสันนิษฐานของแม่บ้านคนสนิทว่าเป็นความจริงหรือไม่
หรือนั่นเป็นเพราะเธอไม่เคยเฉลียวใจมาก่อน สิ่งที่คนทั้งคู่แสดงให้เห็นตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น ทำให้ประมุขของเดอะซัน กรุ๊ปฯ เข้าใจว่าเป็นความรัก ความผูกพันและความสนิทสนมแบบพี่น้อง ทำให้ปลาบปลื้มใจไม่น้อยที่สามารถเลี้ยงทั้งสองให้สนิทสนมกันได้ถึงเพียงนี้ ทั้งที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน
แต่ก็ต้องมาเป็นกังวลเมื่อรู้ว่าเกิดการไม่เข้าใจ ทะเลาะเบาะแว้งกันขึ้น เพราะคุณโฉมฉายปักใจเชื่อว่าเป็นความขัดแย้งเรื่องงานภายในบริษัทที่ตะวันฉายกำลังเดินหน้าหลายๆ นโยบายจนเกิดความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ขึ้น ซึ่งนั่นอาจสร้างความไม่พอใจให้กับปาลิกาก็เป็นได้
แม้คุณโฉมฉายจะรู้จักปาลิกาดีว่าเป็นคนที่ไม่มีปัญหาและเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่เสมอ แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะมีเหตุผลอื่นใดที่ทำให้มองหน้ากันไม่ติดเช่นนี้ พอมาได้ฟังคำสันนิษฐานของป้าแต๋วแล้ว ประมุขของเดอะซัน กรุ๊ปฯ ถึงกับอึ้งไป แต่ว่า...หากเป็นเช่นนั้นจริงก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากกว่าไม่ใช่หรือ? แล้วใบหน้าฉายแววกังวลของหญิงวัยห้าสิบกว่าก็แปรเปลี่ยนเป็นผ่อนคลายและระบายรอยยิ้มน้อยๆ

ขณะที่ปาลิกากำลังก้มหน้าก้มตาอยู่กับงานตรงหน้า เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้น เธอรีบเอื้อมมือไปรับทันที
“คุณปลาครับ คุณอรนภามาขอพบ รออยู่ข้างล่างครับ” เสียงจาก ร.ป.ภ ที่เฝ้าอยู่ข้างล่างรายงานมาตามสาย
“งั้น เชิญขึ้นมาชั้น 5 ได้เลยนะคะ ขอบคุณค่ะ”
สักครู่ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งในวัยใกล้เคียงกับคุณโฉมฉาย แต่ไม่สูงเท่าและค่อนไปทางอวบมากกว่า แต่งตัวภูมิฐานก็ก้าวเข้ามาในห้องทำงานของปาลิกา เรียกความสนใจจากพนักงานได้ไม่น้อย เพราะไม่บ่อยนักที่คุณอรนภาจะเดินทางมาที่บริษัทนอกจากมีเรื่องจำเป็นจริงๆ เท่านั้น
“สวัสดีค่ะคุณอาอรนภา เชิญนั่งค่ะ” ปาลิกาลุกขึ้นยืน สวัสดีคนที่เข้ามาใหม่ด้วยรอยยิ้ม แต่คุณอรนภาแค่พยักหน้ารับและนั่งลงตรงข้าม โดยมีโต๊ะทำงานตัวยาวคั่นกลางระหว่างคนทั้งคู่ คุณอรนภากวาดสายตาไปรอบๆ ห้องทำงานของปาลิกา มาถึงตอนนี้พนักงานที่เมียงมองผ่านกระจกเข้ามาก็รีบก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ
“ไม่ทราบว่าคุณอาอรนภามีอะไรให้หนูรับใช้คะ” สรรพนามที่ใช้เรียกตัวเองกับแขกผู้มาเยือนบ่งบอกถึงระดับความสนิทสนมที่แทบจะไม่มีอยู่เลยของคนทั้งคู่ คุณอรนภาถอนหายใจพลางมองหน้าปาลิกาตรงๆ
“ฉันไม่อ้อมค้อมล่ะนะปาลิกา ตาอ๋าบอกฉันว่าได้ขอเธอแต่งงาน ฉันไม่รู้ว่าเธอตอบตกลงไปหรือยัง”
“เอ่อ ยังค่ะ” หญิงสาวแอบกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดฝืน
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะ เพราะฉันได้ดูผู้หญิงไว้ให้ตาอ๋ามานานแล้ว เราคุยกันไว้แล้วในระดับหนึ่ง เป็นลูกสาวเพื่อนฉันเอง ทั้งคู่มีความเหมาะสมกันมาก ฉันจึงอยากให้เธอปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้ หากเธอรักตาอ๋าจริงก็ปล่อยเขาไปเจอสิ่งที่ดีๆ และเหมาะสมกับเขาเถอะ” ช่างไม่อ้อมค้อมเลยจริงๆ ปาลิกาคิดพลางฝืนยิ้ม
“คุณอาอรนภาวางใจเถอะค่ะ หนูเองยังไม่คิดจะแต่งงานในตอนนี้เหมือนกัน อีกอย่างหนูกับพี่อ๋าก็ไม่ได้คบกันเป็นแฟนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ขอบคุณคุณอาอรนภามากนะคะที่ทำให้หนูมั่นใจในการตัดสินใจของตัวเอง” คำตอบของเธอทำให้คนฟังถึงกับเก็บอาการยินดีไว้แทบไม่อยู่ เพราะปาลิกาแอบเห็นคุณอรนภาเผลอยิ้มนิดหนึ่งก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เรียบเฉยตามเดิม
“ได้ยินเธอพูดแบบนี้ฉันค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย ยังไงก็ขอบใจเธอมากนะปาลิกา ฉันหวังว่าเธอคงรักษาคำพูด แต่อย่าบอกตาอ๋าล่ะว่าฉันมาพูดเรื่องนี้กับเธอ เพราะตอนนี้ตาอ๋ากับฉันค่อนข้างมึนตึงต่อกัน ฉันก็ยอมรับตรงๆ นะว่าสาเหตุมาจากเรื่องนี้” หญิงสาวฉุกคิดไปถึงสิ่งที่หยินมี่บอกเมื่อคราวก่อนขึ้นมาได้
“หนูต้องขอโทษด้วยนะคะที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด คุณอาอรนภาสบายใจเถอะค่ะหนูจะรักษาคำพูดในทุกเรื่องที่เราพูดกันวันนี้ ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ” ปาลิกายืนยันอีกครั้งด้วยหวังว่าจะทำให้คุณอรนภาสบายใจขึ้น
คล้อยหลังคุณอรนภาไป ปาลิกาถึงกับใช้มือทั้งสองข้างกุมขมับ เรื่องที่ดูยิ่งใหญ่ในสายตาคนอื่น แท้จริงแล้วกลับไม่มีความหมายอะไรสำหรับเธอเลยสักนิด เรื่องที่เก็บงำอยู่ภายในจิตใจของหญิงสาวต่างหากที่มันยิ่งใหญ่และหนักอึ้งเกินกว่าจะโยนมันทิ้งไปได้
นับตั้งแต่คืนนั้นทั้งเธอและตะวันฉายต่างก็ห่างเหินกันมากขึ้นไปอีก คิดมาถึงตรงนี้ปาลิการู้สึกเหมือนก้อนสะอื้นกำลังก่อตัวขึ้น แต่ทว่า...
“เจ๊ปลา อาอรนภามาทำอะไรน่ะ มาหาเรื่องเจ๊หรือเปล่า” เสียงร้อนรนของหยางทำให้สติของปาลิกาค่อยกลับคืนมา เธอพยายามกล้ำกลืนความรู้สึกที่เอ่อท้นนั้นไว้ในใจ
“เปล่าหรอกหยาง แค่มาคุยธรรมดาไม่มีอะไรหรอก” หญิงสาวฝืนยิ้มให้เห็นว่าไม่มีอะไร
“ผมว่าลองอาอรนภาออกโรงเองแบบนี้ไม่น่าธรรมดานะเจ๊ เรื่องเฮียอ๋าหรือเปล่าเจ๊”
“ก็...ใช่ แต่ไม่ได้สำคัญอะไรหรอกหยาง นายอย่าบอกใครนะเรื่องนี้” หยางได้แต่มองหญิงสาวด้วยความไม่เข้าใจนัก แล้วจึงรับปากเบาๆ

ร่างเล็กบางนั่งอยู่ในห้องรับแขกด้านในโชว์รูมของเดอะซัน กรุ๊ปฯ ที่อานุภาพทำงานอยู่ เพื่อรอชายหนุ่มที่กำลังเคลียร์งานอยู่หน้าร้าน เพราะที่นี่เป็นโชว์รูมสำหรับโชว์และขายสินค้า จึงมีเวลาเข้า-ออกงานช้ากว่าบริษัทแม่ประมาณ 2-3 ชั่วโมง
ตรงหน้าหญิงสาวมีแก้วน้ำเปล่าที่พร่องลงไปแค่นิดเดียววางอยู่ ความร้อนใจทำให้เธอรีบขับรถมาหา
เขาทันทีหลังเลิกงาน สร้างความแปลกใจให้กับอานุภาพไม่น้อย
“ ’โทษทีนะจ๊ะที่ให้รอนาน น้องปลาหิวหรือเปล่า พี่ว่าเราไปทานข้าวแล้วคุยกันดีไหม ที่ร้านเดิมก็ได้” ชายหนุ่มนั่งลงตรงข้ามกับเธอเอื้อนเอ่ยด้วยรอยยิ้มเช่นเคย
“ไม่เป็นไรค่ะ ปลาทานข้าวมาแล้ว และปลาก็คงรบกวนเวลาพี่อ๋าไม่นานหรอกค่ะ”
“ถ้างั้น...น้องปลามาหาพี่ถึงที่นี่ และยังกระทันหันแบบนี้คงมีเรื่องสำคัญมากใช่ไหม หรือว่าจะเป็น...เรื่องคำตอบ...” ตอนท้ายเขามีท่าทีกระตือรือร้นขึ้นมาจนเห็นได้ชัด
“เอ่อ ค่ะพี่อ๋า” ปาลิกาชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อมองเห็นสายตาคาดหวังของชายหนุ่ม ก่อนจะตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว
“ปลาต้องขอโทษด้วยนะคะที่ต้องปฏิเสธความรู้สึกของพี่อ๋า”
“น้องปลา” อานุภาพเรียกชื่อเธอเสียงเบาหวิว
“ขอโทษค่ะพี่อ๋า ปลาทำไม่ได้จริงๆ “
“ทำไมล่ะน้องปลา”
“ปลา...เอ่อ มีเหตุผลส่วนตัวน่ะค่ะ”
“ถ้าเป็นเรื่องครอบครัวของพี่ พี่ตั้งใจว่าจะซื้อบ้านและพาน้องปลาออกมาอยู่กันตามลำพังสองคน น้องปลาไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลยนะ” ชายหนุ่มรีบอธิบายในสิ่งที่ตัวเองเข้าใจว่าเป็นสาเหตุของการถูกปฏิเสธครั้งนี้
“ไม่เกี่ยวหรอกค่ะพี่อ๋า ไม่เกี่ยวกับครอบครัวพี่อ๋าเลย ถ้าปลาจะแต่งงานกับใครสักคน ไม่ว่ายังไงปลาก็คงยอมรับได้ แต่ที่ปลาไม่สามารถแต่งงานกับพี่อ๋าได้ ก็เพราะว่าปลา...เอ่อ...”
“น้องปลาไม่ได้รักพี่” เขาต่อให้ ไม่อาจซ่อนความปวดร้าวจากใบหน้าและน้ำเสียงได้
“ปลาขอโทษนะคะ ขอโทษจริงๆ ” ปาลิกาพร่ำไม่กล้ามองสบตาที่มีแววผิดหวังคู่นั้นนัก อานุภาพนิ่งไปชั่วครู่ แล้วจึงเอ่ยขึ้น
“ไม่ใช่ความผิดของน้องปลาหรอก ทั้งๆ ที่ทำใจไว้แล้วกับคำตอบ แต่ก็อดผิดหวังไม่ได้ พี่คิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดว่าการที่น้องปลามองพี่แบบชื่นชม ปลาบปลื้มนั้นเป็นความรัก พี่เองที่ละเลย ไม่เคยทำอะไรเพื่อน้องปลาสักอย่าง” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความหมองหม่นและทดท้อ
“พี่อ๋าอย่าว่าตัวเองอย่างนั้นสิคะ ไม่เกี่ยวหรอกค่ะ” หญิงสาวเห็นดังนั้นจึงรีบพูดปลอบใจ หวังให้เขารู้สึกดีขึ้น
“มันเป็นความจริงน้องปลา พี่น่าจะกระตือรือร้นกับเรื่องของเรามากกว่านี้ สมควรแล้วที่น้องปลาจะรักคนอื่นที่ไม่ใช่พี่ พี่รู้ตัวช้าไป หรือไม่พี่ก็มาช้าเกินไป ช้าไปตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอน้องปลาแล้ว” แต่สิ่งที่ชายหนุ่มพร่ำกลับไปสะดุดใจคนฟังเข้า
“คะ? หมายความว่ายังไงคะ” ปาลิกาถามขึ้นทันทีด้วยความสงสัย
“ก็ เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ พี่แค่พร่ำเพ้อตามประสาคนผิดหวังน่ะ” อานุภาพรีบปฏิเสธ แล้วจึงเบนความสนใจไปอีกทาง “เอ่อ จริงสิ ถ้าพี่จะบอกน้องปลาว่า ม๊าได้ทาบทามลูกสาวของเพื่อนให้พี่ น้องปลาคงไม่ว่าอะไรนะ พี่ตกลงกับม๊าไว้ว่าถ้าน้องปลาไม่ยอมแต่งงานกับพี่ พี่จะลองคบกับเขาดู” หญิงสาวยิ้มให้เขาด้วยความจริงใจ
“ปลายินดีด้วยนะคะ ปลาคิดว่าคนดีๆ อย่างพี่อ๋าต้องมีคนที่ดีพร้อม เหมาะสมสำหรับพี่อ๋าเป็นแน่”
“ไม่จริงหรอกน้องปลา พี่มันก็แค่ไอ้โง่ ไอ้ทึ่มคนหนึ่งเท่านั้น ดูสิ...คนอย่างพี่อวดเก่งได้นานแค่ไหนกันเชียว สุดท้ายก็ต้องเป็นลูกแหง่ของม๊าอยู่ดี” เขาแค่นยิ้มประชดตัวเอง
“โธ่ พี่อ๋าอย่าน้อยใจอย่างนั้นสิคะ พี่อ๋าเป็นคนดีนะคะ เป็นคนน่ารักออก...”
“แต่น้องปลาก็ไม่รัก” มาถึงตอนนี้ปาลิกาจึงได้แต่หัวเราะเก้อๆ เสียอย่างนั้น
หญิงสาวถึงกับพูดไม่ออกและไม่รู้จะเอื้อนเอ่ยอะไรที่พอจะทำให้ความรู้สึกของเขาดีขึ้นได้ เธอได้แต่มองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ ที่ตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้ชายหนุ่มผู้แสนดีอย่างอานุภาพต้องมาผิดหวังเช่นนี้
และที่ปาลิกาบอกเขาไปเมื่อครู่ว่าสิ่งที่ทำให้เธอปฏิเสธไม่ใช่ครอบครัวของเขานั้น หญิงสาวไม่ได้โกหกเพื่อให้เขารู้สึกดีขึ้นแต่อย่างใด สิ่งที่ทำให้เธอต้องปฏิเสธชายหนุ่มผู้แสนดีเช่นเขาไม่เกี่ยวกับใครหรือสิ่งใดทั้งนั้น นอกจากหัวใจของตัวเอง
เธอไม่อาจฝืนใจตัวเองได้จริงๆ หญิงสาวอยากอธิบายให้เขาเข้าใจมากกว่านี้ แต่ก็เข้าใจดีว่าวินาทีนี้อานุภาพที่กำลังจั่งจมอยู่กับความผิดหวังคงมองไม่เห็นสิ่งใดรอบข้าง ปาลิกาได้แต่ภาวนาขอให้เขาเข้มแข็งและผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้

ก้าวเท้าออกมาจากลิฟท์เสร็จ ปาลิกาก็ใช้คีย์การ์ดรูดตรงประตูและเดินเข้าไปยังห้องรับแขก หูพลันได้ยินเสียงเพลงดังกระหึ่ม พร้อมกับเสียงเจี๊ยวจ๊าวดังมาจากห้องของตะวันฉายที่เปิดประตูแง้มเอาไว้ เธอเห็นป้าแต๋วเปิดประตูออกมาจากห้องนั้น
“เขาทำอะไรกันคะป้าแต๋ว” ปาลิกาถามด้วยความสงสัย
“อ๋อ...คุณซันน่ะสิหนูปลา ไม่รู้อารมณ์ไหนจัดปาร์ตี้ในห้องตั้งแต่หัวค่ำแล้ว มีพวกคุณหยาง คุณสองหมวย คุณดีด้า แล้วเพื่อนที่ป้าไม่รู้จักอีกสอง สามคนนี่แหล่ะ นี่ป้ากำลังจะหากับแกล้มมาเพิ่มให้อยู่เนี่ย” ป้าแต๋วรายงานก่อนผลุบเข้าไปในครัวอีกรอบ ปาลิกามองไปยังห้องที่เปิดประตูแง้มไว้อีกครั้ง แสงไฟสาดส่องให้เห็นเพียงสลัว เสียงเฮฮายังดังออกมาอยู่เป็นระยะ
พอดีกับที่ร่างสูงผลักประตูออกมา และชะงักไปเมื่อเห็นปาลิกายืนมองอยู่ก่อนแล้ว
“สนใจเชิญที่ห้องฉันได้นะ” เขาคลี่ยิ้มยียวนเพราะความที่เริ่มเมา แต่หญิงสาวสะบัดหน้าเดินหนีเข้าห้องไป “ป้าแต๋วขอเบียร์ที่แช่ไว้ด่วนด้วยครับ” ตะวันฉายตะโกนบอกแม่บ้านเก่าแก่ของตึก แต่สายตาที่จับจ้องไปยังประตูห้องที่พึ่งปิดลงไปนั้นมีแววหม่นลง ป้าแต๋วออกมาจากห้องครัวพร้อมจานกับแกล้มและเบียร์ตามคำสั่งทันเห็นเหตุการณ์นั้นพอดี จึงได้แต่ถอนหายใจเป็นกังวลไปด้วยอีกคน


ตอบเม้นต์จากตอนที่ 25 จ้า
คุณ Kim-อย่าพึ่งเบื่อที่ตอนนี้งอแงกันจังนะคะ ลุ้นกันต่อๆ เนอะ ^_^



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ก.พ. 2559, 20:47:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ก.พ. 2559, 20:47:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 1129





<< บทที่ 25   บทที่ 31 >>
Kim 17 ก.พ. 2559, 01:01:27 น.
เย้...ปฏิเสธเฮียอ๋าไปแล้ว นายซันอย่าเมาแล้วก่อเรื่องอะไรกับยัยดี๊ด๊านะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account