คืนค่ำร่ำพิศวาส
สองผีพี่น้อง เลวิส... แวมไพร์(ผีดูดเลือด) ลมเหนือ... ผีเฮี้ยน! อยู่ตึกผีสิง VS กาฬวาร... เด็กสาวยากจนเป็นสาวพรหมจรรย์ มีพลังจิตบริสุทธิ์ เธอช่วยพวกเขากลับเป็นมนุษย์ กลายเป็นเพื่อนบริสุทธิ์ใจต่อกัน สองพี่น้องต่างบิดาแต่รักกันมาก เวลาผ่านไปเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ได้เจอเธออีกหนต่างหลงรักผู้หญิงคนเดียวกัน...เลือกรักไม่ได้หนึ่งหญิงสองชาย (อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน)
Tags: หวานแหวว, ซึ้ง, รักแฟนตาซี, ไตรติมา, ผี, แวมไพร์, ตลก, หล่อ, โรแมนติค,

ตอน: ตอน ๓

______________________...oooooOOOooooo...______________________... ตอน ๓

ในชั่วโมงเรียนภาษาไทย ณ บ้านโองาว่า

“นี่... คุณเหนือดูดี ๆ สิ ฉันเขียนแบบนี้” กาฬวารลากเส้นเป็นตัวหอหีบ ตัวอักษรค่อนข้างโต

แต่ปรากฏว่าเขาส่ายหน้า และลากเส้นเขียนเป็นตัวเอช (H) ภาษาอังกฤษแทน

“ฉันถนัดเขียนตัวนี้มากกว่า ดู ๆ ไปมันเหมือนกัน คงพอใช้แทนกันได้”

“ฮะ ฮะ ฮะ...” ริวจิหัวเราะต่อกระซิกกัน และป้องปากกระซิบข้างหูลมเหนือ ซึ่งเธอไม่ได้ยินว่าพูดเรื่องอะไร

“ไม่ได้เด็ดขาด คุณเหนือเขียนไม่ได้เหรอตัวนี้ ฉันเขียนให้ดูตั้งหลายที”

“มันเขียนยากนี่... เอาอย่างนี้จับมือฉันเขียนได้ไหมล่ะ” ลมเหนือเสนอแนะ

“เอ... จะเอาอย่างนั้นเหรอ”

“อื้ม... จับมือฉันสิ” ลมเหนือยืนยันด้วยวาจา เมื่อดูท่าทางกาฬวารลังเล

ทันทีที่ทาบทับจับมือเขาถึงรู้ว่ามือเขาใหญ่กว่ามือเธอ และไม่นุ่มนิ่มเหมือนมือผู้หญิง ค่อยบีบมือนั้นให้ลากเส้นไปเป็นตัวอักษร

“ดีจัง นี่แหละ คุณเหนือเขียนตัวหอหีบได้แล้ว เฮ้อ... ค่อยโล่งใจหน่อย”

“จับมือผมเขียนอย่างนั้นบ้างสิ นะ นะ...” ริวจิเรียกร้อง อยากถูกมือสาวจับต้องบ้างอย่างลมเหนือ

“เอ... ฉันไม่กล้า ขอโทษค่ะ” เธอกล่าวด้วยใจขัดเขิน

“ทำไมล่ะ” ริวจิไม่เข้าใจจึงถาม

“นั่นสิ ทำไมไม่กล้า” ลมเหนือถาม สงสัยเหมือนกับเพื่อน

กาฬวารจึงกระซิบบอกเขาเบา ๆ ให้ได้ยินแค่สองคน

“ฉันเขิน... คุณเหนือเคยบอกฉันว่าคุณริวจิสนใจอยากจีบฉัน ฉันอายมากเลยไม่กล้าจับมือเขา”

“กระซิบอะไร แอบมีความลับกันสองคน ฮคคุ กาฬ...” ริวจิเสียงเข้ม มองจ้องจับผิดทั้งสองคน

“ไม่มีอะไร... นายหัดเขียนเองเถอะ ถ้าเขียนไม่ได้จริง ๆ ฉันจับมือนายเขียนเองเอาเปล่า?”

“แบละ... ฉันไม่อยากให้นายจับมือฉันหรอก” ริวจิแลบลิ้นใส่เพื่อน



เวลารับประทานอาหารเย็นที่โต๊ะอาหารมีคุณนายจินตนา คุณฮิงาชิ คุณทาคามิ และลมเหนือกับริวจิ ส่วนครูสอนภาษาไทยของบ้าน กาฬวารนั่งข้างลมเหนือ

“เป็นไงเหนือเริ่มเรียนเขียนภาษาไทย วันนี้คืบหน้าไปบ้างหรือยัง”

“พอได้นิดหน่อยครับ”

“นี่ดูสิกาฬ... ใบสั่งซื้อของเมื่อวันก่อน เหนือเขาเขียนแบบนี้ล่ะ ยัยจุ๊บแจงซื้อไม่ถูกเลย อันที่เขียนวงเล็บไว้ ยัยนั่นไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเลยไม่รู้อะไร ได้แต่แตงโมมาเท่านั้น” คุณนายจินตนาส่งกระดาษโน้ตให้กาฬวาร เธอจ้องมองข้อความในกระดาษ...

‘ ไบโHswา ไบกาเw ปาHกึ wกิ(prig) ขา ตาไค ไบมากด ไขไก เu uมปัง uาwงึ แตงโม ’

กาฬวารรีบวางกระดาษแผ่นนั้นลงและเอามือปิดปาก ถ้าไม่เกรงใจผู้ร่วมโต๊ะอาหาร ...อยากจะปล่อยก๊าก หัวเราะออกมาดัง ๆ ให้มันรู้แล้วรอดไป จากนั้นจึงเลื่อนแผ่นกระดาษให้ลมเหนือดู...

“หึ หึ... อ่านให้ฟังหน่อย นี่... เขียนอะไรบ้าง”

“ใบโหระพา ใบกะเพรา ปลาหมึก พริก ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ไข่ไก่ เนย ขนมปัง น้ำผึ้ง แตงโม” ลมเหนืออ่านออกเสียงภาษาไทยชัดเจน

“ที่จริงพอจะเขียนภาษาไทยได้อยู่บ้างนี่นา ไม่ใช่เขียนไม่เป็นเลย ทำไม...”

‘ทำไมต้องให้จับมือเขียนหนังสือด้วย หรือว่าหลอกแต๊ะอั๋งเรา? คิดยังไงของเขา อยากถามตรง ๆ แต่ไม่กล้า... ถ้าถาม... เขาคงไม่เข้าใจภาษาคงถามกลับมา แต๊ะอั๋งแปลว่าอะไร? ให้เราต้องอธิบาย ...ยาก’

เธอนึกและจ้องหน้าเขา ทำหัวคิ้วย่นส่ายหน้า อีกทั้งเม้มปากปิดสนิท

ท่าทีที่เขามองเธอ จึงเต็มไปด้วยความสงสัย...

“ทำไมเหรอ... ฉันไม่เข้าใจเธอนะ”

“อืม... ฉันเหมือนกันไม่ค่อยเข้าใจคนญี่ปุ่น”



ลมเหนือเดินมาส่งกาฬวาร ...จนเกือบถึงบ้าน

“ฉันสงสัยนิดหน่อย ตอนสอนภาษาไทยที่คุณริวจิกระซิบกระซาบกับคุณเหนือ แล้วหัวเราะอะไรไม่รู้”

“ผู้ชายเขาคุยเรื่องทะลึ่งกัน ถ้าอยากรู้จะบอกให้ เข้ามาใกล้ ๆ สิ เรื่องมันต้องกระซิบเดี๋ยวคนอื่นได้ยิน” ลมเหนือบอกเสียงเบา กวักมือให้เข้าหา เขามีนิสัยชอบให้ผู้หญิงเข้าใกล้ตัว ซึ่งเธอต้องทำตามด้วยความอยากรู้

“ตัวเอช (H) อักษรนำภาษาอังกฤษ ที่ญี่ปุ่นเป็นที่รู้กันว่ามันหมายถึงอะไร ถ้ามีผู้ชายมาชวนเธอไปเอช แต่เธอไม่ได้ชอบเขาอย่าไปกับเขา มันหมายถึงเขาชวนไปเมคเลิฟ ภาษาไทยหมายถึง... มีอะไรกัน”

“บ้าจริง! ...” กาฬวารอายขึ้นมาทันที ผลักเขาออกห่าง รีบเดินหนี...

ลมเหนือยืนยิ้มพอใจได้เย้าแหย่ และมองดูเธอเดินเข้าบ้านไป แล้วถึงได้เดินกลับเข้าบ้านตัวเอง เจอริวจิดักรอ...

“อยากชวนกาฬไปเดท นายช่วยฉันหน่อยสิ”

“เรื่องแบบนี้ นายนัดเอาเองสิ เรื่องอะไรฉันต้องช่วย...”

“ยังไม่สนิทกัน เธอดูขี้อาย ถ้าฉันนัดเดทคงปฏิเสธแน่ นายจีบหญิงเก่งช่วยเพื่อนหน่อยสิ น่า... นะ”

“ฉันไม่ค่อยได้จีบใคร ความจริงผู้หญิงเข้ามาชอบฉันเองต่างหาก”

“อยากชวนกาฬไปกินข้าว ถ้านายช่วยฉันไม่ได้อย่างนั้นต้องใช้แผนการ... เย็นพรุ่งนี้ขออนุญาตน้ามิลิน พากาฬออกไปทานข้าวนอกบ้าน นายเป็นคนขับมอเตอร์ไซค์ นายนั่งหน้าใช่ไหม” คนเจ้าแผนการอธิบายให้เพื่อนสมรู้ร่วมคิดด้วย

“ใช่... มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”

“นายต้องให้กาฬนั่งตรงกลาง แล้วฉันนั่งหลังสุดจะได้โอบเอวเธอได้ถนัด อยากกอด... ได้เบียดแนบชิดสาว เท่านี้ฉันคงมีชีวิตชีวาสดชื่น” ริวจิสองแขนโอบรอบตัวเอง ทำท่าฝันหวาน... ชอบใจแผนการเจ้าเล่ห์ที่ตนเป็นต้นคิด

“เบียด... ชิด... ฉันเห็นด้วยกับแผนการของนาย” ลมเหนือทวนคำและนึกตาม วาดมโนภาพ... จะได้ใกล้ชิดสาว เขาเลยพลอยเห็นดีเห็นงามตามเพื่อน

‘ถ้าหากกาฬนั่งตรงกลาง แล้วโดนเบียด... หน้าอกเธอต้องมาชนหลังเรา ทั้งตัวเธอต้องเข้ามาแนบชิด ...โดนเต็ม ๆ คงจะนุ่มนิ่ม อืม... น่าสนใจไม่น้อย’



กาฬวารคุยกับกาญจนา เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย ซึ่งบ่ายนี้เพื่อนมาเที่ยวบ้านเธอ นั่งคุยและอ่านหนังสือที่ม้านั่งข้างบ้าน ทั้งสองคนสนใจเรื่องดูดวงถึงกับไปยืมหนังสือตำราดูลายมือมาศึกษา

“กาญจนามีเส้นแต่งงานอยู่ใกล้เส้นหัวใจ เส้นนี้นี่... ตำราว่าได้แต่งงานไวไม่เกินอายุยี่สิบห้า” กาฬวารอ่านตำรา และให้เพื่อนแบมือเพื่อดูลายเส้นบนฝ่ามือ

“หือ... ฉันจะได้แต่งงานเร็วจริงเหรอ ตอนนี้อายุยี่สิบแล้วยังไม่มีแฟนเลยสักคน สเป็คฉันนะต้องสูง ขาว หล่อ ตาตี่แบบตี๋ ๆ หน่อยและต้องมีตังค์ด้วย” กาญจนาบอกลักษณะชายในฝันของเธอ

“แหม... สเป็คสูงนะนี่ แต่เหมาะสมกันดีเพราะบ้านเธอมีฐานะ เป็นถึงลูกเจ้าของภัตตาคารหรูดีอยู่แล้ว”

“กาฬวารล่ะ ชอบผู้ชายแบบไหน” กาญจนาเรียกชื่อเพื่อนแบบเต็ม ๆ เพราะทั้งสองมีชื่อเล่นอ่านออกเสียงเหมือนกัน จึงต้องใช้ชื่อจริงเรียกกันแทนชื่อเล่น

“ไม่ต้องหล่อมากก็ได้ ที่สำคัญต้องสมองดีเรียนเก่ง ไม่ต้องตัวสูงมากขี้เกียจแหงนมองหน้า ...เมื่อยคอ แล้วก็รูปร่างล่ำ ๆ ขาว ๆ ฉันแพ้ความขาว ถ้าเขามีตาสวยสองชั้นฉันจะชอบมาก เวลามองตาคงจะเคลิ้ม...”

“แหม... มีชายในสเป็ค แบบนี้แสดงว่าเริ่มโตเป็นสาวแล้วล่ะสิ” กาญจนาเอ่ยแซวเพื่อน

เป็นที่เข้าใจกันดีในกลุ่มเพื่อนเรื่องกาฬวารชอบทำตัวเป็นเด็ก ชอบเรียน ชอบเล่น ไม่สนใจชายหนุ่ม ไม่เหมือนเพื่อนสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน

“ยัง... ฉันอยากแต่งงานตอนอายุมากสักสามสิบไปแล้ว อยากเรียนสูง ๆ อยากทำงานหาเงินเยอะ ๆ อยากหาประสบการณ์ชีวิตให้คุ้มซะก่อนค่อยแต่งงาน”

“เธอมีไหมเส้นแต่งงาน ไหนแบมือให้ดูหน่อยซิ ...มีอยู่ชิดเส้นหัวใจเหมือนกับฉันนี่ อย่างนี้เธอจะได้แต่งงานไวเหมือนกัน” กาญจนาจับมือเพื่อนแบดูบ้าง

กาฬวารก้มหน้าก้มตาจ้องมองเส้นลายมือตัวเอง ใครจะไปนึกล่วงหน้า... คาดไม่ถึงว่าจะต้องแต่งงานปัจจุบันทันด่วนในเดือนนี้ทั้งยังอายุไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำ!

“ว้าว... หล่อมาก หล่อกระชากล่ะ” กาญจนาถึงกับเพ้อรำพัน เมื่อได้เห็นหน้าหนุ่มหล่อลากกระชากใจ

“อะไร? หล่อกระชาก...” กาฬวารถามอย่างไม่ตั้งใจฟังคำตอบ ยังจดจ้องเพ่งมองแต่ลายมือตนไม่เลิก

“หนุ่มตี๋ที่ไหนไม่รู้มายืนนั่นนะหล่อมาก... มาก” กาญจนาลากเสียงยาว สะกิดกาฬวาร

เธอจึงเงยหน้าขึ้น ขณะหนุ่มคนดังกล่าวเอามือเสยผมที่ปรกใบหน้า และอมยิ้มให้เธอกับเพื่อนสาว

“เห็นอย่างนั้นนั่นล่ะเด็กม.ปลาย อ่อนกว่าพวกเราตั้งปีสองปี” กาฬวารบอกเพื่อน แล้วจึงเอ่ยถาม...

“คุณเหนือมาทำไมคะ”

“นี่ใกล้บ่ายสี่โมงแม่ให้มาตาม ฉันกับเพื่อนต้องเรียนภาษาไทย”

“ขอโทษค่ะ มัวคุยกับเพื่อนเพลินไปหน่อย กาญจนาฉันไม่ว่างแล้ว ได้เวลาต้องไปสอนพิเศษที่บ้านคุณเหนือ สงสัยเธอคงต้องกลับบ้านก่อน”

“อืม... รู้แล้ว ฉันว่าจะกลับอยู่พอดี แต่ก่อนกลับแนะนำหน่อยสิ อยากรู้จักอยากได้เบอร์มือถือคนนั้น” กาญจนาแอบกระซิบให้เพื่อนช่วย

“ทำไมต้องให้ฉันเป็นแม่สื่อ ฉันยิ่งเขิน ๆ อยู่ ไม่เคยขอเบอร์ผู้ชายเลย” กาฬวารเกี่ยงงอน

“แข็งใจหน่อยน่าเพื่อเพื่อนนะ ฉันสนใจคนนี้ล่ะสเป็คฉันเลย ไม่เห็นเหรอที่ข้อมือใส่นาฬิกามียี่ห้อสงสัยลูกคนรวย แนะนำให้หน่อยนะ ...ขอร้อง” กาญจนาวิงวอนเพื่อน ใจอยากรู้จักหนุ่มหล่อเหลือเกิน

เพราะเพื่อนคะยั้นคะยอ กาฬวารจำต้องทำตาม

“คุณเหนือ... เพื่อนฉันอยากรู้จักคุณค่ะชื่อ กาญจนา เป็นเพื่อนที่มหาวิทยาลัย กาญจนา... นี่คุณเหนือ เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-ไทย”

“ชื่อจริงลมเหนือครับ เรียกชื่อเล่นฮคคุก็ได้ ชื่อเหนือนั่นแม่ผมกับยายชอบเรียก” เขาบอกอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส มีไมตรีกับสาว ๆ เป็นปกติเสมอ

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” กาญจนายิ้มหวานให้ลมเหนือ ได้พูดคุยทักทายกันไม่กี่คำก็ต้องลากลับ โดยกาญจนาจอดรถไว้บริเวณลานจอดรถในวัด ต้องเดินจากถนนซอยหน้าห้องแถวตรงนี้ไป

“ถ้าคุณกาญจนาจะกลับ ผมขอเดินไปส่งด้วยคนนะครับ”

“ดีจังเลยค่ะจะได้คุยกันอีกหน่อย” แล้วเขาสองคนจึงเดินคุยกัน กาฬวารเลยต้องเดินตามหลังเพียงลำพังคนเดียวโดยปริยาย ในสายตาเธอเท่าที่เห็นเขา บอกกับตัวเองได้ว่า

‘เด็กคนนี้... คงโตขึ้นเป็นจอมเจ้าชู้ แบบใช้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์’



หลังจากกาญจนาขับรถกลับไปแล้ว

“เพื่อนฉันไปแล้ว คุณเหนือให้เบอร์มือถือกับเพื่อนฉันหรือยัง” กาฬวารใส่ใจเป็นธุระให้เพื่อนเสมอ

“อ้าว... ไม่เห็นเพื่อนกาฬถามเลยนี่”

“สงสัยเขาคงลืม งั้นคุณเหนือบอกกับฉันนะคะ ฉันจะได้เอาไปบอกเพื่อน”

“ทำไมเธอต้องเอาไปบอกเพื่อนด้วยล่ะ”

“เพื่อนฉันสนใจคุณเหนือ” แล้วกาฬวารจึงพบเจอลมเหนือในแบบที่เรียกว่าเขานั้น... เจ้าชู้จริง!

“เหรอ... ดีใจจังเวลามีสาวมาสนใจ แต่ฉันบอกเบอร์เฉพาะคนที่ชอบฉัน เธอชอบฉันไหมล่ะ” เขาแกล้งถามยั่ว

“เปล่า...” เธอตอบหน้าตาเฉย เพราะในใจยังเฉยอยู่จริง ๆ

“ว้า... เสียดาย นึกว่าชอบ ทำไมไม่ชอบฉันล่ะ”

“คุณเหนือไม่ใช่แบบที่ฉันชอบ”

“แล้วเธอชอบแบบไหน”

“ฉันชอบผู้ชายตาสวยหวาน ๆ ตาสองชั้นแบบนั้นล่ะ”

“นี่... ฉันก็ตาหวานนะ ตาสองชั้นด้วย ดูดี ๆ สิ” เขาบอกยื่นหน้ามาใกล้ หรี่เปลือกตาให้ดู เขารู้ใจสาว ๆ ชอบให้เขาเข้าใกล้ ในใจนึกอยากจีบเธอบ้าง

แต่การวาฬจิตใจเป็นเด็ก เธอไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องหนุ่มสาวใครจีบใครอะไรอย่างไร...

“อืม... ตาสองชั้นเหมือนกัน แต่แบบหลบใน นี่... แล้วตกลงฉันจะรู้ไหม มือถือคุณเหนือเบอร์อะไร” เธอทวง เมื่อเขาชวนคุยนอกเรื่องไปไกล

“อยากรู้จริงเหรอ บอกก็ได้แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน ...หอมแก้ม” เขาบอกตรง ๆ พลางอมยิ้มเอียงแก้มอิ่มมาใกล้ ใช้นิ้วชี้ที่ข้างแก้มตัวเอง

กาฬวารมอง... ทำตากระพริบปริบ ๆ ซึ่งอีกฝ่ายสังเกตเห็นแพขนตายาวงามถูกใจ จึงอดทักไม่ได้

“อ๊ะ... ฉันชอบดวงตาของเธอจัง ตาคมดำขลับ ขนตาย้าว... ยาว” ลมเหนือกล่าวชื่นชม จ้องมองตากาฬวาร

ซึ่งเขาไม่ใช่ชายหนุ่มในดวงใจเธอจึงเฉย แล้วนึกขึ้นได้...

“คุณเหนือมาอยู่เมืองไทยแค่เดือนเดียว เดี๋ยวจะกลับญี่ปุ่นนี่นา คุณเหนือคงไม่ได้ใช้มือถือแน่”

“เธอเดาถูก ถ้าอยากคุยกับฉันเอาอีเมล์ไปดีกว่า จะได้ติดต่อกันข้ามประเทศได้สะดวกดีด้วย เดี๋ยวฉันจะจดให้ ไปที่บ้านฉันเถอะกาฬ ได้เวลาสอนภาษาไทยแล้วด้วย”



หลังจบการเรียนการสอนภาษาไทย ลมเหนือดำเนินการตามแผนของเพื่อนทันที

“แม่ครับ... ผมขออนุญาตพากาฬไปทานข้าวนอกบ้านนะครับ ผมกับเพื่อนอยากจะเลี้ยงข้าวกาฬ”

“ผมเห็นแถวบ้านเรามีร้านอาหารอร่อยหลายร้าน ขับมอเตอร์ไซค์ไปดูแล้วค่อยเลือกร้านทีหลังก็ได้ครับ” ริวจิรีบสนับสนุนเพื่อน เพื่อให้เป็นไปตามแผน

“ตามใจจ้า แม่อนุญาต”

ไม่มีใครหันมาสนใจถามกาฬวารว่าอยากไปกับเขาด้วยไหม?

ทั้งสองหนุ่มรีบเข้าไปแต่งตัว ลมเหนือใส่เสื้อเชิ้ตสีดำ และใส่ถุงมือยางสีดำสำหรับขับมอเตอร์ไซค์ ริวจิใส่เสื้อยีนสีฟ้า จากนั้นลมเหนือไปถอยมอเตอร์ไซค์ ริวจิจูงมือเธอเดินไป

‘ทำไมต้องจูงมือด้วย ไม่ชอบเลย’

กาฬวารได้แต่นึกไม่ชอบใจ... เห็นลมเหนือขี่มอเตอร์ไซค์แล้ว เริ่มสตาร์ทเครื่องโดยไม่สวมหมวกกันน็อก

“เอ... ไม่มีหมวกกันน็อกเหรอ” กาฬวารเห็นไม่ปลอดภัย เลยลังเลใจไม่อยากไปด้วย แต่ติดที่เกรงใจไม่กล้าบอกไปตามตรง

“ไปขับรถเล่นใช้เส้นทางสายใน ไม่มีตำรวจตรวจจับไม่ต้องใส่หมวกกันน็อก จะได้สูดอากาศบริสุทธิ์ด้วย”

เป็นที่รู้กันว่าเส้นทางสายในเต็มไปด้วยสวนและทุ่งหญ้า ...เปลี่ยว กาฬวารไม่ชอบไป

“ขึ้นสิกาฬ... นั่งคร่อมเลย ผมนั่งหลังสุดเอง” ริวจิดันร่างเธอไปใกล้มอเตอร์ไซค์เพื่อให้เธอขึ้น แต่กาฬวารลังเล...

“ขึ้นมาเถอะ ...เร็ว” ลมเหนือดึงต้นแขนเธอเข้าไปใกล้ตัวเขา

เธอจำต้องขึ้นนั่งซ้อนด้านหลัง ริวจิรีบซ้อนท้ายและเอาตัวเข้ามาเบียดชิด ความรู้สึกหวงเนื้อหวงตัวทำให้กาฬวารกระเถิบหนีไปข้างหน้า ซึ่งนั่นเท่ากับหน้าอกของเธอต้องไปชนแผ่นหลังของลมเหนือและลำตัวแนบชิดเขา เธอต้องเจอกับสถานการณ์อึดอัด

มอเตอร์ไซค์ถูกสตาร์ทออกตัวเร็วไว... พร้อมเสียงริวจิหัวเราะ และลมเหนือหันมายิ้มให้เพื่อนอย่างรู้กัน

“ฉันไม่อยากไปแล้ว ส่งฉันกลับบ้านเถอะ” กาฬวารพยายามตะโกนบอก เพราะรถแล่นไปปะทะลมแรง และเสียงเครื่องยนต์ดังแทรกทำให้ได้ยินกันไม่ถนัด

“อะไรนะ ฉันไม่ค่อยได้ยิน” ลมเหนือต้องตะโกนถาม

“ไปเถอะกาฬ... ไหน ๆ มาแล้ว” ริวจิได้ยิน แต่ยังคะยั้นคะยอ

“ฉันจะกลับบ้าน ไม่ไปด้วยแล้ว” กาฬวารตะโกนบอกซ้ำ...

“ทำไมล่ะ” ลมเหนือถาม

เธอไม่มีเหตุผลมาอ้าง จะบอกได้อย่างไร ...เพราะเขาสองคนทำกับเธอ เธอจึงขอร้อง...

“ส่งฉันกลับบ้านเถอะนะ”

“เดี๋ยวไปกินข้าวด้วยกันก่อนสิ แล้วฉันจะพาเธอส่งบ้าน” ลมเหนือก็ตื้อชวนไปด้วยท่าเดียว

ไม่มีใครยอมปล่อยเธอ ทำให้โมโหขึ้นมาจึงนึก... แล้วทำตามใจนึกเสียด้วย ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงลมเหนืออย่างลึกสุด แล้วจิกเล็บเข้าเนื้อตรงนั้นอย่างแรง ไม่สนว่าจะโดนส่วนไหนเพียงเพื่อทำให้เขาเจ็บ... จะได้หยุดรถ

“อูย! ...เจ็บ ทำอะไรของเธอ” ลมเหนือร้องเสียงหลง เบรกมอเตอร์ไซค์กะทันหัน

กาฬวารแยกตัวเองออกจากสองหนุ่มอย่างทุลักทุเล บังเอิญมีมอเตอร์ไซค์สวนทางมาพอดี คนขับเป็นผู้หญิงมาคนเดียว เธอรีบโบกรถ ซึ่งเป็นคนในตำบลเดียวกันเคยเห็นหน้ามาก่อน จึงหยุดรถแวะถาม

“จะไปไหนเหรอเธอ”

“ฉันขอติดรถไปข้างวัดหน่อย ฉันคนเดียว”

“ได้สิ ขึ้นมาเลย” ผู้หญิงคนนั้นยอมให้กาฬวารซ้อนท้าย แล้วขับออกไป...

“จอดรถทำไม? ปล่อยให้ไปได้ยังไงเสียแผนหมด อดเลย...” ริวจิต่อว่าเพื่อนอย่างไม่สบอารมณ์

“นายไม่รู้อย่ามาว่า ฉันโดนหยิกเข้าที่นี่... เจ็บชะมัด” ลมเหนือชี้เป้าให้เพื่อนรู้...

“งั้นเหรอ... กาฬวารนี่ร้ายจริง”

.
______________________...oooooOOOooooo...______________________...



ไตรติมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.พ. 2559, 20:04:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ก.พ. 2559, 20:04:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 920





<< ตอน ๒   ตอน ๔ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account