คืนค่ำร่ำพิศวาส
สองผีพี่น้อง เลวิส... แวมไพร์(ผีดูดเลือด) ลมเหนือ... ผีเฮี้ยน! อยู่ตึกผีสิง VS กาฬวาร... เด็กสาวยากจนเป็นสาวพรหมจรรย์ มีพลังจิตบริสุทธิ์ เธอช่วยพวกเขากลับเป็นมนุษย์ กลายเป็นเพื่อนบริสุทธิ์ใจต่อกัน สองพี่น้องต่างบิดาแต่รักกันมาก เวลาผ่านไปเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ได้เจอเธออีกหนต่างหลงรักผู้หญิงคนเดียวกัน...เลือกรักไม่ได้หนึ่งหญิงสองชาย (อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน)
Tags: หวานแหวว, ซึ้ง, รักแฟนตาซี, ไตรติมา, ผี, แวมไพร์, ตลก, หล่อ, โรแมนติค,

ตอน: ตอน ๔

______________________...oooooOOOooooo...______________________ตอน 4

............เจ๊เกียวทำดีกับกาฬวารสม่ำเสมอ ตอนบ่ายสามโมง... นำข้าวสารถุงละห้ากิโลกรัมมาให้ถึงบ้านแบบให้เปล่าไม่เอาเงิน แล้วเข้าไปในบ้านนั่งคุยกับยายเพียร

เมื่อมีคนดีย่อมมีคนไม่ดี ชายหนุ่มวัยทำงานแต่ชอบว่างงาน ชื่อ ทองแดง คนขี้เมาเจ้าประจำ นอกจากขี้เหล้ายังเจ้าชู้ชอบจีบหญิงดะไปเรื่อย

แน่นอน... กาฬวารพลอยโดนไปด้วย ขณะนั่งเล่นที่ม้านั่งข้างบ้าน กำลังลูบหัวลูกแมวตัวอ้วนสีดำเพศผู้ ชื่อ สาม มันนอนขดตัวกลมอยู่บนตัก

“เมี้ยว... อยากเป็นเจ้าสามจังได้นั่งตักกาฬ” ทองแดงร้องเลียนเสียงแมว เอ่ยหยอกเย้า อยากให้สาวข้างบ้านยิ้มหัวให้บ้าง

“พี่ทองแดงเมาแต่วัน ไม่ไปนอนเหรอ”

“นอนคนเดียวเปลี่ยวจิตไม่มีคนนอนด้วย ถ้าได้อย่างกาฬมานอนข้างพี่คงหลับฝันดี พี่แอบรักกาฬอยู่รู้ตัวไหม”

“รู้... แต่ไม่รัก” เธอบอก ทั้งทำหน้าตาและน้ำเสียงเย็นชา

“ใจร้าย” ทองแดงทำเสียงอ่อย

ลมเหนือได้ยินพอดี ขณะเดินออกจากปากตรอกเยื้องหน้าห้องแถว จึงยืนหลบข้างทางเพื่อแอบฟัง...

“แต่พี่ไม่เชื่อหรอก กาฬไม่เหมือนผู้หญิงอื่น ไม่เคยขับไล่ไสส่งพี่ เรียบร้อยน่ารักไม่เคยว่าอะไรพี่ นิสัยดีกว่าผู้หญิงของพี่ทุกคน ที่จริงคงมีใจให้พี่ใช่ไหมล่ะ แต่ไม่กล้ายอมรับความจริง พี่อยากให้พ่อแม่มาขอกาฬนะ แต่ตอนนี้ยังไม่มีเงินแต่ง ความจริงเราสองคนฐานะสมกัน คนจนกับคนจนเหมือนกันเข้าใจเห็นใจกันดี รักพี่ต้องหนีพ่อ เราไปอยู่ด้วยกันสองคนนะกาฬ”

“หนีตามพี่ทองแดง? ...” กาฬวารทวนคำ ทำสีหน้าเหนื่อยหน่าย

“ใช่... ถึงพี่ไปขอ พ่อแม่กาฬคงไม่ยอมยกให้”

“ฉันรักและเป็นห่วงย่ากับพ่อแม่ เขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด”

“แต่เขาจะเลี้ยงดูกาฬไปจนตายหรือเปล่า เขาไม่ได้เลี้ยงดูกาฬไปจนตายหรอกนะ”

“ฉันต้องตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ เป็นลูกกตัญญูต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ยามแก่เฒ่า ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายคนไหนต่อให้ฉันมีใจรักสักเท่าไร ฉันไม่มีวันหนีตาม” กาฬวารพูดไปตามเจตนาที่ตั้งมั่นไว้ในใจอย่างดี

“งั้น... เชิญอยู่กับพ่อแม่ไปจนแก่ตาย ขึ้นคานเป็นสาวทึนทึกไปคนเดียวเถอะ ชาตินี้ไม่ต้องมีผัวหรอก” ทองแดงตวาดใส่ด้วยเสียงอันดัง หลังจากผิดหวังในคำตอบ

แต่ใครจะคาดถึง... กาฬวารเกิดบันดาลโทสะจนตัวสั่น ดวงตาคมดูดุดันวาวโรจน์เป็นประกายกร้าว แล้วตะโกนเสียงดังลั่นยิ่งกว่า เรียกว่าได้ยินกันไปทั้งซอย

“ใครอยากมีผัวกัน ผัวไม่มีความสำคัญ มันไม่ได้คลอดเราออกมาจากท้องของมัน ไม่มีใครรักเราเท่าพ่อแม่ ใครมีลูกสอนลูกใครมีหลานสอนหลาน ไม่ต้องหนีตามผัว ผัวไม่ใช่ผู้วิเศษประเสริฐเลิศเลอ พอเจอผู้หญิงใหม่ มันพร้อมนอกใจไปรักคนใหม่หลงคนใหม่ ทิ้งเราไป ไม่รักเราจริงจังอย่างพ่อแม่ที่รักเราแน่นอนกว่า ไอ้ผู้ชายอบายมุข ตายไปแน่วลงนรกแน่ ไม่ได้ตายดีหรอก ทั้งพวกขี้เหล้า ทั้งพวกเจ้าชู้บ้ากาม”

คนเจ้าชู้สะดุ้งไปด้วย รู้สึกเหมือนโดนหางเลขท้าย หลังจากแอบฟังได้ยินดังนั้นแล้วลมเหนือบอกตัวเอง...

“กลับบ้านดีกว่าเรา”

ยายเพียร ทั้งนางนิลแม่ของกาฬวารจ้องมองทองแดงอยู่ สายตาขึงขังเอาเรื่อง ฝ่ายเจ๊เกียวออกปากไล่เสียงดัง

“ไปไกล ๆ แถวนี้เลยไป ไปที่ชอบที่ชอบเถอะไป”

“ไป... อย่ามายุ่งกับลูกสาวฉัน ถ้ายังขืนไม่ไปแม่จะตีกระบาลแตก ไป...” นิลผู้เป็นแม่ของกาฬวารตวาดขึ้นบ้าง

โดนอย่างนี้ทองแดงจึงต้องไป แต่ยังแสร้งร้องเพลงกระแนะกระแหน

“ทำไมน้องนางไม่ยอมห่างแม่...”

“คุณกาฬด่าได้ประทับใจเจ๊ แต่ละคำ ...ซึ้ง เจ๊ล่ะทึ่งจริง ๆ สะใจ ต้องได้อย่างนี้” เจ๊เกียวหันมาสรรเสริญเยินยอกาฬวาร ราวกับว่าเธอได้ทำวีรกรรม



............คุณมิลินให้ลูกชายไปรับกาฬวารที่บ้าน เห็นลูกชายกลับมาตัวคนเดียว จึงถาม...

“อ้าว... เหนือ ทำไมกาฬไม่มาด้วยล่ะ ไม่เจอกันเหรอ”

“เจอครับ แต่ผมเปลี่ยนใจกลับมาเอง เกิดมีเรื่องกัน คือว่า...” ลมเหนือความจำดีเยี่ยม ทุกถ้อยคำของกาฬวาร ถูกนำมาถ่ายทอดให้คุณมิลินฟัง

“ฮะ ฮะ ฮะ... สมน้ำหน้าไอ้ทองแดง โดนกาฬด่านั่นล่ะสมควรแล้ว มันเที่ยวทำความรำคาญจีบหญิงดะ ไม่มีใครอยากได้ไปทำลูกทำผัวหรอก เดี๋ยวนี้แม่ใช้เหนือเอาของกินไปให้บ้านนั้น เพราะไม่อยากเจอมัน เชื่อไหมขนาดแม่แก่แล้ว มันยังจีบ บอกว่าแต่งตัวสวยดีอย่างนี้พี่ชอบ ถามบ้านอยู่ไหนอยากไปส่ง มีแฟนหรือยัง แม่เลยบอกมีลูกมีผัวแล้ว มันบอกไม่ถือสา ถ้าผัวเผลอไว้เจอกัน ทำให้แม่โมโหจี๊ดขึ้นมา เลยว่าไป... ฉันรักลูกรักผัวดี ไม่มีวันเล่นชู้มั่วซั่ว ไอ้ผู้ชายชั่วบัดซบ เหนือจำไว้นะลูก นั่นเป็นตัวอย่างไม่ดี ผู้ชายดี ๆ เขาไม่ปากเปราะจีบผู้หญิงบอกรักใคร่ใครไปทั่ว คนเขาจะรู้สึกไม่ดีกับเรา ไม่รู้ลูกเขาเมียใคร วันใดซวยขึ้นมาจะมีแต่เรื่องเดือดร้อน” คุณมิลินถือโอกาสสั่งสอนลูกชาย

“แม่... ผมไม่อยากเรียนกับกาฬ ไม่อยากเจอ ถ้ากาฬมา แม่บอกกาฬว่าผมไม่สบายขอหยุดเรียนนะครับ”

“ทำไมล่ะ”

“เมื่อกี้กาฬท่าทางก้าวร้าว ทำหน้าดุเสียงดังปากจัดด่าเก่ง ไม่น่ารักสักนิดดูน่ากลัวมากกว่า ผมไม่ค่อยชอบผู้หญิงแบบนี้ ไม่อยากเข้าใกล้ ผมอยากเลิกเรียนกับกาฬ” ลมเหนือนึกถึงตอนโดนเธอทำร้าย จิกเนื้อในที่ลับของเขา แต่ไม่กล้าเล่าบอกแม่ กลัวโดนตำหนิมากกว่าจะได้รับความเห็นใจ รวมทั้งอาจเอาเรื่องเขากับเพื่อนที่หลอกพาเธอไปทำลวนลาม

“ตามใจเหนือ วันนี้ไม่อยากเรียนไม่ต้องเรียน แม่จะบอกกาฬให้ แต่เรื่องเลิกเรียนไม่ได้เด็ดขาด เหนือต้องหัดเขียนภาษาไทยให้ถูกต้อง”

“ผมจะไปหาเรียนในโรงเรียนสอนภาษาไทย ที่ญี่ปุ่นมีหลายแห่งหาไม่ยาก”

“มีเหตุผลหน่อยสิเหนือ ที่กาฬเขาทำท่าทางไม่น่ารักเป็นการตอบโต้คนไม่ดี ผู้ชายคนนั้นเขาไม่ดีกับกาฬจริง ๆ ถ้าผู้ชายเขารักจริงมีแต่เขาจะพยายามทำความดี ไม่ทำตัวว่างงาน เอาแต่แบมือขอเงินพ่อแม่เอาเงินไปกินเหล้า เป็นลูกผู้ชายต้องรู้จักขยันทำมาหากิน เก็บเงินมาสู่ขอลูกสาวเขากับพ่อแม่ดี ๆ ไม่ชวนหนีตามกันไป จากคำพูดของกาฬ... แสดงว่าเธอเป็นเด็กดีมีความกตัญญูรู้คุณ คิดตอบแทนด้วยการเลี้ยงดูพ่อแม่ยามแก่เฒ่า คนแบบนี้มีแต่ความเจริญรุ่งเรืองในภายหน้า ถ้าคอยเฝ้าดู”



............ริวจิมาชวนลมเหนือ เมื่อมนตราโทรมาชวนไปดูแข่งรถ

“ฮคคุ... เราไปดูซิ่งรถบนทางหลวงกลางดึกคืนนี้กันนะ พี่มนตราโทรมาชวนล่ะ”

“แต่แม่เคยเล่าให้ฟัง... แบบนั้นผิดกฎหมายตำรวจจับไม่ใช่เหรอ”

“ไม่มีตำรวจจับหรอก มีคนคอยดูต้นทางหาทางหนีทีไล่ไว้ให้ ยิ่งมีเจ้าพ่อประจำท้องถิ่นคอยหนุนหลัง สบายใจได้หายห่วง ถ้าตำรวจมาเราก็รีบสลายตัวสิ เรื่องอะไรจะอยู่ให้จับล่ะ จบไหม? ฮคคุไปกันนะ พี่มนตราบอกจะมารับที่ข้างวัด ใกล้บ้านเรานี่เลย”

“ฉันไม่กล้าบอกแม่ว่าจะไปดูซิ่งรถ แม่คงไม่ให้ไปแน่”

“ฉันขออนุญาตแม่นายเอง รับรองให้ไปแน่นอน” ริวจิพูด

ในใจลมเหนือนั้นร้อนรุ่มอยากไปเต็มที่ นึกในใจ...

‘อยากได้เจอหน้าพี่สาวคนสวยคนนั้น ถ้าแม่ไม่ให้ไปในคืนนี้จะแอบหนีออกไปเที่ยวให้ได้’

ริวจิเป็นคนพูดขออนุญาตคุณมิลิน เพื่อพาลมเหนือไปเที่ยวด้วย

“แม่ครับ ผมขออนุญาตไปเที่ยวคืนนี้นะครับ ไปดูหนังรอบดึกกัน”

“เฮ้ย! หนังเรื่องไร?...” ลมเหนือไม่เคยได้ยินเพื่อนเล่าให้ฟังมาก่อน จึงถามพาซื่อ... เพื่อนรีบจับแขนไว้ทันที แล้วหันมาขยิบตาให้เชิงส่งสัญญาณ... เขารู้เลยว่าเพื่อนโกหกหลอกลวงแม่ของเขา ซึ่งเขารู้เห็นเป็นใจจึงหยุดซักถาม

“หนังแอ็กชั่นครับแม่ พวกเด็กวัยรุ่นอย่างเราชอบดูกัน มีฉายรอบเที่ยงคืนที่โรงหนังในเมือง”

“ในกรุงเทพฯ ล่ะสิ หนังฉายรอบดึกกว่าจะเลิกกลับถึงบ้าน... จะกลับกันกี่โมงกี่ยาม”

“เอ่อ... กะว่าจะแวะกินข้าวต้มรอบดึกด้วย สงสัยคงกลับเช้าครับ” ริวจิตอบ

คุณมิลินส่ายหน้า ทำท่าไม่อยากอนุญาต หากแต่ลมเหนือรีบสนับสนุนเพื่อน

“กลับเช้าก็ดีนะครับแม่เพราะสว่างแล้ว ดีกว่ากลับตอนดึกมืดเปลี่ยวอันตราย ค้างบ้านเพื่อนก่อนดีกว่า”

“อืม... แม่ว่าจะถามนานแล้วแต่ลืมทุกที ลูกสองคนเพิ่งมาเมืองไทยมีเพื่อนคนไทยตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ผมรู้จักเพื่อนคนไทยทางอินเตอร์เน็ตนานเป็นปีแล้วครับ” ริวจิบอก

“เพื่อนที่ว่า... ผู้หญิงหรือเปล่า” คุณมิลินสงสัยให้ต้องถาม

“ผู้ชายเหมือนกันนี่ล่ะครับ” ริวจิตอบทันควัน ใช้ถ้อยคำโกหกเป็นไฟ ขณะลมเหนือได้แต่ก้มหน้า ไม่กล้ามองสบตาผู้เป็นแม่ด้วยนึกละลายแก่ใจ แต่ความอยากไปเที่ยวมีมากจนล้นใจ จึงไม่กล้าขัดเพื่อนแม้ตัวเองไม่มีนิสัยชอบโกหก



............เวลาสี่ทุ่ม มนตรามาจอดรถรออยู่ข้างวัด

“รีบไปกันเถอะ” มนตราบอก หลังเปิดประตูรถด้านที่นั่งข้างคนขับให้ลมเหนือ ส่งสายตาหวานอ่อยเชิญชวน

ริวจิรีบเปิดประตูรถเข้าไปนั่งเบาะหลัง และผลักเพื่อนที่กำลังยืนยิ้มเขินให้นั่งเบาะหน้าเคียงข้างคนขับ เป็นที่รู้กันอยู่ว่าทั้งสองชอบพอกัน

ทางหลวง... สถานที่แข่งรถมีวัยรุ่นมารวมตัวกันร่วมร้อยคน ทั้งเด็กสาววัยรุ่นนุ่งสั้น แต่งตัวโป๊บ้าง เซ็กซี่บ้าง และหนุ่ม ๆ เจ้าของรถซิ่ง แต่งรถแต่ละคันสวยสะดุดตา ไม่ว่าจะรถยี่ห้อไหนรุ่นใดได้ผ่านการโมดิฟายมาแล้ว ทั้งโหลดเตี้ย แต่งล้อแม็กซ์ ติดสปอยเลอร์ เปลี่ยนกันชน ไฟซีนอน หรืออื่น ๆ อีกมากมาย บรรยากาศก่อนการแข่งขันคลอด้วยเสียงเพลงเทคโนแดนซ์ ...ดังกระหึ่มจากเครื่องเสียงชั้นเลิศของรถแต่ง

“เพื่อนรุ่นน้องพี่ ชื่อ... ภมร อายุเพิ่งยี่สิบล่ะ จะลงแข่งนัดนี้” มนตราแนะนำเพื่อนใหม่ให้รู้จักทั้งริวจิและลมเหนือ

“นี่... ริวจิ กับ ฮคคุ เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น” มนตราบอกกับเพื่อนรุ่นน้อง ซึ่งเขามีผิวพรรณหน้าตาพิมพ์นิยมหนุ่มไทยคือผิวไม่ขาวนัก

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ลมเหนือและริวจิกล่าวทักทาย

“สวัสดีครับ” ภมรยิ้มรับเพื่อนใหม่ทั้งสองคน

“รถสวยครับ แต่งเยอะไหมนี่” ลมเหนือเป็นฝ่ายถาม ให้ความสนใจในตัวรถซิ่ง

“แต่งสปีดเครื่องยนต์ให้เร็วโลด แล้วไปโหลดเตี้ยมา เปลี่ยนล้อแม็กซ์ด้วย แต่งไม่เยอะเพราะรถใหม่ สภาพเยี่ยมอยู่แล้ว ท่าทางสนใจรถผมให้ลองเร่งเครื่องดูเล่น ๆ ก็ได้นะครับ ลองไหม...” ภมรพูดเชิญชวนเพื่อนใหม่

“งั้น... ขอลองหน่อยนะครับ” ลมเหนือถาม ทำตาโตดีใจ อีกฝ่ายพยักหน้ารับเป็นการยืนยันอนุญาต เขาจึงเข้าไปนั่งที่คนขับลองเร่งเครื่องยนต์ สังเกตดูรู้ว่าเครื่องแรงทีเดียว ...นึกในใจ

‘อยากได้รถขับแบบนี้สักคัน สักวันจะขอแม่ซื้อให้’

มนตรามาเคาะกระจกด้านข้างคนขับ ลมเหนือจึงลดกระจกรถลง เธอยิ้มอย่างหวานให้ในขณะที่ยื่นหน้ามาใกล้ เพื่อคุยด้วย

“พี่มีรถแต่งสวยกว่านี้อีก ถ้าฮคคุชอบรถแบบนี้วันหลังพี่จะถอยออกมาให้ลองขับเล่น สนใจไหม?”

“สนใจสิครับ ผมชอบ...” เขาตอบ ยิ้มให้อย่างตื่นเต้น

แล้วมนตราจึงถอยออกมายืนคุยแบบซุบซิบกับริวจิ โดยลมเหนือไม่ได้ยิน

“เขาน่ารักมาก เด็กอะไรไม่รู้ ...หล่อเกินห้ามใจ จนจะอดใจไม่ไหว ...เปรี้ยวปากอยากกินเด็ก”

“ผมนึกแล้ว... เจ้านี่มันยังเวอร์จิ้นอยู่ ยังไม่เคยมือสาวคนไหน”

“โอ้โฮ... น่าลองลิ้มชิมรส”

“เจ้านี่มีใจให้พี่มนตราอยู่ ดูก็รู้ ไม่น่ายากถ้าอยากลอง... มีอะไรให้ผมช่วยไหม”

“คืนนี้พาไปค้างที่บ้านพี่ได้เปล่า?...”

“โอเค... ผมจะช่วยเชียร์ให้ แล้วผมล่ะจะเอาไปไว้ไหน ให้กลับบ้านคนเดียวไม่เอานะ”

“เห็นเด็กสาวสองคนข้างภมรนั่นรึเปล่า คนผมยาวนะพี่รู้จักชื่อ พิ้งค์ เธอสนใจไหม” มนตราชี้ให้ริวจิมองตาม

“สวยดีนี่ ...น่าสน”

“ห้องนอนชั้นล่างที่บ้านพี่ว่างอยู่ พี่จะชวนคนนั้นมาบ้านด้วย เด็กคนนั้นไม่ยาก ถือเป็นของตอบแทนให้เธอ จัดการได้ใช่ไหม รึยังไม่เคยเหมือนกัน”

“ระดับผมมีรึไม่เคย สบายอยู่แล้วผมไม่ใช่ไก่อ่อนอย่างเจ้าฮคคุนั่นหรอก ผมโอเค...” ทั้งคู่หัวร่อต่อกระซิกกัน ลมเหนือที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ มองเห็นแล้วให้สงสัยจึงเดินมาถาม

“หัวเราะอะไรกัน เล่าให้ฟังบ้างสิ”

“อ๋อ... คุยเรื่องแข่งรถคราวนี้ ถ้าใครชนะที่หนึ่งจะได้เงินพนันเยอะ” มนตราตอบ เปลี่ยนไปคุยเป็นเรื่องอื่น

เมื่อถึงเวลาแข่งรถ ทุกคนยืนดูอยู่ริมถนน ท่ามกลางเสียงเชียร์เสียงกรี๊ดของสาว ๆ ดังลั่น

...และแล้ว ภมรได้พารถเข้าเส้นชัยเป็นอันดับหนึ่ง พวกสาว ๆ และเพื่อนของเขาเฮกันดังลั่น กระโดดขึ้นท้ายรถกระบะ ประสานเสียงเพลงดังจังหวะกำลังมันต่างเต้นดีใจ และแน่นอนมีแชมเปญเปิดขวดให้ดื่มเป็นการฉลองชัยชนะ

มนตราขึ้นไปเต้นในกลุ่มสาว ๆ พวกนั้นด้วย เธอเซ็กซี่มาก นุ่งสั้น ใส่สายเดี่ยว เต้นตามจังหวะเร่งเร้าเขย่าหน้าอกหน้าใจอวบอึ๋ม!

ลมเหนือจ้องมองตาไม่กระพริบ ในมือถือแก้วแชมเปญดื่มอย่างครึ้มอกครึ้มใจ

ส่วนริวจิจ้องมองพิ้งค์... เด็กสาวที่มนตราบอกจะจัดให้ สักพักหนึ่งจึงลงมาหาลมเหนือ ยื่นแชมเปญอีกแก้วให้ดื่ม ...เต้นรำกันอย่างสนุกสนานอยู่อีกไม่นาน

“คืนนี้ไปค้างบ้านพี่ไหม พรุ่งนี้พี่พาส่งถึงบ้าน” สาวใหญ่ถาม ทอดสะพานด้วยการส่งสายตาชวนเชิญลมเหนือ

“เฮ้ย! ไปสิ ตกลงเลย มัวตอบช้า... ให้ไว ให้ไวหน่อย” ริวจิเร่งเพื่อน เพราะเห็นทำท่าทีเขินเหนียมอายไม่ได้ดังใจ

“ตกลงครับ”

“เอ้า... น้องพิ้งค์ นั่งเบาะหลังกับพี่ริวจินะ” มนตราบอกกับเด็กสาวรุ่นน้องที่รู้จักกันดี

ลมเหนือจึงต้องนั่งเบาะหน้าไปโดยอัตโนมัติ

“พี่รัดเข็มขัดให้จ้า”

“ขอบคุณครับ” ลมเหนือกล่าว เห็นมนตรายังคงปรนนิบัติเอาใจไม่ห่าง ฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ได้ดื่มเข้าไปเมื่อครู่ ทำให้ใบหน้าร้อนผ่าว มาเจอความใกล้ชิดชนิดเฉียดแก้มสาวสวยรุ่นพี่ ลมเหนือถึงกับตื่นเต้น ...ระงับอกระงับใจไม่อยู่เลยทีเดียว ยิ่งเหลือบมองชุดเซ็กซี่ที่เธอสวมใส่อยู่ยิ่งหัวใจเต้นตูมตาม!

“น้องพิ้งค์นี่ยังดูเด็กอยู่เลยนะ อายุเท่าไร” ริวจิเริ่มชวนคุยกับสาวน้อยหน้าใหม่เพิ่งรู้จัก

“พิ้งค์ไม่เด็กนะคะ อายุสิบแปดแล้ว”

“น่ารักจัง พี่แอบมองตั้งนาน ไม่กล้าคุยด้วยนึกว่าเด็ก ขอโทษนะจ๊ะ... เมื่อยแขนขอยืดแขนหน่อย” แสร้งทำเป็นพูดจามีมารยาท แต่ริวจิถือโอกาสแกล้งโอบไหล่สาว นึกว่าเธอจะปัดป้อง แต่เธอกลับจับมือริวจิไว้ให้พาดไหล่ของเธอ

ลมเหนือแอบมองสังเกตเพื่อน ...จากกระจกหน้ารถ

“แล้วพี่ริวจิล่ะ อายุเท่าไร”

“สิบเก้าครับ” ริวจิคุยกับเธอไปเรื่อย

ลมเหนือเงียบ... แต่ในใจไม่ใช่เลย มันตื่นตัวตลอดเวลา บางทีเขาแกล้งหลับตาไปพักหนึ่ง พอลืมตาขึ้นมาลอบมองกระจกหน้าเพื่อดูเพื่อนของเขา พบว่าริวจิได้โอบเอวสาวที่นั่งเบียดแนบข้าง แต่ร้ายกว่านั้นตรงที่มือสอดเข้าทางสีข้างสาวน้อยแถวใกล้เนินหน้าอก และเลื้อยมือทาบบนหน้าอกสาวค่อยบีบคลึงเคล้นเล่นท่าทางมันมือ มองใบหน้าสาวเจ้าก็หน้ายุ่งแหยเก หัวคิ้วย่นเข้าหากัน เผยอเรียวปากแบบเกิดอารมณ์... เห็นริวจิก้มลงจูบปากเธอแบบไม่อายฟ้าดิน ใครใคร่มองมองไป

ลมเหนือต้องเบนสายตาไปมองมนตราแทน แต่กลับซ้ำร้าย... เธอนั่งโป๊! กระโปรงร่นหดสั้นขึ้นถึงโคนขา เห็นความขาวเนียนและร่องอกอิ่มอั๋น ร่างกายเขาเกิดปฏิกิริยาแข็งขันขึ้นมา มันยากจะควบคุมและข่มใจยิ่ง

‘อยากตะโกนบอกออกมาว่าผมไม่ไหวแล้ว ขอลงตรงนี้ก่อนได้ไหม’

แต่ลมเหนือไม่สามารถบอกใครได้ ต้องข่มใจจนแย่... มันทุรนทุรายเร่าร้อน... เหลือกำลังทานทน



............บ้านของมนตราเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น ยังใหม่มากเหมือนเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อไม่นาน เนื้อที่ประมาณห้าสิบตารางวา

“ฮคคุคงต้องแยกกันนอนคนละห้องกับเพื่อนแล้วล่ะ เห็นไหมเขาทำอะไรกับสาวตอนที่นั่งเบาะหลัง”

“อ๊ะ! ...พี่มนตราเห็นด้วยเหรอ ทำเป็นเฉย... นึกว่าไม่เห็น” เขาพูด ใช้มือปิดปากยิ้มใหญ่เลย

“พี่เลยให้เขานอนห้องชั้นล่าง คิดว่าคืนนี้คงไม่รอด เสร็จกันแหง ๆ หึ หึ...” มนตราบอก หัวเราะในลำคอ พอดีกับสาวชื่อพิ้งค์ เดินเข้ามาในบ้าน แล้วตรงเข้าไปในห้องนอนดังกล่าวนั้น

“โชคดีนะฮคคุ” ริวจิเดินมาตบบ่าเพื่อนทั้งโบกมือให้ แถมส่งจูบลอยลมอย่างอารมณ์ดี เดินเข้าประตูห้องนอนไป
______________________...oooooOOOooooo...______________________...



ไตรติมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.พ. 2559, 15:03:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.พ. 2559, 15:03:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 954





<< ตอน ๓   ตอน ๕ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account