: + : + : + : + : ผู้ช่วยกามเทพ : + : + : + : + :
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ

อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ทายาทคนเล็กบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังอันดับหนึ่ง และเจ้าของบริษัทจับคู่ยอดฮิตแห่งยุค อยากรู้นักว่าเธอเคยไปบนบานศาลกล่าวที่ไหนแล้วลืมแก้บนหรือเปล่า ทำไมเรื่องวุ่นๆถึงประดังเข้ามาในชีวิตแบบนี้ก็ไม่รู้

เพราะถูกแม่จับคลุมถุงชนกับคนแปลกหน้า ลูกสาวคนเล็กที่ถูกเลี้ยงอย่างเอาแต่ใจมาตลอดจึงประกาศกร้าวขอแต่งงานกับเพื่อนสนิทเพื่อขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน แต่โชคร้ายที่แม่เล่นใหญ่ชนิดรัชดาลัยเธียเตอร์ชิดซ้าย เมื่อบังคับกันดีๆไม่ได้ ท่านจึงตัดความช่วยเหลือทางการเงินจนเหี้ยน ทำให้เธอยิ่งต้องเอาชนะคำสั่งของแม่ให้ได้

สาวัช ปรเมศวร์ เกิดมาในฐานะลูกเมียน้อย เขาจึงทำตัวให้เลือนรางที่สุด เมื่อบ้านที่พรั่งพร้อมด้วยเงินทอง ชื่อเสียงและอำนาจ แต่กลับไม่เคยมีความรักให้เขาสักนิด สาวัชจึงชดเชยให้ตัวเองด้วยการปฏิเสธทุกคำร้องขอจากคนภายนอก ใครๆก็ว่าเขาเย็นชา ไร้น้ำใจ ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ แต่สาวัชก็ไม่เคยแคร์

ครั้นหนทางแห่งผลประโยชน์ชักนำ อิงอรุณจำต้องเข้าขอความช่วยเหลือจากสาวัช เมื่อคนหนึ่งเติบโตด้วยความรักพร้อมพรั่งรอบกายจนกลายเป็นคนแสนเอาแต่ใจ ต้องมาเจอกับคนที่ชีวิตแล้งไร้ความรักแถมยังไม่เคยตามใจใคร ย่อมต้องมีสักคนเป็นฝ่ายถอย!

เมื่อคนสุดขั้วสองคนต้องมาเจอกันในภารกิจเอาตัวรอดของอิงอรุณ ความวุ่นวายจึงบังเกิดขึ้น แต่คนที่ใจอ่อนก่อน บอกรักก่อน อาจไม่ใช่คนแพ้เสมอไปก็ได้!



♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

หายไปสองปี หวังว่าเพื่อนๆคงยังไม่ลืมสิริณกันนะค้า
ผู้ช่วยกามเทพ เป็นตอนต่อของ สนิมดอกรักค่ะ
อ่านแยกกันได้ ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าอ่านสนิมดอกรักก่อนจะยิ่งได้อรรถรสสุดฤทธิ์ (ขายของค่ะ 555)

เช่นเคยนะคะ สิริณยินดีและน้อมรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ
จะติก็ได้ ชมก็ยิ่งดี อ่านแล้วจัดเต็มกันได้เลย
มิต้องกลัวคนเขียนนอยด์ค่ะ

ฝากเนื้อฝากตัว ฝากผลงานไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต

หากฝ่าฝืน สิริณ(แม่มณี) จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น

ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ(แม่มณี) มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥


ชวนเพื่อนๆนักอ่านไปกดไล้ค์แฟนเพจของสิริณกันด้วย
www.facebook.com/SirinFC
ตรงนั้นจะมีกิจกรรมร่วมสนุก แจกของที่ระลึกกันเป็นระยะ
(แน่นอนว่าของที่สิริณมีมากที่สุดคือ 'หนังสือ' :D )
ไปกดไล้ค์กันเยอะๆนะคะ

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 4 (100%)

“โอย...” อิงอรุณครางเบาๆพลางโยนปากกาลงบนโต๊ะ บิดคอคลายความเมื่อยขบ จากนั้นเหลียวมองนาฬิกาตั้งโต๊ะ เพียงเห็นว่าเลยพักเที่ยงไปเกือบสิบนาทีแล้ว จึงรีบคว้ากระเป๋าสตางค์วิ่งไปยังห้องข้างๆซึ่งเปิดประตูค้างไว้ทั้งวันทันที

ห้องทำงานของแพรวเพชรเป็นโทนสีสว่างเรียบง่าย นอกจากเครื่องเรือนสำนักงานและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แล้ว ของประดับที่เห็นชัดที่สุดก็มีเพียงนาฬิกาทราย และรูปถ่ายเด็กหญิงวัยสี่ขวบที่วางเด่นอยู่บนโต๊ะทำงานเท่านั้น

“ไปกินข้าวแล้วเหรอเนี่ย” อิงอรุณรำพึงเมื่อเห็นห้องว่างเปล่า ครั้นเหลียวไปรอบสำนักงาน เห็นเพียงตามไฟเปิดไว้เฉพาะทางเดินอันทอดไปยังห้องครัวเท่านั้น เสียงพนักงานพูดคุยหัวเราะกันคิกคักดังมาแว่วๆทำให้เธอตัดใจ ต่อให้สนิทสนมหรือไม่ถือตัวแค่ไหน แต่ก็ไม่มีลูกน้องคนไหนอยากกินข้าวกับเจ้านายหรอก อึดอัดแย่!

หญิงสาวออกจากสำนักงาน เดินทอดน่องอย่างเซ็งๆไปยังร้านอาหารใกล้ๆ เธอหยีตามองแสงแดดจ้า แล้วตัดสินใจเลือกร้านอาหารในอาคารซึ่งติดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ เพราะเป็นช่วงพักเที่ยง โต๊ะว่างจึงมีไม่มาก เธอจำต้องนั่งโต๊ะซึ่งอยู่เกือบๆกลางร้าน เธออ่านรายการอาหารพลาง ขณะพนักงานนำน้ำเปล่ามาเสิร์ฟ ทว่าเงามืดที่บดบังแสงไฟทำให้หญิงสาววางเมนู เงยขึ้นเตรียมสั่งอาหาร แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่า...

“อ้าว! พิมพ์! สบายดีเหรอ” อิงอรุณทักทายอย่างเสียไม่ได้

“สบายดี ขอบใจที่ ‘อุตสาห์’ เป็นห่วง ส่วนอิง ฉันคงไม่ต้องถามมั้ง เห็นๆอยู่ว่ามีความสุขมาก” พิมพ์สนิทลากเสียงตรงปลายประโยคจงใจประชดประชัน

อิงอรุณยักไหล่ “ก็เรื่อยๆแหละ สบายดีตามอัตภาพ”

“มากินข้าวคนเดียว ไม่เหงาเหรอ ฉันนั่งเป็นเพื่อนไหม” อีกฝ่ายพยักพเยิดไปยังเก้าอี้เบื้องหน้าแกนๆ เห็นได้ชัดว่ามิได้หมายความตามนั้นสักนิด

“ไม่เป็นไร ขอบใจ”

“เปลี่ยนคำขอบใจเป็นอย่างอื่นแทนได้ไหม” คนพูดก้มลงมาสบตาเธอ “เลิกกับเทพสิ แล้วคืนเขาให้ฉัน”

อิงอรุณบิดริมฝีปากระอา “เทพไม่ใช่สิ่งของที่จะมายกให้กันง่ายๆ”

“แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเธอจงใจแย่งเขาไปจากฉัน” พิมพ์สนิทเท้ามือบนโต๊ะ โน้มตัวมาข่มเธอด้วยท่าทางคุกคาม

“พิมพ์น่าจะหายาสลายมโนมากินสักหน่อยนะ จะได้เลิกคิดไปเองเสียที เทพก็ยืนยันไปตั้งไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่าไม่เคยคบกับพิมพ์ เมื่อไหร่พิมพ์จะยอมรับความจริง ตั้งสติดีๆแล้วใช้สมองบ้าง เลิกทำตัวน่าสมเพชได้ละ เที่ยววิ่งตามตื๊อผู้ชายไปทั้งเมืองแบบนี้ ถึงไม่อายคนอื่น อย่างน้อยก็น่าจะอายตัวเองบ้างนะ” อิงอรุณกดเสียงต่ำพลางลุกขึ้นยืน เพราะการนั่งและปล่อยให้อีกฝ่ายวางก้ามข่ม ไม่ใช่นิสัยของเธอเลย

“มันจะมากไปแล้วนะ เธอแย่งแฟนฉันไปแล้วยังมาทำตัวเป็นคนดีเที่ยวอบรมสั่งสอนฉันอีกเหรอ หน้าด้าน!” พิมพ์สนิทร้องเสียงดัง ผลักอกเธอแรงๆ

อิงอรุณไม่ทันตั้งตัวสำหรับการจู่โจมกะทันหัน จึงเซไปเบื้องหลัง สะโพกกระแทกเก้าอี้ล้มลงพื้นเสียงดังโครมใหญ่ หญิงสาวหลับตาปี๋เตรียมใจสำหรับการล้มก้นกระแทก แต่แล้วกลับมีหลายๆมือรับเธอไว้จากด้านหลังแทน! กามเทพสาวทรงตัวยืนตรง เบือนหน้าไปเอ่ยขอบคุณ ‘กลุ่ม’ คนที่ช่วยกันคนละไม้ละมือยันหลังเธอไว้เมื่อครู่

ขณะจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับคู่กรณี ต้นแขนซ้ายของเธอก็ถูกคว้าไว้จากด้านข้างพร้อมทั้งกระชากอย่างแรงจนเธอเซหลุนๆห่างออกจากพิมพ์สนิทอีกคำรบ

“อุ๊ย!” อิงอรุณอุทานด้วยความตกใจ รู้สึกเย็นวาบที่ร่างกายซีกขวาจนถึงแผ่นหลังแผ่ซ่านลงไปตามแนวสะโพกในวินาทีถัดมา เสียงวี้ดว้ายดังขึ้นพร้อมกับเสียงเก้าอี้ครูดกับพื้น แล้วคนซึ่งนั่งอยู่ตรงโต๊ะรอบๆก็ลุกหนีกันพัลวัน

“คุณสาวัช” หญิงสาวเงยขึ้นมองผู้ที่ช่วยเธอเอาไว้ รำพึงอย่างประหลาดใจ ครั้นนึกได้อิงอรุณจึงเหลียวไปทางด้านหลัง เพียงเห็นพิมพ์สนิทก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ยายผู้หญิงบ้าสติแตกยืนหน้าแดงก่ำ ถลึงตาจิกใส่เธอด้วยสีหน้าไม่พอใจ มือถือแก้วน้ำว่างเปล่าอยู่!

เธอปลดมือสาวัช ตั้งท่าจะหันไปเผชิญหน้ากับคู่กรณี แต่อุ้งมือแข็งแรงยึดต้นแขนเธอแน่น ทั้งยังกระชับเบาๆคล้ายเตือนสติ

อิงอรุณหายใจเข้าลึก สบตาสาวัช แล้วพยักหน้านิดๆ มือที่กำแขนเธอไว้จึงคลายช้าๆ และก่อนเธอคาดคิด ชายหนุ่มก็ถอดเสื้อสูทออกมาคลุมบ่าให้เธออย่างสุภาพ

“เชิญทางนี้ดีกว่า” เขาพึมพำบอกพอให้ได้ยินกันแค่สองคน พลางแตะข้อศอกดันให้เธอรวมกลุ่มกับผู้ชายทั้งคณะที่เมื่อกี้ผ่านมาช่วยเหลือเธอไว้พอดีเพื่อเดินไปทางประตู

หญิงสาวเชิดหน้า บังคับตัวเองมิให้เหลียวกลับไปมองปฏิกิริยาของพิมพ์สนิท ครั้นได้ยินเสียงฝีเท้าย่ำระรัวกันอยู่เบื้องหลัง พร้อมเสียงปราม “อย่าค่ะคุณลูกค้า” ก็ชะงัก

“เดินไป อย่าหันไปมอง” สาวัชกระซิบบอกบทอยู่ข้างๆ “เขาจะเอาแก้วเขวี้ยงคุณ พนักงานคว้าไว้ได้แล้ว”

หญิงสาวแทบสะดุดลมหายใจตัวเอง รู้มานานแล้วว่าพิมพ์สนิทเกลียดเธอ แต่เพิ่งรู้วันนี้แหละว่าความเกลียดชังนั้นมากมายขนาดไหน!

เมื่อออกมานอกร้านอาหารแล้ว สาวัชก็ให้หน้าผู้ชายทั้งกลุ่มเป็นเชิงให้ล่วงหน้าไปก่อน เขาคอยจนอยู่กันตามลำพังแล้วจึงปล่อยมือจากข้อศอกของเธอ

“ขอบคุณมากค่ะ” อิงอรุณทำท่าจะปลดเสื้อสูทคืน

“อย่าเพิ่งถอด คลุมไว้ก่อนเถอะ”

หญิงสาวเงยขึ้นสบตาเขาด้วยความงุนงง ถามหาเหตุผลด้วยสายตา

“คุณสวมเชิ้ตขาวน่ะ” เขาตอบสั้นๆ

คนฟังหน้าร้อนวาบ มือกระชับเสื้อสูทแน่นเข้าโดยอัตโนมัติ เพิ่งเข้าใจเหตุผลที่เขาสละเสื้อให้ยืมในร้านอาหาร เพราะต่อให้เป็นผ้าเนื้อหนาเพียงใด แต่เสื้อสีขาวเวลาโดนน้ำก็แทบไม่ต่างกับการเปลือยดีๆนี่เอง!

“ขอบคุณอีกครั้งค่ะ อิงลืมคิดไปสนิทเลย” อิงอรุณเป่าปากพรูอย่างขัดใจ นึกภาพไม่ออกเลยว่าตอนนี้เกิดหายนะกับสารรูปทางด้านหลังของเธอมากน้อยเพียงใด หญิงสาวบิดริมฝีปากหงุดหงิด “บ้าจัง นี่ร้านประจำอิงด้วย อีกหน่อยอิงจะมากินข้าวที่นี่ยังไงล่ะเนี่ย”

“คุณไม่ได้ทำกิริยาน่าเกลียด คนที่ควรอาย คือผู้หญิงคนนั้นต่างหาก”

อิงอรุณคิดตามแล้วเห็นชอบด้วยจึงหัวเราะคิก “คุณพูดจริงด้วย ว่าแต่คุณสาวัชมาทำอะไรแถวนี้หรือคะ” เธอยังไม่ลืมหรอกน่าว่าเคยปฏิญาณไว้ว่าจะต้องทำให้ผู้ชายคนนี้ยอมมาเป็นวิทยากรของคิวปิดแอสซิสแทนซ์ให้ได้ ที่ถอยทัพวันนั้นเธอไม่ได้ยอมแพ้นะ แต่กลับมาวางกลยุทธุ์ใหม่ต่างหาก

“จำได้ว่าผมไม่จำเป็นต้องรายงานตัวกับใครนะ”

“พูดจาตัดรอนเย็นชาอีกแล้ว” อิงอรุณกระเง้ากระงอด คิดในใจว่านอกจากเย็นชา เขายังพูดห้วนๆไม่เคยมีคำลงท้ายเลยสักครั้ง ไม่รู้จะขี้เก๊กเป็นอาจารย์ผู้เคร่งขรึมห่างเหินไปถึงไหน!

“คุณโอเคแล้วใช่ไหม” เขาเลี่ยงการตอบคำถามดื้อๆ

“ค่ะ ถ้าไม่นับว่าสารรูปคงดูไม่ได้ อย่างอื่นก็ไม่น่าจะมีอะไรแล้ว”

“งั้นผมขอตัวนะ”

“อ๋อค่ะ เชิญตามสบายเลย ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่กรุณามาช่วยอิงจากสถานการณ์น่าอึดอัดนั่น” อิงอรุณบุ้ยปากไปยังเสื้อสูทซึ่งคลุมทับอยู่ “ส่วนนี่ จะให้อิงเอาไปคืนยังไงดีคะ”

“เอาไปฝากไว้กับประชาสัมพันธ์ของอาคารโภไคยทาวเวอร์ละกัน”

“คะ? อาคารโภไคยทาวเวอร์...” อิงอรุณหัวหมุนจี๋ ใครก็รู้ว่าอาคารดังกล่าวคือที่ตั้งของสำนักงานใหญ่บริษัทปรเมศวร์เทรดดิ้ง งั้นที่เธอคาดว่าสาวัชเป็นเพียงญาติสายห่างไกลของธนา คงเป็นความเข้าใจผิด สาวัชเกี่ยวพันกับบริษัทนั่นทางใดทางหนึ่งแน่ๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่มาปรากฏตัวแถวนี้ ทั้งยังเข้านอกออกในให้ฝากของไว้ตรงประชาสัมพันธ์ได้ด้วย

“ไม่เสียมารยาทแน่นะคะ” เธอหยั่งเสียง ลืมควบคุมความตื่นเต้นกระตือรือร้นเสียสนิท

“ฝากไว้กับประชาสัมพันธ์ แล้วผมจะแวะไปรับเอง” เขาย้ำเสียงเข้ม สีหน้าหงุดหงิดจนเธอชักแหยง

“ค่ะ อิงจะเอาไปฝากไว้ตามที่คุณบอกนะคะ” อิงอรุณรับคำขึงขัง ผิดศีลข้อมุสาก็ยอม แต่บอกความคิดจริงๆให้เขารู้ไม่ได้เด็ดขาด มีหวังเขาคงขอเสื้อคืนตั้งแต่ตอนนี้แหงๆ

“งั้นเราแยกกันตรงนี้เลยละกัน ขอบคุณอีกครั้งสำหรับเรื่องเมื่อกี้ค่ะ” อิงอรุณพนมมือลาเขา มองจนชายหนุ่มก้มศีรษะแทนการรับไหว้ และเดินกลับไปยังอาคารสำนักงานแล้ว เธอจึงสอดแขนลงในเสื้อสูทสวมมันแทนการคลุมหลวมๆ ตัดสินใจกลับไปออฟฟิศของคิวปิดฯบ้าง โดยส่งข้อความหาแพรวเพชร วานให้ช่วยซื้ออาหารกลางวันมาฝากด้วย

กลิ่นน้ำหอมผู้ชายที่ลอยมาแตะจมูกทำให้อิงอรุณอมยิ้ม รสนิยมการเลือกใช้น้ำหอมของเขาจัดอยู่ในขั้นดีเลิศ ผู้ชายคนนี้ช่างสมบูรณ์แบบชนิดไม่มีข้อตำหนิเลยสักประการ อ้อ...ถ้าไม่นับความเย็นชาน่าเบื่อนั่นน่ะนะ!

ระหว่างเดินผ่านอาคารโภไคยทาวเวอร์ หญิงสาวมองเงาสะท้อนของตัวเองจากกระจกบานใหญ่หน้าอาคาร แล้วนึกขัน สารรูปเธอเหมือนสวมถุงกระสอบอย่างไรอย่างนั้น แขนเสื้อยาวเลยข้อมือไปเกือบคืบ ส่วนชายก็กรอมลงมาเกือบเสมอชายกระโปรง แม้สูทของสาวัชจะแบบและสีสันราบเรียบ แต่ต้องยอมรับว่ายามอยู่บนตัวเขา มันดูดีอย่างไม่น่าเชื่อ

อิงอรุณแหงนหน้ามองอาคารสูงสี่สิบสองชั้นตรงหน้า ลูกค้าจำนวนไม่น้อยของคิวปิดแอสซิสแทนซ์คือพนักงานซึ่งทำงานในตึกนี้ ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เธอรู้ว่าสองชั้นแรกของอาคารเปิดให้เช่าทำร้านอาหาร ซุ้มขนม กาแฟ และบริการชนิดต่างๆ ทั้งไปรษณีย์ ธนาคาร ซักรีด ร้านดอกไม้ หรือแม้กระทั่งร้านซ่อมรองเท้า ทั้งยังเป็นตลาดนัดติดแอร์สำหรับมนุษย์เงินเดือน พื้นที่ตั้งแต่ชั้นสามถึงเก้าคือสำนักงานใหญ่ของปรเมศวร์เทรดดิ้ง ผู้ผลิตและจำหน่ายซูเปอร์โคลา

ขณะบริษัทน้ำอัดลมรายอื่น มีสำนักงานใหญ่อยู่แถบชานเมือง เช่าตึกหรูกลางกรุง หรือไม่ก็อยู่รวมกับโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ปรเมศวร์เทรดดิ้งกลับซื้อที่ดินสร้างตึกกลางเมือง ย้ายสำนักงานใหญ่จากนครราชสีมาเข้ามากรุงเทพ และเปิดพื้นที่ตึกส่วนใหญ่ให้เช่า ชั้นยิ่งสูงค่าเช่าก็ยิ่งแพง ธนาจึงใช้ชั้นล่างๆเป็นสำนักงาน เก็บชั้นบนๆไว้ทำเงิน! วิสัยทัศน์ของเจ้าสัวธนานั้นไม่ธรรมดาเลย น่าเสียดายที่ครอบครัวปรเมศวร์เก็บตัวตามประสาคนจีนส่วนใหญ่ ทำงาน หาเงิน แล้วก็เก็บเงิน จับกลุ่มอยู่แต่กับพวกคนไทยเชื้อสายจีนด้วยกัน ไม่มาสุงสิงกับชาวสังคมชั้นสูง เธอจึงรู้เรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวนี้น้อยยิ่งกว่าน้อย

คืนนี้เธออาจลองค้นกูเกิ้ลหาข้อมูลเกี่ยวกับสาวัชเพิ่มขึ้น ในฐานะที่เรียนจิตวิทยา อิงอรุณคิดว่านี่เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะหากสาวัชเกี่ยวพันกับธนา ปรเมศวร์ จริง มันก็น่าคิดว่าเหตุใดผู้ชายดูดีขนาดนั้น ถึงไปหมกตัวอยู่ที่มหาวิทยาลัย ห่างไกลจากชั้นผู้บริหารของปรเมศวร์เทรดดิ้งสุดกู่เช่นนั้น!



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.พ. 2559, 16:40:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 มี.ค. 2559, 16:16:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 1514





<< ตอนที่ 4 (50%)   ตอนที่ 5 (50%) >>
pizzicato 19 ก.พ. 2559, 19:40:33 น.
ผู้ชายเย็นชาก็มีมุมน่ารักนะคะ เริ่มจะชอบคุณสาวัชมากขึ้นเรื่อยๆ


Zephyr 20 ก.พ. 2559, 23:38:45 น.
เสื้อสูทต้องมีเชื่อมเรื่องราวดีๆ
อิอิ มีพร้อพละนะ
อ้างเอาเสื้อไปคืนก็ยังได้เจอกัน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account