มนต์อักษรอ้อนรัก

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 2

บทที่ 2


ครั้งแรก ด้วยคิดไม่ถึงและตั้งตัวไม่ติดครองขวัญจึงปฏิเสธ แต่ Rakkun ก็ไม่ละความพยายามเมื่อยังคงเพียรขอนัดเจอ พอถูกรบเร้าหลายครั้งหญิงสาวจึงเริ่มใจอ่อนแต่ยังลังเลจนไปปรึกษากอบบุญ

“ไม่ต้องไป!”

พี่ชายจอมหวงให้คำตอบอย่างรวดเร็ว

“แต่ขวัญกลัวว่าเขาจะคิดว่าขวัญรังเกียจ”

ด้วยนิสัยใจอ่อนขี้สงสารทำให้ครองขวัญอดคิดมากไม่ได้ แม้เธอค่อนข้างชอบเก็บตัวยิ่งหลังเรียนจบเพื่อนสนิทคนเดียวที่มีก็ย้ายกลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดทำให้เธอแทบไม่ได้ออกไปไหน ถ้าไม่ใช่เพราะต้องไปแจกลายเซ็นก็แทบหมกตัวอยู่แต่ในบ้านสวน จนหลายครั้งกอบบุญคงทนไม่ไหวจนลากเธอออกไปข้างนอกเพื่อเล่นแบดมินตันในสนามแห่งหนึ่งซึ่งเขาเป็นสมาชิก

“แล้วถ้าเกิดเป็นพวกคนไม่ดี คิดจะหลอกเอาแกไปขายล่ะ”

หญิงสาวหน้าเสียกับคำพูดชวนคิดนั้น แต่ไม่วายแย้งอย่างคนมองโลกในแง่ดี

“ไม่หรอก เขาคงแค่อยากเจอขวัญสักครั้ง”

“งั้นก็ไป!”

ครองขวัญทำตาปริบ ๆ แน่ใจว่าถูกประชดเมื่อดูจากสีหน้าบูดบึ้งของกอบบุญ

“ในเมื่อฉันเตือนแล้วแกไม่ฟัง ถ้าอย่างนั้นก็ไป แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นอย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน!”

“พี่กอบ”

หญิงสาวเรียกพลางรีบยึดแขนญาติหนุ่มไว้เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะเดินหนี

“ขวัญ...”

ครองขวัญพูดไม่ออกแม้อยากอธิบายว่าไม่ใช่แบบนั้น แต่เป็นเพราะเธอกลัวว่าจะทำให้แฟนคลับเสียความรู้สึก ความอัดอั้นตันใจถูกถ่ายทอดผ่านแววตาที่จับจ้องกระทั่งได้ยินเสียงถอนหายใจราวกับยอมแพ้ของกอบบุญ

“ก็ได้! ฉันจะไปเป็นเพื่อนแกละกัน”

เท่านั้นเอง ครองขวัญก็แทบกระโดดตัวลอยแต่ยั้งใจไว้ด้วยการเขย่าแขนของกอบบุญแทน แล้วบอกเสียงระรัว

“ขอบคุณนะ ขวัญรักพี่กอบจัง”

แม้เห็นว่าคนที่ถูกเธอบอกรักเบ้หน้านิดหนึ่งราวกับเอือมระอา แต่ครองขวัญก็ยังทันเห็นประกายขบขันที่วาบผ่านในดวงตาสีน้ำตาลเข้มจนรีบยิ้มให้อย่างเอาใจเมื่ออีกฝ่ายบอกมาด้วยน้ำเสียงเข้มจัด

“แต่บอกล่วงหน้าละกันว่านัดเจอกันวันไหน เพราะฉันทำงานบริษัทไม่ได้นั่งทำงานอยู่กับบ้านเหมือนอย่างแก”

ขณะมองตามกอบบุญที่กำลังเดินห่างออกไป ครองขวัญก็ยิ้มได้อย่างดีใจปนโล่งอก ความรักในตัวญาติหนุ่มเหมือนจะเพิ่มขึ้นจากความมีน้ำใจของอีกฝ่าย

เธอรู้ ถึงแม้ปากร้ายแต่กอบบุญก็รักและหวังดีกับเธอเสมอ

ทว่า สามวันก่อนถึงวันที่ครองขวัญนัดเจอกับ Rakkun ชายหนุ่มก็ส่งข้อความมาบอกว่าติดธุระด่วนต้องไปต่างประเทศจึงอยากขอเลื่อนไปเป็นเดือนหน้า ดังนั้นหญิงสาวจึงตัดสินใจนัดเจอในงานหนังสือที่กำลังจะถึงในอีกสองเดือน ซึ่งอีกฝ่ายไม่ขัดข้อง

เพราะคิดว่ากอบบุญคงดีใจกับการเลื่อนนัดเป็นวันหยุด ครองขวัญจึงคิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มจะชักสีหน้าไม่พอใจแล้วบ่นพึมเป็นเชิงไม่ไว้ใจแฟนคลับคนนี้ของเธอมากยิ่งขึ้น

“ถ้าแกจะไปเจอกับนายคนนี้ ต้องบอกฉันด้วยทุกครั้ง!”

หญิงสาวกระพริบตาปริบ ๆ กับประกาศิตที่ได้รับ ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรถึงทำเหมือนไม่ถูกชะตากับแฟนคลับคนนี้ของเธอทั้งที่ยังไม่เคยเจอหน้า

กระนั้นคนหัวอ่อนที่เคยชินต่อการเป็นผู้ตามก็ยอมรับคำอย่างว่าง่าย และนั่นคงทำให้กอบบุญอารมณ์ดีขึ้นเมื่อดูจากการยอมผละไปโดยไม่พูดอะไรอีก


ในที่สุดก็มาถึงวันที่มีงานหนังสือ พอรู้ว่าครองขวัญมีนัดไปแจกลายเซ็นและพบกับ Rakkun ในวันเสาร์ที่จะถึง กอบบุญก็ประกาศออกมาทันทีว่าเขาจะไปด้วย

แม้จะงง ๆ เพราะที่ผ่านมาเวลาเธอออกปากชวนมักถูกเขาปฏิเสธเสมอด้วยเหตุผลว่าไม่ชอบคนเยอะ ยิ่งเมื่อครั้งนี้ป้าของเธอช่วยสนับสนุนอีกแรงทำให้พอเดาได้ว่าชายหนุ่มคงเล่าเรื่อง Rakkun ให้แม่ของเขาฟังจนทำให้ป้าบุษรัตน์นึกเป็นห่วงหลานสาวที่นิสัยไม่ค่อยจะทันคน

ก็ดีเหมือนกันจะได้นั่งรถสบาย ๆ

หญิงสาวบอกกับตัวเอง ได้กอบบุญขับรถรับส่งก็ดีกว่าเธอต้องนั่งรถไฟฟ้าหรือรถเมล์ไปกลับเอง ไม่รวมกับจะได้ให้เขาช่วยหิ้วหนังสือที่เธออยากซื้อกลับมาอ่านที่บ้านด้วย

ตลอดเวลาตั้งแต่เปิดงานจนเมื่อเวลาใกล้เที่ยง ครองขวัญออกอาการตื่นเต้นเหมือนทุกครั้งที่ต้องมาแจกลายเซ็นในบูทของสำนักพิมพ์ จนถูกเขม่นจากญาติหนุ่มที่คอยจับตามองอยู่ตลอด

เมื่อถึงช่วงที่ครองขวัญนั่งอยู่เพียงลำพัง กอบบุญก็เดินเข้ามาหา

“อยากเจอไอ้หมอนั่นมากเลยหรือ”

“อะไรพี่กอบ ขวัญก็ตื่นเต้นอย่างนี้ทุกครั้งล่ะ”

ครองขวัญงงเมื่อจู่ ๆ ถูกแขวะจากคนที่ทำหน้าตาบึ้งตึง แต่เมื่อนึกถึงเมื่อเช้าที่กอบบุญกินแค่กาแฟกับขนมปังปิ้งสองแผ่นแล้วตอนนี้ก็ใกล้จะเที่ยง หญิงสาวก็เปลี่ยนเป็นยิ้มหวานอย่างจะเอาใจ

“หิวแล้วใช่ไหมพี่กอบ งั้นเดี๋ยวขวัญจะไปขอพวกพี่ ๆ ออกไปกินข้าวก่อนละกัน”

พูดจบ เจ้าตัวก็ลุกจากที่นั่งแล้วเดินไปหาหญิงสาวสองคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะด้านในสุดก่อนบอกความประสงค์ จากนั้นจึงเดินกลับมาหาคนที่กำลังยืนกอดอก

“ไปกินข้าวกันพี่กอบ”

พูดจบ ครองขวัญก็รีบจับจูงมือญาติหนุ่มออกไปอย่างรวดเร็วเพราะคิดว่าอีกฝ่ายกำลังโมโหหิว

ทว่า ราวห้านาทีหลังจากนั้น ชายหนุ่มร่างสูงราว 180 เซนติเมตรในชุดเสื้อยืดโปโลสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงสแล็คก็เดินตรงมาที่บูทสำนักพิมพ์ อาจด้วยหน้าตาและบุคลิกที่ดึงดูดสายตาของคนรอบข้างทำให้สาวน้อยวัยสิบแปดที่ทำหน้าที่คอยให้ข้อมูลเกี่ยวกับนิยายและช่วยขายหนังสือมีทีท่าตะลึงงันจนเกือบไม่ทันฟังเมื่อถูกตั้งคำถาม

“ไม่ทราบว่าคนไหนคือนักเขียนที่ชื่อมนต์อักษรครับ”


ราวชั่วโมงกว่าเมื่อครองขวัญกลับมาที่บูทอีกครั้ง หญิงสาวก็ได้รับแจ้งว่าก่อนหน้านี้มีชายหนุ่มคนหนึ่งมาถามถึงและบอกว่าเขาเป็นคนที่นัดกับเธอไว้ แต่เนื่องจากมีธุระด่วนทำให้อยู่รอพบไม่ได้

พอรู้ดังนั้น ครองขวัญก็ผิดหวังมากและความรู้สึกนั้นคงถ่ายทอดผ่านทางสีหน้าแววตาจนทำให้เกิดเสียงค่อนขอดตามมา

“ผิดหวังมากเลยหรือที่ไม่ได้พบไอ้หมอนั่น”

ถึงไม่ต้องหันไปมอง ครองขวัญก็พอเดาได้ว่ากอบบุญกำลังทำสีหน้าเช่นไร ความผิดหวังที่กำลังตื้อในอกทำให้ไม่อยากต่อปากต่อคำ ซึ่งเป็นจังหวะที่มีแฟนนิยายเข้ามาขอลายเซ็นพอดี กระนั้นจากหางตาเธอก็ทันเห็นว่าหลังจากยืนหันรีหันขวางครู่หนึ่งกอบบุญก็เดินเลี่ยงออกไปจากบูท นึกเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงไปเดินเล่นเตร็ดเตร่บูทอื่นเพื่อแก้เบื่อ

ทางด้านกอบบุญ หลังจากเดินเข้าบูทนั้นออกบูทนี้อยู่พักใหญ่ ชายหนุ่มจึงหยุดความสนใจไว้ที่บูทแห่งหนึ่งซึ่งจำหน่ายหนังสือแนวสืบสวนสอบสวน ทว่าแรงกระแทกตรงกลางแผ่นหลังทำให้ต้องละความสนใจจากหนังสือแล้วมองหาต้นเหตุ ทันเห็นว่าเป็นกระเป๋าแบบเป้ใบหนึ่งของหญิงสาวที่เขาเห็นเพียงแผ่นหลังซึ่งเพิ่งเดินผ่านเขาไปไม่กี่ก้าว

ไวเท่าความคิด กอบบุญเดินตามไปประชิดตัวหญิงสาวคนนั้นแล้วใช้มือดึงกระเป้าเป้เจ้าปัญหาเอาไว้ทันที

“นี่คุณจะทำอะไรน่ะ!”

แทบจะทันทีเช่นกัน สียงแหวก็ดังออกจากปากเล็ก ๆ ของคนที่ถูกดึงกระเป๋าเอาไว้ไม่ต่างจากแววตาวาวจ้าที่มองมาอย่างเอาเรื่อง

“เมื่อกี้กระเป๋าคุณมากระแทกหลังผม”

กอบบุญฝืนข่มอกข่มใจชี้แจงด้วยหวังว่าจะได้ยินคำขอโทษตามมาทั้งที่เริ่มหงุดหงิดกับท่าทีของแม่สาวตรงหน้า แต่สิ่งที่เขาเห็นหลังจากนั้นคืออีกฝ่ายเพียงแต่จับตามองมือของเขาที่ยังคงยึดกระเป๋าเป้เอาไว้ครู่หนึ่ง ก่อนเบะปาก

“นี่คงเป็นวิธีการแบบใหม่สินะ”

ในขณะที่ชายหนุ่มยังคงงุนงง วินาทีต่อมาก็เหมือนหูจะแตกกับเสียงร้องแหลมของคู่กรณีที่โวยวายดังลั่น

“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย คนคนนี้จะขโมยกระเป๋าของฉัน!”


****************************************************************


มาแปะตอนใหม่ค่ะ ขอฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ หากคิดว่ามีตรงไหนที่น่าจะปรับปรุงหรือแก้ไขก็บอกได้ค่ะ ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็น



คุณปลาวาฬสีน้ำเงิน - ขอบคุณมากค่ะ ถ้าอ่านแล้วเห็นว่ามีข้อผิดพลาดหรืออยากให้คำแนะนำตรงไหนก็บอกได้เสมอนะคะ คนแต่งยินดีรับฟังเพื่อนำไปพัฒนาตัวเองค่ะ...ขอบคุณอีกครั้งค่ะ



ปิยะณัฏฐ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.พ. 2559, 08:05:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.พ. 2559, 08:05:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 1001





<< บทที่ 1   บทที่ 3 >>
ปลาวาฬสีน้ำเงิน 21 ก.พ. 2559, 09:17:07 น.
แหม.. คลาดกัน เลย


Zephyr 22 ก.พ. 2559, 13:29:15 น.
โหยยยย อีกนางมองโลกแง่ร้ายไปมั้ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account