มาตามี
ซวย T T เขาบอกว่าตอนเบญจเพสระวังดวงซวย
มันคือเรื่องจริง แถมเจอคนบ้าอำนาจอย่างเฟรากัส
โอ๊ยปวดกบาล
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: มาตามี



แววตาเหลืองอัมพันสว่างวูบในความมืด
จุดหมายของสายตาเป็นร่างอ้วนกลมในผ้าห่มผืนหนา

"ปากดีขยันยั่วข้าเสียเหลือเกิน แม่ตัวดี"

"เจ้าตัวเกะกะ"

หากข้าไม่จำเป็นต้องใช้งานเจ้า เจ้าไม่มีวันได้อยู่สุขสบายเยี่ยงนี้ดอก
จะจับไปล้างคอกม้าเสียให้เข็ด

"ลาคา"

แม้จะเป็นยามวิกาลดึกสงัดหากชนชั้นสูงสื่อจิตเรียกหา
ชั้นผู้น้อยย่อมไม่มีสิทธิ์ขัดขืน!!!

"เจ้าค่ะ"

"ไปรอข้าหน้ากระโจม" น้ำเสียงเรียบเรื่อย

"เจ้าค่ะ"

สายลมยามค่ำคืนยังไม่เย็นยะเยียบเท่าสายตาจากร่างของผู้สูงศักดิ์

"เจ้าทำเกินหน้าที่ไปรึไม่ ลาคา"

ปรายสายตาตกที่ปลายนิ้วตนหามองสบตาผู้ฟังไม่ นิ้วก้อยงอลงกลางฝ่ามือ
ตามด้วยนางจนกระทั่งถึงนิ้วกลางดวงตาเหลืองอัมพันจึงเบือนมาสบตากับบริวารตน

"ท่านเจ้า นางดูหมิ่นท่าน"

"นางไม่คู่ควรกับท่านเจ้า"

"เดี๋ยวนี้ข้าต้องฟังความเห็นจากเจ้างั้นรึ"

น้ำเสียงกลั้วหัวเราะเบาๆของชายหนุ่มไม่ได้พาให้สถานการณ์ของพี่เลี้ยงสาวดีขึ้นเลยสักนิด

"ท่านเจ้าผู้น้อยผิดไปแล้วเจ้าค่ะ โปรดอภัยให้ผู้น้อยด้วย"

ผู้น้อยทรุดตัวคุกเข่าลงต่ำด้วยความกลัวเกรงยิ่ง

"ข้าและเจ้าต่างมีหน้าที่ของตน จงทำหน้าที่ของเจ้าให้ดี"
นายเหนือหัวเน้นหนักกดดันนักยามลงเสียง เจ้า

"อย่าทำเกินหน้าที่ ลาคา"

ความหมายชัดเจน ห้ามล่วงเกินเด็กสาวในกระโจมแม้ปลายก้อย!!!
เรื่องเมื่อสายที่ตนอาจหาญทำลงไปนั้น
ไม่อาจหลุดรอดสายตาของนายเหนือหัวได้เลยสักนิด

"เจ้าค่ะ ท่านเจ้า"
………………………………………………………………………………………………………………………

แสงอรุณรุ่งเริ่มมาเยือนเพื่อวันใหม่แต่ทว่าร่างในผ้านวมผืนนุ่มจะกระดุกกระดิกสักนิดก็หาไม่
หญิงสาวเป็นคนขี้เซาไม่ว่าอยู่โลกไหน ความขี้เซายังคงติดตัวอยู่ไม่เสื่อมคลาย

"นายหญิงเจ้าค่ะ ตื่นเถิดเจ้าค่ะ"

"..." ไร้วี่แววการตอบรับโดยสิ้น

(เอ๊ แต่ทำไมเสียงอยู่ใกล้จัง)

ความสงสัยทำให้เปลือกตาบางเปิดขึ้นมาด้วยความงัวเงีย

ไม่มีเสียงออดอ้อนขอต่อเวลาเช่นวันวานเพราะรู้แล้วว่าพี่เลี้ยงไม่ค่อยชอบหน้าตนนัก
การเริ่มขีดระยะห่างจึงค่อยๆเกิดขึ้นอย่างเงียบเฉียบ

"นายหญิงเจ้าค่ะ โปรดให้อภัยกับการล่วงเกินของผู้น้อย"

"เดี๋ยวๆ ลาคา ลงไปคุกเข่าทำไมกัน"

(นี่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียงมานานเท่าไหรแล้ว มิน่าหล่ะเสียงถึงอยู่ใกล้ขนาดนี้)

"โปรดให้อภัยผู้น้อย"

แววตาข่มขู่ครั้งเมื่อวานไม่มีปรากฏเพราะเวลานี้มีเพียงการอ้อนวอนและขอร้องฉายชัดออกมาจนหญิงสาวรับรู้ได้

"ลาคา ลุกเถอะ" พยายามยกร่างพี่เลี้ยงขึ้นจากพื้นแต่แรงหญิงสาวไม่อาจสู้การต่อต้านจากคนบนพื้นได้เลย

"โปรดอภัย นายหญิงจะให้ข้าทำสิ่งใด ข้ายอมเจ้าค่ะ"

"ลาคาเล่าเกี่ยวกับมาตามีให้ฉันฟังบ้างสิแล้วฉันจะให้อภัยนะ"

แม้บางคำคนเป็นพี่เลี้ยงจะฟังคำพูดคำจาของนายหญิงไม่เข้าใจนักแต่พอจับความได้อยู่บ้าง
เรื่องราวของดินแดนแสนศักดิ์สิทธิ์จึงค่อยๆถูกถ่ายทอดดออกมา

"มาตามีเป็นดินแดนแห่งการอธิษฐานเจ้าค่ะ เรามักจะฝึกจิตตั้งแต่เด็กเพื่อแข่งกันขอในสิ่งที่ต้องการจะขอเจ้าค่ะ หากจิตใจแกร่งและนิ่งพอ ท่านจะขอสิ่งใดจากมาตามีได้หมดเจ้าค่ะแต่จะต้องอยู่ในกฏเกณฑ์ที่บังคับไว้เจ้าค่ะ”

“โห ดีจัง อยากมีบ้างอ่ะ ลาคาสอนบ้างสิ”

“เจ้าค่ะ”
พี่เลี้ยงสาวยิ้มรับ ความสัมพันธ์ที่ขาดหายไปค่อยๆถูกเติมเต็มอีกครา

“เราเรียกมาตามีเป็นดินแดนเจ้าค่ะ ดินแดนมาตามีแบ่งเขตการปกครองเป็นเผ่าพันธุ์ต่างๆ”

“มีเผ่าพันธุ์อะไรบ้างเหรอจ๊ะ”

“กินรี ครุฑ พญานาค ยักษ์”

(นี่ฉันอยู่หิมพานต์หรือเปล่า)

“มีอีกมายมากเจ้าค่ะ

“เผ่าพันธุ์ของเราเป็นเผ่าพันธ์แสนเก่าแก่ เราอยู่เกาะกันเป็นกลุ่มทางตอนเหนือของมาตามีเจ้าค่ะ”

“มีไม่เยอะสินะ”

“อะไรหรือเจ้าค่ะ”

“เผ่าพันธุ์ของลาคามีไม่เยอะสินะเพราะที่ฉันเห็นอยู่มีไม่กี่กระโจมเอง”

ลาคายิ้มน้อยๆราวขบขันก่อนเล่าต่อ

“โถ นายหญิง สถานที่ที่นายหญิงยืนอยู่เป็นชายแดนเจ้า หาใช่ดินแดนใหญ่ของเราไม่”

“นายหญิงกระหายน้ำใช่ไหมเจ้าค่ะ”

การกระทำของพี่เลี้ยงดูแปลกนักแทนที่จะไปหยิบคนโทน้ำ กลับยกนิ้วชี้ขึ้นจรดปากก่อนวาดมือเขียนข้อความลงบนกระดาษเก่าๆสีไข่ไก่แก่ๆ

“น้ำเจ้าค่ะ” พี่เลี้ยงสาวยื่นกระดาษให้หญิงสาวแทนที่จะหยิบน้ำให้ดื่ม การกระทำสวนทางกับคำพูดจนทำให้หญิงสาวเริ่มตื่นเต้นตามไปด้วย

<okpmjkosoudkic9j’’ko,kg0hk8jt g]p,k9yh’s]ydmuj=kpcfogrnjcs][dkiv;kst g0hk8jt>
แต่ทว่าข้อความบนกระดาษคนมองไม่เข้าใจเลยสักคำ

“มือนายหญิงเย็นเจ้าค่ะ ข้าจักนวดให้นะเจ้าค่ะ” เพียงมือสัมผัสมือ ข้อความที่อ่านไม่ออกกลับถูกแปลเป็นภาษาบนโลกของหญิงสาวหมดทุกคำ

<นายท่านหนีการแต่งงานมาเจ้าค่ะ แอบมาหลบที่ชายแดนเพื่อหนีคู่หมั้นเจ้าค่ะ>

ข้อความที่เขียนบอกไปมาจากความจงใจและท่านเจ้าไม่อาจรับรู้เพราะตนเองมีเพลิงมนตร์เช่นกัน การปิดกั้นกระแสความคิดของหญิงสาวในช่วงเวลาหนึ่งจึงทำได้ไม่ยากเย็นนัก
(ฮึฮึ ท่านเจ้า ข้าขอเอาคืนจากท่าน)

“ฮาๆๆ ลาคาฉันจั๊กจี้” จริงๆไม่ได้จั๊กจี้สักนิดแต่รู้สึกอยากขำและสะใจเบาๆ ไอ้ตาเหลืองหนีการแต่งงานมา ฮาๆๆ

“ลาคาเล่าต่อสิ ฉันอยากฟัง”

“เจ้าค่ะ”

“เผ่าพันธุ์ของเราอยู่รวมเป็นกลุ่มใหญ่และแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยๆคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เจ้าค่ะ”

“ลาคาอยู่กลุ่มไหนจ๊ะ ไม่สิพวกเราอยู่กลุ่มไหนเหรอ”

“ดินเจ้าค่ะ”

"เล่าต่อสิจ๊ะ"

“จบแล้วเจ้าค่ะ”

“ขอบใจนะลาคา จริงสิ ฉันขอถามอีกเรื่องสิจ๊ะ”

“เจ้าค่ะ”

“ที่นี่มีมังกรไหม”

“มีเจ้าค่ะ พวกเขาจะอยู่ในป่าลึกเจ้าค่ะ”

“แล้วมีมังกร”

แอบย้อนไปถึงคำเด็กน้อยในความฝัน
(คุณมังกร หางอุ่นๆ ตาสวยๆเหมือนท้องฟ้ายามมืด หาให้เจอนะจ๊ะ)

ถึงจะเป็นฝันแต่ก็เป็นฟางเส้นเดียวที่จะทำให้กลับบ้านได้ ต้องลองเสี่ยงดู

“ตาสีดำ หางอุ่นๆบ้างไหม”

“ท่านคาเรย์ นายหญิงพูดถึงท่านสินะเจ้าค่ะ”

“ฮะ อะไรนะ” คนฟังชักเริ่มงง

“ท่านคาเรย์เป็นมังกรชนชั้นสูงอยูเหนือมวลมังกรทุกมวลเจ้าค่ะ ท่านเข้าจำศีลก่อนนายหญิงจะมาไม่นาน”

(มีมังกรจริงๆด้วย)

“จำศีลเหรอ ฉันอดเจอสินะ”
(เด็กผี หลอกกันได้ ให้ความหวังกันชัดๆ คราวนี้ตูต้องรอหนึ่งปีตามคำสัญญาสินะ เฮอเซงๆๆๆๆ)

“ท่านจะเข้าจำศีลเพียงหกช่วงเจ้าค่ะ เมื่อครบหกช่วงท่านสามารถร้องขอเข้าพบท่านได้เจ้าค่ะ”

(โห เวลาเดียวกันกับการต้องสวมรอยเป็นนายหญิงปลอมๆ ไม่ว่ายังไงต้องรอหนึ่งปีสินะ มีค่าเท่ากันเลย รอก็รอ)

"จ๊ะ ขอบใจนะ" จบคำร่างบนพื้นจึงลุกขึ้นยืนแล้วจึงหันไปเก็บที่นอนหมอนผ้าห่มเสียอย่างนั้น

"ลาคา"

"เจ้าค่ะ"

"ลาคา ไม่ชอบฉันเหรอจ๊ะ"

"ผู้น้อยยังมีงานอีกมากเจ้าค่ะ“

ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ ร่างของพี่เลี้ยงค่อยๆเดินหลบออกไปเงียบๆเพียงเท่านั้น


(ช่างเถอะ ใครจะคิดยังไงก็ช่างไม่สนแล้ว)



“เฮอ อยากไปเที่ยว อยากไปเดินดูรอบๆ” แต่ก้นน้อยไม่ให้ความร่วมมือเลยนี่สิ ยิ่งโดนกดจากปลายนิ้วเมื่อวาน ครั้นเพียงคิด ทุกฉากทุกตอนค่อยๆไหลมาเป็นสายน้ำ พาให้แก้มสาวค่อยๆแดงขึ้นเรื่อย



(เมื่อวานอะไรกัน ไอ้ตาเหลืองมันเมามาหรือเปล่า)



“จะเอ๊”



“อุ้ย พี่เมฆ”



“หายเจ็บหรือยังเจ้า วันนี้ข้าหายาสรรพคุณดีสมานแผลชะงักนักมาให้เจ้า”



“คือ ขอทาเองได้ไหมค่ะ คือฉันอาย” การที่ให้เปิดก้นแบบเมื่อวานอีกไม่เอาแล้วนะ



“ฮึฮึ” ชายหนุ่มขำเบาๆ



“ข้าพาคนทายามาให้เจ้าด้วยวันนี้ รวี”



“ท่านจะเรียกอะไรหนักหนา ข้าได้ยินแล้ว”



หญิงสาวในชุดรัดรูป ทรวงทรงองค์เอวราวนาฬิกาทรายประกอบกับใบหน้าสวยเฉี่ยวทำให้ดูเปรี้ยวหวานจับตานัก

(ใครกัน)



“วสาตัวจริงของเฟารากัส ข้าไปรับมากับมือ” เสียงกระซิบเบาๆดังข้างหู

(โห สวยอลังกาลขนาดนี้ ไอ้ตาเหลืองยังหนีมา ไอ้ตาเหลืองสมองต้องมีปัญหาแน่ๆ)



“จา รวีเป็นท่านหญิงเผ่าน้ำ เป็นวสาของเฟรากัส”



“รวี จาเป็นสหายข้ากับเฟรากัส นางไม่สบายจึงต้องมาอยู่กระโจมคู่หมายเจ้าชั่วคราว”



“ไม่ ข้าไม่ชอบให้ผู้ใดอยู่ใกล้สามีข้า”



(แรง ชีแรงจริงอะไรจริง เอ๊หรือข้าวสารจะเป็นข้าวสุกไปแล้วกระมั้ง ขนาดไม่สวยอย่างเราไอ้ตาเหลืองยังรังแกขนาดนั้น สวยอลังขนาดนี้ไม่มีวันรอด)



“ได้สิรวี ข้าจักให้จาไปนอนกระโจมข้าแทน แต่เวลานี้เจ้าทายาให้นางก่อนได้หรือไม่”



“ได้”



เมื่อก้นน้อยถูกลงยาเสร็จ หญิงสาวจึงโดนไล่ออกจากกระโจมแทบไม่ทันจะตั้งตัว



“ข้าวของของเข้า ข้าจักให้ทหารส่งไปทีหลัง ไปซะ”



(วสาอารมณ์ร้ายเหมาะกับไอ้ตาเหลืองดี เหมือนผีเน่ากับโลงผุ)



ยิ่งคิดยิ่งอารมณ์ดีเพราะเมื่อเธอมา นั้นทำให้ตนจะหลุดพ้นจากคนใจร้าย

เมื่อตัวจริงมาแล้วตัวปลอมอย่างเราคงหมดประโยชน์

แปลว่าไอ้ตาเหลืองจะไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับเราอีก



“คิดอะไรอยู่รึเจ้า”



เสียงนุ่มๆถามคลอเคลียข้างหู



(ใกล้ไปแล้วนะ)



หญิงสาวถอยเท้าออกห่างจากชายหนุ่มสองก้าวเพื่อตั้งหลัก



“ไม่ต้องใกล้มากก็ได้พี่เมฆ”



“ไม่ได้สิเจ้า หนทางไปกระโจมข้าค่อนข้างรกชันนัก อยู่ใกล้ๆข้าจักได้ช่วยประคองเจ้าอย่างไรเล่า”



จริงดังคำของชายหนุ่มเพราะกระโจมของคนนำทางอยู๋ห่างไกลออกมาจากกระโจมของคนใจร้ายมากนัก เรียกได้ว่าห่างกันเป็นโยชก็ว่าได้



“ขอบคุณค่ะ”



เดินทางไม่นานนักหญิงสาวจึงเห็นกระโจมสีม่วงสดตั้งตระหง่านกลางลานหญ้าโดยที่ไม่มีกระโจมหลังเล็กๆตั้งเคียงเลยสักหลัง



(สงสัยพี่เมฆจะชอบสีม่วงและคงชอบอยู่เงียบ)



“กระโจมของข้ายินดีตอนรับเจ้า น้องน้อย”



“หากอยากอาบน้ำ อาบท่า ข้ามีตุ่มดินทางด้านนั้น เจ้าอาบให้สบาย ข้าจักไม่อยู่ทั้งวัน”

“กระโจมของข้ายกให้เจ้า ดูแลดีๆนะเจ้า แล้วข้าจักรีบกลับมา”



แก้มน้อยถูกดึงเย้าก่อนชายหนุ่มจะลับหายออกจากกระโจมไป

………………………………………………………………………………………………………………………

“ลุก!!!”



“ข้าบอกให้เจ้าลุก!!!”



“….”



(เสียงใครกัน คนจะนอน กวนอยู่ได้)



หมับ!!!



“โอ๊ยๆๆ เจ็บนะ”



ร้องเสียงหลงเลยทีเดียวเพราะเรือนผมและหนังหัวถูกจิกจากแรงมือของร่างสูงที่ไม่ใช่เจ้าของกระโจมผู้แสนอ่อนโยนเป็นแน่แท้



“งามหน้ามากนะ ร่านมานอนกระโจมชายอื่นทั้งที่ยังมีผัวเป็นตัวเป็นตน”



“แส่ม้าที่โดนฟาดไป มันไม่ทำให้เจ้าสำนึกเลยงั้นสิ”



“ปล่อยฉันนะ ฉันเคยไปทำอะไรให้แกเหรอ แกถึงทำกับฉันแบบนี้”



“ไอ้คนเลว กระโจมแกไม่ว่างแล้ว หัดกลับไปดูก่อนมาต่อว่าคนอื่นสิ ไอ้คนไม่มีเหตุผล”



แววตาหญิงสาวฮึดสู้ก่อนเข้าไปทุบตีร่างของชายหนุ่มด้วยความแค้น



“ฤกธิ์มากนักใช่ไหมฮึ ฮะ!!! นังหมูตอน” สองแขนถูกรวบแน่นก่อนร่างสองร่างจะหายวับไปกับตา

………………………………………………………………………………………………………………………

“ไฟ รวีคิดถึงไฟจัง ไฟไม่ส่งข่าวถึงรวีบ้างเลย”



(ร่างหญิงชั้นต่ำให้อ้อมอกชายหนุ่มนั่นมันอะไรกัน เหตุใดคู่หมายตนจึงกอดประคองมันแน่นนัก)



“ออกไป”



“ไฟ” หญิงสาวสัมผัสแขนหนาเพื่อให้ชายหนุ่มหันมาสนใจตน



“รวี ข้าบอกให้เจ้าออกไปจากกระโจมข้า”



“แต่รวีเป็นวสาของไฟ” ท่านหญิงของเผ่าน้ำพยายามทักท้วงสิทธิ์ของตน



“แต่นี่เมียชัดไหม”



ชายหนุ่มหมุนร่างหญิงสาวออกจากอ้อมอกเข้าเผชิญหน้ากับวสาของตน



“นางเป็นแค่ตัวหลอก เมฆบอกรวีแล้ว”



“ฮึ งั้นดูให้เต็มสองตาของเจ้า”



ริมฝีปากของร่างในอ้อมแขนถูกปิดแน่นจากริมฝีปากอุ่นร้อนของร่างสูง

การกระทำของคนทั้งคู่ทำให้หญิงสาวอีกคนตกตะลึง

สองเท้ารีบก้าวเดินหนีออกไปจากกระโจมด้วยความแค้นใจยิ่ง

………………………………………………………………………………………………………………………

สัมผัสจุมพิตดุดันและกรุ่นโกรธจนเรียกเลือดสีสดติดออกมาจากปลายลิ้นของชายหนุ่มเพราะมาจากแผลเล็กๆที่คนใจร้ายบรรจงกัดโดยไม่ออมแรงเลยสักนิด



เพี้ย!!!



“ฉันเกลียดแก ร้อยเกลียด พันเกลียด ไอ้ชาติชั่ว สารเลว ไปให้พ้น ไป!!!”



การกระทำของชายหนุ่มทำให้ความอดทนของหญิงสาวหมดลงแล้ว ทั้งป่าเถื่อน ทารุณ และ โหดร้าย



“ฟังและจำ ไม่ว่าจะไปที่ใดหากมืดลงเมื่อใดเจ้าต้องไสหัวกลับมานอนที่นี่” ปลายนิ้วเรียวเรียวยาวชี้ที่สิ่งที่เรียกว่านี่ นั่นคือเตียงกว้าง



“หากข้าไม่มีงาน แม่ตัวดี เจ้าจะได้รู้รสว่าการเหยียดหยามดูหมิ่นผัวของเจ้าจะได้รับผลเช่นไร”



“ผัวปลอมอย่างแก ฉันไม่ต้องการ”



แววตาราวไฟลุกของสามีปลอมๆนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ชายหนุ่มทิ้งไว้

มันเป็นสายตาที่ทำให้ขนกายลุกชันทั่วสรรพางค์กายเลยทีเดียว



ลายหมึก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.พ. 2559, 22:30:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.พ. 2559, 22:30:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 655





<< ดับร้อน   เพศผู้ ตัวผู้ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account