พิภพนิรันกาล
เมื่อวาระสุดท้ายของเธอมาถึง
แทนที่ชีวิตเธอจะสิ้นสุดลงด้วยความเจ็บปวดทรมาน
เธอ กลับถูกพลังอำนาจลึกลับดึงร่างสู่มิติอื่น
ณ มิติแห่งความมืดมิดและกาลเวลาที่ไร้ความหมาย
ด้วยคำสัญญาอันเป็นนิรันดร์
สู่เขา... ผู้เฝ้าคอย
แทนที่ชีวิตเธอจะสิ้นสุดลงด้วยความเจ็บปวดทรมาน
เธอ กลับถูกพลังอำนาจลึกลับดึงร่างสู่มิติอื่น
ณ มิติแห่งความมืดมิดและกาลเวลาที่ไร้ความหมาย
ด้วยคำสัญญาอันเป็นนิรันดร์
สู่เขา... ผู้เฝ้าคอย
Tags: โรแมนติก แฟนตาซี
ตอน: การเดินทางสู่ (ความตาย) 1
รถตู้สามคันจอดรออยู่หน้าบริษัทในสภาพพร้อมเดินทางเพราะทุกคนนั่งรอในรถกันหมดแล้ว
แม้จะรู้ว่าการที่เธอมาสายนั้น...เป็นความผิด
แต่คนอย่างวิลาสินีซะอย่าง เคยผิดเป็นด้วยเรอะ
ดังนั้นสิ่งที่เธอทำเป็นอันดับแรกที่มุดขึ้นมาบนรถตู้คือมอง...
มองหาคนมีปัญหาไง
พอเธอเห็นใครในกลุ่มเพื่อนร่วมงานทำหน้าตามีปัญหา
เธอก็ทำตาดุใส่นัยว่าถ้าใครกล้าอ้าปากแม้แต่ครึ่งคำแม่มีด่ากราดแน่
ดังนั้นพวกที่รู้กิตติศัพท์ของเธอดีจึงพากันก้มหน้านิ่งกันเป็นแถว
เป็นอันว่าจบไป...
หญิงสาวมุดเข้าไปนั่งแถวหลังสุดซึ่งมีเนตินีนั่งหน้าแฉล้มแช่มชื่นอยูกับแฟนหนุ่ม
ไม่สิ ต้องเรียกว่าว่าที่เจ้าบ่าวของเจ้าหล่อนจึงจะถูก
นายมิคเป็นอาตี๋เยาวราชลูกชายเจ้าของร้านทองที่หน้าตาดีแบบตี๋ๆนั่นแหละ
แต่อินเทรนนักแล
เห็นแล้ววิลาสินียังอดอิจฉานังชะนีดำมิได้
ที่นั่งตอนหลังนั่งได้สามคน
เนตินีแสนสุขขีเมื่อว่าที่เข้าบ่าวนั่งอยู่ฝากหนึ่งเพื่อนเลิฟนั่ง
อีกฝากหนึ่งส่วนตนเองนั่งอยู่ตรงกลางจะได้เมาท์กับเพื่อนได้ในขณะที่กอดแฟนสะดวก
แต่วิลาสินีรู้สึกว่ามันจะไม่สนุกก็ตอนนี้แหละ...
ต้องมาทนเห็นเพื่อนนั่งอี๋อ๋อกับแฟนในขณะที่ตัวเราเองไม่มี...
คิดแล้วเครียดอีกแล้ว
"แหมแก ทำหน้ายังกับกินรังแตนมายังงั้นแหละ... ดูสิ
พ่อมิคของชั้นตกใจหมดเลย โอ๋ๆ อย่าตกใจนะคะที่รักขา
เพื่อนชั้นน่ะมันดุขู่ไปยังงั้นแหละ แต่มันไม่กัดหรอก"
"ชั้นไม่ใช่หมานะนังชะนี หาเรื่องชั้นเหรอะ
เดี๋ยวแม่ดีดทั้งแกทั้งแฟนแกตกรถไปเลยดีมะ"
"แหมๆ ชั้นก็ไม่ได้ว่าแกซักคำใจเย็นๆนะเพื่อนนะ
พักนี้อารมณ์เสียบ่อยนะแก จะเข้าวัยทองแล้วรึไง"
วิลาสินีหันมาทำท่าจะเอาเรื่อง เนตินีจึงรีบทำท่ารูดซิบปากตัวเองทันที
"เงียบจ๊ะเงียบ.... เงียบกริบเลย ไม่พูดแล้ว
กอดพ่อมิคสุดหล่อของชั้นดีกว่า"
..................
กว่าขบวนรถตู้จะเดินทางออกจากกรุงเทพได้ก็ใช้เวลาถึงสามชั่วโมง
ไม่น่าเชื่อว่าวันเสาร์ยังรถติดได้ขนาดนี้อีก เฮ้อ กรุงเทพ
ถ้ารถไม่ติดฝุ่นไม่เยอะจะเป็นกรุงเทพได้ไหมเนี่ย
วิลาสินีคิดอย่างโมโห
กว่าจะถึงหัวหินได้ก็ประมาณสิบเอ็ดโมง
ซึ่งเมื่อมาถึงโรงแรมที่พักแต่ละคนก็ลงจากรถด้วยความหิวโหย
เจออะไรในห้องอาหารก็ฟาดเรียบกันได้หมด ดีไม่กินจานกับโต๊ะเข้าไปด้วย
พี่สุภาหัวหน้าแผนกซึ่งเป็นหัวหน้าคณะทัวร์ไปในตัวประกาศหน้าห้องอาหาร
ในขณะที่ทุกคนทำท่าอิ่มใกล้อ๊วกกันเรียบร้อยแล้ว
"มีเวลาให้พักหนึ่งชั่วโมงนะคะเดี๋ยวเราจะขึ้นเขาตะเกียบกัน"
จบคำก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันหนาหู
โดยเฉพาะนายมิคสุดสวาทขาดใจของยัยชะนีที่กำลังคีบขนมจีบเข้าปาก
แต่ก็ยังพูดออกมาได้
"ท้องฟ้าแบบนี้ฝนจะตกแหงๆ แล้วขึ้นเขาจะดีรึ"
"ทำไมจ๊ะดาร์หลิง"
"ก็นีไม่รู้หรือจ๊ะว่าเขาตะเกียบน่ะสูงไม่น้อยเลยนะ
แล้วฝนตกก็ถนนลื่นใช่ไหมล่ะ"
"แหมๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเนตินีคนนี้ก็อยู่เคียงข้างมิคเสมอล่ะจ๊ะ
ไม่ว่าจะนรก หรือสวรรค์ชั้นเจ็ดก็ตาม.... แหม
พูดแล้วอยากให้ถึงตอนดึกเร็วๆอิอิ"
วิลาสินีเห็นเพื่อนทำตาวาวใส่กันเหมือนปลากัดแล้วรู้สึกรำคาญสายตาจนแทบทนไม่ได้
อุตส่าห์หนีงานแต่งเพื่อนร่วมรุ่นมาถึงหัวหิน
ดันมาเจอเพื่อนร่วมงานทำตัวยังกับมาฮันนีมูนกันอีก
"เลี่ยน"
พูดได้เท่านั้นเจ้าตัวก็ทำท่าจะหอบกระเป๋าไปเก็บที่ห้อง
"อ้าวแกจะเอากระเป๋าไปเก็บเหรอยัยวิ รอชั้นด้วยสิ ก็เราพักด้วยกันไง"
"ไหนแกว่าจะไปขึ้นสวรรค์ลงนรกกับแฟนแกไง
ชั้นก็ดีใจนึกว่าได้ครองห้องคนเดียว"
"ก็เอากระเป๋าไปเก็บห้องแกก่อนไง ส่วนคืนนี้น่ะนะ
เพื่อนๆของมิคเค้านัดจะไปท่องราตรีกันในเมือง
แล้วชั้นค่อยย่องไปหาเขาตอนดึกๆ น่า.... นัดกันไว้แล้วน่า"
"แกนะแก รอให้แต่งงานก่อนไม่ได้รึไง"
วิลาสินีรู้สึกไม่ค่อยดีกับพฤติกรรมของเพื่อน
เพราะตัวเธอเองไม่ใช่คนกรุงเทพโดยกำเนิดจึงถูกที่บ้านสั่งสอนมาแบบหัวโบราณสุดขีด
และนั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เธอขึ้นคานอยู่อย่างนี้ไง
"โอ้ย.... แม่คนหัวโบราณนี่มันศตวรรษไหนแล้วยะหล่อนมาจากเมื่อพันปีก่อนรึไง
ชั้นกับเขาน่ะไปถึงไหนต่อไหนกันมาตั้งหลายเดือนแล้ว
ไม่งั้นเขาไม่ติดใจชั้นถึงขนาดจะแต่งงานด้วยหรอก
เห็นป่ะไม่สวยอย่างชั้นก็มีดีเหมือนกันนะยะ
ไม่สวยเลือกได้รู้ไว้ด้วย... ปะไปห้องกันเถอะนะชั้นถือกระเป๋าให้
แกก็ทำใจร่มๆแล้วกัน มาเที่ยวทะเลเนี่ยเขาต้องอารมณ์ดีเข้าใจไหม"
เนตินีหิ้วกระเป๋าใบเล็กของตนกับเพื่อนเดินนำไปอย่างคล่องแคล้ว
วิลาสินีเดินตามไปด้วยความเบื่อ
ออกจากห้องอาหารมาก็เป็นส่วนของทางเดินโล่งๆที่เชื่อมไปยังตัวอาคารที่เป็นที่พัก
ด้วยยามนี้เป็นช่วงเที่ยงวันแสงแดดจัดจ้าจึงแยงตา
ทำให้วิลาสินีต้องเอาแว่นกันแดดจากกระเป๋าสะพายมาใส่
แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติกับภาพที่เห็นตรงหน้า
นั่นเธอตาฝาดไปหรืออย่างไรที่เห็นเนตินี ไม่มีเงาหัว
......................................
มารายงานตัวแล้วค่า....
แม้จะรู้ว่าการที่เธอมาสายนั้น...เป็นความผิด
แต่คนอย่างวิลาสินีซะอย่าง เคยผิดเป็นด้วยเรอะ
ดังนั้นสิ่งที่เธอทำเป็นอันดับแรกที่มุดขึ้นมาบนรถตู้คือมอง...
มองหาคนมีปัญหาไง
พอเธอเห็นใครในกลุ่มเพื่อนร่วมงานทำหน้าตามีปัญหา
เธอก็ทำตาดุใส่นัยว่าถ้าใครกล้าอ้าปากแม้แต่ครึ่งคำแม่มีด่ากราดแน่
ดังนั้นพวกที่รู้กิตติศัพท์ของเธอดีจึงพากันก้มหน้านิ่งกันเป็นแถว
เป็นอันว่าจบไป...
หญิงสาวมุดเข้าไปนั่งแถวหลังสุดซึ่งมีเนตินีนั่งหน้าแฉล้มแช่มชื่นอยูกับแฟนหนุ่ม
ไม่สิ ต้องเรียกว่าว่าที่เจ้าบ่าวของเจ้าหล่อนจึงจะถูก
นายมิคเป็นอาตี๋เยาวราชลูกชายเจ้าของร้านทองที่หน้าตาดีแบบตี๋ๆนั่นแหละ
แต่อินเทรนนักแล
เห็นแล้ววิลาสินียังอดอิจฉานังชะนีดำมิได้
ที่นั่งตอนหลังนั่งได้สามคน
เนตินีแสนสุขขีเมื่อว่าที่เข้าบ่าวนั่งอยู่ฝากหนึ่งเพื่อนเลิฟนั่ง
อีกฝากหนึ่งส่วนตนเองนั่งอยู่ตรงกลางจะได้เมาท์กับเพื่อนได้ในขณะที่กอดแฟนสะดวก
แต่วิลาสินีรู้สึกว่ามันจะไม่สนุกก็ตอนนี้แหละ...
ต้องมาทนเห็นเพื่อนนั่งอี๋อ๋อกับแฟนในขณะที่ตัวเราเองไม่มี...
คิดแล้วเครียดอีกแล้ว
"แหมแก ทำหน้ายังกับกินรังแตนมายังงั้นแหละ... ดูสิ
พ่อมิคของชั้นตกใจหมดเลย โอ๋ๆ อย่าตกใจนะคะที่รักขา
เพื่อนชั้นน่ะมันดุขู่ไปยังงั้นแหละ แต่มันไม่กัดหรอก"
"ชั้นไม่ใช่หมานะนังชะนี หาเรื่องชั้นเหรอะ
เดี๋ยวแม่ดีดทั้งแกทั้งแฟนแกตกรถไปเลยดีมะ"
"แหมๆ ชั้นก็ไม่ได้ว่าแกซักคำใจเย็นๆนะเพื่อนนะ
พักนี้อารมณ์เสียบ่อยนะแก จะเข้าวัยทองแล้วรึไง"
วิลาสินีหันมาทำท่าจะเอาเรื่อง เนตินีจึงรีบทำท่ารูดซิบปากตัวเองทันที
"เงียบจ๊ะเงียบ.... เงียบกริบเลย ไม่พูดแล้ว
กอดพ่อมิคสุดหล่อของชั้นดีกว่า"
..................
กว่าขบวนรถตู้จะเดินทางออกจากกรุงเทพได้ก็ใช้เวลาถึงสามชั่วโมง
ไม่น่าเชื่อว่าวันเสาร์ยังรถติดได้ขนาดนี้อีก เฮ้อ กรุงเทพ
ถ้ารถไม่ติดฝุ่นไม่เยอะจะเป็นกรุงเทพได้ไหมเนี่ย
วิลาสินีคิดอย่างโมโห
กว่าจะถึงหัวหินได้ก็ประมาณสิบเอ็ดโมง
ซึ่งเมื่อมาถึงโรงแรมที่พักแต่ละคนก็ลงจากรถด้วยความหิวโหย
เจออะไรในห้องอาหารก็ฟาดเรียบกันได้หมด ดีไม่กินจานกับโต๊ะเข้าไปด้วย
พี่สุภาหัวหน้าแผนกซึ่งเป็นหัวหน้าคณะทัวร์ไปในตัวประกาศหน้าห้องอาหาร
ในขณะที่ทุกคนทำท่าอิ่มใกล้อ๊วกกันเรียบร้อยแล้ว
"มีเวลาให้พักหนึ่งชั่วโมงนะคะเดี๋ยวเราจะขึ้นเขาตะเกียบกัน"
จบคำก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันหนาหู
โดยเฉพาะนายมิคสุดสวาทขาดใจของยัยชะนีที่กำลังคีบขนมจีบเข้าปาก
แต่ก็ยังพูดออกมาได้
"ท้องฟ้าแบบนี้ฝนจะตกแหงๆ แล้วขึ้นเขาจะดีรึ"
"ทำไมจ๊ะดาร์หลิง"
"ก็นีไม่รู้หรือจ๊ะว่าเขาตะเกียบน่ะสูงไม่น้อยเลยนะ
แล้วฝนตกก็ถนนลื่นใช่ไหมล่ะ"
"แหมๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเนตินีคนนี้ก็อยู่เคียงข้างมิคเสมอล่ะจ๊ะ
ไม่ว่าจะนรก หรือสวรรค์ชั้นเจ็ดก็ตาม.... แหม
พูดแล้วอยากให้ถึงตอนดึกเร็วๆอิอิ"
วิลาสินีเห็นเพื่อนทำตาวาวใส่กันเหมือนปลากัดแล้วรู้สึกรำคาญสายตาจนแทบทนไม่ได้
อุตส่าห์หนีงานแต่งเพื่อนร่วมรุ่นมาถึงหัวหิน
ดันมาเจอเพื่อนร่วมงานทำตัวยังกับมาฮันนีมูนกันอีก
"เลี่ยน"
พูดได้เท่านั้นเจ้าตัวก็ทำท่าจะหอบกระเป๋าไปเก็บที่ห้อง
"อ้าวแกจะเอากระเป๋าไปเก็บเหรอยัยวิ รอชั้นด้วยสิ ก็เราพักด้วยกันไง"
"ไหนแกว่าจะไปขึ้นสวรรค์ลงนรกกับแฟนแกไง
ชั้นก็ดีใจนึกว่าได้ครองห้องคนเดียว"
"ก็เอากระเป๋าไปเก็บห้องแกก่อนไง ส่วนคืนนี้น่ะนะ
เพื่อนๆของมิคเค้านัดจะไปท่องราตรีกันในเมือง
แล้วชั้นค่อยย่องไปหาเขาตอนดึกๆ น่า.... นัดกันไว้แล้วน่า"
"แกนะแก รอให้แต่งงานก่อนไม่ได้รึไง"
วิลาสินีรู้สึกไม่ค่อยดีกับพฤติกรรมของเพื่อน
เพราะตัวเธอเองไม่ใช่คนกรุงเทพโดยกำเนิดจึงถูกที่บ้านสั่งสอนมาแบบหัวโบราณสุดขีด
และนั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เธอขึ้นคานอยู่อย่างนี้ไง
"โอ้ย.... แม่คนหัวโบราณนี่มันศตวรรษไหนแล้วยะหล่อนมาจากเมื่อพันปีก่อนรึไง
ชั้นกับเขาน่ะไปถึงไหนต่อไหนกันมาตั้งหลายเดือนแล้ว
ไม่งั้นเขาไม่ติดใจชั้นถึงขนาดจะแต่งงานด้วยหรอก
เห็นป่ะไม่สวยอย่างชั้นก็มีดีเหมือนกันนะยะ
ไม่สวยเลือกได้รู้ไว้ด้วย... ปะไปห้องกันเถอะนะชั้นถือกระเป๋าให้
แกก็ทำใจร่มๆแล้วกัน มาเที่ยวทะเลเนี่ยเขาต้องอารมณ์ดีเข้าใจไหม"
เนตินีหิ้วกระเป๋าใบเล็กของตนกับเพื่อนเดินนำไปอย่างคล่องแคล้ว
วิลาสินีเดินตามไปด้วยความเบื่อ
ออกจากห้องอาหารมาก็เป็นส่วนของทางเดินโล่งๆที่เชื่อมไปยังตัวอาคารที่เป็นที่พัก
ด้วยยามนี้เป็นช่วงเที่ยงวันแสงแดดจัดจ้าจึงแยงตา
ทำให้วิลาสินีต้องเอาแว่นกันแดดจากกระเป๋าสะพายมาใส่
แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติกับภาพที่เห็นตรงหน้า
นั่นเธอตาฝาดไปหรืออย่างไรที่เห็นเนตินี ไม่มีเงาหัว
......................................
มารายงานตัวแล้วค่า....

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ก.ค. 2554, 23:58:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ก.ค. 2554, 23:58:57 น.
จำนวนการเข้าชม : 1493
<< คำเตือน | การเดินทาง (สู่ความตาย) จบตอน >> |