: + : + : + : + : ผู้ช่วยกามเทพ : + : + : + : + :
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ

อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ทายาทคนเล็กบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังอันดับหนึ่ง และเจ้าของบริษัทจับคู่ยอดฮิตแห่งยุค อยากรู้นักว่าเธอเคยไปบนบานศาลกล่าวที่ไหนแล้วลืมแก้บนหรือเปล่า ทำไมเรื่องวุ่นๆถึงประดังเข้ามาในชีวิตแบบนี้ก็ไม่รู้

เพราะถูกแม่จับคลุมถุงชนกับคนแปลกหน้า ลูกสาวคนเล็กที่ถูกเลี้ยงอย่างเอาแต่ใจมาตลอดจึงประกาศกร้าวขอแต่งงานกับเพื่อนสนิทเพื่อขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน แต่โชคร้ายที่แม่เล่นใหญ่ชนิดรัชดาลัยเธียเตอร์ชิดซ้าย เมื่อบังคับกันดีๆไม่ได้ ท่านจึงตัดความช่วยเหลือทางการเงินจนเหี้ยน ทำให้เธอยิ่งต้องเอาชนะคำสั่งของแม่ให้ได้

สาวัช ปรเมศวร์ เกิดมาในฐานะลูกเมียน้อย เขาจึงทำตัวให้เลือนรางที่สุด เมื่อบ้านที่พรั่งพร้อมด้วยเงินทอง ชื่อเสียงและอำนาจ แต่กลับไม่เคยมีความรักให้เขาสักนิด สาวัชจึงชดเชยให้ตัวเองด้วยการปฏิเสธทุกคำร้องขอจากคนภายนอก ใครๆก็ว่าเขาเย็นชา ไร้น้ำใจ ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ แต่สาวัชก็ไม่เคยแคร์

ครั้นหนทางแห่งผลประโยชน์ชักนำ อิงอรุณจำต้องเข้าขอความช่วยเหลือจากสาวัช เมื่อคนหนึ่งเติบโตด้วยความรักพร้อมพรั่งรอบกายจนกลายเป็นคนแสนเอาแต่ใจ ต้องมาเจอกับคนที่ชีวิตแล้งไร้ความรักแถมยังไม่เคยตามใจใคร ย่อมต้องมีสักคนเป็นฝ่ายถอย!

เมื่อคนสุดขั้วสองคนต้องมาเจอกันในภารกิจเอาตัวรอดของอิงอรุณ ความวุ่นวายจึงบังเกิดขึ้น แต่คนที่ใจอ่อนก่อน บอกรักก่อน อาจไม่ใช่คนแพ้เสมอไปก็ได้!



♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

หายไปสองปี หวังว่าเพื่อนๆคงยังไม่ลืมสิริณกันนะค้า
ผู้ช่วยกามเทพ เป็นตอนต่อของ สนิมดอกรักค่ะ
อ่านแยกกันได้ ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าอ่านสนิมดอกรักก่อนจะยิ่งได้อรรถรสสุดฤทธิ์ (ขายของค่ะ 555)

เช่นเคยนะคะ สิริณยินดีและน้อมรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ
จะติก็ได้ ชมก็ยิ่งดี อ่านแล้วจัดเต็มกันได้เลย
มิต้องกลัวคนเขียนนอยด์ค่ะ

ฝากเนื้อฝากตัว ฝากผลงานไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต

หากฝ่าฝืน สิริณ(แม่มณี) จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น

ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ(แม่มณี) มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥


ชวนเพื่อนๆนักอ่านไปกดไล้ค์แฟนเพจของสิริณกันด้วย
www.facebook.com/SirinFC
ตรงนั้นจะมีกิจกรรมร่วมสนุก แจกของที่ระลึกกันเป็นระยะ
(แน่นอนว่าของที่สิริณมีมากที่สุดคือ 'หนังสือ' :D )
ไปกดไล้ค์กันเยอะๆนะคะ

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 5 (100%)

“ดิฉันจะนำของไปให้คุณสาวัช บริษัทปรเมศวร์เทรดดิ้งค่ะ” อิงอรุณแจ้งความจำนงแก่ประชาสัมพันธ์ของอาคาร พร้อมกับเอียงถุงกระดาษเปิดให้อีกฝ่ายตรวจสอบคร่าวๆ

“ออฟฟิศปรเมศวร์เทรดดิ้งเชิญชั้นสี่เลยค่ะ”

อิงอรุณซ่อนยิ้มสมใจ เธอรีบแลกบัตร แล้วขึ้นลิฟต์มายังชั้นสี่ซึ่งเป็นส่วนต้อนรับแขก แจ้งความประสงค์ต่อเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ว่า “ขอพบคุณสาวัชค่ะ”

“ห้องทำงานคุณสาวัชอยู่ชั้นสามค่ะ ออกจากลิฟต์แล้วเลี้ยวซ้าย แจ้งแม่บ้านได้เลยค่ะ”

หญิงสาวพึมพำขอบคุณแล้วหิ้วถุงกระดาษมายืนตรงโถงลิฟต์ เธอมองตัวเลขบอกชั้นด้านบนของลิฟต์แต่ละตัว เดาว่าคงต้องรออีกนาน กอปรกับเห็นว่าจุดหมายอยู่ต่ำลงไปแค่ชั้นเดียว จึงตัดสินใจใช้บันไดหนีไฟแทน หญิงสาวกอดถุงกระดาษลงบันไดไม่รีบร้อน อีกเพียงสามสี่ัขั้นจะถึงจุดหมาย เสียงกริ๊กก็ดังก้องสะท้อนขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ตามด้วยเสียงหวือคล้ายบานพับประตูกำลังทำงาน บอกให้รู้ว่าที่ไหนสักชั้นไม่ใกล้ไม่ไกลนัก มีคนเดินออกมายังบันไดหนีไฟเช่นกัน และถ้าแยกแยะไม่ผิด เธอเชื่อว่าเสียงนั้นดังมาจากชั้นบนเหนือขึ้นไป

หญิงสาวชะงัก บันไดหนีไฟเป็นทางเลือกประหยัดพลังงานและช่วยให้ได้ออกกำลังกายก็จริง แต่คนใช้น้อย บางครั้งก็อาจมีอันตรายที่คาดไม่ถึง เธอเคยเห็นข่าวข่มขืนตรงบันไดหนีไฟในต่างประเทศอยู่บ้างเหมือนกัน

อิงอรุณรีบโหย่งเท้าก้าวลงบันไดด้วยฝีเท้าเงียบกริบ ทว่าขณะเอื้อมมือไปแตะคันบิดประตู เสียงประตูก็เปิดและปิดอีกครั้ง ตามด้วยเสียงหนึ่งที่แหวกอากาศมากระทบโสตประสาท

“เธอกล้าดียังไง ถึงเข้าไปในห้องประชุมที่ฉันวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์กับผู้บริหารซูเปอร์โคลา” เสียงผู้หญิงเข้มจัดบ่งบอกความไม่พอใจชัดเจน อิงอรุณชะงัก เบียดตัวเข้ากับผนังโดยอัตโนมัติ

“ผมได้ยินคุณหยงกำชับที่โต๊ะอาหารเช้า ก็เลยเข้าใจว่าเป็นคำสั่งให้ผมเข้าประชุมด้วย” คำตอบเป็นเสียงชายหนุ่ม

“นี่ไม่ใช่ที่บ้าน อย่าบังอาจมาเรียกฉันอย่างนั้น” คนพูดคำรามเสียงต่ำ “เสียแรงเป็นถึงดอกเตอร์ แต่เรื่องแค่นี้เธอกลับไม่รู้ว่าฉันก็แค่พูดไปอย่างนั้น ไม่ได้หมายความตามที่พูดสักนิดเดียว อยู่ต่อหน้าเตี่ย ฉันก็ต้องว่าไปตามน้ำเท่านั้นเอง”

“ผมขอโทษครับ ที่เข้าใจผิดไปเอง”

“ดีที่รู้จักเจียมตัว เพราะไม่มีที่ไหนต้อนรับเธอหรอก ฉันเองก็จำใจต้องรับเธอมาทำงานเพราะคำสั่งของเตี่ยทั้งนั้น”

“ครับ”

“การที่เธอลาออกจากมหาวิทยาลัยตามคำสั่งของเตี่ยไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรหรอกนะ ไม่ต้องหวังเลยว่าเธอจะได้ตำแหน่งประธานบริหารและซีอีโอ เพราะฉันจะขัดขวางจนถึงที่สุด นั่นเป็นเก้าอี้ของฉัน ไม่ใช่ลูกเมียน้อยอย่างเธอ!”

“ครับ”

“ฉันหวังว่าเธอคงไม่ใช่ผู้ชายขี้ฟ้องต้องหอบเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไปเพ็ดทูลเตี่ยหรอกนะ ดอกเตอร์สาวัช!” ปลายประโยคกระแทกเสียงต่ำๆ แค่ฟังก็ยังรู้ว่าหมายประชดประชัน มิใช่ชื่นชม

อิงอรุณสะดุ้งโหยง มือกอดถุงกระดาษในมือแน่นเข้าทันควัน อะไรนะ เธอฟังผิดหรือเปล่า ผู้ชายที่กำลังถูกประณามอยู่ คือสาวัชงั้นเหรอ

“ครับ” เขารับคำสั้นๆอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงราบเรียบแบบเดิมเป๊ะ ไร้ร่องรอยประชดประชัน แต่ฟังออกว่า...ขมขื่น!

“เธอไม่ควรกลับมาเลยจริงๆ” คนพูดถอนหายใจเสียงดัง ทำเสียงจิ๊จ๊ะในคอคล้ายไม่พอใจ “ทำไมเธอไม่อยู่ที่โน่นไปเลย มันคงจะดีกว่า ถ้าเตี่ยไม่เรียกเธอกลับมาเมืองไทย ฉันก็ไม่ต้องมาทำตัวเป็นนางมารร้ายทุเรศๆแบบนี้”

“ผมขอโทษ ผมก็ไม่เคยอยากให้มันเป็นแบบนี้” ถ้อยคำและน้ำเสียงของเขาล้าระโหยแผ่วเบา มีร่องรอยเครือๆเจืออยู่ตรงท้ายประโยคราวกับมีดเสียบลงกลางใจคนฟัง

กระทั่งอิงอรุณซึ่งได้ยินแต่เสียง ยังรู้สึกเจ็บปวดไปด้วยโดยไม่รู้ตัว

“ไม่มีใครเคยบอกเธอเหรอ ว่าคำขอโทษมันแก้ไขอะไรไม่ได้ ต่อให้เธอกับแม่ขอโทษหม่าม้าฉันไปชั่วชีวิต ฉันก็ไม่มีวันยกโทษให้”

เสียงขลุกขลักเบาๆละม้ายใครสักคนบิดคันเปิดประตูค้างไว้ “ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ ทั้งที่บ้านแล้วก็ที่นี่ เจอฉันตรงไหน ช่วยหลบไปไกลๆได้ไหม ถือว่าฉันขอร้องละกัน” จบประโยคนั้น เสียงบานพับประตูก็ดังขึ้นแทนที่ คอยชั่วขณะประตูจึงงับเข้าด้วยกันอีกครั้ง

อิงอรุณผ่อนลมหายใจด้วยความอึดอัด เพิ่งรู้ว่าเธอกลั้นหายใจตลอดเวลาที่ฟังคำโต้เถียง...ไม่สิ คำบริภาษเพียงฝ่ายเดียวนั่น
เสียงลากเท้าเบาๆเดินลงบันไดมาอย่างเชื่องช้า ทำให้หญิงสาวหันรีหันขวาง ไม่ดีแน่ถ้าสาวัชมาเห็นเธอเข้า ผู้ชายส่วนใหญ่คงอับอายหากรู้ว่ามีคนเป็นพยานในเหตุการณ์อันน่าขายหน้าเช่นนี้

หญิงสาวขยับจะก้าว แต่ก็นึกได้ บันไดหนีไฟเป็นโถงสูง ไม่มีช่องระบายอากาศ เสียงดังก้องได้ง่าย รองเท้าส้นสูงของเธอคงก่อเรื่องอย่างไม่ต้องสงสัย อิงอรุณถอดรองเท้า ก้มลงใช้สองนิ้วเกี่ยวแคชชูส์ อีกมือกอดถุงกระดาษ โหย่งเท้าวิ่งลงบันไดไปอีกหนึ่งชั้น ซ่อนตัวอยู่อีกฟากของผนังหลบอยู่ในเงาของบันได ไม่ให้ถูกสาวัชพบ

อิงอรุณยืนพิงผนัง ฟังเสียงถอนหายใจแผ่วๆสลับกับเสียงลากเท้าเชื่องช้าของชายหนุ่ม ปะติดปะต่อสิ่งที่เพิ่งรู้มาเข้าด้วยกัน สาวัชเป็นลูกชายของธนา ปรเมศวร์ ดังคาดจริงๆ เขาถูกบิดาเรียกตัวกลับจากสหรัฐฯ บังคับให้ลาออกจากมหาวิทยาลัยมาทำงานที่บริษัทโดยตั้งใจจะให้รับช่วงธุรกิจต่อ แต่ก็มีพี่สาวต่างมารดาขวางทางอยู่

หญิงสาวเม้มปาก ความรู้สึกแรกคือเห็นใจ ใครก็รู้ว่าคนจีนส่วนใหญ่ชอบลูกชายมากกว่าลูกสาว สาวัชเป็นลูกชายของเจ้าสัวชาวจีนผู้นั้น แต่แทนที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ถูกตามใจจนเสียคน ชี้นิ้วเรียกหาทุกอย่างได้ดังปรารถนา เขากลับถูกบังคับให้ทำแต่สิ่งไม่พึงประสงค์ ถูกกดขี่ปรามาสด้วยถ้อยคำหยามหยาบ เพียงเพราะเหตุผลที่เขามิได้เป็นผู้ก่อ
ลูกชายนอกสมรส น่าเศร้าจริงๆ!

อิงอรุณคอยจนได้ยินเสียงประตูอีกครั้ง มั่นใจว่าสาวัชออกจากทางหนีไฟไปแล้วแน่ๆ เธอจึงทรุดลงนั่งบนขั้นบันได วางรองเท้าไว้ข้างตัว แล้วผลักถุงเสื้อที่ตนกอดอยู่ออกห่าง มองมันนิ่งๆ สุดท้ายกลับถอนใจบางเบา

‘โลกนี้มันห่วยมากพอแล้ว ผมว่ามีคนหมั่นไส้และเกลียดขี้หน้ากันน้อยลงไปอีกคน น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับเราทั้งคู่นะ’

มิน่า...ตอนพบกันที่มหาวิทยาลัยสาวัชถึงพูดแบบนั้น เขาคงถูกคนรอบตัวบังคับมาตลอดชีวิต ทั้งพ่อทั้งพี่สาวและอาจจะรวมถึงพี่ชายด้วย ไม่รู้ว่าทั้งแม่จริง แม่เลี้ยง จะดาหน้ากันมาควบคุมชีวิตเขาเป็นคอมโบ้เซตด้วยหรือเปล่า ดูก็รู้ว่าคนกตัญญูอย่างนั้นคงหนีจากสถานการณ์นี้ไม่ได้ คงใจร้ายน่าดูหากเธอยืนกรานจะลากเขาไปเป็นวิทยากรเพียงเพื่อเอาชนะที่เขาไม่ยอมลงให้
มือเล็กๆหยิบเสื้อสูทออกจากถุงมากาง รอยยิ้มคลี่ขจายบนใบหน้าเมื่อหญิงสาวพึมพำ

“ปกติไม่เคยมีอะไรที่อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ต้องการแล้วไม่ได้ แต่ครั้งนี้...อิงจะยกให้คุณคนนึงละกัน สู้ๆนะคุณดอกเตอร์ เป็นประธานบริหารและซีอีโอให้ได้ แล้วก็ตอกหน้ายายพี่สาวจอมโหดให้หงายเงิบไปเล้ย อิงเอาใจช่วยสุดฤทธิ์!”





แพรวเพชรเบิกตากว้างด้วยความดีใจ ปรี่เข้ามาคว้าข้อมืออิงอรุณไว้ทันทีที่เห็นอีกฝ่ายผ่านประตูด้านหน้าของสำนักงานเข้ามาพอดี

“ไปไหนมาน่ะอิง โทร.หาตั้งนานก็ไม่รับสาย”

“อ๋อ...เอาของไปเก็บที่รถมาน่ะ” อิงอรุณแก้ตัว ไม่อยากบอกเพื่อนว่าไปรู้เห็นอะไรมา หลังจากรอจนได้ยินเสียงประตูหนีไฟปิดสนิทอีกครั้ง เธอจึงใช้ทางหนีไฟกลับขึ้นไปชั้นสี่ เอาถุงใส่เสื้อสูทไปฝากไว้กับประชาสัมพันธ์โดยอ้างว่าไม่เจอตัวชายหนุ่มที่
ห้อง แล้วเผ่นหนีมาออฟฟิศทันทีด้วยความกระอักกระอ่วน

“เอาของอะไรไปเก็บเนี่ย นานจัง เราให้เด็กโทร.หาเป็นสิบหนแล้วมั้ง”

อิงอรุณล้วงโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากระโปรง “จริงด้วย สายไม่ได้รับเพียบเลย โทษทีนะ”

“เอ๊ะ...สร้อยข้อมืออิงหายไปไหนน่ะ” แพรวเพชรซึ่งก้มลงสังเกตโทรศัพท์ในมือเพื่อนเอ่ยทักด้วยความสงสัย

หญิงสาวยู่หน้า มองข้อมือซึ่งเคยมีสร้อยทองคำขาวร้อยสลับกับอัญมณีสีหวานตลอดสาย แต่บัดนี้กลับว่างเปล่า “ไม่รู้สิ เพิ่งเห็นเหมือนกันว่ามันหายไป เสียดายจัง เส้นนี้อิงรักมากด้วย” อิงอรุณถอนใจ นิ่งไปชั่วครู่จึงสลัดศีรษะอย่างตัดใจ “ว่าแต่เพชรให้เด็กโทร.หาอิงทำไม มีอะไรเหรอ”

“ลูกค้า” แพรวเพชรบุ้ยหน้าไปทางห้องประชุมเล็ก “รู้จักหม่อมดวงกมล ชยาธร ไหม”

อิงอรุณพยักหน้า “ชายาในหม่อมเจ้าภัทรดนัย ชยาธร”

“นั่นละลูกค้า”

คนฟังจับต้นชนปลายไม่ถูก “คนมีสามีแล้ว มาทำอะไรที่บริษัทเรา”

“ก็นี่แหละ ถึงอยากให้อิงเข้าไปพบด้วยกัน”

“เอาสิ” อิงอรุณรับคำ เดินไปเปิดลิ้นชักข้างเคาน์เตอร์หยิบเครื่องแทบเล็ต และกระดานเล็กๆหนีบใบสมัครถือติดมือ
แพรวเพชรมองเพื่อนด้วยสายตาห่วงใย “มีอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าตาเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ”

“เปล่าหรอก คิดอะไรเพลินๆน่ะ ไปกันเลยไหม อิงพร้อมละ”

แพรวเพชรหยุดที่หน้าประตู บอกหุ้นส่วนเป็นคำสุดท้ายว่า “ไม่ต้องแปลกใจละ เด็กบอกว่าหม่อมดวงกมลมากับเพื่อนน่ะ” แล้วเธอก็เคาะประตูผลักเข้าไปด้านใน

สองสาวมอบนามบัตรให้ผู้เป็นแขกพร้อมกับแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ แล้วจึงนั่งลงตรงข้ามกับสตรีอาวุโสทั้งคู่

“ขอต้อนรับสู่บริษัทคิวปิดแอสซิสแทนซ์ค่ะหม่อมดวงกมล วันนี้จะให้คิวปิดแอสซิสแทนซ์รับใช้อะไรดีคะ” แพรวเพชรเริ่มบทสนทนา

“นี่เพื่อนฉันชื่อสาวิตรี” หม่อมดวงกมลผายมือไปทางสหายพร้อมกับแนะนำ

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” อิงอรุณพินิจสตรีกลางคนซึ่งแต่งกายด้วยชุดเสื้อกระโปรงตัดเย็บจากผ้าไหมฝรั่งเศสเนื้อเบา แล้วเหลียวไปสบตาหุ้นส่วน เริ่มเดาไปเรื่อยๆ ว่าหม่อมดวงกมลอาจพาเพื่อนมาหาคู่

“มีอะไรก็บอกคุณเพชรกับคุณอิงไปสิสา” หม่อมดวงกมลเปิดทาง

เจ้าของชื่อยิ้มนิดๆทว่าดวงตามีแววหมายมาดเมื่อนางเอ่ย “ฉันอยากให้คุณสองคนจับคู่ให้ลูกชายของฉันค่ะ”

“คะ?” สองสาวอุทานพร้อมกันด้วยความตกใจ

“จับคู่เหรอคะ” อิงอรุณส่ายหน้าปฏิเสธทันที “เราไม่...”

แพรวเพชรรีบสะกิดเพื่อน ขึงตาปราม แล้วหันไปส่งยิ้มให้กับลูกค้าทั้งคู่แทน “ขออภัยค่ะ พอดีเราตกใจไปหน่อย เพชรรบกวนคุณสาวิตรีช่วยอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมอีกหน่อยได้ไหมคะ เกรงว่าเราอาจเข้าใจไม่ตรงกัน”

“ฉันอยากให้ลูกชายรู้จักกับผู้หญิงคนนึง” สาวิตรีย้ำความต้องการอีกครั้ง

“แล้วคิวปิดแอสซิสแทนซ์จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ตรงไหนและยังไงหรือคะ” แพรวเพชรงุนงง

“ลูกชายฉันยังไม่มีแฟน คุณจะทำยังไงก็ได้ให้เขาพบผู้หญิงคนนี้ และถ้าเขาแต่งงานภายในสามเดือนได้ก็ยิ่งดี” สาวิตรีอธิบาย

อิงอรุณแทบจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ สามเดือน! นี่มันกลียุคหรือเปล่าเนี่ย ทำไมจู่ๆก็มีแต่คนที่ต้องแต่งงานภายในสามเดือน เหมือนที่แม่ยื่นคำขาดกับเธอเปี๊ยบเลย

“ทำไมต้องสามเดือนคะ” อิงอรุณอดอยากรู้ไม่ได้

“สามีฉันจะยกบริษัทให้ ถ้าเขาแต่งงานกับคนที่เหมาะสม ฉันอยากให้ลูกได้สิทธิ์บริหารบริษัทมาให้ได้เร็วที่สุด”

ไม่มีคำว่ารักอยู่ตรงไหนในทุกประโยคนั้นเลย สิ่งเดียวที่คนฟังได้ยินก็คือ ‘ผลประโยชน์’!

บรรยากาศในห้องกลายเป็นอึดอัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพรวเพชรที่ต้องเป็นฝ่ายปฏิเสธ “ทางคิวปิดแอสซิสแทนซ์ต้องขออภัยด้วยค่ะ แต่เรารับงานที่คุณสาวิตรีอยากว่าจ้างงานนี้ไม่ได้จริงๆ”

“ทำไมถึงรับไม่ได้คะ ฉันมีเงินจ่าย คุณจะเรียกค่าดำเนินการเท่าไหร่ก็ว่ามา”

ถูกเอาเงินฟาดหัวอย่างนี้ ทำให้อิงอรุณปรี๊ดจัด แต่ดูเหมือนแพรวเพชรจะรู้ทัน เพราะเพื่อนบีบแขนเธอทั้งยังขึงตาเป็นเชิงปราม ก่อนทำหน้าที่ตอบปฏิเสธด้วยตนเองอีกคำรบ

“งานหลักของเราคือเป็นสื่อกลางให้คนโสดที่เต็มใจและอยากมีคู่ได้เจอคนที่มีทัศนคติที่ไปกันได้เพื่อคบหากันด้วยความเต็มใจ แต่คุณสาวิตรีจะว่าจ้างเราจับคู่ให้ลูกชาย ซึ่งเป็นคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง เราเกรงว่าจะทำงานตามที่คุณต้องการไม่ได้หรอกค่ะ”

“มันจะไปยากตรงไหนคะ ก็แค่หาทางให้ลูกชายฉันเจอผู้หญิงคนนึงอย่างแนบเนียนเท่านั้นเอง ที่ฉันไม่อยากนัดผู้หญิงให้มาเจอลูกชายตรงๆ ก็เพราะไม่อยากให้ลูกตั้งป้อมอคติ หาว่าผู้ใหญ่ไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว ถ้าคุณจัดการให้เขาเจอกันโดย
บังเอิญ เขาก็จะเข้าใจว่ารู้จักกันเอง ปิ๊งกันเอง ก็แค่นี้เอง”

อิงอรุณและแพรวเพชรลอบสบตากันอย่างอึดอัด

เมื่อผู้ช่วยกามเทพทั้งคู่ยังเงียบ สาวิตรีจึงโยนไพ่อีกใบลงบนโต๊ะด้วยการข่มขู่ “ถ้าคุณปฏิเสธ ฉันคงต้องขอร้องให้ผู้บริหารของปรเมศวร์เทรดดิ้งเลื่อนการทำสัญญาผูกปีคอร์สอบรมบุคลิกภาพกับที่นี่ออกไปก่อน”

อิงอรุณสบตาแพรวเพชรด้วยความประหลาดใจ เรื่องที่คิวปิดแอสซิสแทนซ์กำลังเจรจากับปรเมศวร์เทรดดิ้งเพื่อทำคอร์สฝึกอบรมพนักงาน โดยผูกสัญญาเป็นรายปีนั้น รู้กันเฉพาะผู้เกี่ยวข้อง น่าแปลกใจว่าสาวิตรีเอาข้อมูลนี้มาจากไหน

“ปรเมศวร์เทรดดิ้งเหรอคะ” อิงอรุณถามตรงๆ ตามประสาคนไม่ชอบมีเรื่องค้างคาใจ

“ค่ะ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอของปรเมศวร์เทรดดิ้งเป็นสามีฉันเอง” นางเหยียดยิ้มกว้างด้วยความภาคภูมิขณะเอ่ยประโยคนั้น

สองสาวก้มลงเหลือบตาอ่านนามบัตรอีกครั้งโดยพร้อมเพรียง ทว่าชื่อสาวิตรี ศรียุพาพรรณ ที่ปรากฎอยู่บนกระดาษแผ่นน้อย กลับทำให้ผู้ช่วยกามเทพสาวยิ่งจับต้นชนปลายไม่ถูก

อิงอรุณเสเอนพิงเก้าอี้ ยกแทบเลตขึ้นวางเอียงๆพาดขอบโต๊ะหลบจากสายตาคนตรงข้าม แล้วพิมพ์ข้อความบนหน้าจอให้เพื่อนอ่าน

‘ภรรยาคุณธนา ชื่อดารณี ปรเมศวร์ มีลูกด้วยกันสองคน ชื่อริสากับวัชระ อิงไม่เคยได้ยินชื่อสาวิตรีมาก่อนเลย’

“ฉันอาจไม่ใช่ภรรยาตามกฎหมายของคุณธนา แต่ฉันทำอย่างที่บอกกับคุณเมื่อครู่ได้แน่นอน ถ้าไม่เชื่อจะลองโทร.ไปถามเลขาฯของคุณธนาดูก็ได้นะคะ” สาวิตรีอธิบายต่อราวกับรู้ว่าพวกเธอกำลังสงสัยเรื่องอะไร

อิงอรุณชะงัก แทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าโลกจะกลมจนน่าหัวเราะขนาดนี้ เธอเพิ่งรู้เมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมานี่เองว่าธนา ปรเมศวร์ มีบ้านเล็ก แถมยังมีลูกชายด้วยกัน แล้วนี่...แค่กลับมาถึงบริษัท เธอก็ได้เจอตัวภรรยานอกกฎหมายของบุรุษชาวจีนผู้นั้นเข้าจังๆ

หญิงสาวลอบพิจารณาสาวิตรีอีกครั้งอย่างละเอียด สาวิตรีเป็นแบบฉบับของผู้หญิงไทยยุคก่อนชัดเจน ตัวเล็ก ผิวสีน้ำผึ้ง รูปร่างบอบบาง แลอ่อนหวาน นุ่มนิ่ม บุคลิกภายนอกดูเป็นผู้หญิงแบบที่ใครอยู่ใกล้ก็ต้องรู้สึกถึงความสงบและเยือกเย็น แต่อย่าให้พูดนะ เปิดปากมาที อย่างกับนางร้ายในละครไม่มีผิด! จะน่าแปลกใจก็ตรงที่สาวิตรีเป็นถึงบ้านเล็กของธนา ปรเมศวร์ แต่กลับไม่มีเครื่องประดับติดตัวเลยสักชิ้น!

อิงอรุณเคยเจอภรรยาตามกฎหมายของธนาในงานสังคมบ้าง จึงนึกออกว่าดารณีนั้นเป็นสตรีชาวจีน ผิวขาวรูปร่างโปร่งบาง นิสัยตรงไปตรงมา โผงผาง เสียงดัง และมักประดับเครื่องเพชรวูบวาบเสมอ เรียกได้ว่าอยู่คนละฝั่งกับสาวิตรีโดยสิ้นเชิง
ริสานั้นแทบจะถอดผู้เป็นมารดามาทุกกระเบียด เธอเป็นผู้หญิงแกร่งในวงการเครื่องดื่มอัดก๊าซ ขนาดอิงอรุณไม่ยุ่งกับธุรกิจของครอบครัวยังเคยได้ยินกิตติศัพท์ธิดาคนโตของสกุลปรเมศวร์เลย ผู้หญิงหน้าตาธรรมดา แต่ทักษะการบริหารจัดเข้าขั้นคมในฝัก ชื่อเสียงเรื่องความฉลาด เด็ดขาด และมุ่งมั่น ทำให้เธอก้าวขึ้นเป็นผู้หญิงแถวหน้าในแวดวงนักบริหารชั้นนำ

ไม่แปลกเลยที่สาวัชแข็งกร้าว มนุษยสัมพันธ์จัดเข้าขั้นแย่ คงเพราะเขาเติบโตมาในฐานะ ‘คนนอก’ ในบ้านที่ทั้งภรรยาตามกฎหมายของพ่อ และพี่สาวต่างมารดากดขี่อย่างนั้นนี่เอง และคนเป็นแม่ก็ดูเหมือนไม่คิดจะปกป้องเขาเลย นอกจากแสวงหาผลประโยชน์จากลูกเท่านั้น วิธีเดียวที่สาวัชทำได้ก็คือการวางตัวให้เป็นอากาศธาตุ ยิ่งเขาไร้ตัวตนมากเท่าไร ก็ยิ่งหลีกเลี่ยงการเป็นเป้าถูกกระทำได้มากเท่านั้น!

“ต้องขออภัยด้วยค่ะ เราไม่ได้ตั้งใจละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของคุณสาวิตรีนะคะ เพียงแต่ยังมองไม่เห็นว่าปรเมศวร์เทรดดิ้งเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไง” แพรวเพชรผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่รีบอธิบายเพื่อรักษาน้ำใจสาวใหญ่

“ถึงจะไม่ใช่ภรรยาตามกฎหมาย แต่ฉันก็ขอให้คุณธนาจัดการให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ฉันต้องการได้” หากสาวิตรีเป็นนักแสดงเธอคงมีฝีมือระดับตุ๊กตาทอง เพราะนางขู่คนฟังได้หน้าตาเฉยทั้งที่ยิ้มอ่อนหวานละม้ายผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กเล็กๆ

“แต่สัญญานั้นทางปรเมศวร์เทรดดิ้งเป็นฝ่ายเสนอตัวขอให้คิวปิดแอสซิสแทนซ์ทำสัญญาด้วยนะคะ” อิงอรุณนั้นเติบโตมาอย่างลูกสาวคนเล็กที่ได้รับการพะเน้าพะนอตามใจ การเป็นทายาทนามสกุลดัง มีญาติเป็นใหญ่เป็นโตในบ้านเมืองยิ่งทำให้เธอไม่คุ้นเคยกับการ ‘ถูกขู่’ แบบนี้ และเนื่องจากเพิ่งเป็นสักขีพยานในเหตุการณ์อันไม่น่าอภิรมย์ที่บันไดหนีไฟ หญิงสาวจึงพอเดาได้ว่าริสาซึ่งเป็นผู้บริหารคนปัจจุบันคงไม่ยอมให้สาวิตรีมีอำนาจสั่งการดังขู่ แต่แน่ใจได้อย่างไรว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่ขอร้องให้สามีบีบบังคับเธอดังปากว่า

“ใช่ค่ะ แต่ปัญหาขัดข้อง ‘พวกนี้’ ก็เกิดขึ้นได้เสมอนี่คะ” สาวิตรีตอบลุ่นๆ ไม่ยี่หระใดๆทั้งสิ้น

“หมายความว่าถ้าเรารับงานที่จะจัดการให้ลูกชายคุณสาวิตรีพบกับผู้หญิงที่คุณต้องการ การพิจารณาอนุมัติงบประมาณของปรเมศวร์เทรดดิ้งก็จะแล้วเสร็จทันทีเลยใช่ไหมคะ” อิงอรุณย้อนถามตรงไปตรงมา

“ใช่ค่ะ” สาวิตรีพยักหน้านิดๆ รับคำหน้าระรื่นจนคนมองยิ่งนึกหมั่นไส้

อิงอรุณอ้าปากค้าง มือกำแน่น บอกให้รู้ว่ากำลังของขึ้น

แพรวเพชรคงรู้ว่าเธอใกล้ระเบิดเต็มที เพื่อนจึงรีบตัดบท “นี่เป็นเรื่องที่มีปัจจัยต้องระมัดระวังค่อนข้างมาก ถ้ายังไงเพชรขอเวลาให้เราพิจารณาในรายละเอียดอีกสักหน่อย แล้วเราจะให้คำตอบคุณสาวิตรีอีกทีนะคะ”

สาวิตรียิ้มบางๆ “อย่าคิดนานนักนะคะ ฉันใจร้อน”

“ค่ะ ขอเวลาไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ แล้วเพชรจะรีบแจ้งให้ทราบถึงการตัดสินใจของเราค่ะ”

สาวิตรีเปิดกระเป๋าหยิบเช็คเงินสดมาวางบนโต๊ะ เลื่อนไปตรงหน้าแพรวเพชรพร้อมกับยืนยันด้วยน้ำเสียงวางก้าม “นี่เงินมัดจำค่ะ”

แพรวเพชรพยายามเลื่อนคืน แต่กลับถูกปฏิเสธ

“แล้วเราสองคนจะรอฟังข่าวดีนะคะ” สาวิตรีเยาะ ขณะหม่อมดวงกมลยิ้มแหย กระตุกแขนเพื่อนให้รีบลุกขึ้น สตรีอาวุโสรับไหว้สองสาวซึ่งยืนทำความเคารพ จากนั้นจึงออกจากห้องไป คนนึงราวกับผู้ชนะ ขณะอีกคนหน้าเสียเห็นได้ชัดว่าอับอายกับคำพูดคำจาของเพื่อนอย่างยิ่ง

อิงอรุณทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้แรงๆด้วยความหงุดหงิด “คนอะไรอย่างนี้ ดูภายนอกเห็นท่าทางติ๋มๆ แต่พูดมาแต่ละคำ ขู่เราได้ขู่เราดี แถมยังอวดรวยจนน่าหมั่นไส้ สามีรวยแล้วไง สุดท้ายก็เป็นเมียน้อยเค้าเท่านั้นแหละ หน้าไม่อาย”

“ท่าทางจะอ้อนเก่ง สงสารก็แต่หม่อมดวงกมล ท่าทางผู้ดี๊ผู้ดี ดูเหอะ อายกับกิริยาของเพื่อนจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว” แพรวเพชรวิเคราะห์พลางหยิบเช็คมาโบกตรงหน้าเพื่อน “มัดจำหกหลักสำหรับการจัดฉากให้เจอผู้หญิงคนเดียว เฉพาะเคสบ้าๆนี่ก็เท่ากับเรารับลูกค้าธรรมดาตั้งสิบคนเชียวนะ ผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาของเจ้าสัวธนาจริงเหรอ”

“ก็คงจริงมั้ง ไม่งั้นคงไม่กล้าขู่เราอย่างนี้หรอก” อิงอรุณแสร้งเห็นด้วย นึกไม่ออกว่าจะเริ่มต้นอธิบายความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงระหว่างสาวัชและสาวิตรีอย่างไรดี

“ไม่รู้ลูกชายคุณสาวิตรีจะคิดยังไงเนอะ” แพรวเพชรถอนหายใจ สีหน้าแปรเป็นเคร่งขรึม “อยู่ๆก็จะถูกจัดฉากให้รู้จักกับคนแปลกหน้า แถมแม่เขายังหวังถึงขั้นแต่งงานด้วย น่าสงสาร...แม่เขาไม่พูดถึงความรักสักคำเลย”

“ไม่ต้องมาอิน เรื่องของเพชรไม่เหมือนลูกชายคุณสาวิตรีย่ะ เพราะคนที่หล่อนถูกบังคับให้แต่งด้วย ไม่ใช่คนแปลกหน้า แต่เป็นพี่ชายสุดหล่อของอิง และที่สำคัญก็คือพี่นราน่ะเขารักเพชรมากนะยะ” อิงอรุณตวัดค้อนด้วยความหมั่นไส้

“หูย...พอพูดถึงพี่ชายหน่อย ของขึ้นเลย” แพรวเพชรหัวเราะเบาๆ “อิงคิดดู ขนาดพี่นราแสนดีอย่างนั้น แต่คนไม่ใช่ พยายามแค่ไหนก็บังคับให้รักกันไม่ได้ แล้วนี่คุณสาวิตรีจะหาผู้หญิงแบบไหนมาให้ลูกชายก็ไม่รู้ เกิดเป็นคนที่อยู่คนละฟากกับที่เขาชอบเลยล่ะ ยิ่งน่าสงสารกำลังสองเลยนะ ว่าไหม”

อิงอรุณห่อเหี่ยวตามไปโดยไม่รู้ตัว ไม่ต้องคิดไปถึงเรื่องของแพรวเพชรหรอก แค่เธอเอง...ทั้งที่มั่นใจว่า ‘รัก’ พันเทพ แต่ยามนึกว่าต้องแต่งงานกับเขา ก็ยังรู้สึกโหวงๆอย่างบอกไม่ถูกเลย ได้แต่หวังว่านี่จะเป็นแค่อาการเจ้าสาวกลัวฝนเท่านั้น

“เออ ไอ้เราก็มัวแต่คิดว่าจะไม่รับงาน เลยไม่ได้ถามเลย ว่าลูกชายคุณสาวิตรีเป็นใคร อิงรู้จักหรือเปล่า คนรวยๆเหมือนกัน อยู่สังคมเดียวกัน มักมีคอนเนคชันถึงกันหมดนี่นา”

หญิงสาวยิ้มแหย ไม่อยากโกหก เลยเสเปลี่ยนเรื่องแทน “เพชรคิดยังไงกับงานนี้เหรอ”

“อืม...เราก็จัดการให้คนได้พบกันอยู่แล้วนะอิง เพียงแต่นี่เป็นการกำหนดชี้ชัดลงไปเลยว่าเราจะจัดให้ใครเจอกับใคร แค่หาสถานการณ์มาทำให้มันดูบังเอิญๆหน่อย ก็ถือว่าทำงานสำเร็จแล้ว ถ้าเรารับงานนี้ เราจะได้รายได้ทั้งจากคอร์สของปรเมศวร์เทรดดิ้ง แล้วก็ค่าจ้างงานจัดฉากนี่สองเด้งเลยนะ เงินก้อนเบ้อเริ่ม อิงไม่อยากได้เหรอ” แพรวเพชรวิเคราะห์ลอยๆ
อิงอรุณเป็นคนมีกฎเกณฑ์ชีวิตชัดเจน ไม่ชอบอะไรที่อยู่นอกเหนือความควบคุม แน่นอนว่าการต้องรับมือปัญหาแปลกๆอันไม่คาดคิด ย่อมอยู่ในลำดับแรกๆของสิ่งที่เธอไม่อยากเผชิญหน้าที่สุด

ที่สำคัญ เธอรู้แก่ใจว่าหากรับงานนี้ คนที่ต้องจัดฉากให้พบผู้หญิงเป้าหมายก็คือสาวัช! แค่ที่ชายหนุ่มต้องลาออกจากการเป็นอาจารย์มาทำงานที่บริษัทและถูกพี่สาวข่มเหงขนาดนั้น เขาก็ถูกบีบจนแทบไม่เหลือทางเดินให้ตัวเองแล้ว แม้จะรู้จักกันเพียงผิวเผิน แต่เธออดไม่ได้ที่จะเห็นใจและหวังให้เขาได้มีความสุขบ้าง อย่างน้อยการได้เลือกคนที่จะอยู่เคียงข้างกันไปจนชั่วชีวิต ก็น่าจะเป็นสิทธิอันชอบธรรมของเขา

“ไอ้อยากมันก็อยากอยู่ แต่มันไม่ใช่งานถนัดของเรานะ เกิดผิดพลาดขึ้นมาคงเสียชื่อบริษัทแย่เลย”

“สรุปว่าอิงไม่อยากรับงานนี้ใช่ไหม”

“ใช่ ปฏิเสธไปเถอะเพชร อย่าให้ใครพูดว่าเราซื้อได้ด้วยเงินเลย เราเป็นแมตช์เมคเกอร์ที่มีหลักการนะ” อิงอรุณหว่านล้อม ตั้งแต่เกิดจนโต เงินไม่เคยเป็นปัญหาในชีวิตของเธอ มันเคยเป็นอย่างนั้นตลอดมา และเธอก็มั่นใจว่ามันต้องเป็นเช่นนั้นตลอดไป ถึงช่วงนี้จะขลุกขลักไปบ้างก็เถอะ

“เพชรไม่คิดเหรอว่าเรื่องนี้มันแปลกๆน่ะ คนอื่นทั่วไปต้องเข้าใจว่าเราสองคนรวยสุดๆ บริษัทก็เปิดเอาไว้เล่นๆเท่านั้นแหละ ทำไมคุณสาวิตรีเอาเงินมาฟาดหัวเรา เหมือนเขารู้สถานการณ์บริษัทเราว่ากำลังต้องการเงินให้มากที่สุดอย่างนั้นละ”

“ถ้าคุณสาวิตรีเป็นภรรยาเจ้าสัวธนาจริง มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับคิวปิดแอสซิสแทนซ์หรอก” แพรวเพชรวิเคราะห์ “คนมีเงินน่ะ จ้างผีโม่แป้งยังได้เลย”

“สำนวนอะไรของเธอเนี่ย” อิงอรุณเหลียวมามองเพื่อนด้วยสายตางุนงง

“สำนวนคนจีนน่ะ ไม่เคยได้ยินเหรอ” แพรวเพชรซึ่งมีบิดาเป็นคนไทยเชื้อสายจีน จึงฟังคำสุภาษิตจากท่านจนคุ้นหู

อิงอรุณหัวเราะคิก “คนจีนนี่ช่างค่อนนะ แต่แหม...มันก็เป็นความจริงซะด้วย”

แพรวเพชรหัวเราะขันเป็นลูกคู่ ไม่อาจรู้เลยว่ากับ ‘ผี’ แต่ละตัว ใช้สิ่งของล่อใจให้มันโม่แป้งแตกต่างกัน บางครั้งเป็นเงินทองข้าวของ และบางคราวเพียงใช้แค่ ‘ความหวัง’ ล่อลวงก็ได้แล้ว!





♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥



ชวนเพื่อนๆนักอ่านไปกดไล้ค์แฟนเพจของสิริณกันด้วย
ตรงนั้นจะมีกิจกรรมร่วมสนุก แจกของที่ระลึกกันเป็นระยะ
(แน่นอนว่าของที่สิริณมีมากที่สุดคือ 'หนังสือ' :D )
ไปกดไล้ค์กันเยอะๆนะคะ

www.facebook.com/SirinFC














สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 มี.ค. 2559, 08:18:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 มี.ค. 2559, 16:16:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 1408





<< ตอนที่ 5 (50%)   ตอนที่ 6 (20%) >>
Zephyr 5 มี.ค. 2559, 11:11:28 น.
แม่ออกตัวแรงชะมัด
ทำไงดีเนี่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account