กามเทพล้อมรัก (จบแล้วค่า)
เมื่อกามเทพพาให้เขาและเธอมาเจอกันโดยบังเอิญ

กระเป๋าเธอและเขาสลับกัน ทำให้เธอมาทวงของเธอคืน

ถ้ามันจะผิด ก็ผิดที่เขาดันเป็นทายาทของบริษัทคู่แข่ง ที่ไม่ว่าอย่างไร พ่อของเธอก็ไม่ยอมรับ

และเขาเองก็เช่นกันพ่อของเขาก็ไม่มีวันยอมรับลูกสาวคนที่เป็นคู่แข่งกันหรอก

แต่เรื่องวุ่นวายก็เกิดขึ้น ทุกอย่างมันกลายเป็นกับดักของกามเทพขี้แกล้ง

ล้อมหัวใจคนที่ไม่ควรรักกันให้มาอยู่ใกล้กัน และรักกันในที่สุด
Tags: กามเทพ คู่กัด รักหวานแหวว

ตอน: ตอนที่ 1 - เจ้าชายตาสีฟ้า VS กวางน้อย

ตอนที่ 1



“ให้ตายสิ ทำไมเดียร์ต้องวิ่งหนีไปเจอรามิลด้วยนะ"

อมลรดาบ่นกระฟัดกระเฟียดมายังที่จอดรถซึ่งรามิลพาเธอมาส่ง เป็นทางที่ไม่ต้องเดินผ่านเลขานุการหน้าห้อง ไม่เจอพนักงานคนอื่น มีแค่พนักงานรักษาความปลอดภัยที่เฝ้าลิฟท์ด้านหลังคนเดียวเท่านั้น

ดวงตากลมตวัดกลับไปมองรามิลซึ่งยืนพิงกระจกมองเธอจากด้านในอาคาร เขาช่างกวนประสาทเธอให้เธอหงุดหงิดใจเก่งจริง ๆ

“คุณเดียร์! ผมตามหาคุณแทบแย่" ทโญรีบวิ่งตรงมาหาคุณหนูของเขา "ไปไหนมาครับ อยู่ ๆ คุณก็หายไปเฉยเลย"

“ก็พลัดหลงตอนพวกประชุมออกมากันนั่นแหละ หลงไปหลงมาดันไปเจอรามิลเข้าได้" อมลรดาเล่าให้ทโญฟังด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

“เจอแล้วหรือครับ ก็ดีสิครับ คุณเดียร์อยากเจอคุณรามิลอยู่แล้วนี่ครับ แล้วนี่ได้คุยเรื่องกระเป๋าหรือเปล่าครับ"

“คุย! แล้วหมอนั่นก็เห็นทุกอย่างในกระเป๋าเดียร์แล้ว แล้วนี่นะกะทะ!”

“แพนครับ" ทโญท้วงเมื่อคุณหนูคนสวยเรียกชื่อเขาผิด

“นั่นแหละ! นายรู้ไหมนอกจากฉันเจอรามิลแล้ว ฉันยังเห็นอะไรอีก" อมลรดาเดินตามทโญไปยังที่ที่รถจอดไว้

“อะไรหรือครับ หรือมีใครจำคุณได้ว่าคุณเป็นลูกคุณอนล"

“เปล่า นอกจากรามิลแล้วไม่มีใครจำเดียร์ได้หรอก แต่เดียร์น่ะเห็นคนโดนทำร้ายในตึกนี้ มันน่ากลัวมากเลยนะ" อมลรดาเบาเสียงเป็นกระซิบ เพราะกลัวใครมาได้ยินเข้า

"มีคนทุบหัวกัน แล้วเดียร์ว่าแถวนั้นต้องไม่มีกล้องวงจรปิดแน่นอน ไม่งั้นคงไม่ทำการอุกอาจได้หรอก แถมพอเดียร์บอกรามิล รามิลก็ไม่เชื่ออีก เขายัง ...” อมลรดาเผลอจับริมฝีปากตัวเองที่ถูกรุกราน แก้มของเธอแดงเข้มขึ้น แถมยังร้อนชนิดกลัวว่าจะถูกจับได้

เธอยังจำได้ ... ไม่ใช่แค่สัมผัสผิวปากที่ทำให้หญิงสาวผู้ไม่เคยยอมให้ใครจูบปากรับรู้ว่าริมฝีปากผู้ชายนี่ก็นุ่มนิ่มกว่าที่คิด กลิ่นกาแฟกับน้ำหอมของรามิลยังติดจมูกเธออยู่เลย

“อะไรหรือครับ" ทโญรอฟังอย่างอยากรู้ อมลรดาเม้มปากแน่น แม้จะเป็นทโญที่สนิท เรื่องถูกจูบเธอจะให้เขารู้ไม่ได้เด็ดขาด

“เดียร์แลกเบอร์รามิลไว้แล้ว ยังไงก็จะต้องนัดกันแลกกระเป๋าคืน ... ว่าแต่ดรีมไปไหนล่ะ" อมลรดามองหาน้องชายที่มาด้วยกัน ดรัณหายตัวเงียบไปเลย

“ผมโทรศัพท์หาคุณดรีมแล้ว บอกว่ากำลังจะเดินมาครับ ... นั่นไงครับมาแล้ว" ทโญโบกมือให้ดรัณซึ่งสวมแว่นกันแดดปกปิดดวงตา ดรัณวิ่งมาแต่ไกล

“ขอโทษครับ ผมเจอคนรู้จักเลยไปคุยกันมา" ดรัณบอกอย่างรู้สึกผิด

“เจอคนรู้จัก ก็แปลว่าเขารู้ว่าน้องคือใครน่ะสิ" อมลรดากลัวเหลือเกินว่าเรื่องบุกบริษัทคู่แข่งจะแพร่กระจายออกไป "ให้ป๊ะป๋ารู้ไม่ได้นะดรีม!”

“พ่อไม่รู้หรอกครับพี่เดียร์ คนที่ผมเจอน่ะเป็นรุ่นน้องสมัยมัธยมน่ะครับ เธอไม่เอาไปพูดต่อหรอก เธอสัญญากับผมแล้ว" ดรัณเชื่อมั่นในตัวคนที่เจอมาก ดวงตาใส ๆ ที่รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ คงไม่บิดพลิ้วผิดสัญญาหรอกนะ

“งั้นก็ดีแล้วล่ะ เรากลับกันเถอะนะ เดี๋ยวป๊ะป๋ารู้ จะโดนดุกัน" อมลรดาบอกทุกคนก่อนจะขึ้นไปนั่งที่เบาะหลัง ทโญจะขึ้นประจำฝั่งคนขับ แต่ก็ไม่ลืมเตือนคุณดรีม

“คุณดรีม ปากคุณดรีมเลอะครีม แล้วเสื้อคุณดรีมก็เลอะลิปสติกผู้หญิงนะครับ"

“หา! ... ขอบคุณ ๆ นะแพน" ดรัณรีบใช้หลังมือเช็ดคราบครีมที่ทโญ น้องชายคนสนิทบอก แต่รอยลิปสติกบนอกเขานั้น ดรัณจนปัญญาจะลบออกได้ในทันที เลยอาศัยขยับเสื้อนอกของสูทที่ใส่มาปิดทับไว้

ซึ่งพอดรัณก้มเห็นรอยริมฝีปากที่ประทับบนอก เขาก็รับรู้ว่าดวงตาของรุ่นน้องที่ไม่ได้เจอมาตั้งแปดปีประทับฝังหัวใจเขาไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

“ว่าแต่คุณเดียร์จะนัดคุณรามิลเมื่อไหร่ครับ ผมว่าต้องหาลู่ทางดี ๆ นะครับ เดี๋ยวพวกนักข่าวเห็นคงได้ตีข่าวกับกระพือ"

ทโญไม่ลืมย้ำว่าอมลรดาคือใคร รามิลคือใคร ถ้าข่าวว่าสองทายาทบริษัทคู่แข่งพบกันมีหวังได้เกิดคลื่นใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์แน่ ๆ แล้วหุ้นอีก จะขึ้นหรือลงเพราะข่าวก็เดาไม่ได้เลย

“รู้แล้วน่ะ เดียร์ว่าจะให้คนอื่นเอาไปแลกให้ ไม่อยากเจอรามิลแล้ว เกลียด!” อมลรดากอดอก หน้าตาบึ้งตึง ยิ่งคิดถึงภาพรอยยิ้มกวนประสาทของรามิลตาสีฟ้า เธอก็ยิ่งอยากทำอะไรสักอย่างเพื่อระบายอารมณ์แค้น

“แล้วพี่เดียร์ไปสลับกระเป๋ากับพี่รามิลได้ยังไงล่ะครับ" ดรัณยังไม่รู้รายละเอียดเลย แต่พอถูกพี่สาวและทโญขอให้ร่วมทีม ทำทีมาเป็นแขกเข้างานที่จัดเลี้ยงด้านบนอาคารโชควรารัตน์ ทโญมีคนรู้จักที่ทำงานที่นี่เลยขอให้เขาช่วยเหลือแทรกชื่อเขาไป

ดรัณมาช่วยขับรถให้ ทโญพาอมลรดาเข้าไปด้านใน อมลรดาเพิ่งเรียนจบกลับมาคนเลยไม่คุ้นหน้าเธอนัก

“ทำไมต้องไปเรียกรามิลว่าพี่ด้วย เขาเป็นพี่ชายน้องหรือ" พี่สาวพาลใส่ เพราะไม่อยากนับญาติกับคนคนนั้น

“ก็พี่รามิลเป็นพี่ชายเพื่อนผมนี่ครับ ผมกับน้องสาวพี่รามิลเรียนมัธยมที่เดียวกันมาหกปีเลยนะ เราทำงานกิจกรรมด้วยกันบ่อย ๆ พี่เดียร์อย่างอนผมสิครับ ผมไม่เรียกรามิลว่าพี่แล้วก็ได้ครับ"

ดรัณเอาใจพี่สาว แม้เขาจะไม่ได้นิสัยสุดโต่งเหมือนพ่อหรือพี่สาวที่แบ่งพรรคแบ่งพวกนัก เขาเป็นคนที่พยายามทำงานของตัวเองให้ดีที่สุดมากกว่า

“ก็ได้ ๆ พี่จะเล่าให้ฟัง ก็เมื่อตอนที่พี่กลับมาถึงสนามบินน่ะ ...” อมลเริ่มร่ายยาวเหตุการณ์เมื่อสามวันก่อนให้น้องชายฟัง ทโญรู้เรื่องบางส่วนก็ตั้งใจฟังไปด้วย




เมื่อสามวันก่อน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ

“หา! รถชนเหรอ แล้วนายเป็นอะไรหรือเปล่า”

ทันทีที่ร่างบางสูงราวร้อยหกสิบห้าเซนติเมตรในเสื้อแขนยาวสีดำกับกางเกงผ้าขายาวทรงสกินนี่สีเดียวกันเดินผ่านพ้นประตูทางออกผู้โดยสารในสนามบินสุวรรณภูมิก็ถามคนในสายด้วยน้ำเสียงตกใจ เธอสวมรองเท้าผ้าใบสีขาว สะพายกระเป๋าสี่เหลี่ยมสีดำขนาดพอใส่โทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์ และพาสปอร์ต คาดไหล่ไว้

เมื่อเดินมาหลบมุมได้ เจ้าของผมยาวสีน้ำตาลแดงล้อมกรอบใบหน้ารูปไข่ ดวงตาในกรอบขนตายาวใต้คิ้วเรียวซึ่งขมวดมุ่นนั้น ก็หยุดเข็นรถที่บรรทุกกระเป๋าเดินทางใบโตสามใบ มีกระเป๋าหนังสีดำอีกใบวางแหมะอยู่บนกระเป๋าลาก ไม่รวมถุงใส่ของฝากอีกสองถุงใหญ่ ๆ ที่เรียกว่าเยอะจนเกินตัวผู้หญิงร่างผอมเพรียวไปมากอยู่

แต่ที่มากมายขนาดนี้ก็เพราะเธอเพิ่งเดินทางกลับจากอเมริการหลังเรียนจบปริญญาโท จึงต้องขนเสื้อผ้า หนังสือกลับมาหมด

ทโญบอกจะมารับ เธอเลยไม่กังวลว่าจะกลับบ้านลำบาก อยากได้อะไรก็ซื้อจนหนำใจตามประสาลูกสาวคนเดียวที่พ่อแสนจะตามใจ

ทโญเป็นเหมือนน้องชายคนสนิท รวมทั้งเป็นลูกชายลูกน้องคนสำคัญของพ่อ เธอสนิทกับทโญมากจนเป็นห่วงอีกฝ่ายจนหน้าตาตื่น

“นายบาดเจ็บหรือเปล่า!” เสียงหวานถามอย่างตื่นเต้น แต่ในสายกลับตอบน้ำเสียงติดรอยยิ้ม

“ไม่เป็นไรมากครับคุณเดียร์ เดี๋ยวผมจะให้คนอื่นไปรับคุณเดียร์แทนนะครับ" ทโญบอกมาตามสาย แต่ไม่ยอมเล่าสถานการณ์อื่น ๆ ให้ฟัง

“ไม่ต้องหรอกกะทะ เดียร์กลับเองดีกว่า" อมลรดาตอบอย่างเบื่อ ๆ เหลือบมองนาฬิกาข้อมือเงินมันวาวก็เดาได้ว่ากว่าจะออกจากบ้านมาสนามบินไม่น่าต่ำกว่าสามชั่วโมง

ถึง อมลรดา สิริสราญ จะไปเรียนต่างประเทศมาสามปี แต่ก็ไม่ได้ลืมหรอกนะว่ากรุงเทพมหานครนั้นเลื่องชื่อเรื่องรถติดขนาดไหน

“คุณเดียร์ เรียกผมว่า 'แพน' เถอะครับ ผมขอ"

แม้จะผ่านไปนานแค่ไหน ทโญยังทักท้วงเรื่องนี้อยู่

คนฟังอมยิ้มเพราะคิดถึงเสียงทักท้วงอ่อน ๆ ของหนุ่มวัยยี่สิบสี่ปีที่มีปัญหาเรื่องชื่อเล่นมาตั้งแต่เด็ก ทโญอ่อนกว่าอมลรดาสี่ปี และก็รู้จักมักคุ้นกันมาตั้งแต่เล็ก พ่อของเธอกับพ่อของเขาสนิทกันมาก

“ได้สิ แต่นายไม่ต้องโทรบอกให้คนอื่นมารับนะ เดียร์ขี้เกียจรอ เดียร์กลับแทกซี่ดีกว่า"

“คุณเดียร์จำทางกลับบ้านได้หรือครับ ไม่ได้กลับมาตั้งสามปี" ทโญถามจริงจังมาก เขารู้ว่าคุณหนูวัยยี่สิบแปดหลงทางเป็นงานประจำ

"ขนาดเมื่อก่อนกลับบ้านทุกวันยังบอกแทกซี่ผิดทางเลย ผมว่าคุณเดียร์กลับเองจะช้าว่าคุณเดียร์รอคนขับรถไปรับนะครับ อีกอย่างแทกซี่เดี๋ยวนี้ก็อันตราย ข้าวของคุณเดียร์ก็เยอะมากด้วย อย่ากลับเองเลยครับ"

“เปิดแมพในมือถือก็ได้มั้ง นายส่งโลเคชั่นบ้านเดียร์มาหน่อยสิ"

พอโดนทักท้วง อมลรดาก็เริ่มไม่มั่นใจ เธอจำชื่อซอยบ้านได้ เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา แต่ก่อนจะถึงซอยบ้านล่ะ ต้องวิ่งผ่านถนนเส้นไหนบ้างเนี่ย

“เฮ้อ! อย่าเลยครับ อย่าก่อปัญหาเพิ่มเลย ผมว่าคุณเดียร์รอเถอะครับ เดี๋ยวผมโทรหาคุณดรีมก่อน"

ทโญไม่รอฟังคำตอบ ตัดสายไปทันที อมลรดาขมวดคิ้วแยกเขี้ยวใส่ ก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ เพื่อหาที่นั่ง

เธอยิ้มกับเก้าอี้ว่างสองตัวริมสุด เธอครองไปตัวหนึ่ง อีกฝั่งมีผู้ชายตัวสูง ... เขาน่าจะสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ผมสั้นสีน้ำตาลอ่อน ๆ ดูแล้วอาจจะมีเชื้อฝรั่งซึ่งทิ้งตัวนั่งหลังเธอเพียงไม่กี่วินาที ร่างสูงนั้นมีเพียงกระเป๋าลากใบเตี้ย ๆ กับกระเป๋าหนังสีดำซึ่งลากมาวางข้างเขา และติดกันกับรถเข็นของเธอ

หล่อดี ... อมลรดาแอบชื่นชมความหล่อเหลาของชายที่นั่งด้านหลังในใจ หากก็สะกิดใจเล็กน้อยเหมือนกับว่าเคยเห็นเขาจากไหนสักที่

“อุบัติเหตุเหรอ งั้นไม่เป็นไร ผมกลับเองดีกว่า น้าชัยเอารถไปซ่อมเถอะครับ"

อมลรดาได้ยินชายหนุ่มรูปหล่อคุยโทรศัพท์ อมลรดาได้ยินก็กลั้นยิ้มอีกครั้งเพราะเขาเจอปัญหาเดียวกับเธอเลย! แต่โลกคงไม่กลมขนาดเล่นตลกให้ทโญของเธอกับน้าชัยของเขาเป็นคู่กรณีกันหรอกนะ

แล้วเขาก็ลุกขึ้น อมลรดาแอบอิจฉาที่เขาตัดสินใจได้เอง แน่นอนว่าอมลรดารู้ว่าความแตกต่างระหว่างเธอกับชายหนุ่มด้านหลังคือการจำที่อยู่ให้ได้ อมลรดาจำได้ว่าบ้านอยู่ซอยไหน แต่เธอจำทางกลับบ้านไม่ได้เลย!

อมลรดาถอนหายใจ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงรถเข็นถูกชนอย่างแรง หันไปมองต้นเสียงก็พบว่ามีเด็กผู้ชาบคนหนึ่งล้มอยู่บนพื้น ที่เท้าของเด็กชายสวมรองเท้าสเก็ต สาเหตุก็คงเพราะเด็กคนเล่นซนจนเสียหลักมาชนรถเข็นของเธอเข้า อมลรดาตกใจกลัวเด็กจะบาดเจ็บจึงรีบไปสนใจเด็กก่อน ผิดกับใครอีกคนที่เป็นผู้ร่วมเสียหายในอุบัติเหตุเล็ก ๆ

“เล่นผิดที่แล้วนะ ในที่คนเยอะ ๆ แบบนี้มาเล่นสเก็ตได้ยังไงกัน พ่อแม่อยู่ไหน" ชายหนุ่มยืนเต็มความสูงแล้วดุใส่เด็กชายที่น่าจะอายุน้อยกว่าสิบขวบเสียงเข้ม

“ใจเย็น ๆ ก็ได้นะคะคุณ เด็กก็คือเด็ก" อมลรดาพยายามเกลี้ยกล่อมเพราะสงสารเด็กน้อย

“ก็ต้องสอนสิครับ ถ้าของในกระเป๋าผมเสียหายขึ้นมา ผมก็ไม่ยอมหรอกนะ ถึงจะเป็นเด็กก็เถอะ" เขาไม่เลิกดุ ไม่เลิกเกรี้ยวกราด ดวงตาสีฟ้าของเขาจ้องเสียน่ากลัว จนเด็กเบะปากจะร้องไห้ ซึ่งพอลุกได้ก็วิ่งหนีไปเลย

“นั่นไง เสียนิสัยไปแล้ว ... นี่! ขอโทษน่ะเป็นไหม กลับมาขอโทษก่อนเลยนะ" เขาบ่นตามหลังเล็ก ๆ ของเด็กน้อยไป ก่อนวงหน้าหล่อเหลาจะส่ายไปมา

“ช่างเถอะค่ะ บ่นไปก็ไม่ได้อะไรหรอก"

อมลรดาเริ่มเห็นด้วยที่เขาบ่น แต่ก็ไม่ชอบที่เขามาดุเธอไปด้วย เลยไม่สบอารมณ์ พ่นลมออกจากจมูกดังฮึขณะมองเขาก้มลงหยิบกระเป๋าหนังสีดำของเขามาถือไว้ แล้วช่วยเก็บกระเป๋าหนังสีดำของเธอขึ้นมา

ความหงุดหงิดทำให้เขาไม่ทันระวัง และไม่ทันสังเกตว่าทั้งสองใบมีลักษณะคล้ายกัน ต่างกันที่ของเขาไม่มีพวงกุญแจรูปกวางสีดำ แต่ของอมลรดาเธอชอบความกุ๊กกิ๊กเลยเอาพวงกุญแจรูปกวางมาแขวนไว้

เขาวางกระเป๋าสีดำที่คิดว่าเป็นของเธอบนรถเข็น ก่อนที่เขาจะหิ้วกระเป๋าของเขาหมุนกายเดินจากไปดื้อ ๆ

“ผู้ชายอะไรขี้หงุดหงิดจัง ถึงจะหล่อแต่อารมณ์ฉุนเฉียวแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ เฮ้อ! ... แล้วเมื่อไหร่เดียร์จะได้กลับบ้านเนี่ย!!” อมลรดาบ่นก่อนจะทิ้งตัวนั่งรอเหมือนเดิมอย่างเซ็ง ๆ !



รามิล โชควรารัตน์ เดินมาถึงโซนเรียกแทกซี่ของสนามบินสุวรรณภูมิก็ถอนหายใจ นี่เขาต้องรอคิวยาวเหยียดขนาดนี้เลยหรือ รามิลยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมอง หน้าเครียดเริ่มยิ้มออกเมื่อจำได้ว่าเพื่อนสนิทเขาบ้านอยู่แถวนี้ แต่ก็ต้องเดากันล่ะเพราะบางวันเพื่อนสนิทก็ชอบไปอยู่คอนโดมิเนียมในเมืองมากกว่า เพราะใกล้สถานที่ทำงานกว่าบ้านแถวนี้

“โอม แกอยู่บ้านหรือเปล่า ฉันเพิ่งถึงสุวรรณภูมิ รถของน้าชัยชนจนขับต่อไม่ได้ ที่สนามบินแถวแทกซี่ก็ยาวมากด้วย ฉันอยากรีบไปดูน้องสาวอยากเห็นหน้าหลานแล้ว"

รามิลเล่าทุกอย่างให้องศาฟัง คนในสาย ตอบกลับเสียงงัวเงียมาก เหมือนจะเพิ่งตื่น หากรามิลก็ไม่แปลกใจ องศา เป็นหมอเรสซิเดนท์ กำลังเรียนต่อเฉพาะทางด้วยที่ต้องเข้าเวรดึก ๆ

“เออ อยู่บ้าน จะให้ไปรับใช่มั้ย แกรอสักครึ่งชั่วโมงนะ"

“ไม่ต้องรีบก็ได้ ฉันไม่อยากให้แกเกิดอุบัติเหตุอีกคน ... แต่ถ้ามาได้ในครึ่งชั่วโมงก็ดี"

“อะไรวะ เดี๋ยวก็รีบเดี๋ยวก็ไม่รีบ ... นี่ไอ้มิน ฉันรู้ว่าแกอยากเห็นหน้าหลานจนไม่เป็นปกติ รออยู่นั่นแหละ เดี๋ยวถึงแล้วจะโทรหา"

องศาวางสายไปแล้ว รามิลก็ยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง เขามีรอยยิ้มตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้าหลานชายซึ่งเพิ่งเกิดไม่กี่วันก่อน

น้องสาวคนกลางและคนเดียวของเขาที่แต่งงานไปได้สามปีเพิ่งคลอดลูกชาย เขาติดประชุมต่างประเทศเลยไม่ได้อยู่ตอนคลอดด้วย เลยร้อนรนตื่นเต้นอยู่อย่างนี้

รามิลไม่ปฏิเสธว่าเขาเห่อหลานคนแรกมากจริง ๆ ของฝากให้หลานก็เต็มกระเป๋า!

นอกจากนั้นก็มีของฝากที่องศาฝากซื้ออีก พอคิดรามิลก็เคอะเขินตอนที่หยิบเจ้านั่นจำนวนหนึ่งโหลไปจ่ายเงิน พลันนึกในใจว่าทำไม ว่าที่กุมารแพทย์องศา เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมจะต้องให้เขาหอบหิ้วของแบบนั้นมาจากญี่ปุ่นด้วย ที่เมืองไทยก็มีตั้งเยอะ ตั้งหลายยี่ห้อ!

ดวงตาสีฟ้าของรามิลหลุบมองกระเป๋าสีดำที่ถือ เจ้ากวางที่ห้อยอยู่ไม่ได้เตะตาเขาเลย จึงทำให้เขายังไม่รู้ว่าเขาหยิบกระเป๋ามาผิดใบ!





อีกคนก็เช่นกัน เพราะกว่าอมลรดาจะรู้ว่าเธอโดนสลับกระเป๋า เธอก็นั่งอยู่ในห้องนอนที่บ้านแล้ว! เธอเปิดกระเป๋าลากแผ่กลางห้อง แต่กำลังจัดการกับกระเป๋าหนังสีดำอยู่

“อะไรเนี่ย อี๋!” หญิงสาวอุทานหน้าเหยเก นิ้วที่เล็บเคลือบสีสวยวิ้ง ๆ คีบถุงกระดาษขนาดเล็ก ๆ อมลรดาเปิดปากถุงดูก็หน้าแดงซ่านกับกล่องถุงยางอนามัยมากมายนับโหล

“หยิบกระเป๋าผิด! ใช่เลย หมอนั่นหยิบกระเป๋าเราไปแน่ ๆ โอ๊ย แย่แล้ว!” อมลรดาหน้าซีด เมื่อเธอคิดว่าเมื่อเปิดกระเป๋า ได้พบของด้านใน อีกฝ่ายคงตกใจไม่แพ้เธอแน่ ๆ

แล้วอมลรดาจะหาทางทวงกระเป๋าคืนได้อย่างไรล่ะ ชื่อแซ่อะไรก็ไม่รู้เลย

“จะว่าไปหมอนั่นก็หน้าตาคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน ... ฮ้า! นึกออกแล้ว ๆ !!” อมลรดาเบิกตากว้าง ก่อนจะลุกไปหยิบแทบเล็ตจากบนเตียงมากดพิสูจน์ว่าเธอจำคนผิดหรือไม่

แล้วก็โป๊ะเชะ! เป็นเขาจริง ๆ อย่างที่เธอคาดเดา

“รามิล รองผู้บริหารบริษัทโชควรารัตน์ บริษัทคู่แข่งของป๊ะป๋า ... โอ๊ย ยัยเดียร์ ทำไมเธอจะต้องไปสลับกระเป๋ากับตัวปัญหาด้วยเนี่ย!”

หญิงสาวทำท่าจะดึงทึ้งผมตัวเอง แต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวผมร่วงหมดหัว เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าออกช้า ๆ

... ใจเย็น ๆ อมลรดา เธอรู้นี่ว่าเธอจะติดต่อหรือตามหาเขาได้จากที่ไหน

“กะทะ!” อมลรดากรอกเสียงเรียกอีกฝ่ายทันทีที่เขารับสาย

“แพนครับ" ทโญเกลียดชื่อเล่นที่พ่อตั้งให้จริง ๆ พี่ชายและน้องสาวก็ชื่อแนวเดียวหมด กะถิน และ กะทิ!

“แพนช่วยเดียร์ด้วย เดียร์แย่แล้ว!” เสียงของอมลรดาทำให้ทโญพลอยตกใจ

“เกิดอะไรขึ้นครับ คุณเดียร์อยู่บ้านแล้วไม่ใช่หรือครับ!” ทโญถามอย่างเป็นห่วง

“เดียร์อยู่บ้าน แต่เดียร์กำลังแย่ กระเป๋าของเดียร์สลับกับคนอื่นน่ะ เดียร์มีของสำคัญอยู่ในนั้นด้วย"

อมลรดากุมขมับ เพราะเธอถือกระเป๋าสีดำใบนั้นขึ้นเครื่อง จึงมีของที่เธอไม่อยากโหลด ทั้งเอกสาร เครื่องเล่นเพลง หนังสือที่อ่านค้างไว้ แล้วก็ยังมีอีกอย่างที่เธอแค่นึกถึงก็แก้มแดงเป็นปื้น ๆ แล้ว ป่านนี้คนนั้นจะเปิดกระเป๋าของเธอหรือยังนะ!

“แล้วจะทำยังไงดีล่ะครับ เป็นใครก็ไม่รู้" ทโญกำลังขมวดคิ้วช่วยคิดไปด้วย

“รู้! เดียร์รู้ว่าเขาคือใคร แต่นี่ล่ะปัญหาใหญ่เลย"

อมลรดาถอนหายใจ ก่อนจะพูดชื่อของคนนั้นออกมา

"เขาคือ รามิล ... รามิล ลูกชายประธานบริษัทโชควรารัตน์ เจ้าของฉายาเจ้าชายตาสีฟ้าไง ... ที่เป็นคู่แข่งของป๊ะป๋าอนล รามิล คนที่เขาอายุเท่าเดียร์ แต่สามารถทำงานแทบจะแทนพ่อได้ ผิดกับเดียร์ที่เพิ่งเรียนจบปริญญาโท ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง ... ช่างเถอะ ๆ เดียร์ไม่อิจฉารามิลแล้ว ... แพนมาช่วยเดียร์คิดหน่อยสิว่าเดียร์จะทำไงดี เดียร์จะไปเอากระเป๋าคืนยังไงไม่ให้ป๊ะป๋ารู้"

“คุณท่านน่าจะเข้าใจนะครับ" ทโญคาดเดา แม้คุณอนล เจ้านายของพ่อเขาจะเป็นคนดูดุไปหน่อย แต่ก็ไม่ใช่คนใจร้าย ยิ่งกับลูกสาวสุดที่รักด้วยแล้ว ไม่มีทางดุได้ลงหรอก

“เดียร์กลัวว่าป๊ะป๋าจะพาคนไปที่นั่นจนเกิดเรื่องมากกว่าน่ะสิ แพนว่าเดียร์ไปพบรามิลเป็นการส่วนตัวดีมั้ย แพนหาเบอร์ของรามิลได้นี่"

“ผมว่าถ้าคุณท่านมารู้ทีหลัง บ้านจะแตกกว่าเดิมนะครับ" ทโญไม่ค่อยชอบเวลาคุณอนลโมโหเท่าไหร่ ขนาดพ่อเขาที่ว่าสนิท ๆ กับคุณอนลยังไม่ชอบเข้าหาเวลาคุณอนลอารมณ์เสียเลย

“ก็อย่าให้ป๊ะป๋ารู้สิ น้า แพนช่วยเดียร์หน่อย น้า นะ หาทางให้เดียร์ได้เจอรามิลเป็นการส่วนตัวหน่อย"

พอถูกอมลรดาอ้อนเสียงเล็กเสียงน้อย ทโญก็ปฏิเสธต่อไม่ไหว เขาได้แต่บอกว่าจะพยายามช่วย ก่อนจะวางสายจากกัน อมลรดาเดินมาทิ้งตัวนอนบนเตียง หยิบแทบเล็ตมามองดูรูปต่าง ๆ ของรามิล โชควรารัตน์

“รามิล โชควรารัตน์ อายุยี่สิบแปดปี ทายาทหนุ่มรูปหล่อไฟแรง โปรไฟล์ครบ เปิดตัวในวงการอสังหาริมทรัพย์ด้วยโครงการ คาซ่า มายา คอมมูนิตี้มอลล์ที่ผสมผสานคอนโดมิเนียมได้อย่างลงตัว เป็นที่น่าจับตามอง ... เชอะ! ดูแต่ละรูปสิ เก๊กซะไม่มี แล้วตาสีฟ้านี่มันอะไร ทำไม ...”

อมลรดากระพริบตาปริบ ๆ เมื่อสบกับดวงตาสีฟ้าของรามิล อยู่ดี ๆ เธอก็ยิ้มเพราะคิดว่าดวงตาของเขาสวยดี

รามิล แปลว่ากามเทพ ... กามเทพตาสีฟ้า ...

อมลรดาเผลอเคลิ้มไปกับดวงตาสีฟ้าของรามิลเพียงครู่เดียว สติก็กลับร่าง รีบสะบัดหัวไปมาเพื่อไม่ให้หลงใหลเคลิบเคลิ้มลูกชายคู่แข่งป๊ะป๋าของเธอมากกว่าเก่า หญิงสาวโยนแทบเล็ตลงข้างตัวเมื่อคิดถึงเสียงที่ดังรอบ ๆ ตัวเธอมาตั้งแต่เธอเริ่มเข้าสังคมไปกับพ่อแม่

'อีกหน่อย เราคงต้องจับตามองรามิล โชควรารัตน์ และดรัณ สิริสราญ สินะ ว่าใครจะพาบริษัทไปได้ประสบความสำเร็จมากกว่ากัน'

ใคร ๆ ก็ชอบเปรียบเทียบระหว่างรามิลคนนั้น กับดรัณ น้องชายของเธอ

ดรัณ อายุยี่สิบห้าปี แต่เรียนจบปริญญาโทก่อนเธอ และตอนนี้ก็กำลังฝึกงานกับพ่อเธออยู่ ความเก่งกาจนั้นก็ไม่ยิ่งหย่อนน้อยไปกว่ารามิลนักหรอก

หญิงสาวไม่ได้กังวลเรื่องการแข่งขันระหว่างน้องชายกับรามิล แต่เธอกดดันตัวเองมากกว่า เพราะเธอไม่ได้มีตัวตนในสายตาคนรอบข้างเลย หรือเพราะเธอเป็นผู้หญิง พวกเขาเลยมองข้ามเธอไป

“คอยดูเถอะ เดียร์ก็ลูกป๊ะป๊าอนล เดียร์จะทำให้รู้ว่าเดียร์ก็ทำงานได้ ! “ อมลรดาโพล่งขึ้นมาด้วยแววตามุ่งมั่น เพียงแต่ตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่า ...

“แต่ตอนนี้ต้องฉันเอากระเป๋าคืนก่อน ... รามิล นายจะแอบดูของในกระเป๋าฉันหรือยังเนี่ย เฮ้อ!”





เจ้าชายตาสีฟ้าเองก็ชะงักกับของในกระเป๋าหนังสีดำ เขาเพิ่งเห็นมีกวางน้อยห้อยอยู่ตรงซิป เขาก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างเซ็ง ๆ

“อะไรวะ ถอนหายใจทำไม" องศาถาม เขาขับรถพารามิลกลับมาส่งถึงบ้าน หลังจากพากันไปเยี่ยมน้องสาวของรามิลที่เพิ่งคลอดลูกที่โรงพยาบาล นอกจากจะมาส่ง องศาก็อยากได้ของที่ฝากซื้อด้วย

“ฉันหยิบกระเป๋ามาผิดว่ะ สงสัยสลับกับผู้หญิงที่สนามบิน" รามิลยกฝ่ามือแปะหน้าผาก เขาคิดหนักจนคิ้วขมวด "ใครก็ไม่รู้ จะเอาคืนยังไงดีวะ"

“ไปขอสนามบินดูกล้องไหม มีเอกสารอะไรในกระเป๋าบ้างมั้ย"

องศาเดินมาหยุดที่กระเป๋า ก่อนจะยิ้มกับบราสีแดงซึ่งนอนนิ่งอยู่ในกระเป๋าที่เพื่อนหยิบผิดใบมา

"ท่าทางผู้หญิงเจ้าของกระเป๋านี่จะหุ่นดีน่าดู ดูสิ คัพดีเลยนะ ของใหม่ด้วยว่ะ ป้ายราคาห้อยอยู่เนี่ย ท่าทางจะชอบสีแดงนะ มีตั้งสามชุดแหนะ"

“ซนน่า! อย่าไปยุ่งของเขา!"

รามิลหน้าแดง รีบคว้าบราเซียร์สีแดงทรงอึ๋มที่ไม่ได้มีฟองน้ำยัดแน่นจากมือเพื่อนซุกซน แล้วจับยัดใส่กระเป๋าอย่างเดิม เขาจำหน้าผู้หญิงที่เป็นเจ้าของกระเป๋าได้ พอนึกถึงหน้ารามิลก็คิดเลยไปถึงหน้าอกของเจ้าหล่อน เห็นตัวบาง ๆ แบบนั้นนี่คัพดีเลยหรือ!

“ มีชุดแปรงฟันจิ๋ว ๆ แว่นกันแดด ไอพอตทัช กล้องโพลาลอยด์ กล่องดิจิตอล หนังสือนิยาย แฟลชไดรฟ์รูปตุ๊กตาสโนว์แมน ขนม ชอคโกแลต และกล่องอะไรสักอย่าง ... นี่ไงมีรูปด้วย"

รามิลหยิบของในกระเป๋าออกมาวางเรียงกัน ไม่ได้อยากคุ้ยของหรอกนะ แต่เขาอยากหาอะไรสักอย่างที่จะสามารถตามหาเจ้าตัวได้ เขาเห็นรูปโพลาลอยด์ก็หลงดีใจ แต่พอเห็นเป็นรูปที่ไม่ได้ช่วยให้เขาตามหาเธอได้ง่ายขึ้นเลยรามิลก็โยนมันลงทันที คนอะไรถ่ายรูจมูกตัวเอง!

เจ้าชายตาสีฟ้าของวงการอสังหาริมทรัพย์ส่ายหัวอย่างหมดหวัง ในกระเป๋ามีแต่อะไรก็ไม่รู้!

“ซวยจังว้า อย่างนี้หลานชายคนแรกแกก็อดได้ของเล่นอะสิ" องศามองอย่างเห็นอกเห็นใจเพื่อน

"แกก็อดน่ะโอม ... ของที่แกฝากซื้อก็อยู่ในกระเป๋าที่สลับไป" รามิลไม่ได้จะแกล้งให้เพื่อนเสียใจ แต่เขาบอกความจริงเท่านั้น

“เฮ้ย! อะไรวะ ... อุตส่าห์รอ!” องศาออกอาการผิดหวังมาก "นั่นมันถุงยางรุ่นพิเศษ บางเฉียบแนบเนื้อได้สัมผัสเหมือนไม่ได้ใส่ แล้วก็ไซส์พอดีฉันเลยนะเว้ย แกทำร้ายจิตใจเพื่อนมาก ไอ้มิน!”

“รออีกนิดไม่ตายหรอกน่า แกเองก็ใช่จะมีเวลาใช้ถุงยางมากนักนี่ เอาเวลาว่างไปนอนดีกว่ามั้ยคุณหมอโอมครับ ขอบตาแกนี่ดำอย่างกับหมีแพนด้าแล้ว"

รามิลหงุดหงิดขณะมองหน้าเพื่อนสนิทท่ีตัวสูงเท่ากัน สัดส่วนก็ใกล้เคียงกัน แต่องศาผิวขาวกว่า และผมก็ยาวเลยท้ายทอย ดวงตาสีเข้มขององศาหลังแว่นสายตาขุ่นเคือง

“นั่นแหละเวลานอนเวลาพักผ่อนของฉัน ... อุตส่าห์นัดเบบี๋ไว้ตอนวันหยุด" องศาบ่นอุบ

“ถ้าแกไม่มีของสำรอง แกก็เลื่อนเบบี๋ของแกออกไปก่อนละกัน แกรู้ไหมตอนที่เจ้าหน้าที่ตรวจกระเป๋าแล้วเจอไอ้รุ่นบางเฉียบโคตรยาวของแกน่ะ ฉันน่ะอยากเอาหน้ามุดดินมากแค่ไหน ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทฉันไม่แบกหน้าไปซื้อให้หรอกนะ" รามิลบ่นกลับ เขาจัดการเก็บของ และรูดซิปกระเป๋าปิดอย่างเดิม

“ฉันว่ามันน่าภูมิใจออกนะ รุ่นพิเศษแบบนี้" แววตาขององศาระยิบระยับวับวาวมาก

รามิลขึงตาใส่ความหลงตัวเองของว่าที่กุมารแพทย์หนุ่ม แต่ตอนนี้องศากำลังเป็นแพทย์เรสซิเดนท์เรียนต่อเฉพาะทางอยู่ที่หล่อและดูดีมากทีเดียว ส่วนเรื่องเจ้าชู้นี่ถือว่าเป็นเรื่องไม่เกี่ยวกัน เพราะองศาไม่เคยยุ่งกับคนไข้ที่ดูแลอยู่แล้ว

“เลิกส่งสายตาแบบนี้กับฉันเถอะว่ะ ขนลุก ใครต่อใครจะพากันคิดว่าฉันกับแกเป็นคู่เกย์กัน ... ไปหาอะไรกินข้างนอกกันดีกว่า เซ็งว่ะ"

“ได้สิ แต่ฉันต้องไปเข้าเวรตอนสี่ทุ่มนะ เหลือเวลาแค่สองชั่วโมง หาไรกินเร็ว ๆ ก็แล้วกัน" องศาตอบ

เพราะตอนกลับต้องแยกกันกลับ รามิลกับองศาจึงทำผิดต่อโลกด้วยการแยกขับรถมาคนละคัน พวกเขาเลือกอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่งซึ่งอยู่ในคอมมูนิตี้มอลล์ใกล้ ๆ บ้าน

ระหว่างรออาหารที่สั่งไป รามิลก็เปิดโทรศัพท์อ่านอะไรไปเรื่อยจนไปสะดุดกับภาพในเฟชบุ๊คของเพื่อนที่เรียนปริญญาโทด้วยกัน รีบเรียกองศาให้มาดู

“เฮ้ย! โอม มาดูนี่สิ ผู้หญิงคนนี้แหละที่ฉันสลับกระเป๋ากับเขา" รามิลยื่นโทรศัพท์ให้องศาดู

“ก็ดีสิ แกลองถามเจ้าของรูปไปสิว่าจะติดต่อผู้หญิงในรูปได้ยังไง" องศาแนะนำ รามิลเองก็คิดจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว เขาไม่รอช้ารีบพิมพ์ถามเจ้าของรูปไปทันที ก่อนจะชะงักอีกครั้ง

“อะไรวะ ทำหน้าอย่างกับเจอผีหลอก" องศาถามอย่างสงสัย

“ผีหลอกน่ะสิ ... เจ้าของกระเป๋าที่ฉันหยิบสลับมาชื่อ อมลรดา สิริสราญ ... ลูกสาวของบริษัทคู่แข่งพ่อฉัน แต่ฉันก็ต้องติดต่อเขาไปอยู่ดีแหละ กดเพิ่มเพื่อนไปจะเป็นอะไรไหมนะ"

รามิลห่วงภาพลักษณ์ไม่น้อย เขากลัวว่าคนจะสงสัยว่าทำไมเขาถึงต้องพยายามเป็นเพื่อนกับลูกสาวบริษัทคู่แข่งด้วย

“แกลองหาเบอร์เขา ติดต่อทางโทรศัพท์ดีไหม น่าจะไวกว่านะ ... น้องสาวแกเป็นเพื่อนกับน้องชายคุณจูเลียสของอะไรนี่ไม่ใช่เหรอ"

องศากดเลือกดูเพื่อนที่มีร่วมกันของรามิลกับหญิงสาวในภาพถ่าย ทำให้เขาสืบต่อได้ว่าน้องสาวของรามิลเป็นเพื่อนในเฟชบุ๊คกับน้องชายเธอ

“เขาชื่ออมลรดา ไม่ได้ชื่อจูเลียส แล้วก็ไม่ใช่ของฉันด้วย ฉันไม่อยากเป็นโรมิโอที่ตายเพราะยาพิษหรอกนะ" รามิลเถียงเสียงขุ่น

"แล้วก็ไม่ได้หรอก ฉันไม่ควรให้ใครรู้เรื่องนี้เพิ่มแม้แต่คนเดียว" รามิลกลัวว่าจะมีข่าววุ่นวายออกไป เขาควรเก็บเรื่องนี้ไว้เงียบที่สุด

“คุณเดียร์ ... ผมจะหาเบอร์ติดต่อคุณยังไง" เขาขมวดคิ้วพึมพำถามกลับตัวเองขณะมองภาพหญิงสาวเจ้าของรอยยิ้มสดใสผ่านเฟชบุ๊คของเพื่อนจากหน้าจอโทรศัพท์ เขาอ่านจากคอมเมนท์ตอบโต้ไปมาจึงรู้ว่าอมลรดามีชื่อเล่นว่า เดียร์

อยู่ ๆ รามิลก็สงสัยความหมายของชื่อเล่นหญิงสาว ... เดียร์ไหน เดียร์ ที่แปลว่า กวาง หรือ ที่รัก?

หากชายหนุ่มก็คิดว่าน่าจะเป็นกวาง เพราะเธอห้อยกวางไว้ที่กระเป๋า

เจ้าชายตาสีฟ้าเอียงคอพินิจพิเคราะห์หน้าตาของกวางสาวที่ดูอ่อนกว่าวัย จนไม่น่าเชื่อว่าอายุเท่ากับเขา

จะว่าไปแล้วรามิลแทบไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับลูกสาวคนโตของสิริสราญเลย ข่าวก็ไม่ค่อยลงเรื่องอมลรดามากนัก มีแต่เรื่องของ ดรัณ สิริสราญคนน้องที่เขาได้ยินข่าวตลอดเวลา

แต่จากวันนั้นที่ได้เจอกัน เธอลงไปช่วยเด็กทันทีที่เด็กล้ม รามิลก็คาดเดาว่าอมลรดาน่าจะเป็นผู้หญิงจิตใจดี เพราะไม่เห็นหงุดหงิดเรื่องเด็กซนเท่าเขาเลย ปกติรามิลก็คุ้นเคยกับความซนของเด็กอยู่บ้าง แต่เขาก็ควบคุมน้อง ๆ ไม่ให้เล่นวุ่นวายในสถานที่คนพลุกพล่านได้ และน้อง ๆ ก็เชื่อฟังดีด้วย

ความใจดีที่อมลรดามี ทำให้เขาคิดว่าระหว่างเธอกับเขาน่าจะคุยกันง่าย ๆ นะ

ซึ่งยังไม่ทันที่รามิลจะหาเบอร์ของอมลรดาได้ สามวันต่อมาเขาก็พบเธอที่ทางเดินบริษัทของเขา เธอวิ่งหนีอะไรบางอย่างมาชนเขาเข้าอย่างแรง

“อมลรดา! ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ เข้ามาได้ยังไงเนี่ย!” รามิลจับข้อมือบางแน่น รับรู้ถึงอาการตัวสั่นของแขกผู้บุกรุก

“มีคนทำร้ายกันตรงนั้น ... ฉัน ...” อมลรดาเล่าอย่างเสียขวัญ ก่อนที่อยู่ดี ๆ เธอจะหมดสติจนรามิลต้องรีบเอาร่างกายรับร่างบางเอาไว้ เพราะมืออีกข้างของเขาถือถ้วยกาแฟอยู่ ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลแดงวางอยู่บนไหล่

เขาหงุดหงิดที่มาเกิดเรื่องทำให้เขาเสียเวลา ชายหนุ่มมีนัดออกไปดูงานข้างนอกแต่ลืมของไว้ในห้องทำงานทำให้ได้มาเจอหญิงสาวที่นี่ เวลานี้ ที่หน้าประตูทางเข้าห้องทำงานอีกทางที่ไม่มีเลขานุการนั่งอยู่

เธอมาได้ยังไง ... รามิลมองอย่างสงสัย

แต่เวลานี้เขาควรหาทางช่วยเหลือหญิงสาวก่อน เขาหันซ้ายหันขวา ก็ไม่พบใครจะช่วยเขาได้เลย! รามิลจึงต้องช้อนตัวเธอพาดไหล่แล้วพาเดินเข้าห้องทำงาน ก่อนจะวางเธอลงบนโซฟา

หลังจากนั้นราวห้านาที เธอก็ตื่นมาเพื่อจะกรี๊ดใส่หน้าเขา!!



รามิลที่ยืนมองรถยนต์ที่พาตัวอมลรดาแล่นออกจากตึกไปจนลับตา เขาส่ายหน้ากับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นในห้องทำงาน เขาตั้งใจจะติดต่อหญิงสาวไปเพื่อแลกเปลี่ยนกระเป๋าคืน แต่ดันมาเจอกันที่นี่เสียก่อน

แล้วก็ทะเลาะกันจนได้ รามิลไม่รู้สึกตัวเลยว่ากลายเป็นพวกขี้แกล้งไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาอาจจะชอบแกล้งน้องสาวน้องชายบ้าง แต่กับผู้หญิงคนอื่น เขาไม่เคยคิดอยากต่อล้อต่อเถียงด้วยเท่าไหร่นักหรอก

หล่อนก็เหลือเกิน กล้ามาก บุกมาหาเขาแบบนี้ แค่อยากแลกกระเป๋าเนี่ยนะ ทำไมไม่หาทางอื่นติดต่อมา!

รามิลแอบรู้สึกผิดที่ขโมยจูบรสลูกอมหอมหวานจากหญิงสาว แต่พอคิดว่าลูกชายเขาก็โดนหล่อนกระแทกเข้าอย่างแรง น่าจะเจ๊ากันไปแล้ว แถมยังมาเข้าใจผิดเรื่องถุงยางอนามัยหนึ่งโหลนั่นอีก ... ให้ตายเถอะ รามิลปวดหัวจนแทบระเบิด!

ว่าแต่ใครกันที่พาอมลรดาเข้าถึงด้านใน รามิลคิดว่าเขาคงต้องตามหาตัวให้เจอ

ความสงสัยของชายหนุ่มตาสีฟ้าชะงักกับเสียงพนักงานรักษาความปลอดภัยที่คุยกันด้านหลัง

“มีคนถูกตีหัวหมดสติอยู่ในห้องเก็บอุปกรณ์แม่บ้าน!"

“ว่าไงนะ!” รามิลเดินไปถามพนักงานรักษาความปลอดภัยหนุ่มทั้งคู่ "ตอบผมมา อย่ามาอึกอัก" เขากดดันพนักงานทั้งสอว

“มีคนถูกทำร้ายจนหัวแตกแล้วลากไปซ่อนในห้องเก็บของของแม่บ้านชั้นบนครับท่านรอง" พนักงานคนที่ีเดินมาเล่าเป็นคนตอบคำถาม

รามิลตกใจ รีบสั่งการพนักงานให้รีบตามเรื่องนี้โดยเร็ว ก่อนที่จะหันขวับไปมองทางที่รถยนต์ของอมลรดาแล่นจากไป เพราะที่อมลรดาเจอนั้นเป็นเรื่องจริง!



จบตอนที่ 1




ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 มี.ค. 2559, 00:21:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ต.ค. 2559, 22:28:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 2048





<< บทนำ - เธอและเขาคือทายาทบริษัทคู่แข่ง   ตอนที่ 2 - 100% >>
ปิ่นนลิน 5 มี.ค. 2559, 00:43:00 น.
นำนิยายมาส่งค่ะ

พยายามกดส่งคอมเมนท์แต่ อินเตอร์เน็ตดาวน์ ไวไฟหลุด ฮืออ

คุณ Vergo222 - ขอบคุณนะค้า ^^

คุณ kaelek - ป๋าอนลจะโผล่มาตอนหน้า ๆ นะคะ มาเจอป๋าภีม 5555

คุณ แว่นใส - นั่นสิคะ ประวัติสองพ่อก็เกรงใจแม่ ๆ อยู่นะ ฮ่าๆ

คุณ ร้อยวจี - พยายามไม่เครียดค่ะ แต่ก็มีแก่นเรื่องให้เล่นบ้าง ไม่ได้กัดกันไปตลอดเรื่องขนาดนั้น พระนางจะค่อนข้างช่วยเหลือกันอยู่ แต่คู่กัดจะเป็นอีกคู่ค่ะ ไว้ค่อยเดาเอา อิอิ

คุณ ตามหาฝัน - บทจะขรึม ขี้รำคาญ พี่รามิลก็มี แต่มาถูกถามเรื่องถุงยาง พี่แกเลยต้องโม้วหน่อย

คุณ สเลเต - พี่รามิลติดใจเรื่องคัพดีอยู่เหมือนกัน ส่วนหนูเดียร์ก็ติดใจเรื่องถุงยาง 1 โหล 5555


พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ

พอดีมีสต๊อกไว้น้อย ตอนหน้าจะหั่นครึ่ง ลงเป็น 3 part นะค้า ขอบคุณค่า



ร้อยวจี 5 มี.ค. 2559, 00:44:43 น.
เริ่มสนุกแล้ว


kaelek 5 มี.ค. 2559, 07:56:15 น.
แหะๆๆ น้องดรีมไปทำไรมาถึงครีมติดปาก ไปเจอน้องพรีมมาใช่ม่ายยย
..พี่รามิล นี่ขี้แกล้งใช้ได้เลย


แว่นใส 5 มี.ค. 2559, 09:00:40 น.
ดรัณเจอน้องพรีมเหรอ เพราะเลดี้ลาคลอดไม่ใช่เหรอ


Zephyr 5 มี.ค. 2559, 11:00:36 น.
อุต้ะ พี่ชายมาแบบนิ่งๆหนึ่งจูบ
น้องชายมาแบบครีมเลอะ มีลิปสติก 555
ไวไฟพอกันเลยสองบ้านนี้
ป๋าทั้งสองจะมายังน้า


สเลเต 5 มี.ค. 2559, 18:59:37 น.
ร้ายกาจพอกันทั้งคู่พี่คู่น้อง สมน้ำสมน้ำกันทั้งสองตระกูล


แกะดำ 7 มี.ค. 2559, 21:58:41 น.
เอ้ะ ยังไง สองศรีพี่น้อง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account