ละลายใจรัก
สายลมในฤดูใบไม้ผลิ จะละลายน้ำแข็งในหัวใจของเธอได้หรือไม่...ริสาเดินทางมาเกาหลีเพื่อหนีปัญหาทางบ้าน และเธอก็ได้พบกับจงจิน...ชายหนุ่มนัยน์ตาสวยเจ้าของร้านไอศกรีมบนถนนคารูโซ กิล ปารีส อิน โซล...
Tags: คารูโซ กิล, ร้านไอศกรีม, ละลายใจรัก

ตอน: ภาพอดีต

4.
เช้าวันรุ่งขึ้น จงจินขับรถไปถึงร้านตอนแปดโมงตรง ปกติเขาชอบใช้รถใต้ดิน แต่แหล่งขายอุปกรณ์และเครื่องปรุงสำหรับเบเกอรี่ราคาส่งนั้นอยู่อีกมุมเมือง แถมเขายังจะต้องขนสัมภาระกลับมา ฮุนไดกระบะสีขาวคันเก่งจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

ร่างบางนั่งรออยู่ที่ม้ายาวหน้าร้านแล้ว...พอเห็นเธอ เขาจึงนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันจันทร์...

“อันยองค่ะ เจ้านาย” เธอปิดสมุดบันทึกที่เขียนอยู่ ก่อนจะลุกขึ้นโค้งพร้อมกับยิ้มกว้าง ชุดเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ที่สวมอยู่แทบไม่ต่างจากเมื่อวาน แต่แจ็คเก็ตสีขาวปกเฟอร์ทำให้น่ารักไปอีกแบบ

“อันยอง...ผมมีเรื่องจะถามคุณหน่อย

“อะไรคะ” นัยน์ตาเรียวเริ่มฉายแววระมัดระวัง

“วันนี้วันจันทร์ไม่ใช่หรือ”

“ค่ะ” ริสาเอียงคอมอง งุนงงกับคำถามที่ไม่คาดคิดมาก่อน

“แล้วทำไมคุณไม่ต้องไปเรียนล่ะ” เป็นอีกครั้งที่คำถามซื่อๆ ของเขาทำให้เธอต้องหัวเราะออกมา

“อีกสองอาทิตย์ถึงจะเริ่มเรียนค่ะ” เธอตอบตามตรง “แต่ก็เรียนเฉพาะครึ่งเช้า บ่ายฉันมาทำงานได้”

“ทำเฉพาะบ่ายอย่างนั้นหรือ ไม่เห็นคุณบอกผมก่อนเลย...” จงจินพึมพำ ถึงแม้ร้านจะเปิดสายเกือบสิบเอ็ดโมง ตอนเช้าก็ยังต้องเตรียมจัดของก่อน

“ลูกค้าก็เข้าเยอะตอนบ่ายๆ เย็นๆ นี่คะ” คำพูดของเธออาจจะฟังดูโมเมแต่ก็เป็นความจริง จงจินคิดตามแล้วก็เห็นว่า ตอนเช้าเขาพอจะทำเองได้ พอบ่ายค่อยให้เธอมาช่วย ถ้าต่อไปงานยุ่งกว่านี้ เขาค่อยหาทางขยับขยายก็แล้วกัน

หญิงสาวถือโอกาสที่เขานิ่งคิด รีบปิดบทสนทนาด้วยการลุกขึ้นเก็บสมุดใส่เป้

กระดาษแข็งแผ่นหนึ่งร่วงลงมาจากสมุด เขาก้มลงเก็บ แล้วเรียกให้เธอหันมา

“คุณ...” จงจินไม่ได้ตั้งใจจะมอง แต่ก็เห็นว่าภาพของสตรีวัยกลางคน กำลังโอบกอดริสาในชุดครุย ดูผิวเผินก็คือรูปวันรับปริญญาทั่วไป หากไม่สังเกต จะไม่เห็นว่าแสงเงาดูหลอกตาชอบกล

“รูปแม่” เธอตอบคำถามในดวงตาของเขา

ระหว่างเดินนำไปที่รถ จงจินครุ่นคิดไปตลอดทางว่าเขาควรพูดอย่างไร ถ้าหากริสาตั้งใจมาตามหามารดา เขาก็อยากจะช่วย...

ในที่สุด หลังจากออกรถมาได้สักพัก ริสาก็เป็นคนพูดขึ้นก่อนว่า “พี่ฮานึนคงเล่าให้คุณฟังบ้างแล้ว...”

“เรื่องคุณแม่น่ะหรือ”

“ค่ะ” เธอเอียงตัวไปหาเขา “อยากทราบอะไร ก็ถามได้เลย”

“รูปนั้น...”

“คุณเห็นว่าแปลกใช่ไหม”

“ก็ใช่ เหมือน...”

“โฟโต้ชอป” ริสาต่อให้ “คุณเก่งจัง บางคนดูไม่ออกหรอก”

จังหวะที่รถติดไฟแดง มือเรียวหยิบสมุดบันทึกออกจากเป้ พลิกให้เขาดูด้านหลังที่เป็นซองสำหรับเก็บรูปภาพ “นี่ ฉันมีรูปแม่อุ้มฉันตอนเด็กๆ รูปวันเกิด วันเรียนจบ...”

รูปเหล่านั้นมีเพียงแม่กับริสาสองคน ที่แปลกคือคนเป็นแม่หันหน้าในมุมเดียวกันทั้งหมด จะเปลี่ยนก็แค่การแต่งกาย และในภาพล่าสุดดูสูงวัยขึ้นบ้างเท่านั้น

“พี่ฮานึนเล่าว่าคุณเพิ่งจบไม่นาน แสดงว่าคุณแม่ก็เพิ่งหายไปอย่างนั้นหรือครับ เพราะท่านก็เพิ่งไปงานรับปริญญาของคุณนี่นา” เมื่อเธอไม่มีทีท่าปิดบัง เขาก็กล้าถามด้วยเจตนาดีที่จะช่วยเหลือ

“แต่ฉันบอกคุณแล้ว ว่าโฟโต้ชอป” เธอขมวดคิ้ว

“ยังไง...” นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบจากถนนมามองหน้าเธอนิดหนึ่ง “ผมไม่เข้าใจ”

“ก็ตัดต่อรูปแม่มาใส่กับรูปฉันไงคะ ฉันมีรูปแม่อยู่รูปเดียว ที่อุ้มฉันตอนเด็กๆ เลยต้องใช้คอมพิวเตอร์ปรับ ทำให้ดูอายุมากขึ้นแล้วก็เดาเอาว่าแม่ควรจะหน้าตาเป็นแบบนี้”

รถกระตุกนิดหนึ่งเพราะคนขับเสียสมาธิ จงจินสงสารเธอจนพูดไม่ออก...ชีวิตครอบครัวของเขาอบอุ่นตลอดมา...ไม่อยากคิดว่าตลอดเวลาที่เธอเติบโตขึ้นมา ริสาต้องอ้างว้างว้าเหว่แค่ไหน...เด็กผู้หญิงตัวเล็กนิดในรูปวันเกิด ไม่ได้มีแม่มาอุ้มเป่าเทียนบนขนมเค้ก แต่ต้องใช้วิธีตัดต่อแต่งด้วยโฟโต้ชอป...

น้ำตารื้นขึ้นจนจงจินต้องกะพริบไล่ ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดเพียงเท่านั้นจะสั่นสะเทือนจิตใจเขาได้มากมาย...

ยังไม่มีโอกาสได้คุยกันต่อ เพราะรถแล่นมาถึงจุดหมายแล้ว

ริสาเดินตามเจ้านายไปเงียบๆ แต่พอเห็นข้าวของมากมายก็อดออกความเห็นไม่ได้ เธอเก็บความรู้สึกเก่ง...หรืออารมณ์เปลี่ยนเร็ว จงจินก็ไม่แน่ใจนัก

เขารอจนเข้าไปนั่งรับประทานมื้อกลางวันง่ายๆ ที่ร้านกาแฟแล้ว จึงชวนเธอคุยต่อ

“ถ้าอยากให้ช่วย ก็บอกได้นะ”

“ขอบคุณค่ะ ตอนนี้ฉันยังนึกไม่ออกว่าจะเริ่มต้นที่ไหนดี...แค่คิดว่ามาเรียน แล้วถ้าโชคช่วย ก็อาจได้เจอแม่สักครั้ง...” มือเรียวหมุนหลอดกาแฟเล่น “ฉันชอบจินตนาการ ว่าจะพบกับแม่ที่ไหนยังไง”

“คุณแม่มาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือ”

“มาตั้งแต่ฉันอายุสองขวบค่ะ” เธอไหวไหล่ หลุบตาซ่อนรอยเศร้า แต่น้ำเสียงก็ยังขมขื่นนิดๆ เมื่อเล่าต่อไปว่า “แม่แต่งงานใหม่ กับคนเกาหลี”

เบาะแสมีน้อยจริงๆ อย่างที่ฮานึนบอก...จงจินพยายามซักต่อไป เผื่อจะได้อะไรมากขึ้น

“พ่อเลี้ยงของคุณชื่ออะไรอยู่ที่เมืองไหนล่ะครับ”

“ฉันรู้แค่ว่าเขานามสกุลคิม”

คำตอบนั้นทำให้คนฟังสำลักกาแฟ เขาไอแรงจนร่างเล็กต้องลุกขึ้นมาลูบหลังให้

“ขอโทษ...ฉันพูดอะไรผิดหรือคะ”

ผิดน่ะไม่ผิดหรอก...จงจินสูดจมูก...แต่รู้แค่นามสกุลที่คนเกือบครึ่งประเทศใช้กัน...แล้วผมจะไปช่วยคุณตามเจอได้ยังไง...

“คุณน่าจะรู้ว่านามสกุลคิมมีอยู่เต็มเมือง” เขาพยายามอธิบาย

“ทราบค่ะ” เธอพยักหน้า “แล้วฉันก็รู้ด้วยว่า ผู้หญิงที่นี่ไม่เปลี่ยนนามสกุลตามสามี เพราะฉะนั้น แม่ก็น่าจะใช้นามสกุลเดิม ที่เป็นภาษาไทย”

นัยน์ตากลมสวยของคนฟังเป็นประกายขึ้นด้วยความหวัง “นามสกุลอะไรครับ เผื่อเราสืบหาทางสถานทูตก็ได้ อาจจะไปติดต่อบ้าง”

“ฉันไม่รู้...” เธอตอบเสียงหงอยๆ ทำให้เขาพลอยสลดไปด้วย “ไม่เคยติดต่อกับญาติทางแม่ แต่มีคนบอกฉันว่า แม่คงจะมาทำงานที่ร้านอาหารไทยในโซล ฉันว่าจะลองตามหาดู ไม่ได้หวังอะไรมาก ขอแค่ได้ทำให้เต็มที่ ให้รู้ว่าสุดความสามารถของฉันก็พอ”

จงจินได้แต่พยักหน้า ใจอ่อนยวบเกินกว่าจะพูดอะไรออกมาได้ เขาไม่กล้าแม้แต่จะกุมมือเรียวที่สั่นระริกอยู่นั้น

อาหารที่มาเสิร์ฟ ช่วยเปลี่ยนบรรยากาศได้บ้าง ริสาเป็นคนเข้มแข็งกว่ารูปร่างหน้าตาที่เห็น...จงจินบันทึกข้อมูลเพิ่มในสมอง เธอไม่คร่ำครวญกับความทุกข์ และไม่พูดถึงความในใจถ้าไม่จำเป็น

“ถ้ามีอะไรให้ผมช่วย ก็บอกได้นะ” เขาย้ำอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเธอทำท่าจะจบบทสนทนาเพียงเท่านั้น

“ขอบคุณค่ะ”

งานที่ร้านรออยู่มากมาย สองคนจึงไม่มีเวลาเถลไถล

จงจินอาจดูเป็นคนอารมณ์ดี สบายๆ และอ่อนโยน แต่ยามทำงานเขาจริงจังและเคร่งครัดมาก ทั้งกับตัวเอง และลูกจ้าง ตามแบบของคนเกาหลีที่ยึดระเบียบวินัยมาตั้งแต่ยังเด็ก กฎต้องเป็นกฏ ไม่มีข้อยกเว้น

ริสาไม่มีเวลามานั่งสงสารตัวเอง แต่ระหว่างที่ใช้เครื่องปั่นอาหารป่นอัลมอนด์ไว้โรยหน้าเป็น “ทอปปิ้ง” ไอศกรีม เธอก็อดคิดถึงชีวิตที่ผ่านมาไม่ได้

อดีต...ที่สับสน จนบางครั้งอารมณ์ของเธอไม่ต่างกับพายุหมุนลูกเล็กในเครื่องปั่นอาหาร...ที่พักอาศัยซึ่งริสาไม่อยากเรียกว่า “บ้าน” กับคุณย่าที่ริสาเคยนึกสงสัยว่า สำหรับท่าน เธอเป็นเพียงตุ๊กตาใช่ไหม ท่านเคยสนใจความรู้สึก หรือจิตใจของหลานคนนี้บ้างหรือเปล่า...

คำตอบของริสาคือ...ไม่...เพราะถ้าคุณย่าเมตตาเธอมากกว่านี้ ริสาก็คงไม่ต้องหนีมาเกาหลี...

ความคิดของเธอหมุนวนกลับไปยี่สิบกว่าปีก่อน...ตามเรื่องเล่าที่ปะติดปะต่อเอาเองจากคนรอบข้าง ส่วนใหญ่ก็มีที่มาจากพี่เลี้ยง ที่เป็นคนเก่าแก่ในบ้าน...

“น้าเคยเห็นคุณแม่ของคุณริสาสองครั้ง” น้านิด พี่เลี้ยงของริสาชอบเล่าแทนนิทานก่อนนอน “คุณแม่สวยมาก หน้าแบบไทยๆ”

เด็กหญิงริสาในวันนั้นนอนฟังตาแป๋ว และพี่เลี้ยงก็ดูเหมือนพอใจที่จะเล่าซ้ำไม่จบสิ้น...

“รูปงาม...นามเพราะ...อรสอางค์..และเธอก็สวยสมชื่อ นัยน์ตาเศร้าหวานๆ คล้ายคุณนี่ละ วันที่พี่พบเธอ คุณนายใหญ่ให้เธอพาคุณมาที่บ้าน”

แน่นอนว่าคุณนายใหญ่ไม่ใช่ใครอื่น...คุณย่าของริสานั่นเอง

“คุณนายบอกเธอว่า รับไม่ได้ที่จะมีสะใภ้ไทยแท้ และยิ่งไม่ชอบใจที่คุณเกิดมานอกสมรส ตอนนั้น คุณอายุได้สักขวบหนึ่ง ส่วนคุณพ่อไปเรียนต่อโทที่เมืองนอก คุณนายทราบเรื่องคุณได้อย่างไร น้าก็ไม่รู้ ได้ยินแต่ว่า ท่านเอาตัวคุณไว้ จัดการเปลี่ยนชื่อเสียใหม่ แล้วก็เลี้ยงคุณมาเอง”

“คุณอรร้องไห้หนักมาก แต่คุณนายไม่ฟังเสียง ท่านให้รถไปส่ง แล้วไม่พูดถึงเธออีก ไม่ว่าคุณจะร้องหาแม่สักแค่ไหน จากนั้น ท่านก็สั่งให้น้าดูแลคุณ น้าพบรูปคุณอรในกระเป๋าผ้าอ้อมที่ติดตัวคุณมา ก็เลยเก็บไว้ให้ เผื่อคุณโตขึ้นแล้วอยากเห็นหน้าแม่แท้ๆ บ้าง”

“น้าพบคุณอรหนที่สอง...เป็นครั้งสุดท้าย...เมื่อคุณพ่อของคุณกลับจากเมืองนอก น้าตกใจเหมือนกันที่มีนายหญิงคนใหม่มาด้วย คุณอรคงกลัวว่าแม่เลี้ยงจะไม่ดีต่อคุณ เธอก็เลยมาขอรับลูกคืน บอกว่าจะย้ายไปอยู่เกาหลี มีงานร้านอาหารไทยที่นั่น และจะพาคุณไปด้วย”

“คุณนายใหญ่ไม่ยอม ไล่ตะเพิดเธอกลับไป นั่นเป็นครั้งสุดท้าย ที่น้าได้พบคุณอร...”



ภานินี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ก.ค. 2554, 16:39:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ก.ค. 2554, 16:39:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 1496





<< เชอร์เบทซากุระ   ผู้มาเยือน >>
nako 30 ก.ค. 2554, 10:29:13 น.
รอตอนต่อไปค่ะ


ptyks 4 ส.ค. 2554, 05:22:18 น.
รอด้วยอีกคนค่ะ เรื่องน่ารักดี มีมุมแปลกๆ น่าติดตามค่ะ


posty 10 ส.ค. 2554, 22:29:40 น.
น่ารักดีนะค่ะ หนูชอบค่ะ รอตอนต่อไปอยู่นะค่ะ



เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account