มนต์อักษรอ้อนรัก
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 10
บทที่ 10
วินาทีนั้นเป็นช่วงเวลาวิกฤติที่แม้แต่นินนาทยังตั้งรับไม่ทัน
เมื่อเห็นครองขวัญถูกชายหนุ่มคนหนึ่งที่ปกปิดดวงตาไว้ด้วยแว่นสีดำปราดเข้าประชิดตัวพลางจี้ปืนตรงข้างเอว นินนาทก็เตรียมเข้าช่วยเหลือแต่ขณะนั้นชายหนุ่มอีกคนซึ่งไม่รู้ว่าโผล่จากทิศไหนก็เข้ามาขนาบข้างตัวเขาแล้วออกคำสั่ง
“อยู่นิ่ง ๆ”
หลังจากใช้เวลาเล็กน้อยประเมินสถานการณ์นินนาทก็ตัดสินใจต่อสู้ จังหวะนั้นคนร้ายคนที่สามก็โผล่มาร่วมวง
“ถ้าไม่อยากให้ผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรไปก็อยู่เฉย ๆ”
ไม่ใช่แค่คำขู่ แต่ยังปืนที่เปลี่ยนมาจ่อข้างขมับครองขวัญ ทำให้นินนาทต้องยืนนิ่งเหมือนถูกตรึง เปิดโอกาสให้พวกโจรข่มขู่ต่อ
“ไปกับพวกเราซะดี ๆ ถ้ายังอยากมีชีวิตรอด”
“พวกแกเป็นใคร ต้องการอะไร”
นินนาทพยายามตั้งสติ ครุ่นคิดว่าคนพวกไหนที่ทำเรื่องแบบนี้ จะว่าไปคู่แข่งทางธุรกิจของเขาน่าจะเข้าข่ายที่สุด
แต่เหมือนคนร้ายคนที่สามไม่ชอบให้ซักถามเมื่อปรี่เข้าไปหานินนาท จากนั้นก็ยกมีดปลายแหลมในมือขึ้นมาขู่
“ไป! เดินนำไป ทำท่าให้เป็นปกติ อย่าตุกติก”
นินนาทกัดฟันแน่น ทั้งโมโหคนร้ายและนึกสงสารครองขวัญที่ตอนนี้หน้าซีดเซียวและมีทีท่าหวาดกลัว จนเขาอยากดึงตัวเข้ามากอดปลอบประโลม แต่เมื่อทำไม่ได้จึงพูดปลอบ
“ไม่ต้องกลัวนะครองขวัญ ผมไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายคุณ”
ครองขวัญยิ้มตอบแต่รู้ดีว่าปากของเธอสั่นจากความกลัว จังหวะนั้นคนร้ายที่ถือมีดก็เปลี่ยนเป้าหมายเมื่อหันมาแล้วทำท่าจะกระชากตัว ส่งผลให้หญิงสาวตกใจจนเผลอร้อง
เสียงร้องของครองขวัญเหมือนทำให้นินนาทหมดความอดทนและขาดสติเมื่อกระโจนเข้าไปหามือมีดแล้วทำท่าจะง้างกำปั้นเข้าใส่ หากอีกฝ่ายก็ไวพอเมื่อหลบหลีกได้ทันแล้วตอบโต้กลับด้วยมีดในมือ
ครองขวัญเบิกตากว้าง ใจเต้นระรัวเมื่อเห็นเลือดสีแดงที่กำลังไหลรินออกมาจากต้นแขนของนินนาท ถึงไม่ได้ยินเสียงร้องแต่ดูจากสีหน้าแล้วเธอเชื่อว่าเขาคงเจ็บปวดไม่น้อย
“คุณนิน”
“ผมไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงนะ”
ครองขวัญน้ำตาไหล นึกอยากเข้าไปกอดเขาเหลือเกิน
“พี่วิทย์ เป็นบ้าอะไร ทำไมถึงไปแทงเขาล่ะ”
หนึ่งในสองโจรซึ่งดูแล้วมีท่าทีแตกตื่นกว่าเพื่อน ตั้งคำถามเสียงสั่น
“ข้ามะ...ไม่ได้ตั้งใจ มันตกใจก็เลย...”
มือมีดตะกุกตะกักบอก
“เลิกทำเป็นกระต่ายตื่นตูมได้แล้ว รีบพาสองคนนี้ไปจากที่นี่ก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้า”
โจรอีกคนที่ดูท่าจะคุมสติได้ดีกว่าพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดไม่ต่างจากสีหน้า ทำให้โจรทั้งสองหันมามองก่อนจะพยักหน้าให้กัน จากนั้นจึงเริ่มต้นควบคุมนินนาทและครองขวัญให้ตามพวกของตนออกไป
กระท่อมไม้ชั้นเดียวในป่าคือที่ที่พวกโจรจับคนทั้งคู่มาขัง
ความกังวลและเป็นห่วงนินนาททำให้ครองขวัญไม่ทันมองหรือสังเกตอะไร กระทั่งได้ยินนินนาทเปรย
“กระท่อมหลังนี้เหมือนเพิ่งสร้างได้ไม่นาน”
หญิงสาวละสายตาจากการมองบาดแผลบนต้นแขนของชายหนุ่มแล้วหันไปพิจารณาโดยรอบ
ภายในกระท่อมไม้หลังนี้ดูสะอาดสะอ้านเหมือนได้รับการดูแลมาอย่างดี พื้นที่ตรงกลางของบ้านปล่อยโล่งให้นั่งหรือนอนเล่นได้ตามอัธยาศัย ผนังด้านหนึ่งตรงข้างประตูถูกเจาะช่องไว้ทำเป็นหน้าต่างมีขนาดครึ่งหนึ่งของบานประตู ส่วนผนังอีกด้านมีชั้นไม้ติดไว้สำหรับตั้งวางสิ่งของ แต่สิ่งสะดุดตาครองขวัญมากที่สุดนอกจากแจกันใส่ดอกไม้พลาสติกสีสันสดสวยแล้ว ยังมีโคมไฟตั้งโต๊ะที่ทำให้เธอต้องลุกไปเขม้นมองอย่างสนใจ
ตัวโคมไฟที่ทำด้วยแก้วเคลือบสีน้ำเงินสดใสรูปทรงครึ่งวงกลมนั้นถูกตั้งอยู่บนฐานรับที่เป็นถ้วยทองเหลือง ดูแล้วอาจไม่ใช่ของมีราคาค่างวด แต่ในความรู้สึกของครองขวัญคิดว่าแปลกที่มีของสิ่งนี้เพราะดูไม่เข้ากันในกระท่อมของโจรเรียกค่าไถ่
ถึงตอนนี้ แม้ยังไม่ได้ยินจากปาก แต่ครองขวัญเชื่อว่าเป้าหมายของโจรพวกนี้น่าจะเป็นการเรียกค่าไถ่แน่นอน
และถ้าดูจากฐานะ เชื่อว่าคนที่น่าจะถูกเรียกค่าไถ่ตัวคงเป็นนินนาทมากกว่าเธอ
หญิงสาวละความสนใจจากโคมไฟตั้งโต๊ะแล้วเดินไปตรงมุมห้องเมื่อเห็นว่ามีประตูอีกบาน เมื่อเปิดออกก็พบว่าเป็นทางเดินที่มุ่งไปสู่ห้องน้ำขนาดเล็กที่อยู่ทางด้านหลัง
ในขณะที่บริเวณรอบ ๆ เป็นทางตัน ไม่มีทางให้หลบหนีไปไหนได้
หญิงสาวถอนหายใจอย่างผิดหวังก่อนปิดประตูแล้วเดินกลับไปหาชายหนุ่มที่กำลังนอนหลับตาเอนตัวพิงแคร่ไม้ไผ่ด้วยสีหน้าท่าทางอิดโรย
ยังดีที่ระหว่างทางถูกคุมตัวอยู่บนรถของพวกโจร หนึ่งในนั้นหาผ้าสะอาดมาช่วยมัดไม่ให้เลือดออกมากจนเกินไป แต่คงไม่ดีแน่หากปล่อยทิ้งไว้แบบนี้
โดยเฉพาะ เมื่อยังไม่รู้ว่าคนพวกนั้นจะปล่อยเธอกับเขาให้เป็นอิสระเมื่อไร
เมื่อเห็นเหงื่อที่ซึมตรงหน้าผากของนินนาท ครองขวัญจึงใช้มือตัวเองซับให้เบา ๆ หัวใจไหวสะท้านเมื่อชายหนุ่มฉวยมือเธอไปกุมพลางลืมตาขึ้นมามองด้วยแววตาแปลก
“คุณนิน เจ็บมากไหมคะ”
รู้ดีว่าตั้งคำถามไม่เข้าท่า หากในสถานการณ์ที่ทำให้อึดอัดและหวั่นไหว การพูดอะไรออกไปบ้างก็ช่วยได้ไม่น้อย
ได้ยินเสียงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่เขาจะให้คำตอบ
“นิดหน่อย” เงียบไปนิดยามดวงตาสีนิลสะท้อนแววหม่น “ขอโทษนะที่ผมทำให้คุณต้องมาเดือดร้อนไปด้วย”
นินนาทยิ้มเมื่อสบกับแววสงสัยในดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงบอกความรู้สึกผิด
“ผมคิดว่าคนพวกนั้นน่าจะเป็นคนของคู่แข่งทางธุรกิจของผม เสียใจจริง ๆ ที่ทำให้คุณต้องพลอยมาเสี่ยงไปด้วย แต่ไม่ต้องห่วง ผมสัญญา...ตราบใดที่ผมยังมีชีวิตอยู่ คุณจะต้องปลอดภัย”
คำพูดตอนท้ายส่งผลให้ครองขวัญใจหายจนลืมตัวยื่นมือไปปิดปากอีกฝ่าย แล้วบอกเสียงสั่น
“ไม่ค่ะ เราจะต้องปลอดภัยทั้งคู่ และคุณก็ห้ามเป็นอะไรไปเด็ดขาด”
แม้เห็นแค่ดวงตาแต่ครองขวัญก็เชื่อว่านินนาทกำลังยิ้ม กระทั่งเมื่อชายหนุ่มดึงมือเธอออกเผยให้เห็นยิ้มกว้างที่ส่งผลให้ดวงตาสีนิลเป็นประกายระยิบระยับ
“กลัวผมจะตายหรือครองขวัญ”
ทั้งน้ำเสียงและแววตาอ่อนโยนนั้นเป็นสิ่งที่เกินกว่าครองขวัญจะต้านรับจนต้องเบือนหน้าหนี หากนั่นทำให้สะดุดเข้ากับสิ่งที่เกือบลืม
บาดแผลตรงต้นแขนของนินนาท
“เดี๋ยวฉันจะลองไปค้นตรงชั้นพวกนั้นนะคะว่ามียาลดไข้ทิ้งไว้บ้างหรือเปล่า”
หลังจากใช้เวลาครู่หนึ่งไปกับการรื้อกล่องใส่ของบนชั้นไม้ด้านบน แล้วพบว่ามีเพียงอุปกรณ์กระจุกกระจิก อย่างเช่นกระดาษโน้ต คลิ๊ปหนีบกระดาษ และอื่น ๆ จิปาถะจนทำให้คิดแวบ ๆ ว่าดูเหมือนที่นี่น่าจะเป็นบ้านหรือสถานที่ทำงานของใครสักคนมากกว่าจะเป็นรังโจร ครองขวัญก็เดินกลับไปหานินนาทแล้วบอกอย่างผิดหวัง
“ไม่มียาเลยค่ะ” หลังจากเงียบไปนิดหญิงสาวจึงตัดสินใจ “เดี๋ยวฉันจะออกไปขอยาคนพวกนั้นมาให้นะคะ”
“ไม่ต้องหรอก อยู่ที่นี่เถอะ ผมไม่อยากให้คุณไปไกลจากสายตา”
แม้บอกตัวเองว่านินนาทคงไม่ได้คิดอะไรกับคำพูดของเขา แต่ครองขวัญก็ยังห้ามใจตัวเองไม่ให้เต้นแรงไม่ได้
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจะเปิดประตูเอาไว้ แล้วถ้ามีอะไรฉันจะร้องดัง ๆ เรียกให้คุณมาช่วยทันที ฉันสัญญา”
รอยยิ้มของครองขวัญคงทำให้นินนาทใจอ่อนหรือไม่ก็อ่อนใจจนพยักหน้าให้ กระนั้นสายตาก็ยังคงตามติดร่างเล็กที่กำลังผลักประตูออกไปด้านนอกราวกับจะไม่ยอมให้คลาดสายตา
หนึ่งในสองโจรที่กำลังนั่งคุยกันตรงแคร่ไม้ไผ่ใกล้กับประตูหันมามองหญิงสาวทันที ก่อนตั้งคำถาม
“จะไปไหน”
“ไม่ได้ไปไหน แค่จะมาถามว่ามียาแก้ปวดหรือเปล่า ฉันจะเอาไปให้เขากิน ถูกมีดบาดแบบนั้นถึงตอนนี้เลือดจะหยุดแล้วก็เถอะ แต่แผลอาจอักเสบได้”
“รอเดี๋ยวละกัน ให้คนออกไปซื้ออยู่ อีกเดี๋ยวก็คงกลับมา”
สิ่งที่ได้ยินเกินกว่าครองขวัญจะคาดคิดทำให้ได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น กระทั่งถูกกระตุ้น
“อย่ามัวมายืนตรงนี้เลย เข้าไปอยู่เป็นเพื่อนเขาเถอะ เกิดเป็นอะไรขึ้นมาเดี๋ยวจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่”
ไม่ต้องย้ำเป็นรอบสอง ครองขวัญก็รีบเดินกลับเข้าไปในกระท่อมทันที ด้วยความรู้สึกงุนงงอยู่บ้าง
“พวกนั้นบอกคุณว่ากำลังไปซื้อยามาให้อย่างนั้นหรือ”
นินนาทพูดอย่างแปลกใจหลังจากครองขวัญเล่าให้ฟัง ก่อนนิ่งไปอย่างใช้ความคิด
“ไม่รู้ทำไม แต่ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้มันดูชอบกล”
“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ เหมือนพวกนั้นก็เป็นห่วงคุณ แต่จะเป็นไปได้ยังไง”
“ผมก็รู้สึกว่ามีคนคนหนึ่งดูคุ้นตา แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน”
“แต่ฉันว่าตอนนี้คุณพักก่อนเถอะค่ะ ถึงตอนนี้เลือดจะหยุดไหลแล้วแต่ก็ยังไม่น่าไว้ใจ ถ้ายังไงขอฉันแกะผ้าพันแผลออกนะคะ จะได้เอาไปซักด้วย”
เมื่อชายหนุ่มไม่คัดค้าน หญิงสาวจึงเริ่มลงมือทำตามที่บอกก่อนจะร้องออกมาเบา ๆ อย่างตกใจ
ดูเหมือนนินนาทจะเข้าใจความรู้สึกของครองขวัญจนรีบพูดปลอบ
“แผลอาจดูน่ากลัวไปหน่อย แต่ผมไม่ค่อยเจ็บแล้วล่ะ”
“เป็นเพราะฉัน คุณถึงเจ็บขนาดนี้”
ครองขวัญบอกเสียงสั่น เมื่อคิดว่าที่เขาต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะจะช่วยเธอก็ยิ่งรู้สึกผิด
“อย่าโทษตัวเอง ผมเคยบอกแล้วไงว่าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคุณ”
น้ำตาคนฟังจะหยด รู้สึกผิดมากขึ้นจนไม่อยากเผชิญหน้า
“เดี๋ยว...ฉันจะเอาผ้าไปซักนะคะ ตรงหลังประตูนี้มีห้องน้ำ ถ้ามีอะไรคุณตะโกนเรียกฉันก็แล้วกัน”
แต่เพียงแค่หันหลัง น้ำตาของครองขวัญก็หยาดหยดจนได้กับคำบอกของนินนาท
“ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกครองขวัญ ต่อให้เจ็บตัวมากกว่านี้ผมก็เต็มใจ ถ้ามันจะทำให้คุณยอมยกโทษให้ผม”
******************************************************************
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านแล้วมอบ LIKE ให้กำลังใจกันค่ะ ^^
วินาทีนั้นเป็นช่วงเวลาวิกฤติที่แม้แต่นินนาทยังตั้งรับไม่ทัน
เมื่อเห็นครองขวัญถูกชายหนุ่มคนหนึ่งที่ปกปิดดวงตาไว้ด้วยแว่นสีดำปราดเข้าประชิดตัวพลางจี้ปืนตรงข้างเอว นินนาทก็เตรียมเข้าช่วยเหลือแต่ขณะนั้นชายหนุ่มอีกคนซึ่งไม่รู้ว่าโผล่จากทิศไหนก็เข้ามาขนาบข้างตัวเขาแล้วออกคำสั่ง
“อยู่นิ่ง ๆ”
หลังจากใช้เวลาเล็กน้อยประเมินสถานการณ์นินนาทก็ตัดสินใจต่อสู้ จังหวะนั้นคนร้ายคนที่สามก็โผล่มาร่วมวง
“ถ้าไม่อยากให้ผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรไปก็อยู่เฉย ๆ”
ไม่ใช่แค่คำขู่ แต่ยังปืนที่เปลี่ยนมาจ่อข้างขมับครองขวัญ ทำให้นินนาทต้องยืนนิ่งเหมือนถูกตรึง เปิดโอกาสให้พวกโจรข่มขู่ต่อ
“ไปกับพวกเราซะดี ๆ ถ้ายังอยากมีชีวิตรอด”
“พวกแกเป็นใคร ต้องการอะไร”
นินนาทพยายามตั้งสติ ครุ่นคิดว่าคนพวกไหนที่ทำเรื่องแบบนี้ จะว่าไปคู่แข่งทางธุรกิจของเขาน่าจะเข้าข่ายที่สุด
แต่เหมือนคนร้ายคนที่สามไม่ชอบให้ซักถามเมื่อปรี่เข้าไปหานินนาท จากนั้นก็ยกมีดปลายแหลมในมือขึ้นมาขู่
“ไป! เดินนำไป ทำท่าให้เป็นปกติ อย่าตุกติก”
นินนาทกัดฟันแน่น ทั้งโมโหคนร้ายและนึกสงสารครองขวัญที่ตอนนี้หน้าซีดเซียวและมีทีท่าหวาดกลัว จนเขาอยากดึงตัวเข้ามากอดปลอบประโลม แต่เมื่อทำไม่ได้จึงพูดปลอบ
“ไม่ต้องกลัวนะครองขวัญ ผมไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายคุณ”
ครองขวัญยิ้มตอบแต่รู้ดีว่าปากของเธอสั่นจากความกลัว จังหวะนั้นคนร้ายที่ถือมีดก็เปลี่ยนเป้าหมายเมื่อหันมาแล้วทำท่าจะกระชากตัว ส่งผลให้หญิงสาวตกใจจนเผลอร้อง
เสียงร้องของครองขวัญเหมือนทำให้นินนาทหมดความอดทนและขาดสติเมื่อกระโจนเข้าไปหามือมีดแล้วทำท่าจะง้างกำปั้นเข้าใส่ หากอีกฝ่ายก็ไวพอเมื่อหลบหลีกได้ทันแล้วตอบโต้กลับด้วยมีดในมือ
ครองขวัญเบิกตากว้าง ใจเต้นระรัวเมื่อเห็นเลือดสีแดงที่กำลังไหลรินออกมาจากต้นแขนของนินนาท ถึงไม่ได้ยินเสียงร้องแต่ดูจากสีหน้าแล้วเธอเชื่อว่าเขาคงเจ็บปวดไม่น้อย
“คุณนิน”
“ผมไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงนะ”
ครองขวัญน้ำตาไหล นึกอยากเข้าไปกอดเขาเหลือเกิน
“พี่วิทย์ เป็นบ้าอะไร ทำไมถึงไปแทงเขาล่ะ”
หนึ่งในสองโจรซึ่งดูแล้วมีท่าทีแตกตื่นกว่าเพื่อน ตั้งคำถามเสียงสั่น
“ข้ามะ...ไม่ได้ตั้งใจ มันตกใจก็เลย...”
มือมีดตะกุกตะกักบอก
“เลิกทำเป็นกระต่ายตื่นตูมได้แล้ว รีบพาสองคนนี้ไปจากที่นี่ก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้า”
โจรอีกคนที่ดูท่าจะคุมสติได้ดีกว่าพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดไม่ต่างจากสีหน้า ทำให้โจรทั้งสองหันมามองก่อนจะพยักหน้าให้กัน จากนั้นจึงเริ่มต้นควบคุมนินนาทและครองขวัญให้ตามพวกของตนออกไป
กระท่อมไม้ชั้นเดียวในป่าคือที่ที่พวกโจรจับคนทั้งคู่มาขัง
ความกังวลและเป็นห่วงนินนาททำให้ครองขวัญไม่ทันมองหรือสังเกตอะไร กระทั่งได้ยินนินนาทเปรย
“กระท่อมหลังนี้เหมือนเพิ่งสร้างได้ไม่นาน”
หญิงสาวละสายตาจากการมองบาดแผลบนต้นแขนของชายหนุ่มแล้วหันไปพิจารณาโดยรอบ
ภายในกระท่อมไม้หลังนี้ดูสะอาดสะอ้านเหมือนได้รับการดูแลมาอย่างดี พื้นที่ตรงกลางของบ้านปล่อยโล่งให้นั่งหรือนอนเล่นได้ตามอัธยาศัย ผนังด้านหนึ่งตรงข้างประตูถูกเจาะช่องไว้ทำเป็นหน้าต่างมีขนาดครึ่งหนึ่งของบานประตู ส่วนผนังอีกด้านมีชั้นไม้ติดไว้สำหรับตั้งวางสิ่งของ แต่สิ่งสะดุดตาครองขวัญมากที่สุดนอกจากแจกันใส่ดอกไม้พลาสติกสีสันสดสวยแล้ว ยังมีโคมไฟตั้งโต๊ะที่ทำให้เธอต้องลุกไปเขม้นมองอย่างสนใจ
ตัวโคมไฟที่ทำด้วยแก้วเคลือบสีน้ำเงินสดใสรูปทรงครึ่งวงกลมนั้นถูกตั้งอยู่บนฐานรับที่เป็นถ้วยทองเหลือง ดูแล้วอาจไม่ใช่ของมีราคาค่างวด แต่ในความรู้สึกของครองขวัญคิดว่าแปลกที่มีของสิ่งนี้เพราะดูไม่เข้ากันในกระท่อมของโจรเรียกค่าไถ่
ถึงตอนนี้ แม้ยังไม่ได้ยินจากปาก แต่ครองขวัญเชื่อว่าเป้าหมายของโจรพวกนี้น่าจะเป็นการเรียกค่าไถ่แน่นอน
และถ้าดูจากฐานะ เชื่อว่าคนที่น่าจะถูกเรียกค่าไถ่ตัวคงเป็นนินนาทมากกว่าเธอ
หญิงสาวละความสนใจจากโคมไฟตั้งโต๊ะแล้วเดินไปตรงมุมห้องเมื่อเห็นว่ามีประตูอีกบาน เมื่อเปิดออกก็พบว่าเป็นทางเดินที่มุ่งไปสู่ห้องน้ำขนาดเล็กที่อยู่ทางด้านหลัง
ในขณะที่บริเวณรอบ ๆ เป็นทางตัน ไม่มีทางให้หลบหนีไปไหนได้
หญิงสาวถอนหายใจอย่างผิดหวังก่อนปิดประตูแล้วเดินกลับไปหาชายหนุ่มที่กำลังนอนหลับตาเอนตัวพิงแคร่ไม้ไผ่ด้วยสีหน้าท่าทางอิดโรย
ยังดีที่ระหว่างทางถูกคุมตัวอยู่บนรถของพวกโจร หนึ่งในนั้นหาผ้าสะอาดมาช่วยมัดไม่ให้เลือดออกมากจนเกินไป แต่คงไม่ดีแน่หากปล่อยทิ้งไว้แบบนี้
โดยเฉพาะ เมื่อยังไม่รู้ว่าคนพวกนั้นจะปล่อยเธอกับเขาให้เป็นอิสระเมื่อไร
เมื่อเห็นเหงื่อที่ซึมตรงหน้าผากของนินนาท ครองขวัญจึงใช้มือตัวเองซับให้เบา ๆ หัวใจไหวสะท้านเมื่อชายหนุ่มฉวยมือเธอไปกุมพลางลืมตาขึ้นมามองด้วยแววตาแปลก
“คุณนิน เจ็บมากไหมคะ”
รู้ดีว่าตั้งคำถามไม่เข้าท่า หากในสถานการณ์ที่ทำให้อึดอัดและหวั่นไหว การพูดอะไรออกไปบ้างก็ช่วยได้ไม่น้อย
ได้ยินเสียงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่เขาจะให้คำตอบ
“นิดหน่อย” เงียบไปนิดยามดวงตาสีนิลสะท้อนแววหม่น “ขอโทษนะที่ผมทำให้คุณต้องมาเดือดร้อนไปด้วย”
นินนาทยิ้มเมื่อสบกับแววสงสัยในดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงบอกความรู้สึกผิด
“ผมคิดว่าคนพวกนั้นน่าจะเป็นคนของคู่แข่งทางธุรกิจของผม เสียใจจริง ๆ ที่ทำให้คุณต้องพลอยมาเสี่ยงไปด้วย แต่ไม่ต้องห่วง ผมสัญญา...ตราบใดที่ผมยังมีชีวิตอยู่ คุณจะต้องปลอดภัย”
คำพูดตอนท้ายส่งผลให้ครองขวัญใจหายจนลืมตัวยื่นมือไปปิดปากอีกฝ่าย แล้วบอกเสียงสั่น
“ไม่ค่ะ เราจะต้องปลอดภัยทั้งคู่ และคุณก็ห้ามเป็นอะไรไปเด็ดขาด”
แม้เห็นแค่ดวงตาแต่ครองขวัญก็เชื่อว่านินนาทกำลังยิ้ม กระทั่งเมื่อชายหนุ่มดึงมือเธอออกเผยให้เห็นยิ้มกว้างที่ส่งผลให้ดวงตาสีนิลเป็นประกายระยิบระยับ
“กลัวผมจะตายหรือครองขวัญ”
ทั้งน้ำเสียงและแววตาอ่อนโยนนั้นเป็นสิ่งที่เกินกว่าครองขวัญจะต้านรับจนต้องเบือนหน้าหนี หากนั่นทำให้สะดุดเข้ากับสิ่งที่เกือบลืม
บาดแผลตรงต้นแขนของนินนาท
“เดี๋ยวฉันจะลองไปค้นตรงชั้นพวกนั้นนะคะว่ามียาลดไข้ทิ้งไว้บ้างหรือเปล่า”
หลังจากใช้เวลาครู่หนึ่งไปกับการรื้อกล่องใส่ของบนชั้นไม้ด้านบน แล้วพบว่ามีเพียงอุปกรณ์กระจุกกระจิก อย่างเช่นกระดาษโน้ต คลิ๊ปหนีบกระดาษ และอื่น ๆ จิปาถะจนทำให้คิดแวบ ๆ ว่าดูเหมือนที่นี่น่าจะเป็นบ้านหรือสถานที่ทำงานของใครสักคนมากกว่าจะเป็นรังโจร ครองขวัญก็เดินกลับไปหานินนาทแล้วบอกอย่างผิดหวัง
“ไม่มียาเลยค่ะ” หลังจากเงียบไปนิดหญิงสาวจึงตัดสินใจ “เดี๋ยวฉันจะออกไปขอยาคนพวกนั้นมาให้นะคะ”
“ไม่ต้องหรอก อยู่ที่นี่เถอะ ผมไม่อยากให้คุณไปไกลจากสายตา”
แม้บอกตัวเองว่านินนาทคงไม่ได้คิดอะไรกับคำพูดของเขา แต่ครองขวัญก็ยังห้ามใจตัวเองไม่ให้เต้นแรงไม่ได้
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจะเปิดประตูเอาไว้ แล้วถ้ามีอะไรฉันจะร้องดัง ๆ เรียกให้คุณมาช่วยทันที ฉันสัญญา”
รอยยิ้มของครองขวัญคงทำให้นินนาทใจอ่อนหรือไม่ก็อ่อนใจจนพยักหน้าให้ กระนั้นสายตาก็ยังคงตามติดร่างเล็กที่กำลังผลักประตูออกไปด้านนอกราวกับจะไม่ยอมให้คลาดสายตา
หนึ่งในสองโจรที่กำลังนั่งคุยกันตรงแคร่ไม้ไผ่ใกล้กับประตูหันมามองหญิงสาวทันที ก่อนตั้งคำถาม
“จะไปไหน”
“ไม่ได้ไปไหน แค่จะมาถามว่ามียาแก้ปวดหรือเปล่า ฉันจะเอาไปให้เขากิน ถูกมีดบาดแบบนั้นถึงตอนนี้เลือดจะหยุดแล้วก็เถอะ แต่แผลอาจอักเสบได้”
“รอเดี๋ยวละกัน ให้คนออกไปซื้ออยู่ อีกเดี๋ยวก็คงกลับมา”
สิ่งที่ได้ยินเกินกว่าครองขวัญจะคาดคิดทำให้ได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น กระทั่งถูกกระตุ้น
“อย่ามัวมายืนตรงนี้เลย เข้าไปอยู่เป็นเพื่อนเขาเถอะ เกิดเป็นอะไรขึ้นมาเดี๋ยวจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่”
ไม่ต้องย้ำเป็นรอบสอง ครองขวัญก็รีบเดินกลับเข้าไปในกระท่อมทันที ด้วยความรู้สึกงุนงงอยู่บ้าง
“พวกนั้นบอกคุณว่ากำลังไปซื้อยามาให้อย่างนั้นหรือ”
นินนาทพูดอย่างแปลกใจหลังจากครองขวัญเล่าให้ฟัง ก่อนนิ่งไปอย่างใช้ความคิด
“ไม่รู้ทำไม แต่ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้มันดูชอบกล”
“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ เหมือนพวกนั้นก็เป็นห่วงคุณ แต่จะเป็นไปได้ยังไง”
“ผมก็รู้สึกว่ามีคนคนหนึ่งดูคุ้นตา แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน”
“แต่ฉันว่าตอนนี้คุณพักก่อนเถอะค่ะ ถึงตอนนี้เลือดจะหยุดไหลแล้วแต่ก็ยังไม่น่าไว้ใจ ถ้ายังไงขอฉันแกะผ้าพันแผลออกนะคะ จะได้เอาไปซักด้วย”
เมื่อชายหนุ่มไม่คัดค้าน หญิงสาวจึงเริ่มลงมือทำตามที่บอกก่อนจะร้องออกมาเบา ๆ อย่างตกใจ
ดูเหมือนนินนาทจะเข้าใจความรู้สึกของครองขวัญจนรีบพูดปลอบ
“แผลอาจดูน่ากลัวไปหน่อย แต่ผมไม่ค่อยเจ็บแล้วล่ะ”
“เป็นเพราะฉัน คุณถึงเจ็บขนาดนี้”
ครองขวัญบอกเสียงสั่น เมื่อคิดว่าที่เขาต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะจะช่วยเธอก็ยิ่งรู้สึกผิด
“อย่าโทษตัวเอง ผมเคยบอกแล้วไงว่าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคุณ”
น้ำตาคนฟังจะหยด รู้สึกผิดมากขึ้นจนไม่อยากเผชิญหน้า
“เดี๋ยว...ฉันจะเอาผ้าไปซักนะคะ ตรงหลังประตูนี้มีห้องน้ำ ถ้ามีอะไรคุณตะโกนเรียกฉันก็แล้วกัน”
แต่เพียงแค่หันหลัง น้ำตาของครองขวัญก็หยาดหยดจนได้กับคำบอกของนินนาท
“ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกครองขวัญ ต่อให้เจ็บตัวมากกว่านี้ผมก็เต็มใจ ถ้ามันจะทำให้คุณยอมยกโทษให้ผม”
******************************************************************
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านแล้วมอบ LIKE ให้กำลังใจกันค่ะ ^^
ปิยะณัฏฐ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 มี.ค. 2559, 20:38:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 มี.ค. 2559, 20:38:01 น.
จำนวนการเข้าชม : 990
<< บทที่ 9 | บทที่ 11 >> |