~ สายใย .. ไฟรัก ~
~ สายใย .. ไฟรัก ~


เส้นสายใย .. ใครกันหนอ .. ที่ทอถัก
เส้นสายรัก .. ใครจักสาน.. ขานคำขอ
เส้นทางเดิน .. ใครเหินห่าง .. ต่างเฝ้ารอ
ไฟรักพอ .. ต่อหัวใจ .. ให้อุ่นอิง




เธอ .. คือ เพื่อนสนิทของน้องสาวเพื่อนรัก

เขา .. คือ ผู้บริหารโรงแรมจอมเผด็จการ แต่กลับเป็นเพื่อนรักพี่ชายของเพื่อนสนิท

ทว่า ..

เธอ .. ในสายตาของเขา .. คือ คนอวดดี ยโส ที่ใช้เพื่อนเป็นทางผ่านไปสู่ความสำเร็จของตัวเอง

เขา .. ในสายตาของเธอ .. คือ ผู้ชายไร้เหตุผล เอาแต่ตนเองเป็นใหญ่

ที่สำคัญเหนืออื่นใด .. ทั้งเธอและเขา .. กำลังตกหลุมรักคนที่ไม่ควรจะรัก!




***************************
Tags: ความรัก ครอบครัว เพื่อน

ตอน: ใยเส้นที่ 31 .. หายหน้า





แม้จะผ่านเหตุการณ์ระทึกชวนให้อกสั่นขวัญแขวนมาแล้ว ๓ วัน แต่มัสลินก็ยังจดจำวินาทีเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายนั้นได้แม่นยำ เธอระลึกถึงการปกป้องจากผู้ชายคนนั้น คนที่ไม่คาดคิดว่า เขาจะทำเพื่อคนที่ไม่ชอบหน้าได้

โดยเฉพาะคนๆนั้น คือ เธอ

... แต่ ... เขาเองก็พลาด

ถ้าไม่ได้ศรตฤณ ป่านนี้ คงไม่ต้องเดา ว่าใครที่จะกลายเป็นศพนอนตายคาชายหาด เป็นวิญญาณเฝ้าอุทยานแห่งชาติบนเกาะลาลัล

ไม่แปลกใจเลยที่พวกเธอจะถูกตำหนิอย่างรุนแรง จากคนที่ยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือในภาวะคับขัน มัสลินไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ เพลิงกัลป์ก็จนด้วยคำพูดมาโต้แย้ง

สรุปคือ ทั้งสองคนไม่สามารถ 'เถียง' อะไรได้เลย

ความโกรธเกรี้ยวของศรตฤณ นำมาซึ่งความหมางเมินต่อมัสลิน มันมากเกินกว่าที่คนเป็นหลานสาวจะงอนง้ออาหนุ่ม เพราะเหตุผลเดียวนั่นคือ พวกเธอพาตัวเองไปหาอันตราย

อันตรายที่จะพาไปตายกันหมด!

งานนี้ คนผิดจึงใช่ว่ามีเพียงมัสลินคนเดียว ... แต่ยังหมายรวมถึงเพลิงกัลป์อีกคน

ทุกคำพูดของศรตฤณยังคงดังก้องในห้วงความคิด แต่ไม่มีคำใดที่จะบอกให้เธอรู้ว่า เขากำลังทำอะไรกันแน่

'มัสลิน ... ฟังและทำตามที่ฉันจะบอกด้วย จากนี้ ฉันขอให้เธออยู่แต่ที่รู้ค เรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ อย่าให้ฉันต้องทำในสิ่งที่เธอไม่ต้องการ'

มันเป็นสัญญาณเตือนให้หญิงสาวรับรู้อารมณ์ของเขา ... ว่า โกรธจัดแค่ไหน

ถึงวันนี้ หญิงสาวก็นึกได้ว่า เธอแทบจะไม่ได้พบหน้าค่าตาใครเลย หลังออกจากอุทยานแห่งหมู่เกาะลาลัลคืนนั้น

ทั้งศรตฤณ ... ทั้งเพลิงกัลป์

"ว่าไงจ๊ะ หลบมานั่งเครียดอะไรตรงนี้"

"พี่ฟ้า"

มัสลินสบตาเวหาที่สาวเท้าเดินมาทักทาย หญิงสาวยิ้มบางๆให้รุ่นพี่ พลางขยับกายเตรียมลุกจากเก้าอี้ผ้าใบริมสระว่ายน้ำ แต่อีกฝ่ายชิงห้ามไว้เสียก่อน

"ตามสบายเถอะจ้ะ พี่เห็นลินินนั่งมาสักพักแล้วล่ะ นั่งนิ่ง นั่งนาน จนคิดว่า พี่ไฟสั่งหุ่นปั้นมาตั้งริมสระหรือไง"

คนฟังอยากจะหัวเราะกับคำสัพยอก ติดตรงมีชื่อใครบางคนที่อยู่ในคำนึงเมื่อครู่ ทำให้เลือกที่จะ 'นิ่ง' อย่างที่เวหาเปรย

"วันก่อนพี่เห็นลินินออกไปกับทัตแต่เช้า แล้วกลับมากันเสียเกือบตี ๒ ไปเที่ยวไหนกันมาจ๊ะ"

"เอ่อ ..."

มัสลินกระอักกระอ่วนใจ ไม่รู้จะตอบคำถามเวหาอย่างไรดี เพราะตอนออกไป เธอไปกับรัศมิทัตจริง แต่ตอนกลับ เธอไม่ได้กลับมาพร้อมเพื่อนชายคนสนิท

มีแต่เธอกับเพลิงกัลป์ที่กลับมาด้วยกัน ส่วนศรตฤณแยกตัวไปทันที หลังจากเห็นว่าทั้งสองคนมาถึงรู้ค รีสอร์ท แอนด์ สปา อย่างปลอดภัย

"ไปอุทยานค่ะ ตอนแรกคิดว่าจะค้าง แต่มีปัญหานิดหน่อย เลยกลับดีกว่า"

เวหาเลิกคิ้วกับคำบอกเล่าอย่างสงสัย ก่อนจะอมยิ้มคล้ายรู้ทันความคิดของมัสลิน

"พี่ไฟล่ะสิ ... เออ แต่วันสองวันนี้ พี่รู้สึกยังกับไม่ค่อยเห็นหน้าค่าตาพี่ไฟกับทัตเลย ไม่รู้หายไปไหนกันอีกแล้ว สองคนนี่ชักจะแปลกๆไงไม่รู้"

สาวรุ่นพี่ชวนคุยแกมถามหาพี่ชาย พร้อมกับเหลียวซ้ายแลขวาด้วยคิดว่า สถาปนิกหนุ่มอาจโผล่ออกมาในนาทีใดนาทีหนึ่งก็ได้

"คงไปอุทยานอีกมั้งคะ"

"อ้าว"

เวหาอุทานเสียงหลงอย่างไม่คาดคิด พอดีกับที่เสียงเพลงบรรเลงแบบไทยเดิมดังจากโทรศัพท์มือถือของมัสลิน

สาวรุ่นน้องไม่ต้องยกอุปกรณ์สื่อสารขึ้นดู เธอก็ทราบได้ทันทีว่า คนที่กำลังรอสนทนาอยู่นั้นเป็นใคร

"พี่ฟ้าคะ ลินินขอตัวสักครู่นะคะ ..."

"ไม่ต้องไปไหนหรอกจ้ะ คุยตามสบายเถอะ พี่ก็จะกลับไปทำงานเหมือนกัน"

ต่อให้ผู้จัดการฝ่ายต้อนรับของรู้คจะนึกสงสัย แต่โดยมรรยาทที่ดีก็ไม่ควรที่จะซอกแซกกับเรื่องส่วนตัว จึงปล่อยให้สาวน้อยรุ่นน้องนั่งอยู่ที่เดิมตามลำพังต่อไป





เพลิงกัลป์กับรัศมิทัตขับรถออกจากรู้คแต่เช้า เพื่อย้อนกลับมาตามเส้นทางไปอุทยานอีกครั้ง จริงอย่างที่มีการตั้งข้อสันนิษฐาน แต่นอกเหนือไปกว่านั้น ชายหนุ่มไม่รู้หรอกว่า จะมีใครบางคนเดาใจเขาได้

หัวข้อสนทนาอันจริงจัง หรือจะเรียกให้สอดคล้องกับบรรยากาศ คงต้องบอกว่า เป็นการปรึกษาหารือกันคล้ายการประชุมแผนของผู้ชายสองคน ซึ่งเต็มไปด้วยความตึงเครียด ก่อนตกลงกันที่ผู้มีวัยสูงกว่าจะส่งชายหนุ่มอีกคน ลงตรงหน้าสถานที่แห่งหนึ่งระหว่างทาง

และสาเหตุสำคัญอีกประการ ที่ทำให้ต้องย้อนกลับมาที่นี่ นั่นก็เพราะผู้ชายคนนั้น

การติดหนี้บุญคุณใครสักคน ... ยิ่งเป็นหนี้ชีวิตด้วยล่ะก็ เขาควรจะต้องรู้จักผู้มีพระคุณให้ถ่องแท้ ไม่ใช่หรือ

หน้าที่การงานในความรับผิดชอบ ทำให้ผู้บริหารธุรกิจโรงแรมอย่างเขา ต้องทราบและจดจำให้ขึ้นใจว่า ทุกข้อมูลของลูกค้ามีความสำคัญ หากไม่มีความจำเป็นก็ไม่ควรเปิดเผยแพร่งพราย แต่ไม่กี่นาทีข้างหน้า ชายหนุ่มกลับกำลังทำผิดกฎนั้นเสียเอง

เพลิงกัลป์ใช้เวลาใคร่ครวญเรื่องนี้ตลอด ๓ วันที่ผ่านมา ยิ่งเมื่อรวมกับการจะต้อง 'ติดหนี้' คนที่ทำตัวลึกลับแบบซายน์ เขาเห็นและคิดได้ว่า ต้องหาข้อมูลให้ได้มากที่สุด

การมาพบวิศลย์จึงดูจะเป็นหนทางลัด เพื่อเข้าถึงสิ่งที่ต้องการ

และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ แม้ความร่วมมือที่รองหัวหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานหยิบยื่น อาจเข้าข่ายผิดหลักการทำงานด้วยเช่นกัน

แต่วิศลย์ก็เชื่อในเหตุผลของเพลิงกัลป์ ซึ่งคงมีมากพอที่จะอะลุ้มอล่วยให้ได้

"นี่ครับ คุณไฟ ... ผมคัดลอกชื่อลูกค้าที่พักเมื่อสามวันก่อนมาให้แล้ว ... ว่าแต่ หารสองนะครับ ถ้าเกิดจับพลัดจับผลูต้องรับผิดชอบขึ้นมา"

วิศลย์กระเซ้ายิ้มๆ ให้เพลิงกัลป์ที่ยื่นมือมารับแผ่นกระดาษขนาดไม่กี่ตารางเซนติเมตร พับครึ่งไม่ให้ดูโจ่งแจ้งจนเกินไป

"ขอบคุณครับพี่ศลย์ ... แค่ 'เล่าสู่กันฟัง' ในการรับรองลูกค้า 'คนพิเศษ' คงไม่เสียหายเท่าไรหรอก"

"เกรงว่า ผมจะเข้าข่ายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับคุณน่ะสิ ฮ่าๆ"

รองหัวหน้าอุทยานดูจะรุ่มรวยอารมณ์ขัน จนนายหัวหนุ่มของรู้คต้องยกยิ้มนัยน์ตาพราว ความขุ่นข้องและขัดเคืองในใจผ่อนลงไปบ้าง ก่อนจะกลับมาตีหน้าขรึมขณะก้มลงมองชิ้นกระดาษพับครึ่งในมือ

"ไม่แน่ว่า ผมอาจต้องขอความช่วยเหลือจากพี่ศลย์อีก ... ถ้าจำเป็น"

"ยินดีครับ ... ถ้าจำเป็น ทางผมก็จะเตรียมตัวให้พร้อม"

การตอบรับของวิศลย์บอกได้เป็นอย่างดีว่า รองหัวหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานคนนี้ เข้าใจชายหนุ่มมากกว่าเห็นเป็นเรื่องตลกล้อเล่น

เพลิงกัลป์เงยหน้าสบสายตาแน่วแน่กับหนุ่มใหญ่ผู้ดูแลอุทยาน สายตาของอีกฝ่ายคือคำยืนยัน ในสิ่งที่วิศลย์พูดอย่างไม่มีข้อกังขา




เพลิงกัลป์ขับรถออกจากอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลาลัลด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หลายครั้งที่เขาชำเลืองแผ่นกระดาษใบน้อยบนเบาะที่นั่งข้างกาย

ศรตฤณ วัตราภรณ์

ชื่อสกุลที่วิศลย์คัดลอกมาให้ ก่อความรู้สึกหวั่นไหวในอก และก่อกวนความคิดให้ฟุ้งซ่าน ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ชายหนุ่มจำได้ดีถึงครั้งแรกที่ได้ยินชื่อศรตฤณ ตอนนั้นเขาแค่สะดุดกับความแปลกของชื่อ ก่อนที่จะพบว่า เจ้าของชื่อนี้เกี่ยวข้องกับ ... ซายน์

เพลิงกัลป์จึงมั่นใจถึงที่สุดว่า นักท่องเที่ยวคนเดียวที่เขาพบที่อุทยาน ... ที่ชื่อศรตฤณ คือ ซายน์ อย่างไม่ต้องสงสัยอีกแล้ว

แต่สิ่งที่ทำให้เขาดูร้อนรนกังวลใจจนเกือบเสียศูนย์ในนาทีนี้ คงไม่พ้นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างซายน์ ... ไม่สิ ต้องบอกว่า ศรตฤณ วัตราภรณ์ กับ มัสลิน วัตราภรณ์ ถึงจะถูก

สองคนนี้ เป็นอะไรกัน !

ความสงสัยตรงนี้ต่างหาก ที่กำลังกัดกินส่วนลึกในหัวใจของเขาโดยไม่รู้ตัว

อารมณ์แปลก ๆ ความรู้สึกประหลาด ๆ ของเพลิงกัลป์ถูกทำลายลงชั่วขณะ เสียงโทรศัพท์ดึงเขาออกมาจากความคิดหมกมุ่นนั้นทันการ ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบสนองการติดต่ออย่างรวดเร็ว ด้วยการรับสายโดยไม่มองที่หน้าจอ ว่าใครโทรศัพท์มา

"เพลิงกัลป์ครับ"

"บ๊ะ ... ไม่ได้ติดต่อกันไม่กี่เดือน รู้จักพูดภาษาคนแล้วหรือ ... ไอ้ฟาย"

น้ำเสียงร่าเริงกับวิธีการเรียกชื่อแบบนี้มีอยู่ไม่กี่คน และความจริง อาจจะมีอยู่คนเดียวด้วยซ้ำที่เรียกแบบนี้

เพลิงกัลป์ถึงกับดึงอุปกรณ์สื่อสารที่แนบหูออกมาเพ่งหน้าจอ แต่หมายเลขไม่คุ้นเคยที่ปรากฏต่อสายตา ทำให้เขาไม่แน่ใจนัก หากจะตอบโต้กลับอย่างห่างไกลความเป็นสุภาพชน ... เสมอกัน

"แน่ะ ... ทำเงียบนะ ไอ้ไฟ ลืมเสียงเพื่อนแล้วรึไงวะ"

คราวนี้เพลิงกัลป์มั่นใจเลยว่า ปลายสายที่กำลังเจื้อยแจ้วยั่วอารมณ์ ไม่ใช่ใครที่ไหน

ความเป็นกันเองถูกถ่ายทอด บอกเล่าความสัมพันธ์ฉันเพื่อนอันแน่นแฟ้น ไม่ต่างกับที่ 'เพื่อน' ใช้กับเขา

"ไอ้ห่าศิง ..."

"เฮ้ย ... ไอ้นี่ ปากคออย่างนี้ ชักกลัวแล้วนะโว้ย ถ้าจะให้มารับเนี่ย มันจะกัดรึมันจะขวิด"

เสียงโอดครวญปนจิกกัดไม่จริงจังประสาเพื่อนรักของศิงขริน เรียกเสียงหัวเราะในลำคอจากเพลิงกัลป์ หลังจากตั้งตัวได้แล้วกับการติดต่อเขาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว

"พอเลย ไอ้หมอศิง แล้วที่จะให้รับ ... หมายความว่าไงวะ"

"ฉันอยู่ที่สนามบินกระบี่ เพิ่งลงเครื่องเมื่อกี้"

หัวคิ้วคนฟังขมวดมุ่นเข้าหากัน ... สนามบิน ? ... กระบี่ ?

ศิงขรินมาได้อย่างไร ... และ มาทำไม ?

"ว่าไง จะมารับมั้ย ฉันจะรอ แกไม่ต้องรีบหรอก ... ฉันไม่รีบ ..."

หางเสียงของเพื่อนรักแผ่วไป แต่เพลิงกัลป์ไม่ทันสังเกตเพราะความดีใจที่จะได้พบศิงขริน ... ในยามที่เขาต้องการ 'กำลังและมันสมอง' มากที่สุด ... ตอนนี้

"เออ ... ไม่เกิน ๒ ชั่วโมง ... ถ้าหิวก็หาอะไรรองท้องไปก่อน ... เดี๋ยวเจอกัน"

เพลิงกัลป์เหยียบคันเร่งเพิ่มกำลังเครื่องยนต์ให้ขับเคลื่อนทะยานไปข้างหน้า เขาไม่รู้หรอกว่า ทำไมจู่ๆศิงขรินจึงกลับมา

จู่ๆ เขาก็นึกครึ้มอกครึ้มใจขึ้นมา อย่างน้อย การมีเพื่อนไว้ใจได้ข้างกาย ย่อมดีกว่าอื่นใด ... แน่นอน





มัสลินเดินมาทางประตูด้านหน้าของรู้ค รีสอร์ท แอนด์ สปา ทันทีที่ก้าวเท้าออกนอกอาณาเขต พลันสายตาของหญิงสาวก็เห็น รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อสีดำที่คุ้นเคย แล่นผ่านหน้าไปทางท่าเรือขนานยนต์ราวพายุ

"คุณไฟ ..."

เสียงพึมพำเรียกชื่อเบา ๆ กลับบอกได้อย่างมั่นใจว่า คนที่ขับรถคันนั้นคือ เจ้าของสถานที่แห่งนี้ มันทำให้เธอต้องแปลกใจตัวเองไม่น้อย

"บ้าเหรอลินิน ... รถแบบนั้น สีนั้น บนเกาะมีเยอะแยะ ... ทำไมจะต้องคิดว่าเป็นของนายนั่นด้วย"

"ใคร ..."

คำถามห้วนๆดังจากด้านข้าง พร้อมกับอิริยาบถประชิดตัว ส่งผลให้มัสลินตกใจจนสะดุ้ง หันขวับไปยังต้นเสียง

"อาป่าน!"

ศรตฤณจ้องเขม็งมองตามสายตาของหลานสาว แต่ก็ไม่พบอะไร นอกจากรถรานานาชนิดที่ผ่านไปมาตามเส้นทางบนเกาะลาลัล

"เอ่อ ... เปล่าค่ะ ... อาป่านมาเร็วจัง เพิ่งวางสายเอง"

มัสลินอึกอักปฏิเสธ ไม่อยากให้อาหนุ่มผิดสังเกตกับท่าทีของเธอมากไปกว่านี้ จึงถามกลับด้วยความแปลกใจที่พบศรตฤณในเวลาอันรวดเร็ว

"อามาถึงก่อนจะโทร.หาเรา ... มารับเรา"

"มารับ? ... ไปไหนคะ"

ศรตฤณไม่ตอบคำถามมัสลิน และเธอก็ไม่กล้าเซ้าซี้ซักไซ้ เพราะความผิดที่มี ยังเป็นชนักปักหลัง

กอปรกับสีหน้าท่าทางของอาหนุ่ม ที่ต่อให้มีบุคลิกน่ามองเพียงใด แต่ยามที่ไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ได้ ก็สร้างความน่ายำเกรงแก่หลานสาวไม่น้อย

"ไปกับอา ..."

"อาป่าน!"

เป็นครั้งที่สองกับการเรียกชื่อน้องชายคนเล็กของพ่อ อารามตกใจกับคำสั่งของเขา ... ใช่ ศรตฤณออกคำสั่ง 'เด็ดขาด' ซึ่งเขาจะไม่ยอมรับคำปฏิเสธจากเธอ

"เอ่อ ... ลินินยังไม่ได้เก็บของ ... ยังไม่ได้บอกใคร ..."

"กระเป๋าสตางค์อยู่กับตัวรึเปล่า"

ศรตฤณถามขัดไปอีกเรื่องจนมัสลินตามไม่ทัน ได้แต่ตอบรับเขาอย่างงงๆ

"ค่ะ อยู่"

โดยไม่พูดพล่ามทำเพลงผู้เป็นอาก็คว้าข้อมือหลาน ราวกับหญิงสาวกลายร่างเป็นเด็กหญิงตัวเล็กคนหนึ่งไปแล้ว

"อาป่านคะ ... เดี๋ยวก่อน ..."

มัสลินพยายามจะทัดทานเนื่องจากยังจับตันชนปลายไม่ถูก ศรตฤณจะบังคับพาเธอไปไหน ทำไมต้องฉุดต้องจูงกันเช่นนี้ หนำซ้ำจะให้ไปกับเขา ข้าวของของเธอยังไม่ได้เก็บสักชิ้น ...

ยิ่งเป็นการเสียเสียมารยาท ถ้าต้องไปโดยไม่ได้บอกกล่าวคนที่ให้พักพิง ก็จะทิ้งสัมภาระไปกะทันหัน

แต่เพียงแค่ศรตฤณปรายตาปรามกึ่งเข้มกึ่งดุ อาการขืนตัวและน้ำเสียงตระหนกก็หายไปทันที

อาหนุ่มที่สนิทสนมคุ้นเคย ทำให้มัสลินเริ่มกลัว ... ไม่ใช่กลัวว่า เขาจะทำอะไรไม่ดีกับเธอ

สิ่งที่แปรเปลี่ยนความหวั่นวิตกในความคิด ให้กลายเป็นความหวาดกลัวนั้น เพราะมัสลินรู้สึกว่า ศรตฤณกำลังจะกลายเป็นใครอีกคน ที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิต ต่างหาก






เพชรงามมาถึงคิง เซอร์เพนท์ ออฟ เดอะ เซาท์ ซี โฮเทล เช้ากว่าที่เคยทำงานมาก และหญิงสาวรับรู้ได้ถึงความสนอกสนใจในตัวเธอ จากสายตาพนักงานระดับปฏิบัติการของที่นี่ไม่ต่ำกว่าสิบคู่ทีเดียว

ถ้าเป็นในยามปกติ ความมั่นใจในตนเองของเพชรงาม ก็มีมากพอที่จะมองข้ามเรื่องไร้สาระเหล่านี้

แต่หากเมื่อใด หญิงสาวตกอยู่ในสภาวการณ์ที่เล็งเห็นได้ว่า ความผิดพลาดค่อยคืบคลานย่างกรายเข้ามาใกล้ เธอจะรู้สึกหวาดระแวง และระแวดระวังไปเสียทุกย่างก้าว

ไม่ว่าเพชรงามจะชำเลืองไปทางใด ในแต่ละจุดจับจ้องของคนพวกนั้น ต่อให้มีคนชื่นชมหรืออิจฉา ทว่า ด้วยดวงตาที่มีอายส์เชโดว์โทนสีม่วงเข้มแต้มเปลือกตา ขอบตาบนวาดกรีดเส้นสุดปลายหางตาตวัดขึ้นเล็กน้อย แม้จะดูงดงามแต่ก็ทรงพลังเกินกว่าจะมีใครหาญกล้าสบตากับเธอ

ร่างระหงในชุดรัดรึงอวดทรวดทรง เสมือนเกราะป้องกันที่เธอจงใจสร้างขึ้น ภายใต้ภาพลักษณ์อันเย้ายวนชวนหลงใหล

ทุกสิ่ง ... ก็เพื่องานที่ได้รับมอบหมายทั้งนั้น

นับจากนี้ จะให้มีความผิดพลาดไม่ได้อีกแล้ว !

เพชรงามเร่งสาวเท้าไปยังลิฟท์โดยสารเฉพาะบุคคล แต่ก่อนเธอจะไปถึงที่นั่น สายตาก็พลันเห็นหญิงสาวคนหนึ่งก้าวออกมาจากลิฟท์ตัวนั้น

สรัลรี

จังหวะก้าวเดินเปลี่ยนทิศทางได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว หวังใจว่าอีกฝ่ายจะไม่ทันได้เห็นเธอ

เพชรงามสืบเท้าเลาะเลียบมุมหนึ่ง คิดว่า หลบเพียงเท่านี้ก็คงพ้นรัศมีสายตาของสรัลรี แต่บทจะเกิดอะไรอย่างไม่เป็นไปตามต้องการ มันก็ยากจะควบคุมได้

แม้จะไม่ต้องเผชิญหน้ากับหญิงสาวเจ้าของร้านอาหารชื่อดัง แต่ความรีบร้อนกลับทำให้ถอยหลบมากเกินไป จนร่างอวบอิ่มของเธอชนกับผู้ชายคนหนึ่งอย่างจัง

ก่อนที่เพชรงามจะกระเด็นออกมา ปฏิกิริยาของชายผู้ก่อเหตุก็รวดเร็วเกินความคาดคิด

มือของเขาคว้ากำต้นแขนของเธอได้เกือบรอบ แล้วรั้งไว้ไม่ให้เสียหลักล้ม อีกแขนที่เหลือของเขาก็อ้อมมาโอบรับรอบเอวกลมกลึง ดึงเข้ามาประชิดตัวแทบจะปะทะกับอกกว้างของเขา

ถึงจะตกใจแต่ก็ไม่มีเสียงหวีดร้องหลุดลอดจากปากเพชรงาม นอกจากสายตาที่ช้อนชำเลืองมองหน้าคนที่ช่วยประคองเธอไม่ให้ล้ม

ชายหนุ่มก้มหน้าลงตามสัญชาตญาณที่ถูกจ้อง ดวงตาสองคู่สานสบ ริมฝีปากสวยอิ่มกำลังเผยอกล่าวคำขอบคุณ แต่ก็ไม่ทันเมื่ออีกฝ่ายกลับเอ่ยคำ ที่ทำให้นัยน์ตาของหญิงสาวฉายแววฉงนไปอึดใจใหญ่

“เพชรงาม ... เพชรงาม เลิศรุจี”

เรือนร่างที่เหมือนจะอยู่ในอ้อมกอด นิ่งงันพลางสนเท่ห์ ลืมทักท้วงไปชั่วครู่ เพราะในหัวกำลังระดมข้อมูลผู้ชายตรงหน้า ที่เรียกชื่อเธอได้อย่างถูกต้อง แถมครบถ้วนอีกด้วย

เขาเป็นใคร ?

ทำไมเขาจึงรู้จักเธอ ในขณะที่เธอจำไม่ได้เลยว่า เคยไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไร










*********************************************






โปรดติดตามตอนต่อไป ...


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม ... และขอขอบคุณทุกไลค์กำลังใจฮะ



คุณ kaelek : กลับจากลงนาแห้ว ถอนใบบัวบกมาจิ้มน้ำพริกแล้วฮะ ... คงจะแกร่งในไม่ช้านี้ T__T



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 มี.ค. 2559, 12:30:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 มี.ค. 2559, 12:30:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 1046





<< ใยเส้นที่ 30 .. ผิดที่ผิดทาง   ใยเส้นที่ 32 .. เพื่อน >>
kaelek 13 มี.ค. 2559, 20:48:31 น.
หายไปนานเบยยยย.. เฮียไฟจะรู้มั้ย ลินินไม่อยู่แล้วน้าาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account