เล่ห์ร้ายร้าง
...ในชีวิตหนึ่งของผู้หญิงสักคน จะต้องทำกรรมมามากเพียงไหน จึงสามารถมีคู่ครองเช่นนี้ได้!...

ผู้หญิงอย่างชาลิกา ไม่ใช่นางเอกในนิยายที่จะภักดี หลงใหลกับผู้ชายห่วยๆ อย่างหัวปักหัวปำ
ถ้าพี่ไม่ชอบนางฟ้า...ชาร์มก็ไม่รังเกียจที่จะเป็นนางมาร
Tags: ร้าย นางมาร นักวิจัย ศัลยแพทย์ แค้นฝังหุ่น

ตอน: รักใต้ปีก

ชาลิกาหอบแฟ้มเอกสารเดินออกจากห้องประชุมอย่างอ่อนล้า เธอยกมือที่ว่างขึ้นพลิกหลังมือแตะหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิ ไอร้อนบาง ๆ แล่นไปทั่วร่างทำให้อยากล้มตัวลงนอนพัก หลับตาตั้งสติชั่วครู่ใหญ่ จึงสูดลมหายใจยาวเรียกกำลังให้กลับคืนมา

นักศึกษาที่ต้องทำธีสิสมักบอกว่าส่วนที่ยากที่สุดของงานวิจัยคือการคิดหัวข้อ แต่สำหรับชาลิกาผู้เต็มไปด้วยคำถามในทุกโมเลกุล ส่วนที่ยากที่สุดในการทำวิจัยของเธอคือการขอทุนวิจัย และก่อนจะไปถึงกระบวนการนั้นได้ งานหินยิ่งกว่าที่เธอเพิ่งพบในการเริ่มทำวิจัยทางคลินิค คือการเสนอพิจารณาจริยธรรมการวิจัย

แม้เตรียมงานมาดีแค่ไหน แต่บรรดาอาจารย์อาวุโสที่เป็นคณะกรรมการจริยธรรมก็ยังคงตั้งคำถามกับงานวิจัยของเธอ หัวข้อสำคัญที่ถูกยกมาเป็นเรื่องหลังกระบวนการถอดรหัสโมเลกุล การทดลองขั้นต่อไปจะต้องใช้สัตว์ทดลอง ขั้นตอนที่เธอพยายามหลีกเลี่ยงเสมอมาเพราะกลัวที่จะพลั้งพลาดทำร้ายชีวิต แต่อาจารย์ช่างจินตนาการกลับกลัวว่าเธอจะสร้างสัตว์ประหลาดขึ้นมาทำลายโลก ช่างเป็นประเด็นจริยธรรมที่ลึกล้ำจนเธอได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ

“ไง...เหนื่อยไหมลูก” เสียงที่คุ้นเคยกับสัมผัสนุ่มเย็นที่ต้นอทำให้หญิงสาวหันกลับไปมอง เธอฉีกยิ้มกว้างแล้วเอนตัวซุกเข้าไปในอ้อมกอดของคนตรงหน้า

“นิดหน่อยค่ะ...ขอบคุณนะคะที่ลงมา” เธอจูบคางบิดาเบา ๆ “ถ้าไม่มีพ่ออยู่ด้วย...วันนี้ชาร์มคงแย่แน่"
ชลิตลูบหัวบุตรสาวเบา ๆ ”พ่อต้องลงมาดู ว่าพวกตาแก่บนหอคอยจะเล่นอะไรหนูบ้าง”

“ขอโทษนะ...ที่พ่อลงมาโดยไม่บอกก่อน” ท่านบอกเสียงเบาทำให้หญิงสาวหลุบตาลงมองพื้นอย่างละอายใจ
“ชาร์มรู้ค่ะว่าพ่อเป็นห่วงชาร์ม" เธอตอบด้วยรอยยิ้ม

สำหรับคนนอกอาจมองว่าชาลิกาโชคดีที่มีบิดาเป็นถึงศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยศาสตร์ที่นานาชาติให้การยอมรับ แต่คนเป็นบิดารู้ดี ชาลิกาดิ้นรนสร้างผลงานมากมาย เพื่อจะยืนในฐานะ ‘ด็อกเตอร์ชาลิกา’ ไม่ใช่แค่ ‘ลูกสาวอาจารย์ชลิต’

“แต่อาจารย์ก็ท้วงได้ดีนะคะ ชาร์มไม่ได้คิดเลยเรื่องสัตว์ทดลอง” งานวิจัยด้ายโมเลกุลที่เธอเคยทำมาไม่เคยมีปัญหาด้านจริยธรรมให้ต้องขบคิดมาก่อน

ผู้เป็นบิดามองหน้าบุตรสาว “เดี๋ยวลงมือทำจริง...หนูจะหนักใจกว่าตอนเถียงกับพวกตาแก่มาก”
เขารู้ดีว่าบุตรสาวเป็นคนใจอ่อน แค่ผ่าตัดแมลงสาปตอนเรียนมัธยมปลาย ชาลิกาต้องกลับมาทำบุญกรวดน้ำให้แมลงสาปทั้งอาทิตย์ เวลานี้หญิงสาวต้องใช้สัตว์ทดลอง เธอจะหักใจทำได้เท่าไร

ชาลิกาเหลือบมองบิดาขณะจับมือเดินไปข้าง ๆ กัน ริมฝีปากบางคลี่รอยยิ้มจาง “ถึงหนักใจ...แต่ก็จำเป็นต้องทำนี่คะ ชาร์มต้องผ่านมันไปให้ได้ แล้วก็จะเติบโตขึ้น เข้มแข็งขึ้น”

ชลิตหันมามองหน้าบุตรสาวอย่างภาคภูมิใจ “ลูกสาวพ่อ...โตแล้วจริง ๆ ด้วย”
ชาลิกาอมยิ้ม “แต่พ่อของลูก...ยังไม่แก่เลยนะคะ”

“ปากหวาน...วันนี้อยากกินอะไรล่ะ”

หญิงสาวแกล้งคิด เพียงครู่ก็ตอบชัดเจน “อาหารญี่ปุ่นค่ะ”

สองพ่อลูกจูงมือกันเดินไปตามทาง เป็นภาพที่คนเห็นคงเผลอมองตามอย่างชื่นชม ชาลิกาเงยหน้ายิ้มหวานให้บิดา ก่อนจะดึงมือเขาให้หยุดเดินเมื่อเห็นใครบางคนกำลังเดินตรงเข้ามา

“น้องชาร์ม...” วรุตเดินตรงเข้ามา แล้วยกมือไหว้บิดาเธอ “ศาสตราจารย์...สวัสดีครับ”

ชลิตเลิกคิ้ว หันมามองหน้าบุตรสาว รอให้เธอเอ่ยแนะนำ

“พี่มาร์ชค่ะพ่อ...อาจารย์วรุต ศัลยแพทย์ที่เนื้อหอมที่สุดในโรงพยาบาลตอนนี้” เธอผายมือไปทางชายหนุ่ม เอ่ยคำแนะนำด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ

วรุตคลี่ยิ้ม โคลงศีรษะให้ชลิตอย่างนอบน้อม “ผมเคยเข้าฟังศาสตราจารย์บรรยายที่เมโยเมื่อสามปีก่อน”
คนบรรยานิ่งคิดอยู่ครู่ ก่อนจะพยักหน้ารับ “อ้อ...ผมจำได้ คุณยกมือถามด้วยใช่ไหม”

“ครับ...” แววตาของวรุตเหมือน "เรื่องการเฝ้าระวังคอมพลิเคชั่นหลังการผ่าตัด"

"อืม...ตอนนี้มีคำถามอะไรอีกไหม"
"ผมลองใช้เทคนิคของศาสตราจารย์ในการทำเบรสรีคอนอยู่ 7-8 เคสที่นี่ คิดว่าตอนโจทย์คนเอเชียได้ดีเลยครับ" ชายหนุ่มพูดถึงการผ่าตัดเสริมเต้านม "เนื้อเต้านมคนไทยไม่มากนัก เราใช้โลคอลแฟลพด้วยเทคนิคของศาสตราจารย์ เอาท์คัมออกมาดีมากเลยครับ"

"ผมกำลังจะลอย น่าเสียดายที่ผมมีนัดทานข้าวกับลูกสาว ไม่อย่างนั้นเราคงได้คุยกันมากกว่านี้" ผู้สูงวัยเอ่ย หันไปมองหน้าบุตรสาวอย่างเอาใจใส่

ชาลิกาคลี่ยิ้ม เอียงคอแตะหน้าผากลงกับไหล่บิดาอย่างออดอ้อน "เดี๋ยวพี่มาร์ชก็หาว่าชาร์มเป็นก้างหรอกค่ะ พี่มาร์ชน่ะชื่นชมพ่อออกขนาดนี้"

แล้วเธอก็หันไปหาชายหนุ่ม "ถ้าพี่ไม่มีธุระที่ไหน จะไปทานข้าวด้วยกันไหมล่ะคะ เผื่อมีอะไรอยากจะคุยกับคุณพ่อต่อ"
ไม่ใช่แค่วรุตที่แปลกใจ กระทั่งคนเป็นบิดาก็ไม่คาดคิดว่าบุตรสาวที่หวงความเป็นส่วนตัวมากจะยอมให้ผู้ชายตรงหน้าเข้ามาร่วมมื้ออาหารของครอบครัว ที่นานครั้งจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา แล้วชาลิกาก็เอ่ยต่อ

"แต่ถ้าพี่มาร์ชไม่สะดวก ก็ไม่เป็นไรนะคะ" แววตานิ่งสงบของเธอทำให้คนใกล้ชิดรู้ว่าคำชวนนั้นดูจะเป็นคำเชิญตามมารยาทเสียมากกว่า

แต่วรุตไม่รู้ เขานิ่งคิดอยู่เพียงไม่นาน เขาก็มองหน้าศาสตราจารย์ชลิตราวจะรอคำอนุญาต

"ถ้าคุณไม่สะดวก ก็ไม่เป็นไรนะ" คนเป็นบิดาเอ่ยย้ำคำของบุตรสาวราวจะกีดกันอยู่ไม่น้อย ชายหนุ่มจึงไม่คิดขวางศาสตราจารย์ ร่างสูงโคลงศีรษะเบา ๆ

"พี่มีผ่าตัดตอนบ่ายสาม เกรงว่าจะไม่ทัน ขอตัวก่อนดีกว่าครับ" เขาเลือกเอ่ยกับชาลิกา

หญิงสาวพยักหน้ารับ "ไม่เป็นไรค่ะ แต่ชาร์มปรับพี่มาร์ช 2 มื้อนะคะ" เธอบอกหน้าซื่อตาใส ศาสตราจารย์ชลิตมองหน้าบุตรสาว ยกมือโยกศีรษะเธอเบา ๆ
"แล้วกัน ไปแกล้งพี่เขา"

"โธ่...พี่มาร์ชรู้หรอกค่ะพ่อ ว่าชาร์มแซวเล่น" แล้วเธอก็หันไปขยิบตาให้ชายหนุ่ม "แต่ถ้าพี่มาร์ชเลี้ยงจริง ชาร์มก็ไม่ขัดศรัทธานะคะ"

วรุตหัวเราะกับท่าทีกึ่งแซวกึ่งอ้อนของหญิงสาว ความเคยชินทำให้เผลอหลุดปาก "สำหรับน้องชาร์ม พี่ยินดีอยู่แล้วครับ"
เมื่อนึกได้ชายหนุ่มก็เหลือบมองท่าทีผู้เป็นบิดาของคนตรงหน้า ศาสตราจารย์ผู้อาวุโสหรี่ตามองเขากึ่งประเมิน "ชาร์มคงหิวแล้ว ขอตัวก่อนนะคุณวรุต" เขาเอ่ยนิ่ง ๆ โอบไหล่บุตรสาวให้เดินไปด้วยกันเมื่อชายหนุ่มโคลงศีรษะเอ่ยคำลาเรียบร้อยแล้ว

ชาลิกาคลี่ยิ้มหวาน โบกมือให้ชายหนุ่มโดยไม่เอ่ยคำ



"พ่อไม่ไว้ใจหมอวรุตเลย เขาจีบชาร์มใช่ไหมลูก" บิดาเอ่ยขึ้นขณะที่ชาลิกากำลังละลายวาซาบิลงในซอสโซยุ
หญิงสาวคลี่ยิ้มเหยียดมุมปากกึ่งหยัน "เปล่าค่ะ ชาร์มคิดว่าเขาจีบ...ลูกสาวศาสตราจารย์ชลิตมากกว่าค่ะ"

เธอเงยหน้ามองสบตาบิดาอย่างตรงไปตรงมา ขณะที่คนเป็นมารดาชะงักมือที่กำลังจะแตะตะเกียบ เงยหน้ามองบุตรสาว

"ใครเหรอ"
"หมอวรุต ศัลยแพทย์ที่โรงพยาบาลชาร์ม" คุณชลิตตอบภรรยา ถอนใจเบา ๆ "พ่อว่าเขาจีบลูกสาวเรา"

"จีบลูกสาวเรา หรือจีบลูกสาวคุณ"

ชาลิกาหัวเราะ "เห็นไหมคะ แม่คิดเหมือนชาร์มเลยค่ะ" เธอมองมารดาอย่างออดอ้อน

คุณชลิตถอนใจเบา ๆ เมื่อคู่ชีวิตยกตะเกียบขึ้นยันบนจาน จ้องหน้าบุตรสาวอย่างจริงจัง "อย่าทำเหมือนเล่นไป อย่าลืมว่าชาร์มยังมีพันธะอยู่ไม่ใช่หรือ" มารดาทราบทุกเรื่อง เพราะเมื่อเธอร้องไห้ ที่เดียวที่จะซุกหน้าซับน้ำตา คือตักของผู้ให้กำเนิด

ชาลิกาพยักหน้า พลางถอใจเบา "ชาร์มทราบค่ะแม่ เสียค่าเรียนไปเท่าอิสระทั้งชีวิต ชาร์มไม่ลืมง่ายๆแน่ค่ะ" ดวงตาวาวจัดเป็นประกายด้วยความโกรธเคือง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอ่อนหวานอย่างรวดเร็ว
"แล้วรอบนี้ พ่อกับแม่จะอยู่กรุงเทพกี่วันคะ"

"ที่ถามนี่จะรีบให้พ่อกับแม่กลับเหรอ ใช้งานพ่อเสร็จก็จะทิ้งพ่อ" ใครจะเชื่อว่าประโยคตตัดพ้อปนแง่งอนนี้จะออกมาจากปากศาสตราจารย์ชลิต หนึ่งในศัลยแพทย์ชั้นแนวหน้าซึ่งปรากฏชื่อระดับสากล

"งอแงกับลูกอีกแล้ว เดี๋ยวนี้แก่แล้วขี้ใจน้อยนะ" เนวิกาเอ่ยเย้าสามี
ชาลิกาหัวเราะคิก คลี่ยิ้มกว้างจนตาเกือบปิด "โธ่ พ่อคะ...หัวเริ่มล้านแล้ว อย่าใจน้อยอีกสิคะ" เธอแกล้งขยิบตาให้บิดา

"ชาร์มน่ะอยากให้พ่อกับแม่อยู่ด้วยนานๆ เลยค่ะ แต่พ่อต่างหาก..." เธอช้อนสายตามองบิดา เบะปากพลางกระพริบตาปริบๆ "จะยอมวางงานมานานเท่าไรเชียวคะ"

แล้วหญิงสาวก็ถอนใจยาว ขึงตาบอก "อย่าคิดว่าชาร์มไม่รู้นะคะ ถ้าไม่มีประชุมสำคัญที่ราชวิทยาลัย พ่อจะลงมาหาชาร์มเมื่อไรกัน" เธอทำเสียงกระเง้ากระงอด

"เอาเข้าไป พ่อลูกคู่นี้ งอแงกันไป งอแงกันมา" เนวิกาถอนใจ แกล้งส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
ชาลิกาอมยิ้ม ปล่อยให้บทสนทนาเปลี่ยนไปสู่เรื่องที่ไกลตัวเธอ ปล่อยเรื่องราวของหัวใจให้ซุกซ่อนอย่างสงบ

โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสั่นเบา ๆ ชาลิกาหยิบขึ้นมาเหลือบดูหน้าจอเพียงครู่ก็หย่อนโทรศัพท์ลงไปในกระเป๋าตามเดิม แต่เนื้อความที่ปรากฏบนหน้าจอนั้นลอยชัดอยู่ในความคิด
'พี่กลับไทยศุกร์นี้นะครับ'

---
เขาคนนั้นกำลังจะกลับมาแล้วนะคะ



ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 มี.ค. 2559, 16:15:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 มี.ค. 2559, 16:15:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 1252





<< ไม่มีใครที่พอดี   ชาร์มแต่งงานแล้วค่ะ! >>
SaranyaW 15 มี.ค. 2559, 19:45:43 น.
อึดอัดจังเลย ชาร์มอย่ายอมง่ายๆนะ


sai 16 มี.ค. 2559, 07:59:33 น.
ลุ้นกะหนูชาร์ม


sunflower 16 มี.ค. 2559, 21:33:16 น.
รอต่อไปค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account