ความลับ (ที่) ซ่อนเร้น .. หรือจะเป็น ความรัก!(?)
คำถาม .. ที่มีคำตอบ
แต่คำตอบ .. กลับยังคงมากมายด้วยคำถาม

เพราะนิยามในคำหนึ่งคำนั้น
แฝงเร้นซุกซ่อนไว้ซึ่งความลึกลับ
ความซับซ้อนชวนสับสน รอยยิ้มปนเปื้อนคราบน้ำตา
เล่ห์เสน่หาหวานล้ำ และพร้อมจะนำความเจ็บปวดมาให้ .. ได้ทุกเวลา

.. หากว่ามันคือ ความรักที่มากล้น จนกลายเป็น .. ความลับ ! ..
Tags: ความรัก ความลับ

ตอน: บทที่ ๓๖ .. ความในใจ





ซองกระดาษสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีครีม ตกแต่งมุมบนขวาและล่างซ้ายคล้ายเครือเถาวัลย์เกาะเกี่ยวฉวัดเฉวียน สีทองของลวดลายไม้เลื้อยขับเน้นให้ดูหรูหราอลังการ กลิ่นหอมอ่อนๆโชยบางเบายามเปิดหยิบการ์ดเชิญที่บรรจุภายใน

แต่เมฆพัดกลับพยายามกลั้นใจไม่สูดดมความหอมละมุน หลังจากต้องกล้ำกลืนฝืนรับมันมาจากผู้ที่นำมามอบให้ถึงศูนย์วิจัย

เจ้าภาพอุตส่าห์นำการ์ดซองนี้มาเชื้อเชิญเมฆพัดกับทแกล้วถึงที่ เพื่อให้ไปเป็นสักขีพยานในวันสำคัญระหว่างมัตติก์กับ ... เภตรา

เจ้าสาวที่ได้ชื่อว่าเป็น เมียเขา ... แต่ชื่อของเจ้าบ่าว สะกดอย่างไรก็ไม่สามารถอ่านว่า ‘เมฆพัด’ ไปได้

นักวิจัยหนุ่มจำไม่ได้แล้วว่า เขายื่นมือออกไปรับการ์ดใบนี้มาถือไว้ได้อย่างไร และไม่สนใจด้วยว่า จะมีใครได้รับเกียรติให้ไปร่วมงานมงคล

ความรู้สึกที่จดจำได้มีเพียง อาการขื่นในลำคอแล้วค่อยลามเสียดร้าวไปจนจุกแน่นอก

แม้ขณะนั่งมองซองกระดาษอยู่นี้ ชายหนุ่มก็ยังรู้สึกเช่นนั้น และมันเพิ่มมากขึ้น จน ... เจ็บ

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคงยังไม่สาแก่ใจ เมื่อองก์อัมพุทเข้าบ้านช่วงค่ำ หลังจากเมฆพัดมาถึงก่อนหน้าไม่นาน แล้วน้องสาวก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งพลางมองหาพี่ชาย ไม่สนใจว่าจะหายใจไม่ทันจนดูเหมือนกระหืดกระหอบ ราวกำลังมีเรื่องร้อนอกร้อนใจไม่สามารถนิ่งเฉยได้

เมฆพัดเห็นแต่เพียงรถยนต์คันหนึ่งแล่นผ่านหน้าบ้าน ก็นึกว่าวิชชุ์วิธูมาส่งองก์อัมพุทตามปกติ เพราะรถของน้องสาวที่เขาขับไปชนต้นไม้ยังซ่อมไม่เสร็จ

ทว่า ทันทีที่องก์อัมพุทเจอหน้าพี่ชาย คำถามแรกของเธอ ทำให้เขาเผลอขยำการ์ดเชิญสีสวยในมือเสียยับย่นหมดรูป

"พี่พัดรู้หรือยังว่าเภา ... กำลังจะแต่งงาน"

น้ำเสียงตื่นเต้นไม่คาดฝันขององก์อัมพุทต่อเรื่องราวของเภตรา ที่ก่อนนี้เธอไม่เคยระแคะระคายความสัมพันธ์ของเพื่อนรักกับพี่ชาย แต่พอรู้ก็โกรธและเกรี้ยวกราด จนก่อเกิดรอยร้าวในความเป็นเพื่อน สร้างความบาดหมางระหว่างกัน

กระทั่งเภตรามาพบแล้วบอกหญิงสาวตามตรงถึงเรื่องการแต่งงาน มันก็ทำให้เธอนึกเป็นห่วงพี่ชายขึ้นมา

"พี่พัด ..."

"อืม"

เมฆพัดส่งเสียงในคอเป็นคำตอบ ทำท่าทางเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร ทั้งที่ความจริง ... เขากำลังจะสะกดใจที่จวน 'คลั่ง' ไว้ไม่ไหวแล้ว

"แล้ว ... จะปล่อยให้เป็นแบบนี้หรือ พี่พัด"

"พี่จะทำอะไรได้"

องก์อัมพุทชักสีหน้า ขัดใจกับคำตอบของพี่ชาย เธอเริ่มหงุดหงิดปฏิกิริยาเฉื่อยชาของเขา มันช่างต่างจากภาพที่เห็น ตอนประกาศตัวแข็งกร้าวต่อหน้าทุกคนที่ชายหาด... เมฆพัดเป็นอะไรไปแล้ว

ยิ่งนึกถึงตอนที่หญิงสาวนั่งคุยกับเภตรา ทำไมเธอจะดูไม่ออกว่า เพื่อนของเธอไม่มีความสุขเลยแม้แต่นิดเดียว ที่ทำไปก็เพราะหน้าที่ เพื่อความสบายใจของครอบครัว

และมันก็เป็นการตอกย้ำคำพูดของเพื่อนรักที่ได้ยินมาตลอด ... หนำซ้ำเภตรายังย้ำชัดให้เธอแน่ใจอีกครั้งว่า

'ถึงฉันจะรักพี่ชายแกแค่ไหน ... พี่ชายแก อย่างมากก็แค่ชอบฉัน ... พี่พัด เขาไม่ได้รักฉันหรอกพุด'




นับจากนาทีที่ได้ยินประโยคนั้น องก์อัมพุทก็ไม่คิดที่จะถือโทษโกรธเคืองเภตราได้อีกแล้ว ซึ่งในความเป็นจริง พอได้มีเวลาทบทวนก็พอจะทำความเข้าใจเรื่องราวต่างๆได้

แต่พี่ชายที่กำลังแสดงออกอย่างคนไม่รู้ร้อนรู้หนาวนี่สิ มีกระตุ้นอารมณ์ขุ่นเคืองของคนที่เริ่มเข้าใจและเห็นใจเพื่อนรักได้ดีจริงๆ

"อย่าบอกนะว่าได้เพื่อนเค้าแล้ว จะไม่รับผิดชอบ"

"แม่เขาคงยอมรับพี่เป็นเขยหรอก"

ความเสียใจ ... ต่อให้พยายามปกปิดซุกซ่อนแค่ไหนก็คงไม่แนบเนียน เมฆพัดจึงเผยมันด้วยน้ำเสียงหยามเยาะตนเองเช่นนี้

"แล้วพี่พัดเคยไปพบคุณแม่เภาหรือยังล่ะ"

ความรู้สึกของเมฆพัดเหมือนถูกไล่ต้อนจนไม่มีทางให้หนี ไม่มีทางออก และไม่รู้จะจัดการอย่างไรถึงจะดีกว่านี้ ทำให้เขาตัดสินใจยื่นกระดาษยับๆในมือให้องก์อัมพุท

คนเป็นน้องสาวงุนงงครู่หนึ่ง จู่ๆพี่ชายก็ส่งอะไรบางอย่างให้ แต่ปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติทำให้เธอยื่นมือมาหยิบไปว่องไว แล้วก้มพิจารณาอย่างไม่แพ้กัน

"การ์ด ? ... ทำไมมันถึงยับแบบนี้คะ พี่พัด"

องก์อัมพุทถามแต่สายตาจับจ้องอยู่กับสิ่งที่ถือในมือ เธอพลิกหน้าพลิกหลังแล้วก็เปิดปากซองกระดาษ ซึ่งมันคงจะสวยมากตอนได้รับมาใหม่ๆ

ความหอมกรุ่นอวลกลิ่นละมุน ... วัสดุที่เลือกมาทั้งหรูหรา และงดงามแบบนี้ เจ้าของงานคงตั้งใจคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุด ให้สมกับเป็นการ์ดเชิญในวัน
สำคัญ อย่าง ... วันแต่งงาน

หญิงสาวคิดได้ดังนั้น ก็เริ่มสังหรณ์ใจแล้วว่า ที่เมฆพัดตีมึนตีรวนเธอ ความรู้สึกคงไม่ต่างจากเภตราเท่าใด ...

องก์อัมพุทอ่านข้อความเงียบๆได้แค่ช่วงแรก ทันทีที่เห็นชื่อบ่าวสาว เธอจึงอ่านทวนเสียงดังให้มั่นใจว่า แต่ละตัวอักษรที่ปรากฏไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

"... เลี้ยงฉลองพิธีมงคลสมรสระหว่าง ... นางสาวเภตรา ท่องนที กับ ดร. มัตติก์ กาญจนรักษ์ ... อะไรกัน เภาไม่เห็นบอกอะไรเลย แล้วพี่พัดไปได้การ์ดใบนี้มายังไงคะ"

เมฆพัดเบือนหน้าหลบองก์อัมพุท มันยอกแสยงแปลบลึกเกินจะตอบคำถาม จนลืมสังเกตอะไรบางอย่างในคำพูดของน้องสาว

"เจ้าภาพเขาเอามาให้ที่ทำงาน"

"ที่ทำงานหรือคะ ..."

ชายหนุ่มนิ่วหน้าเมื่อรู้ตัวว่าพูดมากเกินไป เจ้าตัวจึงเลือกที่จะหันหลัง แล้วสาวเท้าออกจากห้องนั่งเล่น กลับเข้าห้องตัวเอง เพราะไม่ต้องการให้น้องสาวซักไซ้อะไรอีก

ทั้งเรื่องงาน ... และเรื่องที่ทำท่าจะหนักหน่วงที่สุดในชีวิต ... เภตรา





งานเลี้ยงฉลองความสำเร็จ ในการทำสัญญาคู่ค้าทางธุรกิจรายใหม่ ระหว่างบริษัทจิตตระการ เรียลเอสเตท จำกัด กับ ห้างหุ้นส่วนอัญเชิญค้าไม้ จำกัด โดยมีปารตีเป็นเจ้าภาพ ซึ่งถูกจัดขึ้นภายในห้องรับรองของโรงแรมแห่งหนึ่ง

วิชชุ์วิธูจำเป็นต้องอยู่ช่วยดูแลความเรียบร้อย ทั้งในเรื่องสัญญาลงนาม ซึ่งอีกฝ่ายถือเป็นนักธุรกิจคนสำคัญในวงการค้าไม้ เรียกได้ว่า ทั่วภูมิภาคอีสาน ทั้งอีสานเหนือและอีสานใต้ ไม่มีใครที่ไม่รู้จักเจ้าสัวอัญเชิญ มกรชัยโชค

ผู้ช่วยมือดีของปารตีอาจแปลกใจกว่านี้ หากภรรยาของบิดาไม่เปรยถึงโครงการใหม่ขึ้นมาว่า มีความสนใจงานตกแต่งภายในจากเครื่องไม้ แทนการใช้เครื่องเรือนแบบบิลด์อินที่โครงการส่วนมากมักติดตั้งฝังกับตัวบ้าน

การเจรจาธุรกิจเกิดขึ้นเมื่อตัวแทนของทั้งสองฝ่าย คือฝั่งปารตีมีวิชชุ์วิธูเป็นตัวแทน และหญิงสาวบุคลิกมาดมั่นที่ชายหนุ่มจำได้ว่า เคยพบเธออยู่กับรวิรุจน์ ตอนที่เมฆพัดพี่ชายขององก์อัมพุทประสบอุบัติเหตุ เป็นตัวแทนฝั่งเจ้าสัวอัญเชิญ

แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว จนมาถึงวันนี้ที่วิชชุ์วิธูต้องติดอยู่กับงานเลี้ยง แทนที่จะได้ไปรับองก์อัมพุทกลับบ้านอย่างที่ทำมาตลอด ๓ สัปดาห์

“ดีใจจังค่ะ ที่ธุรกิจของเรามีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในโครงการบ้านหรูกลางกรุงเทพฯของคุณวิชชุ์ ... วิธูนะคะ”

"ทางเราก็ยินดีเช่นกันครับ ที่ท่านเจ้าสัวสนใจโครงการเล็กๆของเรา"

"ถ่อมตัวเกินไปหรือเปล่าคะ คุณวิชชุ์ ... เอ่อ ขออนุญาตเรียกแบบนี้ คุณคงไม่รังเกียจ"

วิชชุ์วิธูยกมุมปากและผงกศีรษะเล็กน้อยเป็นคำตอบรับ ในเวลานี้เขาได้แต่คิดว่า งานต้องมาก่อน นี่คือ หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบให้ลุล่วง

ไว้พรุ่งนี้ เขาค่อยไปตามหัวใจตัวเอง ... หัวใจที่ได้ฝากใครคนหนึ่งดูแลตั้งแต่มั่นใจในความรู้สึกของตน ว่าเธอคนนี้ที่ใช่

"คุณวิชชุ์คะ ... คุณวิชชุ์ เบื่อคุยกับอัญรึเปล่าคะ"

หญิงสาวผู้ซึ่งนับได้ว่า เป็นตัวแทนหุ้นส่วนใหม่รายใหญ่ขานชื่อสนิทสนมด้วยน้ำเสียงพ้อในที ทำเอาคนที่อยู่ระหว่างทำหน้าที่ต้องตำหนิตัวเอง ที่ไม่ใส่ใจลูกค้าจนอาจมีผลกระทบทางธุรกิจตามมา

ลำพังงานรับรองระดับรองผู้บริหารหรือผู้บริหารทั่วไป วิชชุ์วิธูคงไม่ลำบากใจเท่านี้ แต่เธอเป็นตัวแทนเจ้าสัว ... เป็นบุตรีที่ได้รับความไว้วางใจให้ทำทุกอย่าง ไม่ต่างจากเจ้าสัวอัญเชิญมาเอง

"ขอโทษนะครับที่เสียมารยาท"

"อะไรกันคุณวิชชุ์ อัญแค่ล้อเล่นค่ะ อย่าถือสาเลย"

ไม่เพียงแต่คำพูด มือเรียวสวยของช่ออัญชันก็บรรจงแตะท่อนแขนชายหนุ่มเบาๆ แล้วค่อยเพิ่มน้ำหนักลงไป

วิชชุ์วิธูได้แต่มองตาม สายตานั้นฉายแววอึดอัดชัดเจน แต่ก็ไม่กล้าทำสิ่งใด นอกจากยิ้ม ... ยิ้มที่เป็นแค่การยกมุมปากอีกครั้ง ทว่า ใบหน้ากลับเรียบเฉย พยายามรักษาความสุภาพตามมารยาท จนอีกฝ่ายน่าจะเข้าใจต่อท่าที เนื่องจาก มือที่กึ่งวางกึ่งจับนั้น พลันปล่อยแล้วดึงกลับอย่างรวดเร็ว

ช่ออัญชันแก้เก้อยกเรื่องงานขึ้นมาคุยทันที ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่า กำลังถูกผูกขาดการสนทนาไว้ ให้อยู่แต่กับเธอ

"วันนี้คุยเรื่องธุรกิจจนอัญเบื่อแล้ว ได้ยินว่า คุณวิชชุ์เคยเป็นอาจารย์ ... จริงหรือเปล่าคะ"

ผู้ช่วยคนเก่งของปารตีหรี่ตาลงเล็กน้อย เรื่องส่วนตัวของเขา 'อดีตของเขา' พรั่งพรูจากปากคนที่เพิ่งรู้จัก

หญิงสาวที่ดูจะมีความสามารถในการเปิดประเด็น ยังชวนคุยไปเรื่อยๆ ราวกับไม่ได้สังเกตปฏิกิริยาของคู่สนทนาแม้แต่น้อย

"ครับ"

วิชชุ์วิธูพยายามเก็บงำความรู้สึกให้มิดชิดที่สุด แต่ยิ่งเก็บก็กลับกลายเป็นช่องโหว่ ให้เป็นที่น่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก ช่ออัญชันรับรู้ได้โดยที่เขาไม่ทันรู้ตัวสักนิด

ช่ออัญชันยกแขนดูนาฬิกาที่ข้อมือ แล้วเงยหน้าพูดกับวิชชุ์วิธู ถึง 'งาน' และความสำเร็จทางธุรกิจ ทั้งๆที่เมื่อครู่เธอเพิ่งแสดงความอยากรู้ในเรื่องส่วนตัวของเขาอยู่เลย

"อืม ... วันนี้อัญขอบคุณคุณวิชชุ์มากนะคะ ที่ดูแลอัญ ... และคนของเราเป็นอย่างดี เห็นทีว่า คงต้องขอตัว ... คืนนี้ยังต้องเดินทางอีกค่ะ"
ชายหนุ่มแทบจะปรับสีหน้าท่าทางไม่ทัน อดคิดในใจไม่ได้ว่า ช่ออัญชันกำลังคิดอะไร ... กันแน่

แต่ในเมื่อภาระหน้าที่ใกล้จะสิ้นสุด เขาก็ขอตามน้ำให้มันจบลงตรงนี้ คงจะเป็นการดีที่สุดแล้ว

"เช่นกันครับ เดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับ"

วิชชุ์วิธูได้รับรอยยิ้มหวาน นัยน์ตาเชื่อมพราวจากช่ออัญชัน ซึ่งมองอย่างไรเขาก็ว่ามากกว่าคนที่ต้องร่วมงานกัน ... มากเกินพอดีจนเขานึกกลัว






กัทลินดูจะปลื้มอกปลื้มใจอักโขกับการ์ดใบสวยในมือ คุณแม่ผู้บงการของมัตติก์กรีดน้ำตาที่ไม่มีสักหยาดตรงหางตา ก่อนเอ่ยกับบุตรชายที่สุดท้ายก็ทำตามความประสงค์ของเธอ

"ดิน ... ต้องอย่างนี้สิลูกแม่ แล้วนี่ไปตกลงกับน้องไว้ตั้งแต่เมื่อไร"

'น้อง' ที่ถูกเอ่ยถึง จะเป็นใครไปได้นอกจากเภตรา ว่าที่ลูกสะใภ้ที่หมายตานับตั้งแต่ได้รู้จักผ่านเพื่อนของเธอ ... คุณพักตรา

"ไม่สำคัญหรอกครับ ... ผมทำทุกอย่างตามความต้องการของคุณแม่แล้ว แต่หลังจากนี้ ผม ... กับ คนที่ผมจะอยู่ด้วย ขอจัดการชีวิตของตัวเอง ... นะครับ"

มัตติก์รวบรัดเนื้อความให้มารดาเข้าใจว่า เขายังอยู่ในโอวาทและเชื่อฟังบุพการีด้วยดี ไม่เคยคิดจะขัดใจแม้สักครั้ง

กัทลินมัวแต่ยินดีปรีดากับการแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้น จึงไม่ได้รู้สึกถึงความคลุมเครือในคำพูดของบุตรชายคนเดียว เธอพยักหน้ารับอย่างเต็มอกเต็มใจ ในเมื่อมัตติก์อ่อนข้อให้กับเธอ ยอมถูกคลุมถุงชน

ไม่สิ ต้องบอกว่า ยอมให้ผู้เป็นแม่เลือกคนที่จะมาร่วมวงศ์ตระกูลให้ ก็คงต้องโอนอ่อนผ่อนตามแก่เขาบ้าง

"ตามใจสิลูก ... ดินยอมแต่งงานกับหนูเภา แค่นี้แม่ก็พอใจแล้ว"

"ขอบคุณครับคุณแม่ ... ที่เข้าใจ"

หนุ่มหุ่นสำอางยิ้มบางในหน้า ทุกอย่างที่เขาปูทางไว้ กำลังจะเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น

ขอแค่พวกเขาต้องช่วยกัน ทำให้มันผ่านไปและจบลง อย่างเงียบเชียบและเรียบร้อยที่สุด




องก์อัมพุทยังคงหมกมุ่นครุ่นคิดเรื่องของเมฆพัดกับเภตราจนนอนไม่หลับ ความกลัดกลุ้มที่มีทำให้ต้องลุกจากที่นอน เพราะไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้อีก

เจ้าจันก็พลอยตกใจตื่นไปด้วย เมื่อรู้สึกได้ว่า ขาดความอบอุ่นจากนายสาวของมัน

"โทษทีนะเจ้าจัน ..."

หญิงสาวพูดเบาๆกับแมวตัวน้อย ที่เริ่มกลายสภาพเพราะความเจริญเติบโตตามความอุดมสมบูรณ์ ที่เจ้าของเลี้ยงดูทะนุถนอมอย่างดี

ครั้นพอเจ้าจันผงกหัวแหงนมองหน้าเธอด้วยดวงตาใสแจ๋ว รับรู้ที่มาของเสียงมันก็ตอบกลับไปเช่นกัน

"เงี้ยว"

องก์อัมพุทเห็นดังนั้น ก็คิดถึงวิชชุ์วิธูจับใจ แต่ดูจากความมืดมิดเวลานี้บ่งบอกได้ว่าดึกแล้ว เธอไม่ต้องการรบกวนการพักผ่อนของเขา ต่อให้อยากคว้าโทรศัพท์ติดต่อมากเพียงไร ก็จำต้องข่มใจรอให้ถึงเช้าเสียก่อน

"โอ๊ย ... กลุ้มๆๆ ฉันจะทำยังไงดีเจ้าจัน"

เมื่อไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปหาใคร ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตใกล้ตัว ที่นอนขดบนเตียงเดียวกัน น่าจะรับฟังเธอไปพลางๆได้

เจ้าหน้าขนที่ถูกขอคำแนะนำ มันจ้องหน้านายสาวนิ่ง ก่อนค่อยๆขยับกายเปลี่ยนจากนอนหมอบลุกขึ้นนั่ง แล้วยื่นหน้ามาเลียมือคนกลุ้มใจสามที

"ปลอบใจฉันเหรอ ... เจ้าจัน ขอบใจนะ"

หญิงสาวแทนคำขอบใจที่เอ่ยออกมาด้วยการลูบหัว ก่อนจะเลื่อนมาเกาคางให้เจ้าแมวน้อย ที่ช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นบ้าง

"หรือเราควรจะไปพบคุณมัตติก์ ... แล้วเราจะบอกเขายังไงล่ะ ... บ้าจริง ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง"

องก์อัมพุทบ่นงึมงำด้วยอับจนหานทาง แล้วเสียงเพลงที่คุ้นเคยจากโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น

อำนาจของเสียงเพลงพิเศษเฉพาะบุคคลที่ได้ยิน เสมือนว่าใครคนนั้นล่วงรู้ถึงความคิด และมีพลังมากพอจนก่อเกิดแรงสะท้อนในอกได้อย่างรวดเร็ว

หญิงสาวเอี้ยวตัวเอื้อมคว้าอุปกรณ์สื่อสารส่วนตัวข้างหมอน แล้วมันก็มาอยู่ในมือโดยไม่ต้องมองหน้าจอ เธอก็รู้แล้วว่า ‘คนที่คิดถึง’ กำลังรออยู่

"พี่วิชชุ์ ... ยังไม่นอนหรือคะ"

"คิดถึงพี่ใช่ไหม ... ติดปุ๊บรับปั๊บแบบนี้"

องก์อัมพุทถึงกับกลั้นหายใจ เม้มริมฝีปากไม่ให้เผลอหลุดยิ้มออกมา เธอลืมไปแล้วว่า ก่อนหน้านี้ ยังพูดคนเดียวสลับคุยกับแมวอยู่เลย

"พี่อนุญาตให้ยิ้ม ... ถึงแอบเขินก็รับรองว่า พี่ไม่เห็น ..."

"พี่วิชชุ์ ..."

คนประท้วงนั้นขัดเขินดังที่เขาพูดดักไว้อย่างรู้ทัน จึงแก้ขวยด้วยการทำเสียงเข้มเรียกชื่อ แต่กลับเป็นเจ้าตัวอีกนั่นล่ะ ที่ต้องจับชายผ้าห่มมาบิดเกลียว ไม่ให้ตัวเองสะเทิ้นอายไปกว่านี้เพราะคำขานรับ ... คล้ายใสซื่อเหลือเกินของวิชชุ์วิธู

"จ๋า"

"จะแกล้งพุดอีกนานมั้ยคะ ... พุดจะได้วางสาย"

"อะไรกัน ... นี่พี่ยอมเสียมารยาทโทร.มาดึกขนาดนี้ เพราะคิดถึง ... ทำไมไม่เข้าใจกันบ้าง"

ปลายสายทำเสียงออดจนองก์อัมพุทไม่รู้ว่า วิชชุ์วิธูจะอ้อนหรือตัดพ้อเธอ ... แต่ที่แน่ๆ มันก็ทำให้หัวจิตหัวใจสะท้านหวั่นไหวมากมาย

พอไม่รู้จะทำอย่างไร หญิงสาวจึงเลือกที่จะเงียบ เธอเรียนรู้มาระยะหนึ่งแล้วว่า ด้านสำนวนโวหาร ผู้ชายคนนี้ไม่เป็นรองใคร และไม่ว่าจะตอบโต้เช่นไร ทุกคำมักจะย้อนกลับมาทำให้เธอเสียเปรียบตลอด

จะพูดจะกล่าวสิ่งใด ก็เข้าเนื้อไปเสียหมด

"หนูพุด ... เงียบอีกแล้ว โอเค พี่ไม่แหย่แล้ว ... แค่อยากบอกว่า หลับฝันดีนะจ๊ะ ..."

"พี่วิชชุ์คะ ..."

องก์อัมพุทเรียกชื่อรั้งไว้ก่อนวิชชุ์วิธูเอ่ยลา ใช้เวลาเสี้ยววินาทีที่เงียบไป ตัดสินใจเด็ดขาดว่า เธอจะไม่เก็บความอึดอัดกลัดกลุ้มไว้กับตัว และจากความจริงจังในน้ำเสียงที่ชายหนุ่มจับได้ ก็ทำให้เขาปรับน้ำเสียงให้จริงจังตามไปด้วย

"มีเรื่องอะไรหรือเปล่า หนูพุด ..."

ผู้ชายที่ไม่ใช่คนในครอบครัว แต่เป็นคนที่องก์อัมพุทให้ความไว้วางใจ พร้อมแล้วในการรับฟังอย่างตั้งใจ กลับเป็นเธอเองไม่สามารถเรียบเรียงถ้อยคำที่อัดแน่นออกมาเป็นคำพูดได้

ซึ่งวิชชุ์วิธูก็คงเข้าใจจึงไม่ได้เร่งรัด และรอให้หญิงสาวได้ปลดปล่อยมันออกมา ... คืนนี้ เขามีเวลาให้เธอทั้งคืน

เสียงระบายลมหายใจพรูใหญ่ บอกให้ชายหนุ่มเข้าใจได้ไม่ยากว่า คนที่เขาห่วงใยนั้น มีความไม่สบายใจสะสมอยู่ภายในมากมายทีเดียว

"พี่วิชชุ์คะ ... พุดจะทำยังไงดี ... พุดเป็นห่วงพี่พัด ... เป็นห่วงเภา ... พวกเขาจะแยกทางกันจริงๆแล้ว"






เภตราชำเลืองมองการ์ดใบสวยที่มัตติก์สั่งพิมพ์ เธอนำมันมาวางอยู่บนโต๊ะ ๒ ใบ ที่เหลือจากจำนวนทั้งหมด ซึ่งเช้าวันรุ่งขึ้นก็จะถือลงไปให้พักตราได้ยลโฉม

ที่เหลือจากทั้งหมด ๕ ใบ อย่างนั้นหรือ ?

ว่าที่เจ้าสาวเกือบหัวเราะคิกออกมา กับความจริงบางอย่างที่เหมือนเป็นตลกร้ายในการกระทำครั้งนี้

หญิงสาวถอนหายใจลึก รู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เพราะไม่รู้ว่า การตัดสินใจแต่งงานของเธอ จะช่วยให้ 'อะไรๆ' คลี่คลายไปในทางที่ดีอย่างที่มัตติก์ 'กล่อม' เธอ ไว้ได้หรือไม่

'เชื่อใจผมสิ ... ถ้าเราไม่ชิงลงมือ เราจะต้องทนทรมานกันแค่ไหน ... ในเมื่อ คุณก็มีคนรักของคุณ ... ผมก็มี ไม่ต่างจากคุณเหมือนกัน'

เภตราอยากรู้เหมือนกันว่า เมฆพัดจะแคร์ความรู้สึกของเธอสักแค่ไหน

คนที่เธอรักที่สุด จะรักเธอจนยอมทำเพื่อเธอ ... เหมือนที่มัตติก์ ทำเพื่อตัวเองและคนที่เขารัก ได้ไหม ?

หญิงสาวรู้ว่า สิ่งที่ทำไปเป็นการตัดสินใจบนความเสี่ยง แต่ในเมื่อเธอไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว ถ้ามันไม่สำเร็จ ...

เธอก็แค่สูญเสียเมฆพัด ... ไปตลอดกาล

เท่านั้นเอง !












*****************************************








โปรดติดตามตอนต่อไป ...


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม และ ขอขอบคุณทุกไลค์กำลังใจฮะ


คุณปอยอะนะ : กลับมาแล้วฮะ .. ขอโทษจริงๆที่ให้รอนาน อาจมีหยุดพักบ้าง แต่รับรองว่า ไม่หายไปไหน นิยายจบแน่นอนฮะ


คุณใบบัวน่ารัก : คราวนี้คงบรรเทาอาการ 'ปวดใจ' ได้บ้างนะฮะ


ขอขอบคุณสำหรับการพูดคุยกันฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 มี.ค. 2559, 12:02:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 มี.ค. 2559, 12:02:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1040





<< บทที่ ๓๕ .. การตัดสินใจ   บทที่ ๓๗ .. ใครดี ใครได้ >>
ปอยอะนะ 18 มี.ค. 2559, 13:47:39 น.
ได้อ่านซักที คิดถึงเมฆ ขอบคุณนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account