มนต์อักษรอ้อนรัก
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 12
บทที่ 12
วันรุ่งขึ้น
เพราะจะไปแจ้งความเรื่องคนหายที่สถานีตำรวจและตั้งใจจะขับรถตระเวนไปตามสถานที่ที่ครองขวัญชอบไป กอบบุญจึงโทรศัพท์แจ้งกับนพรุจว่าไม่เข้าบริษัท ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่รู้ว่าเช้านี้เมื่อนาวิตามาถึงบริษัทก็ปรี่เข้าไปในห้องทำงานของนพรุจ
“เมื่อคืนนานอนไม่หลับเลย เป็นห่วงพี่นิน ไม่รู้ว่าป่านนี้เป็นยังไงบ้าง”
หญิงสาวเข้าเรื่องทันทีด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาทั้งสองข้างค่อนข้างบวมและแดงบ่งบอกว่าผ่านการร้องไห้มาแล้วไม่น้อย
เจ้าของห้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนบอก
“พี่ก็เป็นห่วงนายนินเหมือนกัน เมื่อเช้าเลยสั่งเจ้าพวกนั้นให้เข้าไปดู เท่าที่ฟังคิดว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง อย่างน้อยบาดแผลก็ไม่ได้อักเสบหรือติดเชื้ออย่างที่นึกกังวล”
หลังจากเงียบไปนิด นพรุจก็พูดขึ้นอีกด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
“แต่พี่ไม่สบายใจเรื่องนายกอบมากกว่า ฟังจากที่มันเล่าเมื่อคืนทุกคนในบ้านไม่มีใครได้นอน เช้านี้เห็นว่าจะไปแจ้งความแล้วก็จะไปตามหาน้องสาว พี่กลัวว่าเรื่องมันจะไปกันใหญ่ก็เพราะเจ้ากอบนี่ล่ะ”
“ทำไมคะ”
“พี่คิดว่ากอบบุญคงไม่ปล่อยมือจากเรื่องนี้ง่าย ๆ ถึงแม้ตอนหลังเจ้าพวกนั้นจะปล่อยตัวทั้งคู่ตามแผนที่พวกเราวางกันเอาไว้ก็เถอะ จากนิสัยของมันพี่กลัวว่าเจ้ากอบจะยังตามเอาเรื่องจนกว่าจะรู้ตัวคนร้าย ถึงตอนนั้นหากมันรู้ว่าพี่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ทีนี้ละมันคงฆ่าพี่ตาย”
“คงไม่ขนาดนั้นมั้งคะพี่นพ”
นาวิตาแย้งทั้งที่ใจไม่ดี อดกลัวไม่ได้เหมือนกันเมื่อนึกถึงลักษณะดิบ ๆ โหด ๆ ของกอบบุญในความคิดของเธอ
“ก็คงไม่ถึงกับฆ่าหรอก แต่...มันอาจลาออกจากงานแล้วก็เลิกคบพี่ไปเลย”
ฟังแล้วหญิงสาวก็หน้าเสีย ก่อนบอกอย่างเห็นใจและรู้สึกผิดเมื่อเห็นญาติหนุ่มมีทีท่าไม่สบายใจ
“งั้นพี่นพบอกไปเลยค่ะว่าทั้งหมดเป็นแผนของนาเอง พี่นพไม่เกี่ยว”
“พูดอะไรอย่างนั้น ถึงเป็นเพราะเรามาขอร้องแต่ก็ไม่มีใครบังคับให้พี่ทำ อีกอย่างพวกที่จับนายนินกับครองขวัญก็เป็นลูกน้องของพี่ทั้งนั้น แล้วจะบอกว่าพี่ไม่เกี่ยวได้ยังไง”
นพรุจแย้ง ก่อนยิ้มเหมือนต้องการปลอบเมื่อเห็นสีหน้าเดือดเนื้อร้อนใจของนาวิตา
“ไม่เอา อย่าทำหน้าเป็นหนูถูกจับได้แบบนี้ พี่ก็พูดไปอย่างนั้นเอง ถึงนายกอบมันรู้ความจริงพี่ก็มีวิธีพูดให้มันหายโกรธได้ คบกันมาตั้งนานพี่พอจะรู้วิธีรับมือมันหรอกน่า”
นาวิตาฝืนยิ้ม รู้ดีว่านพรุจไม่อยากให้เธอคิดมาก แต่ยังคงรู้สึกผิดเมื่อนึกย้อนไปเมื่อตอนที่มาขอความช่วยเหลือจากชายหนุ่มเพราะความไม่สบายใจในเรื่องของนินนาทกับครองขวัญ
ตอนนั้นคิดแค่อยากให้ทั้งคู่ได้ปรับความเข้าใจกัน ทำให้ไม่ทันนึกถึงจิตใจของคนอื่น
ถึงตอนนี้หญิงสาวนึกเสียใจ
ตอนเริ่มคิดแผนการนี้เธอมัวแต่นึกถึงนินนาท ไม่ทันนึกว่ากอบบุญจะรู้สึกยังไงถ้าน้องสาวถูกจับตัวไป
แล้วยังมีคนที่บ้านของเขาอีกล่ะ
นาวิตายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิด แต่รู้ดี
ถึงย้อนเวลากลับไปได้เธอก็ยังคงทำเหมือนเดิม
แม้สบายใจขึ้นบ้างเมื่อนพรุจยืนยันว่ารับมือกอบบุญได้ แต่ยังอดถอนหายใจไม่ได้เมื่อนึกถึงวันข้างหน้าหากกอบบุญเกิดรู้ความจริง
ถึงตอนนั้น เธอจะรับมือกับเขายังไงดี
ตลอดเวลาที่ขับรถตระเวนไปตามสถานที่ต่าง ๆ ใจของกอบบุญก็ยิ่งร้อนรนระคนหงุดหงิดขึ้นเรื่อย ๆ ต่างจากความหวังที่ริบหรี่ลงทุกขณะ
“แกไปอยู่ไหนวะไอ้ขวัญ!”
ชายหนุ่มคำรามออกมาอย่างห่วงปนโมโห ทั้งที่ไม่อยากคิดในทางร้ายแต่เศษเสี้ยวในใจก็คอยไขว้เขว
ถ้าครองขวัญเป็นอะไรไป
คิดแค่นั้น กอบบุญก็ใจหาย
ในความคิดของเขา ครองขวัญแทบไม่ต่างจากกบในกะลา นอกจากเพื่อนไม่ค่อยมีก็ยังไม่ค่อยออกไปไหน แล้วยังชอบเก็บตัวอยู่ในโลกของตัวเองจนไม่รับรู้ว่าโลกนอกกะลานั้นนับวันยิ่งเลวร้ายและจิตใจของคนก็ไร้ศีลธรรมลงทุกขณะ
กบซื่อบื้อ!
ชายหนุ่มนึกอย่างเข่นเขี้ยว ก่อนกระแทกมือกับพวงมาลัยรถอย่างอัดอั้นตันใจ
ขณะเดียวกัน ‘กบซื่อบื้อ’ ในความคิดของกอบบุญกำลังนั่งกอดเข่าด้วยท่าทางเซื่องซึมอยู่ภายในกระท่อม
หญิงสาวหวนนึกถึงเหตุระทึกขวัญตอนเช้าเมื่อหนึ่งในกลุ่มโจรเปิดประตูห้องเข้ามา ตอนนั้นเธอตกใจมากเพราะคิดว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาทำร้าย ต่อมาจึงโล่งใจเมื่อรู้ว่าฝ่ายนั้นเพียงต้องการเข้ามาดูอาการของนินนาท ตอนนั้นยอมรับว่างุนงงกระทั่งเห็นอีกฝ่ายหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดถ่ายรูป
‘จะส่งไปเรียกค่าไถ่’
นั่นคือคำบอกของตากล้องเถื่อนก่อนเดินออกไป
“ไม่ต้องห่วงนะ อีกไม่นานเราคงได้ออกไปจากที่นี่”
คำบอกของนินนาทดึงความสนใจของครองขวัญจนต้องหันไปมอง
“ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นคะ”
“เพราะผมเชื่อว่าพวกนั้นน่าจะรู้จักผมดี แล้วรูปที่ถ่ายไปเมื่อกี้ก็คงจะส่งไปเป็นหลักฐานว่าจับตัวผมมาจริง ๆ ไม่แน่ว่าตอนนี้หนูนาคงได้รับภาพนั้นพร้อมกับการเรียกค่าไถ่ตัวผมแล้วก็ได้”
“งั้นพวกนั้นก็จับตัวคุณมาเพราะต้องการเรียกค่าไถ่จริง ๆ สิคะ”
“น่าจะใช่” ชายหนุ่มเปิดยิ้มที่ส่งไม่ถึงดวงตา “ขอโทษนะที่ทำให้คุณเดือดร้อน”
ครองขวัญถอนหายใจให้กับคำพูดที่ได้ยินมาหลายครั้ง จริงอยู่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่ากลัวที่น่าจะสร้างความตกใจและเสียขวัญ แต่นอกจากช่วงแรกแล้วเธอแทบไม่ได้นึกกลัวมากอย่างที่ควรจะเป็น
หรือนั่นเป็นเพราะมีนินนาทอยู่ด้วย
หญิงสาวยิ้มให้กับความคิดของตัวเองที่คงเพ้อเจ้อในสายตาและความคิดของคนอื่น แต่เธอรู้ดีว่ามีความหมายบางอย่างซุกซ่อนอยู่
“แต่คุณก็พยายามปกป้องฉันจนบาดเจ็บ ถือว่าคุณไถ่โทษให้ฉันแล้ว เพราะงั้นต่อไปไม่ต้องรู้สึกผิด ไม่ต้องขอโทษกันอีกแล้วนะคะ”
“ครองขวัญ”
ครองขวัญหลบตาใจเต้นแรงเหมือนทุกครั้งเมื่อนินนาทมองเธอด้วยแววตาอ่อนโยนอบอุ่น เธอเชื่อว่านินนาทคงไม่รู้ว่าเวลาที่เขามองเธอแบบนี้มักทำให้เธอคิดเข้าข้างตัวเองเสมอว่า...เขาอาจรู้สึกบางอย่างกับเธอ
หัวใจหญิงสาวกลับมาเป็นเต้นเป็นจังหวะปกติพร้อมกับความคิดที่พร่ำบอกตัวเองหลายครั้งหลายหน
ทั้งที่ความจริง เขาคงไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลย
“ถือว่าเราหายกัน ถ้าออกไปจากที่นี่ได้ เราอย่าพบกันอีกเลยค่ะ ทำเหมือนว่า...ไม่เคยรู้จักกันเลยยิ่งดี”
เจ็บทั้งลำคอและเจ็บทั้งหัวใจกว่าจะเปล่งคำพูดสุดท้ายออกไปได้ ยิ่งนึกถึงค่ำคืนที่ผ่านมาจากการได้รับรู้เรื่องราวความขัดแย้งระหว่างนินนาทกับอุไรทิพย์ ครองขวัญก็รู้สึกราวกับเธอได้รับรู้และแบ่งปันความเจ็บปวดและขมขื่นในหัวใจของเขา ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเหมือนเธอเข้าใกล้เขาเข้าไปอีกก้าว
ทั้งที่จริง ๆ แล้วเขายังคงไกลเกินเอื้อมสำหรับเธอ
แล้วเธอจะทำได้จริงหรือ หากต้องทำเหมือนไม่เคยรู้จักไม่เคยอยู่ใกล้ชิดกับเขาแบบนี้
“แต่ผมทำแบบนั้นไม่ได้”
ครองขวัญยิ่งปวดใจยามได้ยินนินนาทค้านเสียงแหบแห้ง วูบนั้นนึกอยากเห็นสีหน้าแววตาของเขาแต่ไม่กล้าพอ
คงเพราะเห็นหญิงสาวนิ่งเงียบ ชายหนุ่มจึงตั้งคำถาม
“แล้วคุณไม่อยากรู้หรือว่าเพราะอะไร ผมจึงทำไม่ได้”
เธอไม่อยากรู้
หญิงสาวบอกตัวเอง หัวใจเต้นแรงเมื่อรับรู้ว่าชายหนุ่มขยับตัวเข้ามาใกล้
“ถึงเรารู้จักกันไม่นาน แต่ผมยังอยากเจอคุณ แล้วก็...อยากอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้”
ครองขวัญสั่นสะท้านทั้งกายและใจเมื่อนินนาทถือวิสาสะเชยคางเธอให้หันกลับไปมอง วินาทีที่สายตาประสานกันแม้อยากหลบเลี่ยงแต่เหมือนมีแรงดึงดูดจากดวงตาสีนิลจนเธอยังคงสานสบด้วยทั้งที่ใจกำลังหวั่นไหว
ตลอดเวลาที่ถูกนินนาทจับจ้องเงียบ ๆ ครองขวัญรู้สึกราวกับหัวใจตัวเองเรียกร้องจะออกมาเต้นนอกอก ทว่า วินาทีที่เธอเห็นเขาค่อย ๆ ก้มหน้าลงมา หัวใจของเธอกลับเหมือนจะหยุดเต้นไปเสียเฉย ๆ
และ...วินาทีที่นินนาททาบทับริมฝีปากอุ่นจัดของเขาเข้ากับเธอ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวก็เหมือนพากันหยุดนิ่ง
*******************************
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและมอบ LIKE เป็นกำลังใจให้กันค่ะ
วันรุ่งขึ้น
เพราะจะไปแจ้งความเรื่องคนหายที่สถานีตำรวจและตั้งใจจะขับรถตระเวนไปตามสถานที่ที่ครองขวัญชอบไป กอบบุญจึงโทรศัพท์แจ้งกับนพรุจว่าไม่เข้าบริษัท ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่รู้ว่าเช้านี้เมื่อนาวิตามาถึงบริษัทก็ปรี่เข้าไปในห้องทำงานของนพรุจ
“เมื่อคืนนานอนไม่หลับเลย เป็นห่วงพี่นิน ไม่รู้ว่าป่านนี้เป็นยังไงบ้าง”
หญิงสาวเข้าเรื่องทันทีด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาทั้งสองข้างค่อนข้างบวมและแดงบ่งบอกว่าผ่านการร้องไห้มาแล้วไม่น้อย
เจ้าของห้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนบอก
“พี่ก็เป็นห่วงนายนินเหมือนกัน เมื่อเช้าเลยสั่งเจ้าพวกนั้นให้เข้าไปดู เท่าที่ฟังคิดว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง อย่างน้อยบาดแผลก็ไม่ได้อักเสบหรือติดเชื้ออย่างที่นึกกังวล”
หลังจากเงียบไปนิด นพรุจก็พูดขึ้นอีกด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
“แต่พี่ไม่สบายใจเรื่องนายกอบมากกว่า ฟังจากที่มันเล่าเมื่อคืนทุกคนในบ้านไม่มีใครได้นอน เช้านี้เห็นว่าจะไปแจ้งความแล้วก็จะไปตามหาน้องสาว พี่กลัวว่าเรื่องมันจะไปกันใหญ่ก็เพราะเจ้ากอบนี่ล่ะ”
“ทำไมคะ”
“พี่คิดว่ากอบบุญคงไม่ปล่อยมือจากเรื่องนี้ง่าย ๆ ถึงแม้ตอนหลังเจ้าพวกนั้นจะปล่อยตัวทั้งคู่ตามแผนที่พวกเราวางกันเอาไว้ก็เถอะ จากนิสัยของมันพี่กลัวว่าเจ้ากอบจะยังตามเอาเรื่องจนกว่าจะรู้ตัวคนร้าย ถึงตอนนั้นหากมันรู้ว่าพี่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ทีนี้ละมันคงฆ่าพี่ตาย”
“คงไม่ขนาดนั้นมั้งคะพี่นพ”
นาวิตาแย้งทั้งที่ใจไม่ดี อดกลัวไม่ได้เหมือนกันเมื่อนึกถึงลักษณะดิบ ๆ โหด ๆ ของกอบบุญในความคิดของเธอ
“ก็คงไม่ถึงกับฆ่าหรอก แต่...มันอาจลาออกจากงานแล้วก็เลิกคบพี่ไปเลย”
ฟังแล้วหญิงสาวก็หน้าเสีย ก่อนบอกอย่างเห็นใจและรู้สึกผิดเมื่อเห็นญาติหนุ่มมีทีท่าไม่สบายใจ
“งั้นพี่นพบอกไปเลยค่ะว่าทั้งหมดเป็นแผนของนาเอง พี่นพไม่เกี่ยว”
“พูดอะไรอย่างนั้น ถึงเป็นเพราะเรามาขอร้องแต่ก็ไม่มีใครบังคับให้พี่ทำ อีกอย่างพวกที่จับนายนินกับครองขวัญก็เป็นลูกน้องของพี่ทั้งนั้น แล้วจะบอกว่าพี่ไม่เกี่ยวได้ยังไง”
นพรุจแย้ง ก่อนยิ้มเหมือนต้องการปลอบเมื่อเห็นสีหน้าเดือดเนื้อร้อนใจของนาวิตา
“ไม่เอา อย่าทำหน้าเป็นหนูถูกจับได้แบบนี้ พี่ก็พูดไปอย่างนั้นเอง ถึงนายกอบมันรู้ความจริงพี่ก็มีวิธีพูดให้มันหายโกรธได้ คบกันมาตั้งนานพี่พอจะรู้วิธีรับมือมันหรอกน่า”
นาวิตาฝืนยิ้ม รู้ดีว่านพรุจไม่อยากให้เธอคิดมาก แต่ยังคงรู้สึกผิดเมื่อนึกย้อนไปเมื่อตอนที่มาขอความช่วยเหลือจากชายหนุ่มเพราะความไม่สบายใจในเรื่องของนินนาทกับครองขวัญ
ตอนนั้นคิดแค่อยากให้ทั้งคู่ได้ปรับความเข้าใจกัน ทำให้ไม่ทันนึกถึงจิตใจของคนอื่น
ถึงตอนนี้หญิงสาวนึกเสียใจ
ตอนเริ่มคิดแผนการนี้เธอมัวแต่นึกถึงนินนาท ไม่ทันนึกว่ากอบบุญจะรู้สึกยังไงถ้าน้องสาวถูกจับตัวไป
แล้วยังมีคนที่บ้านของเขาอีกล่ะ
นาวิตายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิด แต่รู้ดี
ถึงย้อนเวลากลับไปได้เธอก็ยังคงทำเหมือนเดิม
แม้สบายใจขึ้นบ้างเมื่อนพรุจยืนยันว่ารับมือกอบบุญได้ แต่ยังอดถอนหายใจไม่ได้เมื่อนึกถึงวันข้างหน้าหากกอบบุญเกิดรู้ความจริง
ถึงตอนนั้น เธอจะรับมือกับเขายังไงดี
ตลอดเวลาที่ขับรถตระเวนไปตามสถานที่ต่าง ๆ ใจของกอบบุญก็ยิ่งร้อนรนระคนหงุดหงิดขึ้นเรื่อย ๆ ต่างจากความหวังที่ริบหรี่ลงทุกขณะ
“แกไปอยู่ไหนวะไอ้ขวัญ!”
ชายหนุ่มคำรามออกมาอย่างห่วงปนโมโห ทั้งที่ไม่อยากคิดในทางร้ายแต่เศษเสี้ยวในใจก็คอยไขว้เขว
ถ้าครองขวัญเป็นอะไรไป
คิดแค่นั้น กอบบุญก็ใจหาย
ในความคิดของเขา ครองขวัญแทบไม่ต่างจากกบในกะลา นอกจากเพื่อนไม่ค่อยมีก็ยังไม่ค่อยออกไปไหน แล้วยังชอบเก็บตัวอยู่ในโลกของตัวเองจนไม่รับรู้ว่าโลกนอกกะลานั้นนับวันยิ่งเลวร้ายและจิตใจของคนก็ไร้ศีลธรรมลงทุกขณะ
กบซื่อบื้อ!
ชายหนุ่มนึกอย่างเข่นเขี้ยว ก่อนกระแทกมือกับพวงมาลัยรถอย่างอัดอั้นตันใจ
ขณะเดียวกัน ‘กบซื่อบื้อ’ ในความคิดของกอบบุญกำลังนั่งกอดเข่าด้วยท่าทางเซื่องซึมอยู่ภายในกระท่อม
หญิงสาวหวนนึกถึงเหตุระทึกขวัญตอนเช้าเมื่อหนึ่งในกลุ่มโจรเปิดประตูห้องเข้ามา ตอนนั้นเธอตกใจมากเพราะคิดว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาทำร้าย ต่อมาจึงโล่งใจเมื่อรู้ว่าฝ่ายนั้นเพียงต้องการเข้ามาดูอาการของนินนาท ตอนนั้นยอมรับว่างุนงงกระทั่งเห็นอีกฝ่ายหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดถ่ายรูป
‘จะส่งไปเรียกค่าไถ่’
นั่นคือคำบอกของตากล้องเถื่อนก่อนเดินออกไป
“ไม่ต้องห่วงนะ อีกไม่นานเราคงได้ออกไปจากที่นี่”
คำบอกของนินนาทดึงความสนใจของครองขวัญจนต้องหันไปมอง
“ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นคะ”
“เพราะผมเชื่อว่าพวกนั้นน่าจะรู้จักผมดี แล้วรูปที่ถ่ายไปเมื่อกี้ก็คงจะส่งไปเป็นหลักฐานว่าจับตัวผมมาจริง ๆ ไม่แน่ว่าตอนนี้หนูนาคงได้รับภาพนั้นพร้อมกับการเรียกค่าไถ่ตัวผมแล้วก็ได้”
“งั้นพวกนั้นก็จับตัวคุณมาเพราะต้องการเรียกค่าไถ่จริง ๆ สิคะ”
“น่าจะใช่” ชายหนุ่มเปิดยิ้มที่ส่งไม่ถึงดวงตา “ขอโทษนะที่ทำให้คุณเดือดร้อน”
ครองขวัญถอนหายใจให้กับคำพูดที่ได้ยินมาหลายครั้ง จริงอยู่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่ากลัวที่น่าจะสร้างความตกใจและเสียขวัญ แต่นอกจากช่วงแรกแล้วเธอแทบไม่ได้นึกกลัวมากอย่างที่ควรจะเป็น
หรือนั่นเป็นเพราะมีนินนาทอยู่ด้วย
หญิงสาวยิ้มให้กับความคิดของตัวเองที่คงเพ้อเจ้อในสายตาและความคิดของคนอื่น แต่เธอรู้ดีว่ามีความหมายบางอย่างซุกซ่อนอยู่
“แต่คุณก็พยายามปกป้องฉันจนบาดเจ็บ ถือว่าคุณไถ่โทษให้ฉันแล้ว เพราะงั้นต่อไปไม่ต้องรู้สึกผิด ไม่ต้องขอโทษกันอีกแล้วนะคะ”
“ครองขวัญ”
ครองขวัญหลบตาใจเต้นแรงเหมือนทุกครั้งเมื่อนินนาทมองเธอด้วยแววตาอ่อนโยนอบอุ่น เธอเชื่อว่านินนาทคงไม่รู้ว่าเวลาที่เขามองเธอแบบนี้มักทำให้เธอคิดเข้าข้างตัวเองเสมอว่า...เขาอาจรู้สึกบางอย่างกับเธอ
หัวใจหญิงสาวกลับมาเป็นเต้นเป็นจังหวะปกติพร้อมกับความคิดที่พร่ำบอกตัวเองหลายครั้งหลายหน
ทั้งที่ความจริง เขาคงไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลย
“ถือว่าเราหายกัน ถ้าออกไปจากที่นี่ได้ เราอย่าพบกันอีกเลยค่ะ ทำเหมือนว่า...ไม่เคยรู้จักกันเลยยิ่งดี”
เจ็บทั้งลำคอและเจ็บทั้งหัวใจกว่าจะเปล่งคำพูดสุดท้ายออกไปได้ ยิ่งนึกถึงค่ำคืนที่ผ่านมาจากการได้รับรู้เรื่องราวความขัดแย้งระหว่างนินนาทกับอุไรทิพย์ ครองขวัญก็รู้สึกราวกับเธอได้รับรู้และแบ่งปันความเจ็บปวดและขมขื่นในหัวใจของเขา ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเหมือนเธอเข้าใกล้เขาเข้าไปอีกก้าว
ทั้งที่จริง ๆ แล้วเขายังคงไกลเกินเอื้อมสำหรับเธอ
แล้วเธอจะทำได้จริงหรือ หากต้องทำเหมือนไม่เคยรู้จักไม่เคยอยู่ใกล้ชิดกับเขาแบบนี้
“แต่ผมทำแบบนั้นไม่ได้”
ครองขวัญยิ่งปวดใจยามได้ยินนินนาทค้านเสียงแหบแห้ง วูบนั้นนึกอยากเห็นสีหน้าแววตาของเขาแต่ไม่กล้าพอ
คงเพราะเห็นหญิงสาวนิ่งเงียบ ชายหนุ่มจึงตั้งคำถาม
“แล้วคุณไม่อยากรู้หรือว่าเพราะอะไร ผมจึงทำไม่ได้”
เธอไม่อยากรู้
หญิงสาวบอกตัวเอง หัวใจเต้นแรงเมื่อรับรู้ว่าชายหนุ่มขยับตัวเข้ามาใกล้
“ถึงเรารู้จักกันไม่นาน แต่ผมยังอยากเจอคุณ แล้วก็...อยากอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้”
ครองขวัญสั่นสะท้านทั้งกายและใจเมื่อนินนาทถือวิสาสะเชยคางเธอให้หันกลับไปมอง วินาทีที่สายตาประสานกันแม้อยากหลบเลี่ยงแต่เหมือนมีแรงดึงดูดจากดวงตาสีนิลจนเธอยังคงสานสบด้วยทั้งที่ใจกำลังหวั่นไหว
ตลอดเวลาที่ถูกนินนาทจับจ้องเงียบ ๆ ครองขวัญรู้สึกราวกับหัวใจตัวเองเรียกร้องจะออกมาเต้นนอกอก ทว่า วินาทีที่เธอเห็นเขาค่อย ๆ ก้มหน้าลงมา หัวใจของเธอกลับเหมือนจะหยุดเต้นไปเสียเฉย ๆ
และ...วินาทีที่นินนาททาบทับริมฝีปากอุ่นจัดของเขาเข้ากับเธอ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวก็เหมือนพากันหยุดนิ่ง
*******************************
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและมอบ LIKE เป็นกำลังใจให้กันค่ะ
ปิยะณัฏฐ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 มี.ค. 2559, 16:48:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 มี.ค. 2559, 16:48:08 น.
จำนวนการเข้าชม : 951
<< บทที่ 11 | บทที่ 13 และ 14 >> |
Zephyr 22 มี.ค. 2559, 00:17:40 น.
เห้ย เอางี้ดื้อๆเลยนะ
เห้ย เอางี้ดื้อๆเลยนะ