แหวนปฏิพัทธ์ (ขาย E-book ที่ meb และ ookbee ในชื่อว่า "หนึ่งใจในรอยกาล" แล้วนะคะ)
ปาฏิหาริย์บางอย่างทำให้ธราต้องย้อนเวลากลับไปในอดีต

เพื่อพบกับทินกร ชายผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือเธอจากการโดนทำร้าย

เขาเป็นดาราดังที่ทำตัวแย่ๆ จนในปัจจุบันชีวิตตกอับ ไร้งานละคร

เธอจึงพยายามที่จะช่วยเหลือเขาเป็นการตอบแทน

แม้ความหวังดีของเธอจะสร้างความหงุดหงิดน่ารำคาญสำหรับเขาแค่ไหน

แต่เธอก็ยังพยายามที่จะทำให้สำเร็จ แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ หัวใจเธอก็ยิ่งพังมากขึ้นเท่านั้น

จนทุกอย่างมาถึงทางเลือก ระหว่างหัวใจกับเป้าหมาย อะไรสำคัญกว่า....
Tags: รักโรแมนติก,ดารา,นักเขียน

ตอน: ตอนที่ 3 (ย้อนเวลา)

ในวันหยุดสุดสัปดาห์ หญิงสาวร่างเล็กในชุดกางเกงยีนขาสั้น กับเสื้อยืดลายทางธรรมดายืนหน้าบึ้งตึงอยู่หน้าโรงภาพยนตร์เปิดใหม่ หลายคราที่เจ้าตัวยกนาฬิกาข้อมือเรือนถูกๆ ขึ้นมาดูเวลา ท่าทางรีบร้อนลนลาน แม่ค้าแถวนั้นคงเห็นไม่รู้กี่รอบตั้งแต่เธอมายืนอยู่ตรงนี้

...ปกติยายทิพย์ก็สายแบบนี้เป็นประจำน่า

ธรายืนสะกดอารมณ์บอกตัวเองอยู่นานพอควร ก่อนจะกดเบอร์โทรศัพท์หาทิพย์สุดา รออยู่ไม่นานนัก เสียงเจื้อยแจ้วก็ดังมาจากปลายสาย พร้อมกับประโยคที่ทำให้ธราไม่สบอารมณ์หนักขึ้นกว่าเดิม

“ชล ฉันขอโทษนะ ฉันไปไม่ได้แล้วล่ะแก พอดีวันนี้ฉันท้องเสียหนักมากเลย” น้ำเสียงนั้นบ่งบอกถึงความรู้สึกผิด แต่กลับไม่ได้ทำให้ธราใจเย็นลงได้เลย เพราะเพื่อนตัวดีของเธอนั้น โกหกเก่งมาตั้งแต่สมัยเรียน “ชล แกอย่างเงียบสิ ใจคอไม่ดีนะเนี่ย” ถึงจะฟังดูจริงจัง แต่ยังคงมีเสียงหัวเราะในลำคอเล็ดลอดมา

“ไม่ตลกด้วยนะยายทิพย์ นี่ฉันรอแกมานานแล้ว มาบอกทำไมตอนนี้ ฉันไม่น่าตกลงมากับแกเลยจริงๆ” และไม่ทันที่ทิพย์สุดาจะโต้ตอบอะไรกลับมา ธราก็สวนกลับไปซะก่อน

“บอกฉันมาดีๆ เดี๋ยวนี้ ว่าเพราะอะไรถึงมาไม่ได้”

ทิพย์สุดาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตอบ “แกยังฉลาดเหมือนเดิมเลยชล ก็ได้ๆ วันนี้แฟนฉันมาชวนไปกินข้าวน่ะ ฉันลืมไปว่าวันนี้วันครบรอบ เลยเผลอนัดกับแก แล้วฉันก็ไม่กล้าบอกแกตรงๆด้วย กลัวแกโกรธ”

“ฉันจะโกรธก็ตรงที่แกไม่บอกนี่แหละ ถ้าบอกก่อนหน้านี้ฉันจะได้เอาเวลาไปปั่นนิยาย มารอแกเก้อเกือบชั่วโมงแล้วนะ” ธราบ่นอย่างหัวเสีย ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่โต้ตอบอะไรมาอีกเลย

“นี่ยายทิพย์ อย่ามาเงียบใส่ฉันนะ” เธอกรอกเสียงลงไปอีกรอบ และยังคงไม่มีเสียงตอบกลับมาจนเธอต้องหยิบโทรศัพท์มามอง

...ตายล่ะ นี่เครื่องดับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แบตก็ไม่ได้หมดนี่นา

หญิงสาวหันรีหันขวางมองหาร้านซ่อมโทรศัพท์ทันที พลันสายตาเหลือบไปเห็นร้านเล็กๆ ร้านหนึ่งอยู่ข้างโรงหนังพอดี เธอกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่นั่น เจ้าของร้านใช้เวลาตรวจดูไม่ถึงห้านาทีแล้วเงยหน้าขึ้นบอก

“ขอเวลาสักครึ่งชั่วโมง เดี๋ยวค่อยมาเอา”

“เอ่อ...เร็วกว่านั้นไม่ได้เหรอคะ พอดีฉันรีบ”

“ถ้ารีบก็เอาไปร้านอื่น” ถ้อยคำดุเสียงเข้มจากเจ้าของร้านทำเอาหญิงสาวหน้าจ๋อย ได้แต่พยักหน้ารับคำช้าๆ

ธราเดินออกจากร้านนั้นอย่างเคว้งคว้าง ได้แต่บ่นตัวเองว่าไม่น่าไปหงุดหงิดใส่ทิพย์สุดาเลย ป่านนี้ไม่รู้ยายเพื่อนตัวป่วนจะคิดมากไปถึงไหน แล้วโทรศัพท์ยังจะเจ๊งเสียอีก

“ทำอะไรดีล่ะเนี่ย” หญิงสาวบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะเดินไปดูรอบฉายหนัง ทุกเรื่องก็ยังไม่สะดุดตาเธอมากนัก เนื่องจากเป็นหนังเก่า นักแสดงก็อายุมากกว่าเธอเป็นสิบปี แต่มีอยู่เรื่องหนึ่ง ชื่อเรื่อง ลิขิตกาลเวลา มองผ่านๆ ก็ไม่น่าสนใจอะไรเลย ถ้าหากว่าบุคคลที่อยู่ในป้ายโฆษณานั้น ไม่ใช่คนที่เธอไปสืบค้นประวัติอยู่นานสองนาน

ทินกร ชัยชนะพล...

...ก็ไม่ได้อยากดูนักหรอกนะ

แค่มานั่งอยู่ในโรงเป็นคนแรก หึ! เธอขำตัวเองเบาๆ เมื่อความคิดและการกระทำช่างสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง เธอหันหลังไปมาอยู่หลายรอบจนภาพยนตร์จะฉาย ทั้งโรงก็ยังมีแค่เธออยู่ดี

...อะไร บ้าเปล่าเนี่ย นี่เราต้องดูคนเดียวจริงๆ เหรอ

ไม่ทันได้ลุกออกจากที่นั่ง เพลงประกอบภาพยนตร์ก็ดังขึ้นเสียก่อน และตรึงสายตาธราไม่ให้ละไปไหน ภายใต้ใบหน้าขาวผ่อง คิ้วเข้มโก่ง ไหนจะดวงตาคมดุที่มองตรงมายังเธอเพียงผู้เดียวอีก เธอคงต้องยอมรับกับตัวเองว่าชายคนนี้หน้าตาดีจนทำให้เธอใจสั่นได้จริงๆ

แล้วเสียงเพลงที่ไพเราะนั่นอีก จะหาใครมีเสน่ห์เท่านี้

...ภาพความรักครั้งนี้ยังสดใส ยังอยากให้รักกับเธอไปเพียงผู้เดียว จะยังรักและรอเธอไม่จากไปไหน หัวใจดวงนี้เป็นของเธอ
ณ เวลานี้ หญิงสาวคงไม่อยากลุกไปไหนอีกแล้ว ดวงตากลมโตจ้องไปยังหน้าจอนั้นเนิ่นนาน ไม่ได้รับรู้สักนิดว่าพระนางพูดกันว่าอย่างไร รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้ใจเธอช่างสั่นยิ่งกว่าเวลาไหนๆ มือบางเผลอกุมแหวนในมือแน่น เมื่อถึงฉากที่พระเอกกำลังจะสวมแหวนให้นางเอก

และสวรรค์ก็ไม่ปล่อยให้นักเขียนสาวอย่างเธอเพ้อฝันไปได้นานนัก เมื่อหนังฉายไปได้ยังไม่ทันถึงกลางเรื่อง ทุกอย่างก็มืดมิดลงเสียก่อน ไร้ซึ่งเสียงใดๆ

พรึ่บ!

“กรี๊ด!!”

หญิงสาวหันมองรอบตัวเลิ่กลั่กอย่างหวาดระแวง มันจะไม่น่ากลัวขนาดนี้หรอก ถ้าหากที่นี่ไม่ได้มีเพียงเสียงลมหายใจของเธอเพียงผู้เดียว เธอพยายามมองไปเบื้องหน้าเพื่อปรับสายตาให้ชินกับความมืด และทรงตัวลุกขึ้น แต่เพียงเสี้ยววินาที หญิงสาวกลับรู้สึกเหมือนมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น

“ว้าย!”

ร่างบางล้มกระแทกเบาะนั่งโรงหนังแบบไม่แรงมากนัก เสียงหวีดดังอื้ออึงอยู่ในหูเธอจนต้องเอามือมาปิด หลับตาแน่นด้วยความตื่นตระหนก ความปวดร้าวแล่นเข้าสู่ร่างกายอย่างไม่มีสาเหตุ เธอรู้สึกราวกับว่าร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

ในความรู้สึกอันพร่าเลือน ธราเห็นแสงบางอย่างส่องประกายจ้าออกมาจากมือข้างซ้ายที่เอามาปิดหูไว้ ก่อนทุกอย่างจะขาวโพลนไม่มีแสงใดๆ เล็ดลอดเข้ามาในมโนภาพ

“ไหนๆ ใครเป็นอะไร”

“ก็ผู้หญิงคนนี้น่ะสิ จู่ๆ ก็มาเป็นลมอยู่ในบ้าน เข้ามาตอนไหนก็ไม่รู้”

“เป็นอะไรมากหรือเปล่าน่ะ”

เสียงคนหลายคนซุบซิบคุยกันอยู่ไม่ไกลปลุกให้ธราก้าวพ้นสรรพสิ่งขาวโพลนทั้งหลายมาได้ แพขนตางอนขยับช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ เหลือกลืมขึ้นกะพริบถี่ๆ เพื่อปรับแสง

“อ้าว ตื่นแล้วนี่ ว่าไงหนู เป็นอะไรมากหรือเปล่า” หญิงกลางคนค่อยๆ ดึงตัวธราขึ้นจากเก้าอี้ยาว ร่างบางแลมองรอบข้างอย่างงุนงง ก่อนจะหันกลับมาสบตาคนทั้งสามอีกครั้ง

“พวกคุณเป็นใคร”

หนึ่งในสามคนนั้นเป็นผู้ชายที่ดูท่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอทำหน้าตาประหลาดใส่ ก่อนเอ่ย “ฉันต้องถามเธอมากกว่ามั้งว่าเธอเป็นใคร เข้ามาเป็นลมอยู่ในบ้านฉันได้ยังไง”

หญิงสาวมองไปรอบข้างอีกครั้ง ก่อนจะเด้งตัวขึ้นทันทีที่ได้เห็นบรรยากาศรอบข้างชัดๆ ที่นี่เป็นบ้าน ไม่ใช่โรงหนัง

“เฮ้ยบ้า! ฉันดูหนังอยู่ในโรงดีๆ ฉันจำได้ด้วย ฉันดูเรื่องลิขิตกาลเวลา แล้วฉันจะมาอยู่ในบ้านพวกคุณได้ไง พวกคุณจับฉันมาใช่ไหม ต้องการอะไรฮะ”

“จะบ้าหรือเปล่าฮะ เธอนั่นแหละต้องการอะไร พวกฉันจะไปจับเธอมาทำไม จู่ๆ ฉันก็เห็นเธอนอนอยู่กลางบ้าน ฉันไม่จับโยนออกไปนอนข้างนอกนั่นก็ดีแค่ไหนแล้ว อย่ามากล่าวหากันนะ” ชายคนนั้นกอดอกมองเธออย่างขุ่นเคือง “อ้อ ฉันจะบอกให้ ฉันนี่เป็นเจ้าพ่อด้านภาพยนตร์และข่าวบันเทิง ขอบอกเลยว่าไอ้หนังเรื่องลิขิตกาลเวลาอะไรนั่นมันเพิ่งถ่ายเสร็จไปไม่นาน กว่าจะเข้าโรงก็นู่น อีกหลายเดือน เธอมั่วว่ะ”

“พูดบ้าอะไรน่ะ ก็ฉันดูหนังอยู่ ฉันจะมาโผล่ที่นี่ได้ไง บ้าไปกันหมด” ธราแหวใส่ ไม่เชื่อสิ่งที่ชายคนนั้นพูดอย่างแน่นอน ก่อนจะคลำร่างกายตัวเองอย่างเร็วรี่ “เอ๊ะ! แล้วนี่กระเป๋าฉันหายไปไหน พวกคุณเอาไปใช่ไหม”

“กระเป๋าบ้าอะไรของเธอ ฉันจะพูดให้ฟังอีกรอบเท่านั้นนะ เธอมานอนอยู่ในบ้านฉัน และมีแต่ตัว ไม่มีอะไรอย่างอื่นมาด้วยทั้งนั้น หายแล้วใช่ไหม ออกไปได้แล้ว ขี้เกียจเถียงด้วย”

หญิงสาวเหลือบมองมือซ้ายของตัวเอง นิ้วนางที่เคยมีแหวนเพชรล้อกับแสงจนเป็นประกาย แต่บัดนี้กลับว่างเปล่า “ไม่ไป! นายต้องเอาของฉันคืนมาก่อน แหวนเพชรของฉันด้วย นายขโมยไปใช่ไหม”

แม้จะพูดได้ไม่เต็มปากว่าเป็นของตัวเองแต่เธอก็ควรจะหามันให้เจอ เผื่อเจ้าของตัวจริงเขามาทวงคืน หากเธอหาไม่เจอจะต้องแย่แน่ๆ ดูจากเพชรหลายเม็ดนั้น ไหนจะทับทิมสีชมพูนั่นอีก เธอมั่นใจว่าไม่มีปัญญาซื้อใช้คืนแน่นอน

“แหวนเพชรบ้าอะไรล่ะ ไม่มีโว้ย หน้าอย่างเธอเนี่ยนะจะมีปัญญาใส่แหวนเพชร” ชายหนุ่มกระชากแขนธราให้ลุกขึ้นแล้วจับออกมาเหวี่ยงไว้หน้าประตูบ้านอย่างไม่สนใจใยดี “ถ้าจะใช้แผนตื้นๆ อย่างงี้มาหลอกปล้นบ้านฉันล่ะก็ บอกเลยฉันไม่โง่ จะไปไหนก็ไป”

สิ้นคำครหา ประตูบานนั้นก็ถูกปิดลงอย่างรุนแรง หญิงสาวสะดุ้งเฮือกใหญ่ ก่อนมองไปรอบๆ ตัวที่ถูกรายล้อมด้วยบ้านและอาคารต่างๆ เธอเดินไปตามถนนช้าๆ มันก็คือที่ที่เธอมาเมื่อเช้านั่นแหละ ทุกสิ่งอย่างยังอยู่ครบ เพียงแต่โรงภาพยนตร์นั้นกลายเป็นบ้านคนไปได้อย่างไร ธราก็ไม่สามารถตอบคำถามนี้ให้ตัวเองได้

...เหลือเชื่อ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย

หญิงสาวส่ายหัวไปมาอย่างสับสนเป็นที่สุด ความสงสัยบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวสมอง ก่อนจะเดินกลับไปเคาะประตูบ้านหลังนั้นอีกครั้ง ไม่นานนักชายคนเดิมก็กลับมาเปิด เมื่อเขาเห็นว่าเป็นเธอก็ทำท่าจะปิดลงไปอีกรอบ แต่เธอกลับจับไว้ได้ทัน

“มีอะไรอีกฮะ ฉันไม่ได้ขโมยของเธอไปหรอกนะ”

“ฉันไม่ได้จะว่านายขโมย ฉันแค่จะถามว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่ เดือนไหน พ.ศ.อะไร นายช่วยดูปฏิทินให้ฉันหน่อย”

ชายหนุ่มตอบไม่รีรอ “20 มีนาคม พ.ศ.2551”

หญิงสาวตาเบิกโพลงอย่างตื่นตระหนก ไม่จริงใช่ไหม เมื่อกี้เธอได้ยินผิด หรือไม่เขาก็แกล้งแหย่เธอเล่นใช่ไหม “เอาจริงๆ ขออีกที ห้ามล้อเล่น”

แล้วคำตอบที่ได้ก็ทำให้หญิงสาวใจสั่นยิ่งกว่าตอนมองหน้าทินกรอยู่ในโรงภาพยนตร์หลายเท่านัก “ฉันจะล้อเล่นเพื่ออะไร ก็บอกว่าวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2551”

...อะไรกันเนี่ย นี่เราย้อนเวลากลับมาเมื่อแปดปีที่แล้วเนี่ยนะ!



เอวาลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 มี.ค. 2559, 19:35:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 มี.ค. 2559, 19:35:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 935





<< ตอนที่ 2   ตอนที่ 4 ...พระเอกผู้เย่อหยิ่ง >>
Zephyr 11 มิ.ย. 2559, 18:19:56 น.
อืม นางรู้ตัวเรื่องย้อนเวลาเร็วไปนะ
ออกมามะนวิวเดิมๆนี่นา
เราคงสงสัยถ้าเดินออกมาแล้ว มันไม่เหมือนเดิม
แต่ โรงหนังมันกะหายไปจริงๆเนอะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account