แหวนปฏิพัทธ์ (ขาย E-book ที่ meb และ ookbee ในชื่อว่า "หนึ่งใจในรอยกาล" แล้วนะคะ)
ปาฏิหาริย์บางอย่างทำให้ธราต้องย้อนเวลากลับไปในอดีต
เพื่อพบกับทินกร ชายผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือเธอจากการโดนทำร้าย
เขาเป็นดาราดังที่ทำตัวแย่ๆ จนในปัจจุบันชีวิตตกอับ ไร้งานละคร
เธอจึงพยายามที่จะช่วยเหลือเขาเป็นการตอบแทน
แม้ความหวังดีของเธอจะสร้างความหงุดหงิดน่ารำคาญสำหรับเขาแค่ไหน
แต่เธอก็ยังพยายามที่จะทำให้สำเร็จ แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ หัวใจเธอก็ยิ่งพังมากขึ้นเท่านั้น
จนทุกอย่างมาถึงทางเลือก ระหว่างหัวใจกับเป้าหมาย อะไรสำคัญกว่า....
เพื่อพบกับทินกร ชายผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือเธอจากการโดนทำร้าย
เขาเป็นดาราดังที่ทำตัวแย่ๆ จนในปัจจุบันชีวิตตกอับ ไร้งานละคร
เธอจึงพยายามที่จะช่วยเหลือเขาเป็นการตอบแทน
แม้ความหวังดีของเธอจะสร้างความหงุดหงิดน่ารำคาญสำหรับเขาแค่ไหน
แต่เธอก็ยังพยายามที่จะทำให้สำเร็จ แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ หัวใจเธอก็ยิ่งพังมากขึ้นเท่านั้น
จนทุกอย่างมาถึงทางเลือก ระหว่างหัวใจกับเป้าหมาย อะไรสำคัญกว่า....
Tags: รักโรแมนติก,ดารา,นักเขียน
ตอน: ตอนที่ 4 ...พระเอกผู้เย่อหยิ่ง
หญิงสาวร่างบางในชุดเดรสสีฟ้ายาวถึงเข่าประดับประดาด้วยลูกไม้ที่ชายกระโปรง ทรงผมถูกม้วนลอนสวยงามปล่อยยาวบริเวณลำคอ ขับให้ดวงหน้าหวานใสนั้นดูมีเสน่ห์และเซ็กซี่ขึ้นอีกมากโข เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูนาฬิกาอยู่หลายครา
...นี่ก็ใกล้เวลาถ่ายแล้วนะ ทำไมพี่เพลิงยังไม่มาอีก
อัจฉราได้แต่พึมพำในใจถึงทินกร พระเอกชื่อดังเบอร์หนึ่งของไทยในยามนี้ที่คิวงานแน่นรัดตัวทั้งเจ็ดวัน ไม่มีวันหยุด หากพูดชื่อเขาให้ใครฟัง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรู้จักเขาแน่ๆ
และสิ่งที่น่าภาคภูมิใจไปกว่านั้นก็คือ เธอเป็นผู้กุมหัวใจของชายหนุ่มคนนี้ไว้ได้
“น้องฟ้าคะ เติมหน้าเพิ่มอีกนิดหนึ่งนะคะ” ทีมงานร่างใหญ่ เดินอุ้ยอ้ายเข้ามาหาอัจฉรา เธอยิ้มรับก่อนหมุนตัวกลับไปหาเจ้าหล่อนอย่างยินดี
“ป่านนี้แล้วพี่อ้อย ดูสิ พี่เพลิงยังไม่มาเลย” หญิงสาวบ่นอุบอิบถึงการมาไม่ตรงเวลาของแฟนหนุ่ม
“โอ้ย! ชินซะเถอะน้องฟ้า ก็รู้อยู่ว่าตาคนนี้น่ะเป็นยังไง” ทีมงานสาวใหญ่สะบัดศีรษะแรงๆ อย่างไม่อยากเอ่ยถึง
“พี่ยังเคยสงสัยเลยว่าสวยๆ นิสัยน่ารักอย่างน้องฟ้า ทำไมถึงต้องมาคบกับพระเอกคนนี้ก็ไม่รู้ น่าจะหาดีกว่านี้ได้อยู่นะ ถามจริง...คบเขาเพราะอะไร” ประโยคหลังหล่อนทอดเสียงให้เบาลงจนเหมือนกระซิบ พลางหันมองด้านหลัง เพราะไม่รู้ว่าเจ้าตัวที่ถูกนินทาจะมาถึงเมื่อไหร่ “เพราะเขาดังเหรอ”
นางเอกสาวหัวเราะคิกคักตามประสา ก่อนตอบ
“ไม่หรอกค่ะ ถึงเขาไม่ดัง ฟ้าก็คบกับเขาอยู่แล้ว พี่เขาดูแลฟ้าดีอยู่นะคะ ข้อดีเขามีเยอะ” เธอยิ้มบางเบา ส่งผลให้ดวงหน้านั้นจิ้มลิ้มเข้าไปอีก เพราะเธอเป็นคนน่ารัก เป็นกันเองเช่นนี้ ผู้คนจึงหลงรักเธอมากมาย แม้แต่ชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าหยิ่งยโสและนิสัยเสียอย่างทินกร ก็ยังยอมสยบให้กับรอยยิ้มนี้
“พี่ฟ้าคะ หนูรบกวนขอลายเซ็นพี่หน่อยได้ไหมคะ”
บทสนทนาระหว่างอัจฉรากับทีมงานสาวใหญ่ยังไปได้ไม่ถึงไหน ก็ถูกขัดขึ้นด้วยเสียงเกร็งๆ ของเด็กสาวในชุดนักศึกษาคนหนึ่ง เธอยื่นสมุดมาให้อัจฉราแบบหวั่นๆ
นางเอกสาวยิ้มรับ ก่อนเซ็นให้อย่างเต็มใจ และกล่าวกับเจ้าหล่อนด้วยเสียงหวานเจื้อยแจ้ว
“สู้ๆ นะจ๊ะ”
เพียงแค่นั้นก็ทำเอาเด็กสาวเขินจนแทบยืนไม่ไหว แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะขยับไปไหน
ไม่นานนัก หน้าสตูดิโอก็ปรากฏร่างชายหนุ่มสูงใหญ่กำยำลงจากรถยนต์คันหรู ก่อนจะรีบก้าวเท้ายาวๆ มาเพื่อให้ถึงจุดหมายโดยเร็ว เขาถอดแว่นกันแดดออกอย่างลวกๆ ผมสีน้ำตาลเข้มสะท้อนกับดวงอาทิตย์ทอประกายระยิบระยับ ต่อให้มองไกลแค่ไหนคนทั่วไปก็ย่อมรู้ว่าบุคคลนี้คือ ทินกร ชัยชนะพล
“ตัวจริงหล่อกว่าในทีวีซะอีก” เด็กฝึกงานในสตูต่างพากันโอดครวญถึงความหน้าตาดีของพระเอกหนุ่ม พลางอิจฉาเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างอัจฉราไว้ล่วงหน้า เมื่อรู้ว่าอย่างไร ทินกรก็ต้องเดินมาหาแฟนสาวของเขาก่อนใคร
คนทั่วไปย่อมรู้กันว่าหากทินกรเป็นพระอาทิตย์ แฟนสาวแสนสวยของเขาก็ย่อมเป็นนางฟ้า เป็นดวงดาวอยู่เคียงกันบนฟากฟ้า เหมาะสมกันนัก แถมทั้งคู่ยังหน้าตาพิมพ์เดียวกันขนาดนี้ ไม่ใช่เนื้อคู่ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว
และเป็นไปตามคาด บุคคลแรกที่ทินกรมอบรอยยิ้มให้นั้นก็คืออัจฉรา ผู้ได้ชื่อว่ากุมหัวใจดวงตะวันอย่างทินกร เขาเดินเข้ามาหาเธอโดยไม่มองไปทางอื่นสักนิด และไม่สนด้วยว่าเด็กสาวในชุดนักศึกษาที่ยืนอยู่ตรงนั้นจะเขินจนอ่อนระทวยขนาดไหนแล้วก็ตาม
“พี่เพลิงคะ ทำไมมาช้าจังล่ะคะ อีกไม่กี่นาทีก็จะได้เวลาถ่ายรายการอยู่แล้วเชียว” หญิงสาวบ่นกระปอดกระแปด แต่ทินกรยังคงยิ้มกว้าง ดวงตาคมดุคู่นั้นมองอัจฉราเป็นเด็กเล็ก
“แต่ก็มาทันนะ อย่าบ่นไปเลยน่า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่จริงจังมากนัก แต่อ้อยใจ ทีมงานร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นเอ่ยค่อนขอดอย่างหมั่นไส้
“จะรอให้เขาถ่ายกันเสร็จแล้วค่อยมาก็ได้นะคะ!” น้ำเสียงนั้นกระแทกทีเดียว ทินกรหุบยิ้มเมื่อครู่ จ้องหน้าอ้อยใจอย่างเอาเรื่อง
“ไม่ใช่เรื่องของทีมงาน” ชายหนุ่มเอ่ยช้าชัดโดยที่สายตาไม่ละไปไหน อัจฉรามองหน้าทั้งคู่สลับไปมา พลางจะเปลี่ยนเรื่องคุย แต่กลับมีเสียงเด็กสาวขัดขึ้นเสียก่อน
“เอ่อ...ขอโทษนะคะพี่เพลิง หนูขอลายเซ็น...” ไม่ทันจบประโยค มือหนาของทินกรก็ปัดสมุดลายลายน่ารักนั้นร่วงลงไปอยู่ที่พื้น แววตาและน้ำเสียงนั้นดุดันแบบเปิดเผย
“ไม่รู้จักเวลา!”
พูดจบ พระเอกหนุ่มก็เดินจากไป ทิ้งให้แฟนสาวของตนยืนปลอบขวัญเด็กสาวผู้นั้น อ้อยใจส่ายหน้าระอาในนิสัยของพระเอกสุดฮอตรายนี้เต็มทน รวมถึงเด็กฝึกงานหลายคนที่ซุบซิบอิจฉากันอยู่เมื่อครู่ก็หน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน คนที่อึ้งที่สุดเห็นจะเป็นเด็กสาวซึ่งถูกทินกรปฏิเสธ ที่ขณะนี้หยาดน้ำเริ่มคลอหน่วยดวงตากลมโต
“อย่าคิดมากนะคะ พอดีพี่เพลิงเขาเครียดเรื่องงานน่ะ” อัจฉราเอ่ยกับเด็กสาวอย่างใจดี พลางแตะไหล่เจ้าตัว ดวงหน้านั้นหันมายิ้มฝืนๆ ก่อนเดินจากไป อัจฉราจึงได้แต่มองตามและส่ายศีรษะอย่างเอือมระอาให้แก่ความประพฤติของแฟนหนุ่ม
เมื่อถึงเวลาอัดรายการทุกคนนั่งพร้อมหน้ากันอยู่ในสตูทั้งพิธีกร ทินกรและอัจฉรา ฝ่ายพระเอกหนุ่มที่หงุดหงิดหัวเสียอยู่เมื่อครู่ เวลานี้ยิ้มแย้มแจ่มใสราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้
“สวัสดีครับคุณทินกรและคุณอัจฉรา นักแสดงคู่ขวัญที่กำลังดังสุดๆ ในช่วงเวลานี้” สิ้นเสียงเริ่มต้นของพิธีกร ก็ตามด้วยเสียงปรบมือเกรียวกราวจากแฟนคลับเกือบร้อยชีวิตซึ่งนั่งอยู่ในสตู
“ความสัมพันธ์เป็นยังไงกันบ้างครับ” พิธีกรชายเอ่ยถามเย้าแหย่จนอัจฉราและทินกรมองกันยิ้มๆ พลางพยักหน้าให้อีกฝ่ายเป็นคนตอบ ก่อนที่ทินกรจะเป็นฝ่ายตอบด้วยท่าทางขัดเขิน
“ก็ดีนะครับ รักเขามาก เพราะเขาน่ารัก” ด้วยคำตอบเพียงเท่านี้ส่งผลให้กลุ่มแฟนคลับที่ไม่รู้เรื่องก่อนหน้านี้ในสตูส่งเสียงกรี๊ดกันเป็นแถว ที่เขินสุดคงไม่พ้นแฟนสาวของพระเอกหนุ่มคนนี้ที่ได้แต่ก้มหน้ามองพื้นอย่างเดียว
“คุณเพลิงเริ่มต้นจีบคุณฟ้ายังไงครับ เรื่องนี้ให้คุณฟ้าเป็นคนตอบดีกว่า”
“ฟ้าไม่รู้ว่าตอนแรกพี่เขามาจีบหรือเปล่านะคะ แต่เขาจะชอบแกล้ง ชอบมาจี้เอว และฟ้าก็เป็นคนบ้าจี้ เลยสนิทกันค่ะ เพราะโดนแกล้งบ่อยๆ”
“จีบครับ”
เสียงฮืออาดังลั่นไปทั่วบริเวณจากการตอบแทรกของทินกร อัจฉรามองเขาอย่างนิ่งอึ้ง เนื่องจากมันไม่ได้อยู่ในสคริปต์ที่ทางรายการวางไว้ให้ แต่เจ้าตัวไม่ได้มีทีท่าทุกข์ร้อน เพียงแต่ยักคิ้วให้หล่อนเท่านั้น
นางเอกสาวยิ้มมุมปาก เขาก็เป็นอย่างนี้ทุกทีสิน่า
การจะให้รายการมันสมจริง ก็ใกล้เคียงกับการสร้างกระแสซะเหลือเกิน แต่ภาพลักษณ์คือสิ่งที่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจอยู่แล้ว
“มีทะเลาะกันบ้างไหมคะ” ครั้งนี้พิธีกรสาวเอ่ยถาม
“จริงๆ มันก็เป็นเรื่องปกติสำหรับทุกคู่นะคะ ที่จะมีการไม่เข้าใจกัน แต่ว่าเราก็ต้องปรับความเข้าใจ ยอมรับข้อเสียของอีกฝ่ายให้ได้ แค่นั้นก็พอแล้วค่ะ” อัจฉราตอบอย่างมาดมั่น เสียงใสนั้นชวนเคลิ้มฝันไม่น้อย
“ก็เหมือนเวลาที่เราดูละครน่ะครับ พระนางทะเลาะกัน นางเอกเถียง พระเอกจูบ ผมก็ทำไม่ต่างกับพระเอกหรอก” ทินกรพูดหยอกล้อ เรียกเสียงฮือฮาดังขึ้นอีกระลอกหนึ่ง เขามองไปยังกลุ่มแฟนคลับอย่างชื่นใจ
“จริงหรือคะคุณฟ้า” พิธีกรหญิงเอ่ยถามละล่ำละลัก หลังจากบิดตัวไปแปดตลบกับคำตอบของทินกร
จะมีใครบ้างล่ะ? ที่ไม่ได้ชื่นชอบพระนางคู่ขวัญคู่นี้ ไม่มีหรอก...
อัจฉราเม้มริมฝีปากอย่างชั่งใจว่าควรตอบออกไปดีไหม ก่อนจะเอ่ยอย่างเขินอาย “ก็ทำนองนั้นล่ะค่ะ”
เพียงเท่านั้น เสียงกรี๊ดจากทุกคนในสตูไม่เว้นแม้แต่ผู้ดำเนินรายการก็ดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ ทินกรเอามือปิดหูอย่างชอบใจ นี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการ การที่เขาได้อยู่ในจุดที่ทุกคนให้ความสำคัญ มันคือที่สุดของอาชีพนี้
ที่มุมหนึ่งของสตูดิโอ อ้อยใจยืนมองอย่างไม่ชอบใจนัก หล่อนเบะปากพร้อมส่งสายตารังเกียจอย่างไม่ปิดบังไปทางพระเอกหนุ่ม
“หึ! นี่น่ะหรือพระเอกชื่อดังที่ใครๆ ก็หลงใหล สร้างภาพสร้างกระแส” สาวใหญ่ยกมือขึ้นพนมไว้เหนือหัว “เจ้าประคุณ ขอให้ทุกคนได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของตาคนนี้สักทีเถิด ถ้ามันดับลงเมื่อไหร่ ดิฉันจะ...”
พูดไม่ทันจบ ก็มีเสียงหนึ่งดังขัดขึ้น
“เอาตัวเองให้รอดก่อนไหม มีเวลามานั่งแช่งชักหักกระดูกคนอื่นเขา ระวังเถอะ จะตกงานไม่รู้ตัว” ทั้งวาจาทั้งน้ำเสียงที่ดูเสียดแทงจนขนลุกวาบ ทำเอาอ้อยใจต้องหันกลับมาอย่างตื่นตระหนก “คุณเกล!”
ทีมงานสาวใหญ่ก้มหน้าหลบ เนื่องจากบุคคลตรงหน้าเธอนี้คือ เกล กัญกร นรินทรา ถือเป็นตัวแม่อันดับหนึ่งของวงการเรื่องการใช้ฝีปาก รวมถึงเป็นผู้บริหารใหญ่ของต้นสังกัดทินกรและอัจฉราที่ลงมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้แก่คู่ขวัญนี้ด้วยตัวเอง กัญกรมีอิทธิพลขนาดที่เธอจะสามารถตกงานในวันรุ่งขึ้นได้เลยทีเดียว
“ขะ...ขอโทษค่ะคุณเกล”
“เอาเถอะๆ แต่จะบอกไว้ให้ ฉันจ้างเธอเข้ามาเพื่อให้ดูแลเสื้อผ้าหน้าผมของทั้งคู่ ไม่ได้ให้เธอมาทะเลาะกัน เข้าใจไหม?” น้ำเสียงนั้นเฉียบขาดจนอ้อยใจต้องหลบตาจากดวงหน้าสวยใส ราวกับไม่ใช่หญิงสาวในวัยเกินเลขสาม ไหนจะรูปร่างผอมเพรียวนั่นอีก
“เข้าใจค่ะคุณเกล” สีหน้าอ้อยใจเจื่อนลงเล็กน้อย เมื่อคิดว่ากัญกรรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนอัดรายการ และจากน้ำเสียงของผู้บริหารใหญ่นั้นบอกให้รู้ว่าตำหนิเธออย่างชัดเจน
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงสุดท้ายของรายการ พระนางคู่ขวัญยังคงหัวเราะคิกคักราวกับไม่ใช่การสัมภาษณ์ แต่เป็นการคุยเล่นกันในหมู่เพื่อนเสียมากกว่า
“มาถึงคำถามสุดท้ายแล้วนะครับ ทั้งคู่ยังอยากร่วมงานกันอีกไหม”
“โหย จริงๆ คำถามนี้ผมว่าใครๆ ก็เดาคำตอบผมได้นะ ก็ต้องอยากอยู่แล้วครับ อยากเล่นด้วยกันไปตลอด บางเรื่องบางฉากมีหวานแหววกันงี้ เราเล่นกับแฟนเรามันก็ดีกว่าอยู่แล้ว อย่างเช่นเขาไปจุ๊บกับคนอื่นอะ บอกเลยผมหึงนะ” คำตอบของพระเอกหนุ่มยังคงเรียกเสียงกรี๊ดจนนาทีสุดท้าย ถือว่าการอัดรายการครั้งนี้เป็นไปตามที่ทินกรต้องการทุกอย่าง
พิธีกรกล่าวปิดรายการตามระเบียบ ผู้คนในสตูยังโห่ร้องอยากฟังต่อ ทินกรหันไปส่งยิ้มให้ทุกคนก่อนจะช่วยดูแลอัจฉราออกไปยังมุมหนึ่ง เพราะเขาเห็นกัญกรรออยู่ตรงนั้นสักพักแล้ว
“วันนี้ทำได้ดีมากเพลิง ฟ้าก็ด้วยนะ” กัญกรเอ่ยอย่างเอ็นดูทั้งคู่เป็นที่สุด โดยเฉพาะทินกร ซึ่งรู้หน้าที่ในการทำตัวเองให้โด่งดังมากกว่าเด็กคนอื่นที่เธอปั้น รู้วิธีการพูดที่กลุ่มแฟนละครต้องการ นั่นยังเป็นสิ่งที่เธอชื่นชมในตัวเขาอยู่เสมอ ส่วนอัจฉราในสายตาเธอนั้น เป็นเด็กน้อยสวยใสบริสุทธิ์คนหนึ่ง แต่ก็เคารพผู้ใหญ่และวางตัวดีมาก เธอเชื่อว่าไม่เพียงแต่เธอ คนอื่นที่ได้รู้จักอัจฉราก็ย่อมรักในตัวเจ้าหล่อนทั้งนั้น
“พี่เพลิงก็พูดอะไรออกไปเยอะแยะก็ไม่รู้ คนอื่นจะมองฟ้าไม่ดีหรือเปล่าเนี่ย” อัจฉราเอ่ยอย่างไม่จริงจังนัก ท่าทางที่ดูขัดเขินนั้นทำให้ทินกรหลุดขำออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้
“เอาน่า แค่แสดงความรักให้คนอื่นเห็นเอง” น้ำเสียงนุ่มทุ้มนั้นออกแนวกระเซ้าเย้าแหย่ เธอจึงทำได้เพียงหยิกแขนพระเอกหนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยว
แต่อิริยาบถชวนเลี่ยนของทั้งคู่ก็ต้องจบลงด้วยเสียงขัดของกัญกร
“พอๆ หมั่นไส้จริงๆ เอาเป็นว่าวันนี้ทำดีมาก พรุ่งนี้ไปถ่ายละครให้ตรงเวลา ฉันคงไม่ได้ไป ดูแลฟ้าด้วยล่ะเพลิง”
“ครับผม!” ทินกรรับอย่างมาดมั่น
ทั้งสามคนเดินออกมาจากสตูเพื่อขึ้นรถยนต์คันหรู กัญกรแยกไปขึ้นรถคันตัวเอง ส่วนอัจฉรามากับทินกรเพื่อจะไปทานข้าวด้วยกันเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา
ก่อนขึ้นรถ พระเอกหนุ่มมองกลับเข้าไปในสตู เห็นกลุ่มแฟนคลับตามออกมาส่งที่หน้าตึก เขาโบกมือให้อย่างเป็นกันเอง แต่ใครเลยจะรู้ว่าภายใต้ใบหน้าขาวผ่องสะท้อนแสงแดดในยามนี้นั้นแอบกระหยิ่มยิ้มย่องมองกลุ่มคนตรงนั้นอย่างสมเพช การได้อยู่ในจุดที่สูงที่สุดถือเป็นความพอใจสำหรับเขาแล้ว ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าชื่อเสียงเงินทองที่มีเฉกเช่นทุกวันนี้เป็นแน่
คนที่ดีแต่กรี๊ดดาราไปวันๆ จะไปรู้อะไร จริงๆ แล้ว การเป็นนักแสดง มันก็แค่นักต้มตุ๋นคนหนึ่งนี่แหละ ใครเสแสร้งเก่ง คนนั้นชนะ
นี่ล่ะนะ! วงการบันเทิง...
...นี่ก็ใกล้เวลาถ่ายแล้วนะ ทำไมพี่เพลิงยังไม่มาอีก
อัจฉราได้แต่พึมพำในใจถึงทินกร พระเอกชื่อดังเบอร์หนึ่งของไทยในยามนี้ที่คิวงานแน่นรัดตัวทั้งเจ็ดวัน ไม่มีวันหยุด หากพูดชื่อเขาให้ใครฟัง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรู้จักเขาแน่ๆ
และสิ่งที่น่าภาคภูมิใจไปกว่านั้นก็คือ เธอเป็นผู้กุมหัวใจของชายหนุ่มคนนี้ไว้ได้
“น้องฟ้าคะ เติมหน้าเพิ่มอีกนิดหนึ่งนะคะ” ทีมงานร่างใหญ่ เดินอุ้ยอ้ายเข้ามาหาอัจฉรา เธอยิ้มรับก่อนหมุนตัวกลับไปหาเจ้าหล่อนอย่างยินดี
“ป่านนี้แล้วพี่อ้อย ดูสิ พี่เพลิงยังไม่มาเลย” หญิงสาวบ่นอุบอิบถึงการมาไม่ตรงเวลาของแฟนหนุ่ม
“โอ้ย! ชินซะเถอะน้องฟ้า ก็รู้อยู่ว่าตาคนนี้น่ะเป็นยังไง” ทีมงานสาวใหญ่สะบัดศีรษะแรงๆ อย่างไม่อยากเอ่ยถึง
“พี่ยังเคยสงสัยเลยว่าสวยๆ นิสัยน่ารักอย่างน้องฟ้า ทำไมถึงต้องมาคบกับพระเอกคนนี้ก็ไม่รู้ น่าจะหาดีกว่านี้ได้อยู่นะ ถามจริง...คบเขาเพราะอะไร” ประโยคหลังหล่อนทอดเสียงให้เบาลงจนเหมือนกระซิบ พลางหันมองด้านหลัง เพราะไม่รู้ว่าเจ้าตัวที่ถูกนินทาจะมาถึงเมื่อไหร่ “เพราะเขาดังเหรอ”
นางเอกสาวหัวเราะคิกคักตามประสา ก่อนตอบ
“ไม่หรอกค่ะ ถึงเขาไม่ดัง ฟ้าก็คบกับเขาอยู่แล้ว พี่เขาดูแลฟ้าดีอยู่นะคะ ข้อดีเขามีเยอะ” เธอยิ้มบางเบา ส่งผลให้ดวงหน้านั้นจิ้มลิ้มเข้าไปอีก เพราะเธอเป็นคนน่ารัก เป็นกันเองเช่นนี้ ผู้คนจึงหลงรักเธอมากมาย แม้แต่ชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าหยิ่งยโสและนิสัยเสียอย่างทินกร ก็ยังยอมสยบให้กับรอยยิ้มนี้
“พี่ฟ้าคะ หนูรบกวนขอลายเซ็นพี่หน่อยได้ไหมคะ”
บทสนทนาระหว่างอัจฉรากับทีมงานสาวใหญ่ยังไปได้ไม่ถึงไหน ก็ถูกขัดขึ้นด้วยเสียงเกร็งๆ ของเด็กสาวในชุดนักศึกษาคนหนึ่ง เธอยื่นสมุดมาให้อัจฉราแบบหวั่นๆ
นางเอกสาวยิ้มรับ ก่อนเซ็นให้อย่างเต็มใจ และกล่าวกับเจ้าหล่อนด้วยเสียงหวานเจื้อยแจ้ว
“สู้ๆ นะจ๊ะ”
เพียงแค่นั้นก็ทำเอาเด็กสาวเขินจนแทบยืนไม่ไหว แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะขยับไปไหน
ไม่นานนัก หน้าสตูดิโอก็ปรากฏร่างชายหนุ่มสูงใหญ่กำยำลงจากรถยนต์คันหรู ก่อนจะรีบก้าวเท้ายาวๆ มาเพื่อให้ถึงจุดหมายโดยเร็ว เขาถอดแว่นกันแดดออกอย่างลวกๆ ผมสีน้ำตาลเข้มสะท้อนกับดวงอาทิตย์ทอประกายระยิบระยับ ต่อให้มองไกลแค่ไหนคนทั่วไปก็ย่อมรู้ว่าบุคคลนี้คือ ทินกร ชัยชนะพล
“ตัวจริงหล่อกว่าในทีวีซะอีก” เด็กฝึกงานในสตูต่างพากันโอดครวญถึงความหน้าตาดีของพระเอกหนุ่ม พลางอิจฉาเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างอัจฉราไว้ล่วงหน้า เมื่อรู้ว่าอย่างไร ทินกรก็ต้องเดินมาหาแฟนสาวของเขาก่อนใคร
คนทั่วไปย่อมรู้กันว่าหากทินกรเป็นพระอาทิตย์ แฟนสาวแสนสวยของเขาก็ย่อมเป็นนางฟ้า เป็นดวงดาวอยู่เคียงกันบนฟากฟ้า เหมาะสมกันนัก แถมทั้งคู่ยังหน้าตาพิมพ์เดียวกันขนาดนี้ ไม่ใช่เนื้อคู่ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว
และเป็นไปตามคาด บุคคลแรกที่ทินกรมอบรอยยิ้มให้นั้นก็คืออัจฉรา ผู้ได้ชื่อว่ากุมหัวใจดวงตะวันอย่างทินกร เขาเดินเข้ามาหาเธอโดยไม่มองไปทางอื่นสักนิด และไม่สนด้วยว่าเด็กสาวในชุดนักศึกษาที่ยืนอยู่ตรงนั้นจะเขินจนอ่อนระทวยขนาดไหนแล้วก็ตาม
“พี่เพลิงคะ ทำไมมาช้าจังล่ะคะ อีกไม่กี่นาทีก็จะได้เวลาถ่ายรายการอยู่แล้วเชียว” หญิงสาวบ่นกระปอดกระแปด แต่ทินกรยังคงยิ้มกว้าง ดวงตาคมดุคู่นั้นมองอัจฉราเป็นเด็กเล็ก
“แต่ก็มาทันนะ อย่าบ่นไปเลยน่า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่จริงจังมากนัก แต่อ้อยใจ ทีมงานร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นเอ่ยค่อนขอดอย่างหมั่นไส้
“จะรอให้เขาถ่ายกันเสร็จแล้วค่อยมาก็ได้นะคะ!” น้ำเสียงนั้นกระแทกทีเดียว ทินกรหุบยิ้มเมื่อครู่ จ้องหน้าอ้อยใจอย่างเอาเรื่อง
“ไม่ใช่เรื่องของทีมงาน” ชายหนุ่มเอ่ยช้าชัดโดยที่สายตาไม่ละไปไหน อัจฉรามองหน้าทั้งคู่สลับไปมา พลางจะเปลี่ยนเรื่องคุย แต่กลับมีเสียงเด็กสาวขัดขึ้นเสียก่อน
“เอ่อ...ขอโทษนะคะพี่เพลิง หนูขอลายเซ็น...” ไม่ทันจบประโยค มือหนาของทินกรก็ปัดสมุดลายลายน่ารักนั้นร่วงลงไปอยู่ที่พื้น แววตาและน้ำเสียงนั้นดุดันแบบเปิดเผย
“ไม่รู้จักเวลา!”
พูดจบ พระเอกหนุ่มก็เดินจากไป ทิ้งให้แฟนสาวของตนยืนปลอบขวัญเด็กสาวผู้นั้น อ้อยใจส่ายหน้าระอาในนิสัยของพระเอกสุดฮอตรายนี้เต็มทน รวมถึงเด็กฝึกงานหลายคนที่ซุบซิบอิจฉากันอยู่เมื่อครู่ก็หน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน คนที่อึ้งที่สุดเห็นจะเป็นเด็กสาวซึ่งถูกทินกรปฏิเสธ ที่ขณะนี้หยาดน้ำเริ่มคลอหน่วยดวงตากลมโต
“อย่าคิดมากนะคะ พอดีพี่เพลิงเขาเครียดเรื่องงานน่ะ” อัจฉราเอ่ยกับเด็กสาวอย่างใจดี พลางแตะไหล่เจ้าตัว ดวงหน้านั้นหันมายิ้มฝืนๆ ก่อนเดินจากไป อัจฉราจึงได้แต่มองตามและส่ายศีรษะอย่างเอือมระอาให้แก่ความประพฤติของแฟนหนุ่ม
เมื่อถึงเวลาอัดรายการทุกคนนั่งพร้อมหน้ากันอยู่ในสตูทั้งพิธีกร ทินกรและอัจฉรา ฝ่ายพระเอกหนุ่มที่หงุดหงิดหัวเสียอยู่เมื่อครู่ เวลานี้ยิ้มแย้มแจ่มใสราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้
“สวัสดีครับคุณทินกรและคุณอัจฉรา นักแสดงคู่ขวัญที่กำลังดังสุดๆ ในช่วงเวลานี้” สิ้นเสียงเริ่มต้นของพิธีกร ก็ตามด้วยเสียงปรบมือเกรียวกราวจากแฟนคลับเกือบร้อยชีวิตซึ่งนั่งอยู่ในสตู
“ความสัมพันธ์เป็นยังไงกันบ้างครับ” พิธีกรชายเอ่ยถามเย้าแหย่จนอัจฉราและทินกรมองกันยิ้มๆ พลางพยักหน้าให้อีกฝ่ายเป็นคนตอบ ก่อนที่ทินกรจะเป็นฝ่ายตอบด้วยท่าทางขัดเขิน
“ก็ดีนะครับ รักเขามาก เพราะเขาน่ารัก” ด้วยคำตอบเพียงเท่านี้ส่งผลให้กลุ่มแฟนคลับที่ไม่รู้เรื่องก่อนหน้านี้ในสตูส่งเสียงกรี๊ดกันเป็นแถว ที่เขินสุดคงไม่พ้นแฟนสาวของพระเอกหนุ่มคนนี้ที่ได้แต่ก้มหน้ามองพื้นอย่างเดียว
“คุณเพลิงเริ่มต้นจีบคุณฟ้ายังไงครับ เรื่องนี้ให้คุณฟ้าเป็นคนตอบดีกว่า”
“ฟ้าไม่รู้ว่าตอนแรกพี่เขามาจีบหรือเปล่านะคะ แต่เขาจะชอบแกล้ง ชอบมาจี้เอว และฟ้าก็เป็นคนบ้าจี้ เลยสนิทกันค่ะ เพราะโดนแกล้งบ่อยๆ”
“จีบครับ”
เสียงฮืออาดังลั่นไปทั่วบริเวณจากการตอบแทรกของทินกร อัจฉรามองเขาอย่างนิ่งอึ้ง เนื่องจากมันไม่ได้อยู่ในสคริปต์ที่ทางรายการวางไว้ให้ แต่เจ้าตัวไม่ได้มีทีท่าทุกข์ร้อน เพียงแต่ยักคิ้วให้หล่อนเท่านั้น
นางเอกสาวยิ้มมุมปาก เขาก็เป็นอย่างนี้ทุกทีสิน่า
การจะให้รายการมันสมจริง ก็ใกล้เคียงกับการสร้างกระแสซะเหลือเกิน แต่ภาพลักษณ์คือสิ่งที่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจอยู่แล้ว
“มีทะเลาะกันบ้างไหมคะ” ครั้งนี้พิธีกรสาวเอ่ยถาม
“จริงๆ มันก็เป็นเรื่องปกติสำหรับทุกคู่นะคะ ที่จะมีการไม่เข้าใจกัน แต่ว่าเราก็ต้องปรับความเข้าใจ ยอมรับข้อเสียของอีกฝ่ายให้ได้ แค่นั้นก็พอแล้วค่ะ” อัจฉราตอบอย่างมาดมั่น เสียงใสนั้นชวนเคลิ้มฝันไม่น้อย
“ก็เหมือนเวลาที่เราดูละครน่ะครับ พระนางทะเลาะกัน นางเอกเถียง พระเอกจูบ ผมก็ทำไม่ต่างกับพระเอกหรอก” ทินกรพูดหยอกล้อ เรียกเสียงฮือฮาดังขึ้นอีกระลอกหนึ่ง เขามองไปยังกลุ่มแฟนคลับอย่างชื่นใจ
“จริงหรือคะคุณฟ้า” พิธีกรหญิงเอ่ยถามละล่ำละลัก หลังจากบิดตัวไปแปดตลบกับคำตอบของทินกร
จะมีใครบ้างล่ะ? ที่ไม่ได้ชื่นชอบพระนางคู่ขวัญคู่นี้ ไม่มีหรอก...
อัจฉราเม้มริมฝีปากอย่างชั่งใจว่าควรตอบออกไปดีไหม ก่อนจะเอ่ยอย่างเขินอาย “ก็ทำนองนั้นล่ะค่ะ”
เพียงเท่านั้น เสียงกรี๊ดจากทุกคนในสตูไม่เว้นแม้แต่ผู้ดำเนินรายการก็ดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ ทินกรเอามือปิดหูอย่างชอบใจ นี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการ การที่เขาได้อยู่ในจุดที่ทุกคนให้ความสำคัญ มันคือที่สุดของอาชีพนี้
ที่มุมหนึ่งของสตูดิโอ อ้อยใจยืนมองอย่างไม่ชอบใจนัก หล่อนเบะปากพร้อมส่งสายตารังเกียจอย่างไม่ปิดบังไปทางพระเอกหนุ่ม
“หึ! นี่น่ะหรือพระเอกชื่อดังที่ใครๆ ก็หลงใหล สร้างภาพสร้างกระแส” สาวใหญ่ยกมือขึ้นพนมไว้เหนือหัว “เจ้าประคุณ ขอให้ทุกคนได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของตาคนนี้สักทีเถิด ถ้ามันดับลงเมื่อไหร่ ดิฉันจะ...”
พูดไม่ทันจบ ก็มีเสียงหนึ่งดังขัดขึ้น
“เอาตัวเองให้รอดก่อนไหม มีเวลามานั่งแช่งชักหักกระดูกคนอื่นเขา ระวังเถอะ จะตกงานไม่รู้ตัว” ทั้งวาจาทั้งน้ำเสียงที่ดูเสียดแทงจนขนลุกวาบ ทำเอาอ้อยใจต้องหันกลับมาอย่างตื่นตระหนก “คุณเกล!”
ทีมงานสาวใหญ่ก้มหน้าหลบ เนื่องจากบุคคลตรงหน้าเธอนี้คือ เกล กัญกร นรินทรา ถือเป็นตัวแม่อันดับหนึ่งของวงการเรื่องการใช้ฝีปาก รวมถึงเป็นผู้บริหารใหญ่ของต้นสังกัดทินกรและอัจฉราที่ลงมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้แก่คู่ขวัญนี้ด้วยตัวเอง กัญกรมีอิทธิพลขนาดที่เธอจะสามารถตกงานในวันรุ่งขึ้นได้เลยทีเดียว
“ขะ...ขอโทษค่ะคุณเกล”
“เอาเถอะๆ แต่จะบอกไว้ให้ ฉันจ้างเธอเข้ามาเพื่อให้ดูแลเสื้อผ้าหน้าผมของทั้งคู่ ไม่ได้ให้เธอมาทะเลาะกัน เข้าใจไหม?” น้ำเสียงนั้นเฉียบขาดจนอ้อยใจต้องหลบตาจากดวงหน้าสวยใส ราวกับไม่ใช่หญิงสาวในวัยเกินเลขสาม ไหนจะรูปร่างผอมเพรียวนั่นอีก
“เข้าใจค่ะคุณเกล” สีหน้าอ้อยใจเจื่อนลงเล็กน้อย เมื่อคิดว่ากัญกรรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนอัดรายการ และจากน้ำเสียงของผู้บริหารใหญ่นั้นบอกให้รู้ว่าตำหนิเธออย่างชัดเจน
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงสุดท้ายของรายการ พระนางคู่ขวัญยังคงหัวเราะคิกคักราวกับไม่ใช่การสัมภาษณ์ แต่เป็นการคุยเล่นกันในหมู่เพื่อนเสียมากกว่า
“มาถึงคำถามสุดท้ายแล้วนะครับ ทั้งคู่ยังอยากร่วมงานกันอีกไหม”
“โหย จริงๆ คำถามนี้ผมว่าใครๆ ก็เดาคำตอบผมได้นะ ก็ต้องอยากอยู่แล้วครับ อยากเล่นด้วยกันไปตลอด บางเรื่องบางฉากมีหวานแหววกันงี้ เราเล่นกับแฟนเรามันก็ดีกว่าอยู่แล้ว อย่างเช่นเขาไปจุ๊บกับคนอื่นอะ บอกเลยผมหึงนะ” คำตอบของพระเอกหนุ่มยังคงเรียกเสียงกรี๊ดจนนาทีสุดท้าย ถือว่าการอัดรายการครั้งนี้เป็นไปตามที่ทินกรต้องการทุกอย่าง
พิธีกรกล่าวปิดรายการตามระเบียบ ผู้คนในสตูยังโห่ร้องอยากฟังต่อ ทินกรหันไปส่งยิ้มให้ทุกคนก่อนจะช่วยดูแลอัจฉราออกไปยังมุมหนึ่ง เพราะเขาเห็นกัญกรรออยู่ตรงนั้นสักพักแล้ว
“วันนี้ทำได้ดีมากเพลิง ฟ้าก็ด้วยนะ” กัญกรเอ่ยอย่างเอ็นดูทั้งคู่เป็นที่สุด โดยเฉพาะทินกร ซึ่งรู้หน้าที่ในการทำตัวเองให้โด่งดังมากกว่าเด็กคนอื่นที่เธอปั้น รู้วิธีการพูดที่กลุ่มแฟนละครต้องการ นั่นยังเป็นสิ่งที่เธอชื่นชมในตัวเขาอยู่เสมอ ส่วนอัจฉราในสายตาเธอนั้น เป็นเด็กน้อยสวยใสบริสุทธิ์คนหนึ่ง แต่ก็เคารพผู้ใหญ่และวางตัวดีมาก เธอเชื่อว่าไม่เพียงแต่เธอ คนอื่นที่ได้รู้จักอัจฉราก็ย่อมรักในตัวเจ้าหล่อนทั้งนั้น
“พี่เพลิงก็พูดอะไรออกไปเยอะแยะก็ไม่รู้ คนอื่นจะมองฟ้าไม่ดีหรือเปล่าเนี่ย” อัจฉราเอ่ยอย่างไม่จริงจังนัก ท่าทางที่ดูขัดเขินนั้นทำให้ทินกรหลุดขำออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้
“เอาน่า แค่แสดงความรักให้คนอื่นเห็นเอง” น้ำเสียงนุ่มทุ้มนั้นออกแนวกระเซ้าเย้าแหย่ เธอจึงทำได้เพียงหยิกแขนพระเอกหนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยว
แต่อิริยาบถชวนเลี่ยนของทั้งคู่ก็ต้องจบลงด้วยเสียงขัดของกัญกร
“พอๆ หมั่นไส้จริงๆ เอาเป็นว่าวันนี้ทำดีมาก พรุ่งนี้ไปถ่ายละครให้ตรงเวลา ฉันคงไม่ได้ไป ดูแลฟ้าด้วยล่ะเพลิง”
“ครับผม!” ทินกรรับอย่างมาดมั่น
ทั้งสามคนเดินออกมาจากสตูเพื่อขึ้นรถยนต์คันหรู กัญกรแยกไปขึ้นรถคันตัวเอง ส่วนอัจฉรามากับทินกรเพื่อจะไปทานข้าวด้วยกันเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา
ก่อนขึ้นรถ พระเอกหนุ่มมองกลับเข้าไปในสตู เห็นกลุ่มแฟนคลับตามออกมาส่งที่หน้าตึก เขาโบกมือให้อย่างเป็นกันเอง แต่ใครเลยจะรู้ว่าภายใต้ใบหน้าขาวผ่องสะท้อนแสงแดดในยามนี้นั้นแอบกระหยิ่มยิ้มย่องมองกลุ่มคนตรงนั้นอย่างสมเพช การได้อยู่ในจุดที่สูงที่สุดถือเป็นความพอใจสำหรับเขาแล้ว ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าชื่อเสียงเงินทองที่มีเฉกเช่นทุกวันนี้เป็นแน่
คนที่ดีแต่กรี๊ดดาราไปวันๆ จะไปรู้อะไร จริงๆ แล้ว การเป็นนักแสดง มันก็แค่นักต้มตุ๋นคนหนึ่งนี่แหละ ใครเสแสร้งเก่ง คนนั้นชนะ
นี่ล่ะนะ! วงการบันเทิง...
เอวาลิน เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 มิ.ย. 2559, 19:18:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 มิ.ย. 2559, 19:18:44 น.
จำนวนการเข้าชม : 869
| << ตอนที่ 3 (ย้อนเวลา) | ตอนที่ 5 ...เธอ-เป็น-ใคร! >> |
Zephyr 11 มิ.ย. 2559, 18:27:44 น.
อืม นิสัยเฮีย สุดโต่งจริงๆ
อืม นิสัยเฮีย สุดโต่งจริงๆ