ดั่งบุหลันดั้นเมฆ
แพทย์หญิงสิตางศุ์จะตัดสินใจเช่นไรเมื่อในปัจจุบันเธอกำลังเผชิญมรสุมเลวร้ายของชีวิตสมรสอย่างหนักกับนักธุรกิจจอมเจ้าชู้ชื่อเมฆินทร์ แล้วจู่ๆ ก็มีโอกาสพบเรื่องมหัศจรรย์ เธอถูกพาย้อนอดีตไปอยู่ในร่างพราวบุหลันดาราสาวสวย ได้พบภากร...ผู้ชายแสนดีซึ่งเธอไม่เคยคิดว่าจะมีในโลก ทั้งสองร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย เธอเองก็แก้ไขเรื่องร้ายที่เกิดในอนาคตได้หลายเรื่องรวมทั้งการช่วยชีวิตภากรไว้ด้วย ความรักงดงามเบ่งบานกลางใจ ทว่าเธอสมควรเลือกเส้นทางใดกันแน่...เป็นสิตางศุ์ แพทย์สาวในปี ๒๕๕๘ ซึ่งทำประโยชน์ให้คนส่วนรวมได้มากมาย หรือเป็นดาราสาวชื่อพราวบุหลัน ใช้ชีวิตกับชายหนุ่มที่รักเธอสุดหัวใจ ในปี ๒๕๒๙ ตลอดไป
Tags: ข้ามเวลา แพทย์หญิง รักหวานซึ้ง
ตอน: บทที่ ๕
สวัสดีค่ะ นักอ่านที่รักทุกท่าน
ช่วงนี้ดาริยาจะอัพนิยาย "ดั่งบุหลันดั้นเมฆ" ถี่นิดนึงนะคะ หวังว่านักอ่านคงมีความสุขและร่วมลุ้นไปกับสถานการณ์ที่หมอสิตางศุ์ต้องเผชิญ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ ^___^
______________
บทที่ ๕
อาการเคร่งขรึมของภากรทำเอาพราวบุหลันนั่งเงียบมาตลอดทางจนรถของเขามาจอดเทียบหน้าบ้านเธอ
“ผมไม่เข้าไปข้างในนะพราว จะรีบพาคุณแม่กลับไปพักผ่อนก่อน ดูท่านเหนื่อยมาก โชคดีว่าพวกอาๆ ช่วยจัดการเรื่องหาวัดเตรียมไว้ แล้วรับศพคุณพ่อไปเรียบร้อย ผมเองพอเอาคุณแม่ไปส่งบ้านแล้วค่อยตามไปที่วัด”
พราวบุหลันยกมือไหว้ลาสุคนธ์ซึ่งนั่งอยู่ตรงเบาะหลังแล้วหันไปบอกชายหนุ่ม
“คุณดูแลตัวเองด้วยนะคะ แล้วก็อย่าคิดมาก เรื่องผลชันสูตร”
หญิงสาวแตะมือลงบนท่อนแขนแข็งแกร่งของภากร อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่เป็นตัวตั้งตัวตีให้เขาและสุคนธ์ยอมให้ชันสูตรเพื่อความโปร่งใส แต่พอรู้ผลว่าเกิดจากการกินยานอนหลับเกินขนาดเพื่อฆ่าตัวตาย ความรู้สึกหดหู่กลับดูจะมากขึ้นไปอีก
“ช่วงนี้ผมคงยุ่งกับงานศพ ไม่ค่อยได้มาหาคุณ ยังไงก็ดูแลตัวเองดีๆ ขอบคุณที่จัดการหลายๆ เรื่องที่โรงพยาบาลให้ ลำพังผมเองก็งงไปหมด ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อน” ใบหน้าของชายหนุ่มอ่อนระโหยพอๆ กับน้ำเสียงของเขา
“ยินดีช่วยค่ะ คุณกลับไปเถอะ เอาไว้ฉันกับพ่อแม่จะไปกราบท่านที่วัด ขอบคุณที่มาส่งนะคะ”
พราวบุหลันก้าวลงจากรถ ขณะเดินเข้าไปในบ้านความรู้สึกโดดเดี่ยวก็แล่นขึ้นมาจับหัวใจ ต่อจากนี้เธอต้องเผชิญทุกเรื่องโดยลำพังไปอีกหลายวัน สิ่งที่หวั่นใจมากคือการที่เธอไม่รู้จักใครสักคน ถ้ามีภากรอยู่ด้วยยังพอจะถามไถ่ได้
แล้วเรื่องน่าหวาดหวั่นก็ตามมาทันทีเมื่อหญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปในห้องรับแขกซึ่งที่นั่นผู้เป็นมารดาไม่ได้นั่งอยู่ตามลำพัง หากมีสาวน้อยคนหนึ่งซึ่งคะเนอายุแล้วน่าจะไล่เลี่ยกับพราวบุหลันนั่งอยู่ด้วย...แต่เจ้าหล่อนคือใครนี่สิ ปัญหาใหญ่
“กลับมาเสียที แม่เป็นห่วงจะแย่รู้มั้ย อยากโทร. ถามก็ไม่รู้จะโทร. ไปที่แผนกไหน เราเองก็เพิ่งฟื้นขึ้นมา ไม่น่าไปป้วนเปี้ยนแถวโรงพยาบาลเลย เดี๋ยวก็ไปรับเชื้อมาอีกหรอก พราวเอ๊ย กลับซะเย็นเชียว”
จันทราบ่นเป็นชุด ส่วนหญิงสาวที่นั่งข้างๆ รีบลุกมาหา คล้องแขนเรียวเข้ากับแขนพราวบุหลันแล้วพาไปนั่งด้วยกันบนโซฟา พราวบุหลันเพิ่งสังเกตว่าสาวน้อยแปลกหน้าสวมเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายสีน้ำทะเลกับกางเกงยีนทรงหลวมสอดชายเสื้อเข้าในขอบกางเกงเรียบร้อย มองอย่างไรก็รู้สึกย้อนยุคพิกล นึกสงสัยว่าเมื่อไรถึงจะชินกับการแต่งกายของคนในยุคนี้เสียที
“พราว! ฉันดีใจมากเลยที่แกฟื้นขึ้นมาคุยกับฉันได้เหมือนเดิม ฉันเป็นห่วงแทบแย่ตอนที่แกนอนเป็นผักน่ะ สงสารจนบอกไม่ถูก ไม่นึกเลยว่าปาฏิหาริย์จะมีจริง” หญิงสาวตรงหน้าทักทายแล้วก็ใส่ไม่ยั้ง การที่พราวบุหลันสลบไปเป็นเดือนคงทำให้ใครหลายคนอยากคุยด้วยใจจะขาด พอเธอฟื้นขึ้นมาจึงต้องรับข้อมูลที่คั่งค้างในหัวคนรอบกายมากหน่อย เสียงใสยังดังต่อไม่หยุด “นี่ก็เพิ่งจะว่างมาหาแก ช่วงนี้ฉันหัวปั่นมาก เรียนก็หนัก งานยุ่งจริงๆ อยู่เวรติดๆ กันอีกต่างหาก เออ! แล้วเรื่องพ่อคุณกรที่โรงพยาบาลเรียบร้อยดีใช่มั้ย เห็นป้าจันทร์คุยโทรศัพท์กับคุณสุคนธ์อยู่พักใหญ่”
ดาราสาวพยักหน้าแล้วส่งยิ้มแหยๆ ตอบออกไป
“ตกลงท่านเสียเพราะกินยานอนหลับเกินขนาดจ้ะ เอาศพไปตั้งสวดที่วัดแล้ว”
พราวบุหลันอึดอัดจนบอกไม่ถูกกับการไม่รู้จักชื่อของสาวน้อยผมยาวหน้าใสคนนี้ ทั้งที่เดาได้ว่าต้องเป็นเพื่อนสนิท จึงตัดสินใจเอ่ยออกไป
“ฉันต้องขอโทษมากๆ เลยนะ จำชื่อเธอไม่ได้จริงๆ แม่บอกหรือยังว่าความทรงจำของฉันมันหายไปหมดน่ะ”
“บอกแล้ว แต่ฉันไม่กลัวหรอก เราออกจะสนิทกัน เชื่อเถอะว่าอีกไม่นานแกต้องจำฉันได้ ฉันแก้วไง แก้วตานะ คุ้นๆ รึยัง”
คนพูดยื่นหน้านวลขาวใสเข้ามาใกล้ให้พิจารณา แค่พบกันครั้งแรกสิตางศุ์ในร่างพราวบุหลันก็ถูกชะตาเสียแล้ว สาวน้อยคนนี้ดูเป็นคนร่าเริง อัธยาศัยดี ดวงตาของเธอแปลกมาก แม้จะเป็นตาชั้นเดียวแต่กลับกลมโต มองรวมๆ แล้วสวยแบบนางเอกหนังเกาหลีไม่มีผิด
“ยังไม่คุ้นจ้ะ เอ่อ...ฉันว่า...เราไปคุยกันบนห้องฉันดีกว่ามั้ย”
จู่ๆ ความคิดที่จะบอกความจริงกับใครอีกสักคนก็เกิดขึ้น และสิตางศุ์ในร่างพราวบุหลันตัดสินใจเลือกสาวน้อยคนนี้แหละ ดูจากหน้าตาท่าทางแล้ว แก้วตาเป็นคนน่ารัก ดูทันสมัย น่าจะคุยกันรู้เรื่อง เธอต้องมีใครอีกสักคนที่เชื่อ และเข้าใจในสิ่งที่เธอเล่า
“ก็ดีเหมือนกัน พราวพาหมอแก้วไปคุยกันตามลำพังสิ เผื่อจะฟื้นความจำให้เต็มที่ ไม่ต้องเขินแม่ ปกติก็ชอบขึ้นไปขลุกอยู่บนห้องด้วยกันอยู่แล้วนี่ เดี๋ยวแม่ขอไปพักผ่อนก่อน” จันทราสนับสนุน
หมอแก้ว! นี่เธอฟังไม่ผิดใช่ไหม...เพื่อนของพราวบุหลันคนนี้เป็นหมอ! ช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ หญิงสาวส่งยิ้มกว้างให้แก้วตา แล้วพากันวิ่งขึ้นบันได ลากตัวแขกเข้าไปในห้องนอน ให้นั่งลงบนขอบเตียงเคียงข้างกันก่อนจะเริ่มทันที
“ฟังนะแก้ว ฉันรู้ว่าเธออาจจะไม่เชื่อที่ฉันพูด แต่ได้โปรดรับฟังฉันให้จบก่อน คือ...จริงๆ แล้วฉันไม่ใช่พราวบุหลันนะ ฉันคือแพทย์หญิงสิตางศุ์” แก้วตาได้ยินแล้วถึงขั้นตกตะลึงดวงตาเบิกกว้าง อ้าปากจะแย้ง แต่พราวบุหลันไม่ยอมให้เพื่อนขัด เธอต้องเล่าให้หมดเพื่อระบายความอัดอั้น “วิญญาณของฉันเข้ามาอยู่ในร่างนี้โดยผ่านมาทาง...”
พราวบุหลันเล่าเหตุการณ์ประหลาดต่างๆ ทั้งหมดแบบไม่มีปิดบังรวดเดียวจบ ขณะเล่าเธอสังเกตว่าแรกๆ แก้วตามีสีหน้าไม่เชื่อแบบเต็มร้อย แต่พอได้ฟังไปสักพักก็ดูเหมือนจะเริ่มเอนเอียงไปทางเข้าใจ แต่จะให้เชื่อในทันทีคงเป็นไปไม่ได้ ยิ่งมีอาชีพแพทย์ด้วยแล้ว เรื่องเหนือจริงขนาดนี้เป็นใครก็ต้องขอคิดนานๆ
“แล้วเธอจะกลับไปอนาคตได้ยังไง” คนฟังเอ่ยถามหลังพราวบุหลันเล่าจบ
จากสรรพนาม ‘แก’ แก้วตาเปลี่ยนมาใช้ ‘เธอ’ บ่งบอกว่าเริ่มรู้สึกเหมือนไม่ได้กำลังคุยกับพราวบุหลันเพื่อนรักคนเก่า แต่กำลังคุยกับแพทย์หญิงสิตางศุ์ ทำให้เจ้าของห้องเริ่มใจชื้นขึ้นมานิด
“ฉันก็ยังไม่รู้เลยแก้ว แต่ยังไงฉันก็ดีใจนะที่อย่างน้อยยังมีเธออีกคนที่พอจะเข้าใจ”
“แสดงว่าเธอเล่าให้คนอื่นฟังด้วย” คิ้วเรียวของแก้วตาขมวดเข้าหากัน สายตาจับจ้องไปยังเพื่อนสาวเพื่อจับสังเกตตลอดเวลา
“ใช่ ฉันเล่าให้คุณกรฟัง และน่าแปลกว่าเขาก็เอนเอียงไปทางเชื่อเหมือนเธอ ฉันโชคดีมากๆ ที่มีคนเข้าใจว่าฉันไม่ได้บ้า”
คนฟังรีบส่ายหน้าเร็วๆ พร้อมโบกไม้โบกมืออีกต่างหาก
“แต่ฉันน่ะ ยังไม่เชื่อหรอกนะ จนกว่าจะค่อยๆ พิสูจน์ ซึ่งไม่ยากละ ถ้าเธอยืนยันว่าเป็นหมอ ฉันจะทดสอบความรู้ทางการแพทย์แบบไม่ยั้งเลย คอยดูสิ ว่าแต่เธอบอกว่าอายุยี่สิบแปดแล้ว ถ้างั้นเธอต่อเฉพาะทางอะไรหรือเปล่า”
เจอคำถามนี้เข้าไปสิตางศุ์ในร่างพราวบุหลันก็รู้ทันทีว่าการทดสอบเริ่มต้นขึ้นแล้ว
“ฉันเพิ่งจบ Med ”
“โห! แสดงว่าเรียนเก่งน่ะสิ” นักศึกษาแพทย์สาวทำตาโต
“ก็ไม่เชิงหรอก ฉันชอบด้วยน่ะ ก็เลยเรียน”
สิตางศุ์ในร่างพราวบุหลันถ่อมตัว ไม่อยากเล่าว่าในอนาคตนั้นการเลือกเรียนต่อในสาขาซึ่งเป็นที่ต้องการอันดับต้นๆ ต้องฝ่าฟันขนาดไหน ปฏิเสธไม่ได้ว่าเกรดสูงๆ ของเธอพร้อมประวัติการช่วยงานคณะอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยช่วยให้เธอได้เข้าไปเรียนในสาขานี้
“ส่วนฉันน่ะ ยังเป็นเอ็กซ์เทิร์น อยู่เลย แต่สนใจอยากเป็นจักษุแพทย์นะ กำลังพยายามอยู่” หญิงสาวบอกด้วยแววตามุ่งมั่น
พราวบุหลันลอบยิ้ม คอนเซ็ปต์ที่ว่าหมอตาจะสวยน่ารักนี่มีมาตั้งแต่สมัยอดีตเกือบสามสิบปีนี้เลยเชียวหรือ แก้วตาจัดเป็นคุณหมอหน้าตาดีคนหนึ่ง คู่ควรกับสาขาที่อยากเรียนต่อเป็นอย่างยิ่ง
“เยี่ยมเลย หมอตาก็น่าเรียนนะ เป็นไมเนอร์ ไม่หนักมาก อีกอย่างก็เหมาะกับชื่อเธอเลย อืม...เธอรู้มั้ย อีกยี่สิบเก้าปีข้างหน้า จะมีเครื่องไม้เครื่องมือในการตรวจรักษาที่พัฒนาก้าวไกลจนเธอต้องอ้าปากค้างเลยละ”
พราวบุหลันพยายามใช้ศัพท์เฉพาะทางการแพทย์ให้มากขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอรู้ลึก ชักเริ่มสนุกในการคุยกับเพื่อนสาวหน้าตาออกหวานแหววแนวเกาหลีคนนี้ นี่เป็นโอกาสที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าเธอมีความรู้ และเป็นแพทย์หญิงสิตางศุ์จริงๆ ถ้าเธอยิ่งรู้เรื่องทางแพทย์ลึกซึ้งเท่าไรก็ยิ่งจะทำให้แก้วตาเชื่อในเรื่องเหนือจริงที่เธอพูดออกมามากขึ้นเท่านั้น
“จริงเหรอ เช่นอะไรบ้าง”
แม้จะรู้ว่าแก้วตาต้องการทดสอบเธอ แต่พราวบุหลันก็เพลิดเพลินกับการได้พูดคุยกับเพื่อนร่วมอาชีพ เธอรีบตอบ ตั้งใจให้อีกฝ่ายตกตะลึง
“เอาเรื่องเกี่ยวกับตาที่เธอสนใจก็แล้วกันนะ ต่อไปจะมีการทำเลสิกแก้สายตาสั้น สายตายาว โดยการเปิดกระจกตาออกมาด้วยเครื่องแยกชั้นกระจกตา แยกออกมาหนึ่งในสามของความหนากระจกตา แล้วก็ใช้เลเซอร์ขัดเนื้อกระจกตาชั้นกลาง เปลี่ยนความโค้งของกระจกตาโดยรวม แล้วถึงจะปิดผิวกระจกตาเข้าที่เดิม”
“นี่เมืองไทยจะทำได้จริงๆ เหรอเนี่ย!” แก้วตามีสีหน้าตื่นเต้นสนอกสนใจเป็นอย่างยิ่ง
“ได้สิ อีกแปดปีต่อจากนี้จะมีแพทย์คนแรกเริ่มทำเลสิกเคสแรกที่โรงพยาบาลรามาธิบดี แล้วต่อไปก็บูมขึ้นเรื่อยๆ เธอจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่การใช้เลเซอร์แก้ปัญหาสายตาจะเป็นเรื่องที่ทำกันเกร่อเลยละ”
“เธอไม่ได้กุเรื่องใช่มั้ย” ได้ผลแล้ว! ท่าทางตื่นตะลึงของแก้วตาแสดงว่าเธอเอนเอียงไปทางเชื่อสิ่งที่พราวบุหลันพูดมากขึ้นทุกที
“จริงๆ จ้ะ เอาไว้วันหลังฉันจะเล่าเรื่องทางการแพทย์อื่นๆ ให้เธอฟังด้วย แต่ตอนนี้ขอคุยเรื่องทั่วไปที่ฉันควรรู้ได้ไหม ฉันตั้งใจจะไม่บอกใครว่าฉันมาจากไหน มายังไง ก็เลยต้องเป็นพราวบุหลันให้แนบเนียนหน่อย เธอช่วยเล่าถึงตัวฉันให้มากที่สุด จะได้รู้พื้นฐานเอาไว้ ฉันฟังคุณกรเล่ามาบ้างแล้ว แต่ยังไงก็สู้เพื่อนสนิทอย่างเธอไม่ได้แน่ ขอร้องละ ช่วยเล่าหน่อยนะแก้ว”
แก้วตาส่งยิ้ม ชั่งใจอยู่ชั่วขณะ ก่อนเอ่ยออกมา
“ได้สิ... ปกติเธอเป็นดาราสาวที่สวยมากและต้องสวยตลอดเวลา เธอใจร้อน เจ้าอารมณ์สุดๆ”
“แล้วทำไมเธอยังคบฉัน”
“ก็เพราะเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถมไงล่ะ ภายนอกเธอจะยังไง แต่ฉันรู้ว่าภายในเธอน่ารัก เธอเป็นคุณหนูเต็มขั้น เพราะป้าจันทร์ไม่ค่อยยอมให้เธอทำอะไรนอกจากเรียนๆ แล้วก็เรียน เธอเก่งภาษาอังกฤษ ไม่ชอบเรียนวิทย์ ก็เลยหันเหไปเรียนสายศิลป์ เอ็นท์ติดคณะนิเทศศาสตร์ เป็นทั้งดาวคณะและดาวมหาวิทยาลัย จบปุ๊บก็เป็นดาราปั๊บ มีหนุ่มๆ จีบเยอะ แต่เธอก็ปักใจกับดาราหนุ่มที่ชื่อเก่ง กิตติพัฒน์ แต่พ่อแม่เธอไม่สนับสนุน ในที่สุดก็จับเธอหมั้นกับคุณภากรสำเร็จ หมั้นได้แค่สามเดือนเธอก็เจออุบัติเหตุกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรานานเดือนนึงถึงฟื้น ฉันสรุปให้ได้แค่นี้แหละ”
พราวบุหลันเดาใจแก้วตาได้ ว่าที่เล่าเสียละเอียดอาจจะเพราะอยากให้เธอฟื้นความจำได้ไวๆ และเลิกคิดว่ามีคนอื่นในร่างตัวเองเสียที แววตาของเพื่อนสาวยังแฝงความเคลือบแคลงสงสัยตลอดเวลา
“ขอบใจมากจ้ะแก้ว ฉันเห็นภาพตัวเองมากขึ้นแล้ว อืม...ปกติเราเจอกันบ่อยมั้ย บ้านเธออยู่ที่ไหน”
“หลังๆ นี่เจอกันแค่อาทิตย์ละครั้งก็หรูแล้ว เพราะฉันไม่ค่อยว่างหรอก เรียนหนักมาก ส่วนบ้านฉันน่ะ อยู่ถัดจากบ้านเธอไปแค่สามหลังเอง”
“อ้าว! เราอยู่หมู่บ้านเดียวกันเหรอเนี่ย”
“ใช่ ก็เพราะแบบนี้แหละ ฉันถึงตัดจากเธอไม่ขาด ไม่ว่าเธอจะนิสัยเสียขนาดไหน ฉันก็ยังรักเหมือนเดิม พอเหงาๆ เราก็เดินไปหากัน มาระยะหลังที่ฉันเรียนหนักนี่แหละ ที่เราห่างๆ กันไปบ้าง”
“ได้ข้อมูลแค่นี้ฉันก็สบายใจขึ้น เผื่อจะได้ทำตัวให้กลมกลืนคล้ายๆ เดิม” พราวบุหลันนึกขึ้นได้จึงรีบถามต่อ “เออ...อีกอย่าง ฉันสงสัยมากเลยว่าผู้ชายพ.ศ.นี้เขายังยอมให้คลุมถุงชนกันอีกเหรอ ทำไมคุณภากรถึงยอมหมั้นกับฉันล่ะ”
แก้วตานิ่งไปพักใหญ่จนพราวบุหลันต้องทัก
“มีอะไรรึเปล่าแก้ว”
“ถ้าให้ฉันตอบตรงๆ นะ ฉันเองก็สงสัยอยู่ว่าทำไมเขายอม แต่เท่าที่ดู เหมือนว่าสองครอบครัวสนิทกันมาก พ่อเธอกับพ่อคุณกรเป็นเพื่อนรักกันมาแต่ไหนแต่ไร อีกอย่างคุณลุงภิรมย์ พ่อคุณกรน่ะ เขาป่วยกระเสาะกระแสะ แถมมีลูกชายสองคนแต่มาตายไปเสียคนหนึ่ง ก็พี่ชายคุณกรนั่นแหละ คราวนี้ความหวังในการสืบสกุลก็ตกที่คุณกร ลุงภิรมย์วิตกตลอดว่าจะไม่มีทายาทสืบทอด เขาอยากเห็นรุ่นหลานไวๆ พอกังวลมากก็ป่วยบ่อย จนคุณกรใจอ่อน ทำตามใจพ่อโดยหมั้นกับเธอ เท่านั้นแหละ โรคภัยดูจะหายไปเลย แต่ก็ไม่คิดนะ ว่าที่สุดแล้วท่านจะฆ่าตัวตาย ต้องมีเรื่องอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ”
แม้เรื่องที่แก้วตาเล่าพราวบุหลันจะพอรู้มาบ้างแล้วแต่ก็ช่วยตอกย้ำให้เธอจำความเป็นไปของคนรอบตัวได้ดีขึ้น
“คุณภากรก็คิดแบบนั้น เขาพยายามจะสืบอยู่”
“อุ๊ย! คุยเพลิน ฉันต้องรีบไปแล้ว ต้องไปราวน์เย็น น่ะ” นักศึกษาแพทย์สาวยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูพร้อมทำหน้าตื่น
“อ้าว ! จะไปแล้วเหรอ”
“อืม ฉันต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หอด้วย กลัวไม่ทัน แล้วค่อยคุยกันใหม่นะ” คนพูดยกมือโบกลา
“จ้ะ ขอบใจนะแก้ว”
“ลืมบอกไป ถ้าไม่อยากให้ต่างจากพราวบุหลันคนเดิมนัก เธอต้องแต่งหน้าทาปากบ้าง ปล่อยซีดขนาดนี้มันไม่ใช่เลย รู้มั้ย”
แก้วตาปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะ ท่าทางเป็นกันเองของเพื่อนทำเอาพราวบุหลันต้องร้องถามก่อนอีกฝ่ายจะเดินออกจากห้องนอน
“ตกลงเธอเชื่อฉันใช่มั้ยเนี่ย ว่าฉันไม่ใช่พราวบุหลันคนเดิม”
“ยังหรอก ง่ายไปรึเปล่า แค่มาเล่า สร้างเรื่องแล้วจะให้เชื่อเลยก็ไม่ใช่ฉันแล้ว ต้องขอรอดูสักพักก็แล้วกัน แต่บอกตามตรงนะ ว่าก็เผลอเชื่อไปเยอะแล้วละ”
เพื่อนสาวหลิ่วตาให้แล้วเดินจากไป
พราวบุหลันเริ่มรู้สึกสบายใจขึ้น อย่างน้อยถ้ามีแก้วตาเข้าใจเธออีกคน การอยู่ในร่างของพราวบุหลันก็คงไม่ยุ่งยากและทุกข์ทรมานจนเกินไป เธอต้องทนได้ ต้องปรับตัวได้ในไม่ช้านี้
__________________________________________________________________
หมายเหตุ
1 Med เป็นการเรียกภาควิชาอายุรศาสตร์แบบย่อๆ เป็นที่รู้กันในหมู่แพทย์
2 นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่หกเรียกว่า เอ็กซ์เทิร์น (Extern)
3 ภาควิชาในการเรียนแพทย์จะแบ่งเป็นเมเจอร์กับไมเนอร์ ภาคที่จัดเป็นเมเจอร์จะมีจำนวนหน่วยกิตมาก และฝึกหนักคือภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา,ศัลยศาสตร์,อายุรศาสตร์และกุมารเวชศาสตร์ นอกนั้นจัดเป็นไมเนอร์ทั้งหมด
4 ราวน์ (Round) เป็นชื่อเรียกสั้นๆ ของการ Round Ward : คือการที่แพทย์และนักศึกษาแพทย์เดินไปตามหอผู้ป่วยเพื่อตรวจรักษาดูแลคนไข้ ซึ่งถือเป็นหน้าที่ประจำวัน ส่วนใหญ่จะมีวันละ 2 รอบคือราวน์เช้าและราวน์เย็น
______________________________________________
ช่วงนี้ดาริยาจะอัพนิยาย "ดั่งบุหลันดั้นเมฆ" ถี่นิดนึงนะคะ หวังว่านักอ่านคงมีความสุขและร่วมลุ้นไปกับสถานการณ์ที่หมอสิตางศุ์ต้องเผชิญ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ ^___^
______________
บทที่ ๕
อาการเคร่งขรึมของภากรทำเอาพราวบุหลันนั่งเงียบมาตลอดทางจนรถของเขามาจอดเทียบหน้าบ้านเธอ
“ผมไม่เข้าไปข้างในนะพราว จะรีบพาคุณแม่กลับไปพักผ่อนก่อน ดูท่านเหนื่อยมาก โชคดีว่าพวกอาๆ ช่วยจัดการเรื่องหาวัดเตรียมไว้ แล้วรับศพคุณพ่อไปเรียบร้อย ผมเองพอเอาคุณแม่ไปส่งบ้านแล้วค่อยตามไปที่วัด”
พราวบุหลันยกมือไหว้ลาสุคนธ์ซึ่งนั่งอยู่ตรงเบาะหลังแล้วหันไปบอกชายหนุ่ม
“คุณดูแลตัวเองด้วยนะคะ แล้วก็อย่าคิดมาก เรื่องผลชันสูตร”
หญิงสาวแตะมือลงบนท่อนแขนแข็งแกร่งของภากร อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่เป็นตัวตั้งตัวตีให้เขาและสุคนธ์ยอมให้ชันสูตรเพื่อความโปร่งใส แต่พอรู้ผลว่าเกิดจากการกินยานอนหลับเกินขนาดเพื่อฆ่าตัวตาย ความรู้สึกหดหู่กลับดูจะมากขึ้นไปอีก
“ช่วงนี้ผมคงยุ่งกับงานศพ ไม่ค่อยได้มาหาคุณ ยังไงก็ดูแลตัวเองดีๆ ขอบคุณที่จัดการหลายๆ เรื่องที่โรงพยาบาลให้ ลำพังผมเองก็งงไปหมด ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อน” ใบหน้าของชายหนุ่มอ่อนระโหยพอๆ กับน้ำเสียงของเขา
“ยินดีช่วยค่ะ คุณกลับไปเถอะ เอาไว้ฉันกับพ่อแม่จะไปกราบท่านที่วัด ขอบคุณที่มาส่งนะคะ”
พราวบุหลันก้าวลงจากรถ ขณะเดินเข้าไปในบ้านความรู้สึกโดดเดี่ยวก็แล่นขึ้นมาจับหัวใจ ต่อจากนี้เธอต้องเผชิญทุกเรื่องโดยลำพังไปอีกหลายวัน สิ่งที่หวั่นใจมากคือการที่เธอไม่รู้จักใครสักคน ถ้ามีภากรอยู่ด้วยยังพอจะถามไถ่ได้
แล้วเรื่องน่าหวาดหวั่นก็ตามมาทันทีเมื่อหญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปในห้องรับแขกซึ่งที่นั่นผู้เป็นมารดาไม่ได้นั่งอยู่ตามลำพัง หากมีสาวน้อยคนหนึ่งซึ่งคะเนอายุแล้วน่าจะไล่เลี่ยกับพราวบุหลันนั่งอยู่ด้วย...แต่เจ้าหล่อนคือใครนี่สิ ปัญหาใหญ่
“กลับมาเสียที แม่เป็นห่วงจะแย่รู้มั้ย อยากโทร. ถามก็ไม่รู้จะโทร. ไปที่แผนกไหน เราเองก็เพิ่งฟื้นขึ้นมา ไม่น่าไปป้วนเปี้ยนแถวโรงพยาบาลเลย เดี๋ยวก็ไปรับเชื้อมาอีกหรอก พราวเอ๊ย กลับซะเย็นเชียว”
จันทราบ่นเป็นชุด ส่วนหญิงสาวที่นั่งข้างๆ รีบลุกมาหา คล้องแขนเรียวเข้ากับแขนพราวบุหลันแล้วพาไปนั่งด้วยกันบนโซฟา พราวบุหลันเพิ่งสังเกตว่าสาวน้อยแปลกหน้าสวมเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายสีน้ำทะเลกับกางเกงยีนทรงหลวมสอดชายเสื้อเข้าในขอบกางเกงเรียบร้อย มองอย่างไรก็รู้สึกย้อนยุคพิกล นึกสงสัยว่าเมื่อไรถึงจะชินกับการแต่งกายของคนในยุคนี้เสียที
“พราว! ฉันดีใจมากเลยที่แกฟื้นขึ้นมาคุยกับฉันได้เหมือนเดิม ฉันเป็นห่วงแทบแย่ตอนที่แกนอนเป็นผักน่ะ สงสารจนบอกไม่ถูก ไม่นึกเลยว่าปาฏิหาริย์จะมีจริง” หญิงสาวตรงหน้าทักทายแล้วก็ใส่ไม่ยั้ง การที่พราวบุหลันสลบไปเป็นเดือนคงทำให้ใครหลายคนอยากคุยด้วยใจจะขาด พอเธอฟื้นขึ้นมาจึงต้องรับข้อมูลที่คั่งค้างในหัวคนรอบกายมากหน่อย เสียงใสยังดังต่อไม่หยุด “นี่ก็เพิ่งจะว่างมาหาแก ช่วงนี้ฉันหัวปั่นมาก เรียนก็หนัก งานยุ่งจริงๆ อยู่เวรติดๆ กันอีกต่างหาก เออ! แล้วเรื่องพ่อคุณกรที่โรงพยาบาลเรียบร้อยดีใช่มั้ย เห็นป้าจันทร์คุยโทรศัพท์กับคุณสุคนธ์อยู่พักใหญ่”
ดาราสาวพยักหน้าแล้วส่งยิ้มแหยๆ ตอบออกไป
“ตกลงท่านเสียเพราะกินยานอนหลับเกินขนาดจ้ะ เอาศพไปตั้งสวดที่วัดแล้ว”
พราวบุหลันอึดอัดจนบอกไม่ถูกกับการไม่รู้จักชื่อของสาวน้อยผมยาวหน้าใสคนนี้ ทั้งที่เดาได้ว่าต้องเป็นเพื่อนสนิท จึงตัดสินใจเอ่ยออกไป
“ฉันต้องขอโทษมากๆ เลยนะ จำชื่อเธอไม่ได้จริงๆ แม่บอกหรือยังว่าความทรงจำของฉันมันหายไปหมดน่ะ”
“บอกแล้ว แต่ฉันไม่กลัวหรอก เราออกจะสนิทกัน เชื่อเถอะว่าอีกไม่นานแกต้องจำฉันได้ ฉันแก้วไง แก้วตานะ คุ้นๆ รึยัง”
คนพูดยื่นหน้านวลขาวใสเข้ามาใกล้ให้พิจารณา แค่พบกันครั้งแรกสิตางศุ์ในร่างพราวบุหลันก็ถูกชะตาเสียแล้ว สาวน้อยคนนี้ดูเป็นคนร่าเริง อัธยาศัยดี ดวงตาของเธอแปลกมาก แม้จะเป็นตาชั้นเดียวแต่กลับกลมโต มองรวมๆ แล้วสวยแบบนางเอกหนังเกาหลีไม่มีผิด
“ยังไม่คุ้นจ้ะ เอ่อ...ฉันว่า...เราไปคุยกันบนห้องฉันดีกว่ามั้ย”
จู่ๆ ความคิดที่จะบอกความจริงกับใครอีกสักคนก็เกิดขึ้น และสิตางศุ์ในร่างพราวบุหลันตัดสินใจเลือกสาวน้อยคนนี้แหละ ดูจากหน้าตาท่าทางแล้ว แก้วตาเป็นคนน่ารัก ดูทันสมัย น่าจะคุยกันรู้เรื่อง เธอต้องมีใครอีกสักคนที่เชื่อ และเข้าใจในสิ่งที่เธอเล่า
“ก็ดีเหมือนกัน พราวพาหมอแก้วไปคุยกันตามลำพังสิ เผื่อจะฟื้นความจำให้เต็มที่ ไม่ต้องเขินแม่ ปกติก็ชอบขึ้นไปขลุกอยู่บนห้องด้วยกันอยู่แล้วนี่ เดี๋ยวแม่ขอไปพักผ่อนก่อน” จันทราสนับสนุน
หมอแก้ว! นี่เธอฟังไม่ผิดใช่ไหม...เพื่อนของพราวบุหลันคนนี้เป็นหมอ! ช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ หญิงสาวส่งยิ้มกว้างให้แก้วตา แล้วพากันวิ่งขึ้นบันได ลากตัวแขกเข้าไปในห้องนอน ให้นั่งลงบนขอบเตียงเคียงข้างกันก่อนจะเริ่มทันที
“ฟังนะแก้ว ฉันรู้ว่าเธออาจจะไม่เชื่อที่ฉันพูด แต่ได้โปรดรับฟังฉันให้จบก่อน คือ...จริงๆ แล้วฉันไม่ใช่พราวบุหลันนะ ฉันคือแพทย์หญิงสิตางศุ์” แก้วตาได้ยินแล้วถึงขั้นตกตะลึงดวงตาเบิกกว้าง อ้าปากจะแย้ง แต่พราวบุหลันไม่ยอมให้เพื่อนขัด เธอต้องเล่าให้หมดเพื่อระบายความอัดอั้น “วิญญาณของฉันเข้ามาอยู่ในร่างนี้โดยผ่านมาทาง...”
พราวบุหลันเล่าเหตุการณ์ประหลาดต่างๆ ทั้งหมดแบบไม่มีปิดบังรวดเดียวจบ ขณะเล่าเธอสังเกตว่าแรกๆ แก้วตามีสีหน้าไม่เชื่อแบบเต็มร้อย แต่พอได้ฟังไปสักพักก็ดูเหมือนจะเริ่มเอนเอียงไปทางเข้าใจ แต่จะให้เชื่อในทันทีคงเป็นไปไม่ได้ ยิ่งมีอาชีพแพทย์ด้วยแล้ว เรื่องเหนือจริงขนาดนี้เป็นใครก็ต้องขอคิดนานๆ
“แล้วเธอจะกลับไปอนาคตได้ยังไง” คนฟังเอ่ยถามหลังพราวบุหลันเล่าจบ
จากสรรพนาม ‘แก’ แก้วตาเปลี่ยนมาใช้ ‘เธอ’ บ่งบอกว่าเริ่มรู้สึกเหมือนไม่ได้กำลังคุยกับพราวบุหลันเพื่อนรักคนเก่า แต่กำลังคุยกับแพทย์หญิงสิตางศุ์ ทำให้เจ้าของห้องเริ่มใจชื้นขึ้นมานิด
“ฉันก็ยังไม่รู้เลยแก้ว แต่ยังไงฉันก็ดีใจนะที่อย่างน้อยยังมีเธออีกคนที่พอจะเข้าใจ”
“แสดงว่าเธอเล่าให้คนอื่นฟังด้วย” คิ้วเรียวของแก้วตาขมวดเข้าหากัน สายตาจับจ้องไปยังเพื่อนสาวเพื่อจับสังเกตตลอดเวลา
“ใช่ ฉันเล่าให้คุณกรฟัง และน่าแปลกว่าเขาก็เอนเอียงไปทางเชื่อเหมือนเธอ ฉันโชคดีมากๆ ที่มีคนเข้าใจว่าฉันไม่ได้บ้า”
คนฟังรีบส่ายหน้าเร็วๆ พร้อมโบกไม้โบกมืออีกต่างหาก
“แต่ฉันน่ะ ยังไม่เชื่อหรอกนะ จนกว่าจะค่อยๆ พิสูจน์ ซึ่งไม่ยากละ ถ้าเธอยืนยันว่าเป็นหมอ ฉันจะทดสอบความรู้ทางการแพทย์แบบไม่ยั้งเลย คอยดูสิ ว่าแต่เธอบอกว่าอายุยี่สิบแปดแล้ว ถ้างั้นเธอต่อเฉพาะทางอะไรหรือเปล่า”
เจอคำถามนี้เข้าไปสิตางศุ์ในร่างพราวบุหลันก็รู้ทันทีว่าการทดสอบเริ่มต้นขึ้นแล้ว
“ฉันเพิ่งจบ Med ”
“โห! แสดงว่าเรียนเก่งน่ะสิ” นักศึกษาแพทย์สาวทำตาโต
“ก็ไม่เชิงหรอก ฉันชอบด้วยน่ะ ก็เลยเรียน”
สิตางศุ์ในร่างพราวบุหลันถ่อมตัว ไม่อยากเล่าว่าในอนาคตนั้นการเลือกเรียนต่อในสาขาซึ่งเป็นที่ต้องการอันดับต้นๆ ต้องฝ่าฟันขนาดไหน ปฏิเสธไม่ได้ว่าเกรดสูงๆ ของเธอพร้อมประวัติการช่วยงานคณะอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยช่วยให้เธอได้เข้าไปเรียนในสาขานี้
“ส่วนฉันน่ะ ยังเป็นเอ็กซ์เทิร์น อยู่เลย แต่สนใจอยากเป็นจักษุแพทย์นะ กำลังพยายามอยู่” หญิงสาวบอกด้วยแววตามุ่งมั่น
พราวบุหลันลอบยิ้ม คอนเซ็ปต์ที่ว่าหมอตาจะสวยน่ารักนี่มีมาตั้งแต่สมัยอดีตเกือบสามสิบปีนี้เลยเชียวหรือ แก้วตาจัดเป็นคุณหมอหน้าตาดีคนหนึ่ง คู่ควรกับสาขาที่อยากเรียนต่อเป็นอย่างยิ่ง
“เยี่ยมเลย หมอตาก็น่าเรียนนะ เป็นไมเนอร์ ไม่หนักมาก อีกอย่างก็เหมาะกับชื่อเธอเลย อืม...เธอรู้มั้ย อีกยี่สิบเก้าปีข้างหน้า จะมีเครื่องไม้เครื่องมือในการตรวจรักษาที่พัฒนาก้าวไกลจนเธอต้องอ้าปากค้างเลยละ”
พราวบุหลันพยายามใช้ศัพท์เฉพาะทางการแพทย์ให้มากขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอรู้ลึก ชักเริ่มสนุกในการคุยกับเพื่อนสาวหน้าตาออกหวานแหววแนวเกาหลีคนนี้ นี่เป็นโอกาสที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าเธอมีความรู้ และเป็นแพทย์หญิงสิตางศุ์จริงๆ ถ้าเธอยิ่งรู้เรื่องทางแพทย์ลึกซึ้งเท่าไรก็ยิ่งจะทำให้แก้วตาเชื่อในเรื่องเหนือจริงที่เธอพูดออกมามากขึ้นเท่านั้น
“จริงเหรอ เช่นอะไรบ้าง”
แม้จะรู้ว่าแก้วตาต้องการทดสอบเธอ แต่พราวบุหลันก็เพลิดเพลินกับการได้พูดคุยกับเพื่อนร่วมอาชีพ เธอรีบตอบ ตั้งใจให้อีกฝ่ายตกตะลึง
“เอาเรื่องเกี่ยวกับตาที่เธอสนใจก็แล้วกันนะ ต่อไปจะมีการทำเลสิกแก้สายตาสั้น สายตายาว โดยการเปิดกระจกตาออกมาด้วยเครื่องแยกชั้นกระจกตา แยกออกมาหนึ่งในสามของความหนากระจกตา แล้วก็ใช้เลเซอร์ขัดเนื้อกระจกตาชั้นกลาง เปลี่ยนความโค้งของกระจกตาโดยรวม แล้วถึงจะปิดผิวกระจกตาเข้าที่เดิม”
“นี่เมืองไทยจะทำได้จริงๆ เหรอเนี่ย!” แก้วตามีสีหน้าตื่นเต้นสนอกสนใจเป็นอย่างยิ่ง
“ได้สิ อีกแปดปีต่อจากนี้จะมีแพทย์คนแรกเริ่มทำเลสิกเคสแรกที่โรงพยาบาลรามาธิบดี แล้วต่อไปก็บูมขึ้นเรื่อยๆ เธอจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่การใช้เลเซอร์แก้ปัญหาสายตาจะเป็นเรื่องที่ทำกันเกร่อเลยละ”
“เธอไม่ได้กุเรื่องใช่มั้ย” ได้ผลแล้ว! ท่าทางตื่นตะลึงของแก้วตาแสดงว่าเธอเอนเอียงไปทางเชื่อสิ่งที่พราวบุหลันพูดมากขึ้นทุกที
“จริงๆ จ้ะ เอาไว้วันหลังฉันจะเล่าเรื่องทางการแพทย์อื่นๆ ให้เธอฟังด้วย แต่ตอนนี้ขอคุยเรื่องทั่วไปที่ฉันควรรู้ได้ไหม ฉันตั้งใจจะไม่บอกใครว่าฉันมาจากไหน มายังไง ก็เลยต้องเป็นพราวบุหลันให้แนบเนียนหน่อย เธอช่วยเล่าถึงตัวฉันให้มากที่สุด จะได้รู้พื้นฐานเอาไว้ ฉันฟังคุณกรเล่ามาบ้างแล้ว แต่ยังไงก็สู้เพื่อนสนิทอย่างเธอไม่ได้แน่ ขอร้องละ ช่วยเล่าหน่อยนะแก้ว”
แก้วตาส่งยิ้ม ชั่งใจอยู่ชั่วขณะ ก่อนเอ่ยออกมา
“ได้สิ... ปกติเธอเป็นดาราสาวที่สวยมากและต้องสวยตลอดเวลา เธอใจร้อน เจ้าอารมณ์สุดๆ”
“แล้วทำไมเธอยังคบฉัน”
“ก็เพราะเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถมไงล่ะ ภายนอกเธอจะยังไง แต่ฉันรู้ว่าภายในเธอน่ารัก เธอเป็นคุณหนูเต็มขั้น เพราะป้าจันทร์ไม่ค่อยยอมให้เธอทำอะไรนอกจากเรียนๆ แล้วก็เรียน เธอเก่งภาษาอังกฤษ ไม่ชอบเรียนวิทย์ ก็เลยหันเหไปเรียนสายศิลป์ เอ็นท์ติดคณะนิเทศศาสตร์ เป็นทั้งดาวคณะและดาวมหาวิทยาลัย จบปุ๊บก็เป็นดาราปั๊บ มีหนุ่มๆ จีบเยอะ แต่เธอก็ปักใจกับดาราหนุ่มที่ชื่อเก่ง กิตติพัฒน์ แต่พ่อแม่เธอไม่สนับสนุน ในที่สุดก็จับเธอหมั้นกับคุณภากรสำเร็จ หมั้นได้แค่สามเดือนเธอก็เจออุบัติเหตุกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรานานเดือนนึงถึงฟื้น ฉันสรุปให้ได้แค่นี้แหละ”
พราวบุหลันเดาใจแก้วตาได้ ว่าที่เล่าเสียละเอียดอาจจะเพราะอยากให้เธอฟื้นความจำได้ไวๆ และเลิกคิดว่ามีคนอื่นในร่างตัวเองเสียที แววตาของเพื่อนสาวยังแฝงความเคลือบแคลงสงสัยตลอดเวลา
“ขอบใจมากจ้ะแก้ว ฉันเห็นภาพตัวเองมากขึ้นแล้ว อืม...ปกติเราเจอกันบ่อยมั้ย บ้านเธออยู่ที่ไหน”
“หลังๆ นี่เจอกันแค่อาทิตย์ละครั้งก็หรูแล้ว เพราะฉันไม่ค่อยว่างหรอก เรียนหนักมาก ส่วนบ้านฉันน่ะ อยู่ถัดจากบ้านเธอไปแค่สามหลังเอง”
“อ้าว! เราอยู่หมู่บ้านเดียวกันเหรอเนี่ย”
“ใช่ ก็เพราะแบบนี้แหละ ฉันถึงตัดจากเธอไม่ขาด ไม่ว่าเธอจะนิสัยเสียขนาดไหน ฉันก็ยังรักเหมือนเดิม พอเหงาๆ เราก็เดินไปหากัน มาระยะหลังที่ฉันเรียนหนักนี่แหละ ที่เราห่างๆ กันไปบ้าง”
“ได้ข้อมูลแค่นี้ฉันก็สบายใจขึ้น เผื่อจะได้ทำตัวให้กลมกลืนคล้ายๆ เดิม” พราวบุหลันนึกขึ้นได้จึงรีบถามต่อ “เออ...อีกอย่าง ฉันสงสัยมากเลยว่าผู้ชายพ.ศ.นี้เขายังยอมให้คลุมถุงชนกันอีกเหรอ ทำไมคุณภากรถึงยอมหมั้นกับฉันล่ะ”
แก้วตานิ่งไปพักใหญ่จนพราวบุหลันต้องทัก
“มีอะไรรึเปล่าแก้ว”
“ถ้าให้ฉันตอบตรงๆ นะ ฉันเองก็สงสัยอยู่ว่าทำไมเขายอม แต่เท่าที่ดู เหมือนว่าสองครอบครัวสนิทกันมาก พ่อเธอกับพ่อคุณกรเป็นเพื่อนรักกันมาแต่ไหนแต่ไร อีกอย่างคุณลุงภิรมย์ พ่อคุณกรน่ะ เขาป่วยกระเสาะกระแสะ แถมมีลูกชายสองคนแต่มาตายไปเสียคนหนึ่ง ก็พี่ชายคุณกรนั่นแหละ คราวนี้ความหวังในการสืบสกุลก็ตกที่คุณกร ลุงภิรมย์วิตกตลอดว่าจะไม่มีทายาทสืบทอด เขาอยากเห็นรุ่นหลานไวๆ พอกังวลมากก็ป่วยบ่อย จนคุณกรใจอ่อน ทำตามใจพ่อโดยหมั้นกับเธอ เท่านั้นแหละ โรคภัยดูจะหายไปเลย แต่ก็ไม่คิดนะ ว่าที่สุดแล้วท่านจะฆ่าตัวตาย ต้องมีเรื่องอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ”
แม้เรื่องที่แก้วตาเล่าพราวบุหลันจะพอรู้มาบ้างแล้วแต่ก็ช่วยตอกย้ำให้เธอจำความเป็นไปของคนรอบตัวได้ดีขึ้น
“คุณภากรก็คิดแบบนั้น เขาพยายามจะสืบอยู่”
“อุ๊ย! คุยเพลิน ฉันต้องรีบไปแล้ว ต้องไปราวน์เย็น น่ะ” นักศึกษาแพทย์สาวยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูพร้อมทำหน้าตื่น
“อ้าว ! จะไปแล้วเหรอ”
“อืม ฉันต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หอด้วย กลัวไม่ทัน แล้วค่อยคุยกันใหม่นะ” คนพูดยกมือโบกลา
“จ้ะ ขอบใจนะแก้ว”
“ลืมบอกไป ถ้าไม่อยากให้ต่างจากพราวบุหลันคนเดิมนัก เธอต้องแต่งหน้าทาปากบ้าง ปล่อยซีดขนาดนี้มันไม่ใช่เลย รู้มั้ย”
แก้วตาปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะ ท่าทางเป็นกันเองของเพื่อนทำเอาพราวบุหลันต้องร้องถามก่อนอีกฝ่ายจะเดินออกจากห้องนอน
“ตกลงเธอเชื่อฉันใช่มั้ยเนี่ย ว่าฉันไม่ใช่พราวบุหลันคนเดิม”
“ยังหรอก ง่ายไปรึเปล่า แค่มาเล่า สร้างเรื่องแล้วจะให้เชื่อเลยก็ไม่ใช่ฉันแล้ว ต้องขอรอดูสักพักก็แล้วกัน แต่บอกตามตรงนะ ว่าก็เผลอเชื่อไปเยอะแล้วละ”
เพื่อนสาวหลิ่วตาให้แล้วเดินจากไป
พราวบุหลันเริ่มรู้สึกสบายใจขึ้น อย่างน้อยถ้ามีแก้วตาเข้าใจเธออีกคน การอยู่ในร่างของพราวบุหลันก็คงไม่ยุ่งยากและทุกข์ทรมานจนเกินไป เธอต้องทนได้ ต้องปรับตัวได้ในไม่ช้านี้
__________________________________________________________________
หมายเหตุ
1 Med เป็นการเรียกภาควิชาอายุรศาสตร์แบบย่อๆ เป็นที่รู้กันในหมู่แพทย์
2 นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่หกเรียกว่า เอ็กซ์เทิร์น (Extern)
3 ภาควิชาในการเรียนแพทย์จะแบ่งเป็นเมเจอร์กับไมเนอร์ ภาคที่จัดเป็นเมเจอร์จะมีจำนวนหน่วยกิตมาก และฝึกหนักคือภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา,ศัลยศาสตร์,อายุรศาสตร์และกุมารเวชศาสตร์ นอกนั้นจัดเป็นไมเนอร์ทั้งหมด
4 ราวน์ (Round) เป็นชื่อเรียกสั้นๆ ของการ Round Ward : คือการที่แพทย์และนักศึกษาแพทย์เดินไปตามหอผู้ป่วยเพื่อตรวจรักษาดูแลคนไข้ ซึ่งถือเป็นหน้าที่ประจำวัน ส่วนใหญ่จะมีวันละ 2 รอบคือราวน์เช้าและราวน์เย็น
______________________________________________
ดาริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 มี.ค. 2559, 08:07:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 มี.ค. 2559, 08:12:10 น.
จำนวนการเข้าชม : 1046
<< บทที่ ๔ | บทที่ ๖ >> |
Zephyr 21 มี.ค. 2559, 21:55:13 น.
แอบรู้สึกแก้วแย่งซีน 5555
เรากำลังยุ่งไม่ต่างจากแก้วตาเลยค่ะ
อ่านนานๆทีน้อ แต่จะเม้นให้ตลอดนะคะ สัญญา
แอบรู้สึกแก้วแย่งซีน 5555
เรากำลังยุ่งไม่ต่างจากแก้วตาเลยค่ะ
อ่านนานๆทีน้อ แต่จะเม้นให้ตลอดนะคะ สัญญา