~ สายใย .. ไฟรัก ~
~ สายใย .. ไฟรัก ~


เส้นสายใย .. ใครกันหนอ .. ที่ทอถัก
เส้นสายรัก .. ใครจักสาน.. ขานคำขอ
เส้นทางเดิน .. ใครเหินห่าง .. ต่างเฝ้ารอ
ไฟรักพอ .. ต่อหัวใจ .. ให้อุ่นอิง




เธอ .. คือ เพื่อนสนิทของน้องสาวเพื่อนรัก

เขา .. คือ ผู้บริหารโรงแรมจอมเผด็จการ แต่กลับเป็นเพื่อนรักพี่ชายของเพื่อนสนิท

ทว่า ..

เธอ .. ในสายตาของเขา .. คือ คนอวดดี ยโส ที่ใช้เพื่อนเป็นทางผ่านไปสู่ความสำเร็จของตัวเอง

เขา .. ในสายตาของเธอ .. คือ ผู้ชายไร้เหตุผล เอาแต่ตนเองเป็นใหญ่

ที่สำคัญเหนืออื่นใด .. ทั้งเธอและเขา .. กำลังตกหลุมรักคนที่ไม่ควรจะรัก!




***************************
Tags: ความรัก ครอบครัว เพื่อน

ตอน: ใยเส้นที่ 33 .. ตัวตน



เพลิงกัลป์อดทนเก็บความสงสัยไว้ภายใน นับตั้งแต่พบหน้าศิงขรินแล้วเพื่อนรักบอกว่า นัดเพื่อนไว้ที่อ่าวนาง ก่อนจะพบว่า ‘เพื่อน’ ที่ถูกเอ่ยถึงที่สนามบิน คือหนุ่มเดรดล็อค เจ้าของร้านขายของที่ระลึกบนเกาะลาลัล และเป็นคนที่เขาเคยช่วยชีวิตไว้เมื่อกว่า ๒ ปีก่อน

ทุกคำถามล้วนมาจากความประหลาดใจ คาดไม่ถึง แต่ดูเหมือนว่า นอกจากความสัมพันธ์อันน่าแปลกใจระหว่างศิงขรินกับเชดส์แล้ว ยังมีบุคคลที่เพลิงกัลป์ไม่คิดว่า จะได้พบกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา

ซายน์ ... ไม่สิ ศรตฤณ กับ มัสลิน !

ตลอดเวลาในการเดินทางจากอ่าวนางโดยเรือหางยาว กระทั่งมาถึงที่พักที่เชดส์จัดเตรียมไว้ เพลิงกัลป์สังเกตคู่ชายหนุ่มหญิงสาว แทบจะเรียกได้ว่าไม่คลาดสายตา

ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงสายใยบางอย่างที่ทั้งสองคนมีต่อกัน หลายครั้งหลายครายามที่มัสลินเผลอ ศรตฤณมักจะมองหญิงสาวด้วยสายตาอ่อนโยน ... อบอุ่น และห่วงใย

แต่พอมัสลินตั้งท่าจะคุย ก็ดูเหมือนว่า ผู้ชายคนนั้นคอยแต่จะสร้างเกราะเคร่งขรึม ราวกับต้องการให้อีกฝ่ายยำเกรง และไม่กล้าขัดขืนใดๆ

เพลิงกัลป์ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า เหตุใดเขาจึงตีความออกมาได้แบบนั้น แต่มันทำให้รู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้ช่างมีอิทธิพลต่อ ‘ยัยเด็กอวดดี’ ของเขาจนน่ากลัว

“เฮ้ย ไอ้ไฟ ... เป็นอะไร หน้าเครียดขนาดนั้น”

ศิงขรินถามเพื่อนหลังออกจากห้องน้ำในที่พัก ท่าทางดูผ่อนคลายและสบายใจขึ้น เมื่อได้อยู่เป็นการส่วนตัว อาร์มสลิงที่เขาถอดโยนไว้บนเตียงก่อนทำธุระ ถูกนำกลับมาคล้องแขนอีกครั้ง และมันก็สามารถเรียกความสนใจของเพลิงกัลป์ได้อย่างดี

“ว่าแต่ แกนั่นล่ะ ... แขนไปโดนอะไรมา แล้วที่สำคัญ แกไปรู้จักกับเชดส์ตอนไหน”

“อะไรวะ ซักซะยังกับเป็นผู้ปกครองฉัน ...”

เพลิงกัลป์จ้องเขม็งกับการตีรวนเฉไฉของศิงขริน จากที่คิดไว้ว่า ส่งเพื่อนและคุยกันสักพัก ก็จะกลับรู้คไปทำงานที่ค้างไว้ แต่เห็นทีต้องเปลี่ยนใจ ... เพราะอะไรหลายๆอย่าง

“เออๆ ... บอกก็ได้ อุบัติเหตุ ..”

“ถ้าแกจะบอกว่า 'นิดหน่อย' ... แกไม่ต้องมาใช้คำนี้ ตอนที่แกโดนท่อนเหล็กฟาดหัว เมื่อสมัยม.ต้น แกก็บอกพ่อแม่แกว่านิดหน่อย ... แต่ถ้าแกยังจำได้ ... พ่อฉันไง อุตส่าห์รับหน้าแทน ช่วงแกเข้าไปนอนเล่นที่โรงพยาบาล ..”

'เพื่อนที่แสนดี' กดดันซึ่งหน้า ด้วยการเท้าความครั้งยังเป็นนักเรียนกว่าสิบปีที่ผ่านมา ในเหตุการณ์วิวาทที่สนามแข่งรถจักรยานยนต์ แล้ว 'เพื่อนตัวดี' ของเขาได้รับบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส ดีที่ได้คุณเวหน บิดาของเพลิงกัลป์ออกหน้าดูแลรับผิดชอบทุกอย่าง และยังช่วยไกล่เกลี่ยกับพ่อแม่ของเจ้าตัวอีกด้วย

ที่เพลิงกัลป์ต้องงัดไม้นี้มาใช้ เพราะรู้ทันศิงขรินที่เหมือนจงใจเลี่ยงเล่าเรื่อง ‘จริง’ทั้งหมด

“วะ ... ไอ้นี่ ไม่ต้องยกพ่อแกมาก็ได้ เออ ... แค่มีเรื่องนิดหน่อยตอนเข้าไปช่วยแยกคนตีกัน”

“ไอ้บ้า ... แกเป็นหมอนะโว้ย ไม่ใช่วัยรุ่นเลือดร้อน ... แล้วนี่เป็นไงบ้าง แขนขวาซะด้วย มีผลกับงานหรือเปล่า”

เพลิงกัลป์ตำหนิเพื่อนตรงๆ แต่พอเห็นอีกฝ่ายเบนหน้าหลบสายตาไปทางอื่น ก็เริ่มคิดถึงผลกระทบต่อวิชาชีพของศิงขริน

“คงไม่ ... ช่วงนี้ก็ทำกายภาพไป มันดีขึ้นกว่าตอนแรกมาก แค่ยังจับปากกาเซ็นชื่อไม่ถนัด แต่พ่อฉันไม่ได้เร่งรัดอะไร ให้หายดีค่อยเข้าบริษัทก็ได้”

“เดี๋ยวนะไอ้ศิง ... หมายความว่ายังไง คุณอา? ... บริษัท? ... แกกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันแน่ แล้วเรื่องที่บินไปเรียนเป็นศัลยแพทย์ล่ะ”

ขณะฟังสิ่งที่ศิงขรินพูด เพลิงกัลป์ก็ค่อยๆปะติดปะต่อเรื่องราวของเพื่อน และเห็นท่าว่า มันจะไม่ใช่เรื่อง ‘นิดหน่อย’ เสียแล้ว

“แกก็รู้สาเหตุที่ฉันไปเรียนต่อกะทันหัน ... แต่นั่นก็ช่างเหอะ ฉันทำใจได้บ้างแล้ว ส่วนเรื่องเป็นหมอศัลย์ฯ หัวใจ ก็คงจบแล้วล่ะ ...”

สีหน้าคนพูดไม่ได้ดู ‘ปลง’ อย่างที่ต้องการสื่อเลย ตรงข้ามน้ำเสียงของศิงขรินเจือความรู้สึกหลากหลายปนเป จนเพลิงกัลป์ไม่สามารถทนดูเพื่อนย่ำแย่ไปกว่านี้

ผู้บริหารใหญ่ของรู้ค รีสอร์ท แอนด์ สปา ช่วยดึงอารมณ์และความรู้สึกของเพื่อน ที่เปรยอย่างตัดใจจากวิชาชีพ และ คำนำหน้าว่า ‘นายแพทย์’ กำลังจะกลายเป็นอดีต ด้วยการเปลี่ยนประเด็นมาสู่คนที่เขาสนใจใคร่รู้ ...

“เออ ... ดีแล้วที่แกมา ฉันมีอะไรให้แกทำแก้เซ็ง แต่แกต้องบอกฉันมาก่อนว่า เชดส์ ... ผู้กองที่แกรู้จักน่ะ เป็นใครกันแน่”





ศรตฤณให้เชดส์จองวิลล่าส่วนตัวหนึ่งหลัง สำหรับกักบริเวณหลานสาวชั่วคราว ซึ่งโชคดีว่า ช่วงนี้ยังอยู่นอกฤดูกาลท่องเที่ยว ทำให้รีสอร์ทที่มาพักไม่พลุกพล่าน เรียกได้ว่า สงบเงียบถูกใจผู้เป็นอายิ่งนัก

หนุ่มสองเชื้อชาติปล่อยให้มัสลินจัดการกับข้าวของที่แวะซื้อก่อนเข้าพัก ก่อนที่เขาจะออกไปข้างนอก เพราะมีเรื่องที่ต้องหารือกับเชดส์

ศรตฤณออกจากห้องพักของมัสลิน ซึ่งอยู่ถัดจากวิลล่าของชายหนุ่มอีกสองคนที่มาด้วยกัน สายตาประเมินของเขาบอกว่า รีสอร์ทนี้ห่างจากแหล่งชุมชนพอสมควร แถมยังมีหน้าหาดส่วนตัว น่าจะเป็นที่นิยมไม่น้อยสำหรับนักท่องเที่ยวผู้รักสันโดษ

น่าเสียดายที่การมาครั้งนี้ของเขา ไม่ได้มีจุดประสงค์เหล่านั้นในหัวเลย

ชายหนุ่มเดินออกมาพ้นชายคาวิลล่าได้ไม่กี่ก้าว ก็พบกับเชดส์ที่ยืนรออยู่แล้ว พร้อมส่งสัญญาณให้ทราบว่า เขาควรไปคุยกันที่ใด

“เลิกเครียดได้แล้วน่า อย่างน้อยหลานสาวนายก็ปลอดภัย ..”

“ที่ถูก ลินินไม่ควรจะเข้ามาเกี่ยวข้อง ... ไม่ใช่แค่ลินินหรอก ยังใครต่อใครอีก”

สายลับจำเป็นพูดเสียงเครียด งานนี้อันตรายรอบด้าน แต่นี่นอกจากมัสลิน ยังมีเพลิงกัลป์ และดูท่าว่า ใครต่อใครกำลังจะตามมาอีกเป็นพรวน

“ไหนจะหมอศิง ... คนที่นายพามา นายคิดอะไรอยู่กันแน่ ... อีกอย่าง ก็ดูจะสนิทกับคุณเพลิงกัลป์ไม่ใช่เล่น”

“บังเอิญน่ะ ... ฉันบังเอิญพบกับหมอศิงที่ยูฯ* เมื่อเกือบ ๔ ปีก่อน หมอไปเรียนต่อ ฉันกำลังจะกลับหลังเรียนจบ ... ก็ประสาคนไทยส่วนน้อยที่พลัดถิ่นไปต่างบ้านต่างเมือง สังคมมันแคบบังเอิญรู้จักกัน มันแปลกตรงไหน”

ศรตฤณพยายามใจเย็นฟังเรื่องเล่าของเชดส์ หรืออีกนัยหนึ่ง หากย้อนกลับไป ณ ช่วงเวลานั้น เพื่อนของเขาที่ยืนคุยกันอยู่นี่ คือ ร.ต.อ. เชษฐ์ ฤทธา นายตำรวจมือดีที่ได้รับทุนไปศึกษาต่อด้านอาชญวิทยาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

ชายหนุ่มกำลังคล้อยตามความคิดที่ว่า ต่อให้โลกนี้กว้างใหญ่ หรือต้องเดินทางไกลข้ามน้ำข้ามทะเลแค่ไหน ... โลกของเราก็กลมอยู่ดี คนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ ... ก็เจอ

“หลังจากนั้นไม่นาน ฉันก็รับงานจาก ‘ท่าน’ ให้ตามหาต้นตอของ ‘น้ำตา’ จนมาถึงลาลัล ...”

“ใช่ ชวนฉันมา ... แต่เป็นนายเอง ที่เกือบเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ ... กับเรื่องนี้”

คนฟังเสริมในสิ่งที่เขาทราบดี ทั้งยังนึกเสียใจที่ตอนเกิดเรื่องเขาไม่ได้อยู่กับเพื่อนด้วย

“ต้องขอบคุณคุณไฟ ที่ช่วยฉันหลายอย่าง ... รวมถึง ทำให้รู้ว่า เราอาจต้องพึ่งพาเขา ... พึ่งทั้งความสามารถและอำนาจเส้นสายของเขา ... ถ้าจำเป็น อาจต้องรบกวนหมอศิงด้วย”

“หมายความว่ายังไง”

ศรตฤณหันขวับเมื่อได้ยินสิ่งที่เพื่อนของเขาเคยต่อต้านมาตลอด ‘อำนาจเส้นสาย’ ออกมาจากปากนายตำรวจหนุ่ม ที่ทุ่มเทกายใจทำงานมานานนับปี มันขัดแย้งกับนิสัยของ ‘ผู้กองเชษฐ์’

เชดส์เหยียดยิ้มเหี้ยมหัวเราะในลำคอ สีหน้าไม่บอกความรื่นรมย์ หากแต่ก็ฝืนความขื่นขมเอาไว้ ชำเลืองมองมาทางคนถาม เพราะนายตำรวจในคราบหนุ่มเดรดล็อค มั่นใจว่า อดีตนายตำรวจสากลผู้นี้ รู้จักเขาดีพอ

“การต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จ ... บางครั้ง เราก็ต้องการผลลัพธ์ มากกว่าวิธีนะ ...”

ชายหนุ่มสองสายเลือดสบแววตาของเพื่อน ไม่ส่อให้เห็นว่าพูดเล่นเรื่อยเปื่อย แต่มันสะท้อนคมชัดให้คำนึงถึงความจริงที่เป็นไป ... อย่างไม่อาจปฏิเสธได้






มัสลินเก็บเสื้อผ้าที่ศรตฤณซื้อให้เรียบร้อย ตั้งใจว่าจะขอโทรศัพท์มือถือคืน แต่พอก้าวพ้นประตูห้องออกมายืนหน้าวิลล่า เธอก็พบว่า วิลล่าไม่ไกลกันมีผู้ชายสองคนกำลังยืนอยู่เช่นกัน

หญิงสาวจดจำเพลิงกัลป์ได้ดี แต่ที่เธอสนใจคือ เพื่อนของเขา ... ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกว่า เชดส์จะเรียกเขาตอนที่พบกันครั้งแรกว่า ‘หมอศิง’

จะว่าไปถ้าตอนนี้พายพัดอยู่ด้วย มัสลินคงได้ข้อมูลอะไรต่อมิอะไรมากกว่านี้

พอคิดถึงเพื่อนขึ้นมา เจ้าตัวก็คลี่ยิ้มไม่รู้ตัว จนลืมสังเกตรอบกายว่า บัดนี้ เธอไม่ได้ยืนอยู่เพียงลำพังอีกต่อไป

“สวัสดีครับ ... น้อง ... เอ่อ ลินิน ขอผมเรียกแบบนี้ก็แล้วกัน จริงๆ ถ้าน้องลินินจะอนุญาต ผมก็อยากแทนตัวเองว่าพี่ ... จะรังเกียจไหมครับ”

ศิงขรินทักทายมัสลินอีกครั้ง เพราะตอนที่พบครั้งแรก เขายังไม่ได้แนะนำตัวเองให้เธอรู้จักอย่างเป็นทางการ แต่ชายหนุ่มคงจะ ‘หยอด’ คำพูดเสียหวานจ๋อย เพราะอีกคนที่ตามหลังมาด้วย ถึงกับเบะปากอยู่ด้านหลังเลยทีเดียว

“น้อยๆหน่อยไอ้ศิง ...”

“ทำไมวะ ... ขัดคอจริง ... ถ้าฟังไม่ได้ แกก็ไปเล่นไกลๆไป”

มัสลินแทบกลั้นยิ้มไม่ไหวกับการเจรจาของพวกเขา จากที่ตอนแรกไม่รู้จะวางตัวอย่างไร กับการทักทายกรุ้มกริ่มของคนที่เข้ามาหา

“ยิ้มอะไร ... เพื่อนเขาคุยกัน”

เพลิงกัลป์นึกขวางหูขวางตาอย่างช่วยไม่ได้ จึงไปลงกับมัสลินที่ยังยืนนิ่ง แต่เพราะหน้าตาอมยิ้มราวกำลังขบขันของเธอ มันฟ้องความรู้สึกถนัดชัดเจน ทำให้เขาอดรนทนไม่ไหว

“แต่ฉันอยากคุยกับน้องลินิน ... แล้วถ้าแกยังปากไม่ดีกับน้องเขาอีก ... อย่าหาว่าเพื่อนใจร้ายก็แล้วกัน”

คนคล้องอาร์มสลิงยืดอกออกรับแทนหญิงสาวต่อหน้าต่อตา ทำให้เพลิงกัลป์ยิ่งฮึดฮัดขัดใจ จ้องหน้าเพื่อนเหมือนจะเอาเรื่อง แต่แล้วก็ทำเมินไปทางอื่นแทน

“เอาล่ะ ... เราไปหาอะไรดื่มกันดีกว่า ... นะครับ น้องลินิน”

“ค่ะ คุณหมอศิง”

มัสลินรับคำเรียกชื่อเขาอย่างที่ได้รับรู้รับฟังมา ทว่า พริบตาหนึ่งที่สบตากัน เธอเห็นแววไหววูบคล้ายสลดในบางสิ่งจากนัยน์ตาคู่นั้น

“เรียกพี่ว่า พี่ศิง ดีกว่าครับ ...”

ศิงขรินคิดจะแก้ความเข้าใจแก่มัสลิน แต่ก็ยั้งไว้เพียงเท่านี้ ... ก่อนจะหมุนตัวสาวเท้าเดินนำไปยังบาร์เครื่องดื่ม ข้างร้านอาหารของรีสอร์ท

หญิงสาวยืนอยู่กับที่อย่างงงงัน หรือเธอจะพูดอะไรผิดไป

และไม่ใช่แต่ ‘พี่ศิง’ จะมีอาการแปลกๆ เพลิงกัลป์เองก็เขม้นมองมายังเธอ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาพอให้รับรู้กันสองคน

“เขาว่ามายังไง ... ก็ตามนั้นก็แล้วกัน”

มัสลินไม่อยากเชื่อเลยว่า เพลิงกัลป์ที่อารมณ์ขึ้นๆลงๆมาตลอด จะเย็นลงได้ง่ายขนาดนี้ ท่าทางของเขาดูเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนมาก ... มากจนเธอรู้สึกได้ เธอจึงตอบรับเขาอย่างคนเว้นวรรคพักวาง 'ทิฐิ' ให้เช่นกัน

“ค่ะ”






หลังรับประทานอาหารมื้อเย็น คณะนักท่องเที่ยวทั้ง ๕ คน ต่างแยกย้ายกันไป นับเวลาจากที่พวกเขามาถึง ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว มัสลินจึงสรุปจากที่สังเกตเห็นว่า รีสอร์ทแห่งนี้ เป็นสถานที่ส่วนตัวสำหรับพวกเธอโดยสมบูรณ์

มัสลินเข้าใจได้ไม่ยากในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากหลายเกาะท่องเที่ยวเริ่มหยุดให้บริการ ถือเป็นการฟื้นฟูธรรมชาติทางทะเล ในหน้ามรสุมที่ผู้คนไม่สามารถเดินทางได้สะดวก ถือเป็นการฟื้นสภาพแวดล้อม เพื่อรอรับการท่องเที่ยวฤดูกาลหน้าที่จะมาถึงในอีกไม่กี่เดือน

แต่การที่หญิงสาวต้องมาถูกกักบริเวณอย่างไม่มีกำหนด มันก็ยากที่จะทำความเข้าใจได้

ตอนที่เดินกลับมาวิลล่าส่วนตัว เธอเห็นศรตฤณเดินไปทางที่พักของเชดส์ และคาดว่า คืนนี้เขาคงนอนที่นั่น

ส่วนบุรุษอีกสองคนเดินตามมาห่าง ก่อนแยกไปวิลล่าของพวกเขาเช่นกัน

มัสลินถอนหายใจเบื่อหน่ายเต็มที ห้องพักกว้างขวาง ที่นอนนุ่มแสนสบาย แต่หันหน้าไปทางไหน ก็ไม่พบใครสักคนที่เธอจะพูดคุยปรับทุกข์ได้

โทรศัพท์มือถือที่ทวงคืนจากศรตฤณ ได้มาก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป ขีดแสดงแบตเตอรี่หน้าจอขีดสุดท้ายร่วงหาย แล้วอุปกรณ์สื่อสารก็ดับวูบ ที่คิดว่าจะติดต่อเพื่อน จึงเลิกคิดไปได้ ...

“เอ๊ะ ... หรือจะลองไปยืมสายชาร์ตของพนักงานที่นี่”

หญิงสาวพูดคนเดียว เมื่อนึกขึ้นได้ว่า น่าจะไปขอความช่วยเหลือจากพนักงานต้อนรับที่เคาน์เตอร์

ปฏิกิริยาที่ตอบสนองต่อความคิด ทำให้เธอผลุนผลันลุกขึ้นจากที่นอน เอื้อมมือคว้าโทรศัพท์ของตน แล้วออกจากที่พักอย่างรวดเร็ว

มัสลินเลือกใช้เส้นทางลัด อ้อมหลังวิลล่าที่เพลิงกัลป์กับศิงขรินพักอยู่ เธอเข้าใจว่า พวกเขาคงจะเข้าไปข้างในแล้ว

แต่ขณะที่หญิงสาวเกือบจะเดินผ่านไป เธอเห็นเงาเคลื่อนไหวตรงระเบียงวิลล่า ก่อนจะได้ยินเสียงคุ้นเคยของใครบางคนแว่วมา บอกให้รู้ว่า กำลังตั้งวงคุยกันอย่างสบายอารมณ์หลังอาหาร

น้ำเสียงในยามนี้ของเขาน่าฟัง คงเพราะได้พูดคุยหัวเราะกับเพื่อนสนิท แต่สิ่งที่มีพลังมากพอจนสามารถตรึงให้มัสลินหยุดอยู่ตรงนั้นได้ กลับเป็นการเอ่ยถึงใครบางคนด้วยความสุภาพ ... อ่อนโยน

“เออ ศิง ... แกยังจำคุณศิรา ที่ฉันเคยเล่าให้แกฟังได้ไหม ...”

พลันที่มัสลินได้ยินชื่อของสาวรุ่นพี่ ผู้ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเวหา เธอก็อดนึกไปถึงสีหน้ายิ้มย่องผ่องใส หลงใหลได้ปลื้มของเพลิงกัลป์ด้วยไม่ได้

โดยที่เธอไม่รู้ตัวเองเลยว่า สีหน้าและแววตาตอนนี้ หากใครๆมาเห็นเข้า คงต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ช่างตรงข้ามกับความคิดของเธอสิ้นเชิง

แต่ระหว่างที่มัสลินยืนแข็งเป็นหินตรงนี้ ก็มีอย่างหนึ่งที่หญิงสาวยังไม่ทราบ เพราะไม่ใช่แค่เธอเท่านั้นที่ไปไม่เป็น

คนถูกถามอย่างศิงขริน ก็อาจจะรู้สึกกระอักกระอ่วนในใจ ... ไม่ต่างกัน

ด้วยเหตุผลที่น้อยคนจะล่วงรู้ ... ว่าคนที่เพลิงกัลป์หมายปอง มีเจ้าของอยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกลเลย





รัศมิทัตกลับมาถึงรู้คเกือบค่ำ มีหลายอย่างที่เขาต้องการปรึกษากับเพลิงกัลป์ แต่พอถามหากับพนักงาน ทุกคนก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘นายหัว’ ไม่อยู่ นับแต่ออกไปข้างนอกกับเขาตั้งแต่เช้า

“ไปไหนของเขาน้า ... ลุงไฟ”

“นั่นสิ ... พากันไปเที่ยวไหนมา ถึงเพิ่งกลับ แล้วกลับมาไม่ครบคน ... ติดต่อก็ไม่ได้”

สถาปนิกหนุ่มเผลอบ่นถึงพี่ชายของผู้จัดการต้อนรับส่วนหน้า เพราะลืมไปว่ากำลังนั่งอยู่ต่อหน้าน้องสาวของเขา

“ลินินก็อีกคน ... โทร.มาบอกว่า ออกไปข้างนอก ไม่ต้องห่วง ... จะไม่ให้ห่วงได้ยังไง จนป่านนี้ยังไม่กลับ”

เวหาบ่นขึ้นมาบ้าง เธอไม่รู้เลยว่า ถ้าเกิดอะไรกับมัสลิน เธอจะรับผิดชอบได้อย่างไร แต่รัศมิทัตกลับรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ มากกว่าใส่ใจว่า เพลิงกัลป์ไม่อยู่

“อะไรนะคุณฟ้า ... ลินินไปไหนครับ”

“ฟ้าไม่รู้ ... เมื่อเช้ายังคุยกันถึงทัตกับพี่ไฟอยู่เลย ... แต่พอดีลินินมีสายเข้า ฟ้าก็เลยกลับมาทำงานต่อ จนสักพักเขาโทร.มาบอกว่าไปกับคนรู้จัก ไม่ต้องเป็นห่วง”

“ใครครับ ... คนรู้จักที่นี่ ?”

“นั่นสิ ... ฟ้ารอถามทัตอยู่เหมือนกัน ... ลินินได้บอกอะไรบ้างหรือเปล่า”

รัศมิทัตคิดใคร่ครวญถึงคนที่น่าจะเข้าข่าย ‘คนรู้จัก’ ของมัสลิน แล้วชื่อหนึ่งก็ปรากฏในห้วงความคิด

ซายน์

ท่าทางอย่างคนฉุกคิดได้ถึงอะไรบางอย่างของชายหนุ่ม ทำให้เวหาที่จับจ้องอยู่ถามออกมาทันที

“ใครหรือทัต”

“ผมไม่แน่ใจ ... ว่าแต่ คุณฟ้ารู้จักใครที่ชื่อ ‘ซายน์’ ไหมครับ”

รัศมิทัตตัดสินใจพูดชื่อบุคคลต้องสงสัยออกมา เขาคิดว่ามันน่าจะดีกว่านึกอะไรได้แล้วเก็บไว้คนเดียว อย่างน้อยเวหาก็อยู่ที่เกาะลาลัลมากกว่าเขา อาจจะพอมีข้อมูล หรือสามารถหาข้อมูลได้ง่ายกว่า

“ซายน์ ... อืม ไม่แน่ใจเหมือนกัน ... ไว้รอพี่ไฟกลับมา ... ฟ้าจะลองถามเขาด้วย”

“ดีฮะ ... แล้ววันนี้ ผมไม่อยู่ทั้งวัน ไม่คิดจะโทร.ถาม โทร.ตาม บ้างเหรอ ... นึกว่าเป็นแฟนกัน จะมีอะไรแบบนี้เหมือนคนอื่นเข้าบ้าง ... ไม่ได้ฟีลเลย”

ไม่พูดเปล่า รัศมิทัตแสดงออกให้เห็นว่า ตั้งใจออดอ้อนตาปรอย จนเวหานึกหมั่นไส้ แต่ริมฝีปากแย้มยิ้มกับอิริยาบถน่ารักน่าเอ็นดูของชายคนรัก

“ไม่ดีหรือไง เผื่อกำลังไปหวานใส่ใคร ... จะได้สบายตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม”

เวหาไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่า หลังจากที่เธอพูดกระเซ้าไปแบบนั้น คำพูดแทบจะทั้งประโยค เสมือนกำปั้นลุ่นๆ กระแทกปลายคางรัศมิทัตอย่างจัง จนแทบเมาหมัด ดีที่รัศมิทัตเก็บอาการได้ทัน ...

มิเช่นนั้นล่ะก็ ... เขาไม่อยากจะคิดต่อเลยว่า อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง



















*************************************************








โปรดติดตามตอนต่อไป ...


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม .. และขอบคุณทุกการกดไลค์ให้กำลังใจฮะ


คุณkaelek : อาการเฮียไฟของคุณ kaelek ดูท่าจะสวิงมาอีกทางแล้วมั้งฮะ หุหุ // ขอบคุณ คุณkaelek ฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 มี.ค. 2559, 08:26:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 มี.ค. 2559, 16:18:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 1141





<< ใยเส้นที่ 32 .. เพื่อน   ใยเส้นที่ 34 .. คำสั่ง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account