คืนค่ำร่ำพิศวาส
สองผีพี่น้อง เลวิส... แวมไพร์(ผีดูดเลือด) ลมเหนือ... ผีเฮี้ยน! อยู่ตึกผีสิง VS กาฬวาร... เด็กสาวยากจนเป็นสาวพรหมจรรย์ มีพลังจิตบริสุทธิ์ เธอช่วยพวกเขากลับเป็นมนุษย์ กลายเป็นเพื่อนบริสุทธิ์ใจต่อกัน สองพี่น้องต่างบิดาแต่รักกันมาก เวลาผ่านไปเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ได้เจอเธออีกหนต่างหลงรักผู้หญิงคนเดียวกัน...เลือกรักไม่ได้หนึ่งหญิงสองชาย (อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน)
Tags: หวานแหวว, ซึ้ง, รักแฟนตาซี, ไตรติมา, ผี, แวมไพร์, ตลก, หล่อ, โรแมนติค,

ตอน: ตอน 8

______________________...oooooOOOooooo...______________________... ตอน ๘


...........เมื่อจุ๊บแจงกลับไปบ้านเรือนไม้แล้ว กาฬวารเล่นเกมคอมพิวเตอร์ เพียงชั่วครู่...

“ฮั่นแน่... ทำตัวเป็นเด็กติดเกม ...ไม่ดีนะ” ลมเหนือทักท้วง ปรากฏตัวข้างหลังกาฬวาร

“เปล่าติด... เล่นแป๊บเดียวเอง เกมสร้างสรรค์สร้างบ้านสร้างครอบครัว ไม่ใช่เกมฆ่ากันเอาแต้มแบบที่พวกเด็กผู้ชายชอบเล่นกันหรอก”

“เอ๊ะ! นั่นตัวอะไร” ลมเหนือเอ่ยถามเมื่อเห็นตัวละครในเกม มันรูปร่างหน้าตาประหลาดไปหน่อย อยู่ในชุดคลุมสีดำทั้งร่างเป็นโครงกระดูก ไม่มีขา และมันล่องลอย...

“อ๋อ... นั่นยมทูต จะออกมาตอนมีคนตาย”

“ยมทูตรูปร่างหน้าตาแบบนี้เหรอ... ฉันไม่เห็นเคยเจอเลย น่าเกรงขาม อืม... เข้าท่า ฉันอยากใส่ชุดแบบนี้บ้าง”

“หา! แบบนี้น่ากลัวจะตาย อย่าใส่ชุดนี้มาหาฉันนะ ฉันคงหัวใจวายตาย”

“ไม่หรอกน่า ฉันจะไม่ทำอันตรายเธอแน่นอน” ลมเหนือบอก เขาแค่จดจำไว้... เผื่อใช้งานในยามนึกสนุก



...........วันรุ่งขึ้นหลังอาหารเย็น... ในห้องนั่งเล่นตึกเล็ก

“ตอนวันแต่งงานแฟนเก่าคุณเหนือมางานด้วยค่ะคุณเหนือบอก... ทำให้ฉันรู้จักแฟนเก่าคุณเหนือ ชื่อ มนตรา ฉันเลยขอที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ไว้ด้วยนี่ค่ะ” กาฬวารยื่นนามบัตรให้คุณมิลินดู

“เสียดายกาฬไม่บอกตั้งแต่วันงาน ฉันจะได้รู้จัก” คุณมิลินว่า นึกอยากคาดคั้นความจริงจากปากผู้หญิงคนนั้น

“ขอโทษค่ะ วันงานยุ่งมาก คนแน่นไปหมดเลยไม่ทันได้บอกคุณแม่ แต่ฉันถามเธอแล้ว เธอโกหกว่าเลิกกับคุณเหนือ คุณเหนือทิ้งเธอ ซึ่งไม่เป็นความจริงตามที่คุณเหนือบอก”

“แม่เคยขอเบอร์โทรมือถือของผู้หญิงที่ริวจิบอกเหนือไปติดพัน ชื่อ... มนตรา เหมือนกันนี่แหละ แต่พอโทรไป กลับติดต่อไม่ได้ โทรอยู่หลายรอบจนล้มเลิกไม่อยากโทรแล้ว”

“อย่างนั้นฉันจะลองโทรตามเบอร์มือถือในนามบัตรนี่”

กาฬวารกดโทรศัพท์บ้านเข้ามือถือของมนตราตามนามบัตร ...ผลเป็นแบบเดียวกับที่คุณมิลินเล่าให้ฟัง

“ติดต่อไม่ได้เหมือนกันใช่ไหม”

“ค่ะ... แต่ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ฉันจะลองไปตามที่อยู่นี่”

“ให้ตามั่นช่วยขับรถไปส่งนะ อยู่ไกลถึงเมืองนนท์ ถ้าไปรถเมล์เองคงไม่สะดวกหรอก พูดถึงเรื่องรถ... กาฬขับรถยังไม่เป็นใช่ไหม”

“ไม่เป็นค่ะ แม้แต่มอเตอร์ไซค์ยังขับไม่เป็น ที่บ้านไม่มีเงินซื้อมอเตอร์ไซค์ เป็นแต่ขี่จักรยาน”

“หาเวลาไปหัดขับรถซะนะ ที่บ้านนี่มีรถให้ใช้สองคัน รถเก๋งยี่ห้อวอลโว่กับรถกระบะ มอเตอร์ไซค์ก็มี ไปหัดขับทั้งหมดนั่นแหละ และสอบใบขับขี่ให้ได้ด้วย เวลามีธุระจำเป็นจะได้ใช้งาน” คุณมิลินเหมือนจะสั่งกลาย ๆ



...........ก่อนนอนตอนหัวค่ำ กาฬวารลงมาเดินเล่นในสวนหลังตึกใหญ่

“ตุ้บ...” เสียงเหมือนวัตถุบางอย่างตกลงบนพื้นหญ้า กาฬวารจึงส่องไฟฉายดู

“กรี๊ดดด...” กาฬวารร้องลั่น ด้วยความตกใจสุดเสียงเมื่อเห็นเป็นใบหน้าคน ทำตาเหลือกโพลงนอนนิ่งอยู่บนพื้นสนามหญ้า ไม่ใช่ใครที่ไหน ”ปัดโธ่! คุณเหนือนี่... ทำไมต้องมาหลอกกัน ...ตกใจหมด”

“เมื่อไหร่จะไปนอนได้เวลาแล้ว ...อุ้มฉันขึ้นห้องนอนเดี๋ยวนี้” ลมเหนือออกคำสั่ง ...เลือนหายไปสิงร่างเจ้าสาม แล้วลูกแมวดำตัวโปรดของเธอจึงเดินมาให้เธอต้องอุ้ม... เขาแกล้งหลอกให้ตกใจ มิได้มุ่งร้ายที่แท้มาตามเธอเข้านอน

“เมื่อกี้ได้ยินกาฬร้องเสียงดัง เป็นอะไร?” คุณมิลินถาม เห็นเธออุ้มเจ้าสามกำลังเดินผ่านกลับขึ้นตึกใหญ่

“โดน... ผีหลอกค่ะ” กาฬวารตอบตามตรง พลางทำหน้าแหย...

“หา! ...”

“คุณเหนือแค่ล้อเล่น...นิดหน่อยค่ะ”

“วิญญาณเหนือมาปรากฏตัวให้เห็นงั้นเหรอ” คุณมิลินถามเพราะไม่เคยเห็น ใจอยากเจอลูกชายมาก...

“แง๊ว...” เสียงเจ้าสามร้อง

คุณมิลินมองที่ดวงตาของมัน เห็นมีแสงเรืองแวบหนึ่ง ...ทำให้นึกประหลาดใจอยู่โข

“ใช่ค่ะ... ฉันขอตัวขึ้นตึกใหญ่ไปนอนก่อนนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณมิลิน”

ในห้องนอน... กาฬวารวางร่างลูกแมวอ้วนดำลงบนเตียง ถอดเสื้อคลุมชุดนอนของตนออก เหลือแต่ชุดนอนตัวใน ซึ่งเป็นสายเดี่ยวกระโปรงสั้นเหนือเข่าเนื้อผ้าบาง เอนกายลงนอนตะแคง ปิดโคมไฟ ...หลับไปในเวลาไม่นาน

วิญญาณลมเหนือมองดูเธอตลอดเรือนร่าง ยามนอนในท่านี้ทำให้ได้เห็นร่องอกเบียดชิด ดูเซ็กซี่เป็นธรรมชาติในสายตาของเขา ราวภาพวาดบนผืนผ้าใบสีขาวบริสุทธิ์ ช่างแตกต่างอย่างตรงกันข้ามกับมโนภาพนางมารในเงามืดสีดำ ความทรงจำถึงผู้หญิงที่เคยลุ่มหลงเสน่ห์เล่ห์มารยา

มนตราในชุดนอนสีดำบางหวิว เคยใช้ครีมทาผิวลูบไล้เรือนกายให้ท่ายั่วยวนชวนใจ ทำให้เด็กหนุ่มอ่อนต่อโลกอย่างเขาเกิดความอยากได้เป็นผัวด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ตอนนี้เขามองเห็นเป็นดัดจริตมารยาน่าละอาย ...ให้นึกรังเกียจความร่านร้อน หล่อนนอนกับชายอื่นอย่างหื่นกระหาย หล่อนนอกใจทรยศหักหลัง ความรักหลงใหลในตัวหล่อนได้โดนกระทืบทำลายตายคาฝ่าเท้าเจ้าหล่อน จนแหลกสลายไปในพริบตาวันนั้น...

“เธอสวย... เซ็กซี่แบบไม่ได้แกล้งทำ ฉันไม่น่าไปหลงผู้หญิงไม่ดี เธอน่ารักกว่าเยอะ” พูดอยู่คนเดียว ในใจนึกอยากสัมผัสตัวเธอ แต่เขาเป็นเพียงวิญญาณที่สิงอยู่ในร่างลูกแมว จึงทำได้เพียงนอนเบียดชิดข้างกายเธอ ...เท่านั้นก็ได้รับความอบอุ่นและนุ่มนิ่ม ตลอดจนกลิ่นกายสาวรุ่นหอมกรุ่นจากตัวเธอ



...........วันรุ่งขึ้น กาฬวารนั่งรถกระบะที่นายมั่นขับ ถามทางชาวบ้านตลอด จนถึงบ้านเลขที่ในนามบัตร ซึ่งเป็นหมู่บ้านจัดสรรเพิ่งสร้างเสร็จ พอมีคนเข้ามาอยู่อาศัยบ้าง เธอลงจากรถเดินไปกดกริ่งหน้าประตูหลายที สังเกตเห็นความโล่งว่าง... บ้านปิดเงียบสนิทราวกับบ้านร้าง เห็นคนข้างบ้านนั่งอยู่หน้าบ้าน เธอจึงถาม...

“คุณคะ คนบ้านนี้เขาไม่อยู่เหรอคะ”

“อ๋อ... บ้านข้างนี่เขาเพิ่งย้ายออกไปเมื่ออาทิตย์ก่อน บ้านนี้เป็นบ้านเช่าครับ เจ้าของจริงซื้อทิ้งไว้ปล่อยให้เช่า ตัวเจ้าของไปอยู่ต่างประเทศแล้ว”

“อ้าว... จบกัน... แล้วคนที่เช่าเก่าย้ายไปอยู่ที่ไหนล่ะคะ พอจะทราบไหม”

“ไม่ทราบครับ เขาไม่ได้บอก” เพื่อนบ้านคนนั้นตอบ

กาฬวารต้องแบกความผิดหวังกลับบ้าน...



...........ตอนห้าโมงเย็นเป็นประจำทุกวัน กาฬวารจะเป็นคนให้อาหารบรรดาแมวทั้งสามตัวของเธอเสมอ นั่งดูมันกินอาหารจนอิ่ม จากนั้นจะอุ้มเล่นพาเดินอยู่ในสนามหญ้า อุ้มไว้บนต้นไม้ให้มันไต่เล่นบ้าง บางทีเล่นแหย่แมว ลมเหนือเฝ้ามองอย่างสบายใจ

“กาฬ... วันนี้เธอไปไหนมา” เสียงดังมาจากตัวเจ้าสาม ทั้งที่มันไม่ได้ขยับปากสักนิด มันขึ้นมานอนบนตักกาฬวารขณะนั่งที่ม้าหินในสนาม

“ไปตามหาพี่มนตรา แต่เขาย้ายบ้านไปแล้ว ที่นั่นเป็นบ้านเช่า คุณเหนือรู้ไหมพี่มนตรามีบ้านที่ไหนอีก”

“ฉันไม่เคยรู้เลยว่าที่นั่นเป็นบ้านเช่า ส่วนบ้านที่อื่นฉันไม่รู้”

“คุณเหนือคิดถึงพี่มนตราอยู่หรือเปล่า ยังเสียใจที่เขามีผู้ชายอื่นไหม”

“ตอนนี้ไม่ค่อยคิดถึงเท่าไหร่แล้ว เพราะมีเธออยู่ใกล้ฉัน เพลินดีนะเวลามีเธออยู่ ส่วนเรื่องที่ทำให้ฉันเสียใจ อย่าพูดถึงมันอีกเลย” วิญญาณลมเหนือบอก แล้วร่างเจ้าสามก็แน่นิ่งสงบ เหมือนแมวนอนหลับธรรมดา แสดงว่าเขาออกจากร่างมันไปแล้ว

หกโมงเย็น... เป็นเวลาอาหารค่ำ

“ไม่รู้ย้ายไปไหน? ...มืดแปดด้านอย่างนี้เราจะตามหาตัวเหนือได้ยังไง ...โธ่ถัง” คุณมิลินรำพันอย่างสิ้นหวัง

“คุณเหนือเคยเล่าให้ฟัง...” แล้วกาฬวารจึงเล่าเรื่องที่ลมเหนือบอกกับเธอให้ทุกคนได้รู้...

“เรื่องมันเลวร้ายกว่าที่คิดเสียอีก ...ไม่น่าเชื่อ ฮคคุจะกลายเป็นอย่างนั้นไปได้” คุณฮิงาชิกล่าว

“ฮคคุเคยเป็นเด็กดี เรื่องติดยา เรื่องซิ่งรถอีก รู้ทั้งรู้ว่าไม่ดียังทำ... พ่อเสียใจ” คุณทาคามิผู้เป็นพ่อของลมเหนือพูด ...ท่าทางผิดหวังทำหน้าเศร้า

“พ่อ... ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมผิดไปแล้ว ...ถึงมาพูดตอนนี้มันจะสายไปก็ตาม ...ขอโทษครับพ่อ” วิญญาณลมเหนือพูดกับผู้เป็นพ่อ สีหน้าเศร้าสร้อย... และไม่กล้าปรากฏตัวให้เห็น

กาฬวารไม่พูดอะไร ได้แต่มองอย่างสงสารทั้งพ่อและลูก

“เพราะผู้หญิงชั่วคนนั้น ถ้าเจอตัวจะต้องคาดคั้นให้ได้ เราต้องแจ้งความแล้วล่ะ คุณแม่ว่าไหมคะ” คุณมิลินคุยกับคุณนายจินตนา

“ต้องแจ้งความสิ ให้ตำรวจช่วยตามหาตัว ผู้หญิงคนนั้นสมควรติดคุกด้วย ...ข้อหาค้ายาเสพติด” คุณนายจินตนากล่าวอย่างโกรธเคืองผู้หญิงที่เป็นตัวต้นเหตุ

วันต่อมา... คุณมิลินกับคุณทาคามิจึงพากันไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ ให้ลงบันทึกประจำวันไว้ และช่วยสืบหาลมเหนือตามโรงพยาบาลแต่ละแห่งที่สงสัยว่าเขาอาจจะถูกส่งตัวไปรักษา ทั้งตำรวจทางหลวง... ช่วยตรวจสอบอุบัติเหตุย้อนหลังสำหรับพวกที่ชอบซิ่งรถบนทางหลวงตอนดึก ส่วนเรื่องการตามหาตัวมนตรานั้นเพราะไม่สามารถหารูปถ่ายเป็นหลักฐาน กาฬวารต้องไปบอกรูปพรรณสัณฐาน เพื่อให้ทางตำรวจสเก็ตภาพไว้ตามหาตัวต่อไป



...........กาฬวารเมื่อมีพื้นที่กว้างขึ้น โดยเฉพาะมีห้องพระเป็นส่วนตัว ทุกคืนตื่นมาตอนตีสองจึงสวดมนต์ แล้วแถมด้วยเดินจงกรม นั่งสมาธิด้วยจิตใจสงบมาก เนื่องจากสถานที่อยู่นั้นเอื้ออำนวย

“กาฬ... อย่าออกมา ขอให้อยู่แต่ในห้องนะ มีขโมยจะปีนเข้ามาในบ้านเรา” เสียงร้องสั่งจากวิญญาณลมเหนือ โดยไม่ปรากฏกาย

กาฬวารเชื่อฟัง... และแอบมองจากหน้าต่างห้องพระ

“แม๊ววว...” เสียงแมวร้องดังมาก เป็นเสียงร้องขู่... เหมือนตอนจะกัดกัน ใช่เพียงเสียงแมวดังแสบโสตประสาทอย่างเดียว

ตามด้วยเสียงสุนัขเห่าหอนยาว ๆ เย็นยะเยือก หอนรับกันเป็นเสียงกังวานแอคโค่ บรรยากาศสงัดเงียบวังเวงยิ่งพาให้ได้ยินถนัดท่ามกลางความมืดมิดคืนเดือนแรม

จุ๊บแจง นายมั่น และนางจันทร์ที่นอนอยู่บ้านเรือนไม้ได้ยินจึงตื่น ...ลุกขึ้นดูด้วยกัน

บนขอบกำแพงซึ่งติดเหล็กดัดปลายแหลม พวกเขาต่างเห็นแมวดำ ลักษณะเหมือนเจ้าสามแมวของกาฬวาร มันเดินบนปลายเหล็กแหลม มีบันไดไม้ไผ่พาดขึ้นมาจากด้านนอกกำแพง

...ให้แปลกใจกันทุกคน จึงจ้องมองกันอย่างตาไม่กระพริบ

ประหลาดที่เท้าแมวเดินบนปลายเหล็กแหลมได้ และร่างกายของมันใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนมีขนาดเท่าเสือดำ

คนที่เห็น... ขนหัวลุกไปตามกัน!

แล้วมันลุกยืนขึ้น ร่างนั้นเปลี่ยนไป... กลายเป็นผู้อยู่ในชุดคลุมสีดำทั้งตัวคลุมมิดทั้งศีรษะ ลักษณะที่ยืนไม่เห็นขาและรองเท้า เพราะถูกปกคลุมด้วยชุดดำ

...เท่านั้นหัวใจของคนที่ได้ประสบพบเห็น... ถึงกับหล่นวูบตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม

“จ๊ากกก... ผีหลอก... โอ๊ย... ผีหลอก ผีหลอก...” เสียงผู้ชายตะโกนดังลั่น เหมือนเป็นบ้าตายด้วยความกลัว

เสียงดังจากนอกกำแพงรั้วบ้าน คนในบ้านจึงไม่เห็นว่าเป็นใคร แต่ชาวบ้านใกล้เรือนเคียงตกใจตื่น ...ได้ยินเสียงชวนเขย่าขวัญนั้นกันทั่ว แม้ขณะนั้นจะเป็นเวลาตีสามครึ่ง

วิญญาณลมเหนือรู้ตัวว่ามีคนในบ้านเห็น จึงโดดลงมายังพื้นเปิดชุดคลุมที่ศีรษะ ปรากฏให้เห็นใบหน้าเป็นคนอย่างชัดเจน มองตรงมายังพวกเขาทั้งโบกมือและยิ้มให้ ท่าทางราวนักร้องที่ไปออกคอนเสิร์ต ...ประมาณนั้น

“เฮ้อ... คุณเหนือนั่นเอง เห็นอย่างนี้ค่อยไม่น่ากลัวหน่อย” กาฬวารปลอบใจตัวเอง ...ค่อยคลายความหวาดกลัว

แล้ววิญญาณลมเหนือจึงเดินขึ้นตึกใหญ่ ...หายวับไปตรงหน้าประตูนั่นเอง

ฝ่ายนายมั่น นางจันทร์ และจุ๊บแจง ...เห็นเหมือนกันทั้งหมด ต่างกลัวจนตัวแข็งไม่อาจขยับเขยื้อน อีกทั้งไม่มีใครกล้าส่งเสียงร้องออกมา

“แง๊ว...” เสียงเล็ก ๆ เป็นเสียงลูกแมวร้อง ดังมาจากหน้าประตูห้องพระ

กาฬวารจึงเปิดห้องพระออกไปดู ไม่แน่ใจว่าจะใช่เจ้าสามลูกแมวดำของเธอหรือไม่

“สาม... สามเอ๊ย” เธอเรียกชื่อมัน แล้วอุ้มขึ้นมากอด พลางเกาคางให้ด้วย พาเข้าห้องนอน เธอนั่งที่โซฟาวางเจ้าสามไว้บนตัก

“ฉันไปทำความดีมา ปกป้องบ้านนี้ไม่ให้ขโมยปีนเข้าบ้าน ฉันเก่งไหม? ฉันปรากฏตัวให้คนเห็นได้” เสียงวิญญาณลมเหนือพูดดังมาจากตัวเจ้าสาม

“คุณเหนือสุดยอดมาก เดี๋ยวนี้ชักแผลงฤทธิ์เก่ง ปรากฏร่างให้ใครต่อใครเห็นได้แล้ว”

“ฉันรู้สึกมีพลังเพิ่มมากขึ้นทุกทีเวลากาฬอุทิศบุญกุศลให้ฉัน ฉันถึงมีฤทธิ์ปรากฏร่างได้ ขอบใจนะกาฬ”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ ฉันต้องทำให้คุณเหนืออยู่แล้ว”

“ต่อไป... ฉันจะปรากฏตัวให้พ่อแม่ตายายเห็นบ้าง อยากพูดคุยกับพวกเขา”

“ถ้าพวกท่านไม่ตกใจกลัวจนหัวใจวาย ...คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง” กาฬวารว่าอย่างนั้น

วิญญาณลมเหนือจึงลังเล เริ่มไม่แน่ใจ... เพราะรู้ว่าคนที่บ้านทุกคนล้วนกลัวผี!

“เอ... ถ้าอย่างนั้นอย่าเพิ่งดีกว่า พ่อเพิ่งไปผ่าตัดโรคหัวใจมา ถึงมาพักฟื้นที่เมืองไทยนี่ ฉันไม่อยากให้พ่อตกใจ”

“ทีนี้เลยกลายเป็นผีเฮี้ยน พวกชาวบ้านที่ได้ยินเสียง ตอนเช้าคงลือกันให้แซ่ด... ไม่ต้องติดป้ายหน้าบ้าน ระวังบ้านนี้ผีดุ” กาฬวารลูบหัว ลูบตัวเจ้าสามไปเรื่อย ซึ่งวิญญาณลมเหนือยังคงสิงร่างอยู่



...........จนกระทั่งตีสี่ ได้เวลาเข้าครัวเพื่อทำกับข้าวใส่บาตรพระ

“เจอ... เจอ...” จุ๊บแจงพูดติดอ่างทั้งที่ไม่ได้เป็นคนติดอ่าง และดวงตาเหลือกโตกว่าปกติมาก เมื่อเดินเข้ามาในห้องครัวพบกาฬวารและยายเพียร

“เจอผีหรือเปล่า จุ๊บแจง...” กาฬวารเดาออกว่าจุ๊บแจงจะพูดอะไร จึงถามดักไว้ก่อน

“เจอสิคะคุณกาฬ โอ๊ย... หัวใจจะวายตาย” จุ๊บแจงโพล่งพูดออกมาเสียงดัง

“ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยเห็นผีชัด ๆ อย่างนี้มาก่อน จะช็อกตาย ยิ่งพูดยิ่งกลัว นี่ยังไม่สว่างด้วย”

“เห็นหน้าไหม ผีที่ว่า...”

“คุ... คุ.. คุณฮคคุ” จุ๊บแจงบอกทั้งยังติดอ่างไม่เลิก

“คุณเหนือบอกฉัน... มีขโมยจะปีนเข้าบ้านเรา เลยต้องปรากฏตัวเพื่อไล่ขโมยให้มันหนีไป คุณเหนือปกป้องคุ้มครองบ้านเราอยู่นะ อย่ากลัววิญญาณคุณเหนือเลย เขาไม่ทำอันตรายคนในบ้านหรอก” กาฬวารพูดปลอบใจ ให้นางจันทร์และจุ๊บแจงเข้าใจ คลายความหวาดกลัวลงไปบ้าง

“เออ... จริงด้วย พวกเราก็ได้ยินเสียงผู้ชายร้องดังลั่น ตะโกนว่า... ผีหลอก.. ผีหลอก นั่นล่ะมั้งไอ้เจ้าหัวขโมย” จุ๊บแจงพูดเดา

“ใช่แล้ว ...นั่นล่ะ ยังมีบันไดของพวกขโมยพาดอยู่ข้างกำแพงเลย ไม่เชื่อออกไปดูสิ” กาฬวารท้าทายให้พิสูจน์

“ไม่ล่ะค่ะ ยังไม่สว่าง กลัวเจอ...” จุ๊บแจงเสียงอ่อย ๆ อย่างหวาด ๆ ยังกลัวขึ้นสมองไม่หาย

ทำกับข้าวเตรียมของใส่บาตรเรียบร้อย ...ฟ้าเริ่มสาง กาฬวารกับยายเพียรออกไปตั้งโต๊ะ ...รอพระเดินมาบิณฑบาตผ่านหน้าบ้าน

“กาฬ... เมื่อตอนดึก ใครมาตะโกนข้างบ้าน ผีหลอก... ผีหลอก” ยายมาลีเป็นคนข้างบ้าน จู่เข้ามาถามตรง ๆ

“นั่นแหละพวกขโมย มันจะมาปีนเข้าบ้านเมื่อคืนนี้ โน่นไง... บันไดพาดข้างกำแพงของพวกมันนั่นแหละ” กาฬวารบอก ชี้ไปให้เห็นบันไดไม้ไผ่ดังกล่าว

“มันเข้าไปขโมยของในบ้านเหรอ”

“ยังไม่ทันได้เข้ามาในบ้านเลย โดนผีหลอกเสียก่อน เลยร้องดังลั่นนั่นไง ...ป่านนี้คงจับไข้หัวโกร๋นไปแล้ว”

“เมื่อก่อนเขาลือกันว่ามีผีที่หน้าบ้านเอ็ง พอเอ็งย้ายบ้านมานี่ผีก็ตามมาอีก ข้ากลัวผีนะเว้ย เอ็งเลี้ยงผีเหรอ?” ยายมาลีซักถามอยากรู้เรื่อง เพื่อหวังจะแก้ไขอะไรได้บ้าง

“เปล่านา... ฉันไม่ได้เลี้ยงผีสักหน่อย ไม่ใช่พวกแม่มดหมอผี”

“แล้วผีมาจากไหนล่ะ”

“เอ่อ...” คราวนี้กาฬวารตอบไม่ถูก ไม่รู้จะเล่าอย่างไรดี

“ถึงเอ็งจะฝันให้หวยแม่น แต่เอ็งเลี้ยงผีอย่างนี้มันไม่ไหวนา ยังไงช่วยเอาไปเก็บหน่อย อย่าปล่อยให้เพ่นพ่านนัก เดี๋ยวคนแถวนี้จะจับไข้หัวโกร๋นกันหมด” ยายมาลียังปักใจเชื่ออย่างเดิม

“คือ... ฉันจะบอกความจริงให้ ผีที่ใคร ๆ เห็นนะมีจริง เป็นผีคนเดียวกันกับผีที่เห็นแถวหน้าบ้านฉันด้วย ผีลูกชายบ้านนี้เองที่ฉันแต่งงานด้วยนี่แหละ”

“เฮ้ย! ผีลูกชายบ้านนี้? ที่ว่าไม่กลับบ้านที่แท้ตายแล้วแน่เหรอ” ยายมาลีตกใจเรื่องผีที่อยู่ใกล้แค่ข้างบ้านนี่เอง!

“ที่บ้านเรากำลังตามหาร่างอยู่ จะได้นำมาจัดงานศพ ตอนนี้แจ้งความกับตำรวจให้ช่วยค้นหาแล้ว”
.
______________________...oooooOOOooooo...______________________... ตอน ๘



ไตรติมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 มี.ค. 2559, 10:23:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มี.ค. 2559, 10:23:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 937





<< ตอน 7   ตอน 9 (แก้ไขเพิ่มเติม) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account