คืนค่ำร่ำพิศวาส
สองผีพี่น้อง เลวิส... แวมไพร์(ผีดูดเลือด) ลมเหนือ... ผีเฮี้ยน! อยู่ตึกผีสิง VS กาฬวาร... เด็กสาวยากจนเป็นสาวพรหมจรรย์ มีพลังจิตบริสุทธิ์ เธอช่วยพวกเขากลับเป็นมนุษย์ กลายเป็นเพื่อนบริสุทธิ์ใจต่อกัน สองพี่น้องต่างบิดาแต่รักกันมาก เวลาผ่านไปเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ได้เจอเธออีกหนต่างหลงรักผู้หญิงคนเดียวกัน...เลือกรักไม่ได้หนึ่งหญิงสองชาย (อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน)
Tags: หวานแหวว, ซึ้ง, รักแฟนตาซี, ไตรติมา, ผี, แวมไพร์, ตลก, หล่อ, โรแมนติค,

ตอน: ตอน 10

______________________...oooooOOOooooo...______________________... ตอน ๑๐

............ตอนตีสาม... เลวิสคิดอยากสำรวจตึกใหญ่ จึงเปิดประตูเข้าไป ทั้งที่มันปิดแน่นหนา แต่เขาไม่ใช่คนธรรมดา เรื่องแค่นี้ง่ายมาก วิญญาณลมเหนือเพียงมองดูผู้เป็นพี่ชายอย่างห่าง ๆ เลวิสเดินขึ้นชั้นบน ...ผ่านทุกห้อง สัมผัสพิเศษของเขาบอกได้ว่ามีมนุษย์ผู้หญิงอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น คือ กาฬวาร นอกนั้นเป็นแมวสามตัวแม่ลูก แต่เลวิสยังไม่สัมผัสถึงวิญญาณน้องชาย

“เธอยังไม่นอนเหรอ” เสียงเอ่ยทักจากทางด้านหลัง เมื่อกาฬวารเดินออกจากห้องพระโดยไม่ทันสังเกต ทั้งที่เขาเข้ามาใกล้ตัวแล้ว ในระดับสายตาเธอที่หันมาเจอแค่หน้าอกของผู้ชายที่ตัวสูงมาก

‘ให้ตายเถอะ... ทำไมตัวสูงขนาดนี้’

กาฬวารนึกหงุดหงิดกับความสูงของผู้ที่อยู่ตรงหน้า แล้วแหงนขึ้นชนิดคอตั้งบ่ามองใบหน้าเขา

“เอ๊ะ! คุณเลวิสนั่นเอง เข้ามาในนี้ได้ยังไง”

“เธออาจจะลืมปิดประตูเอง? ...หรือเปล่า” เขาแสร้งโกหก ใครจะไปบอกว่าตัวเองสามารถเปิดประตูที่ปิดสนิทได้

‘เราจำได้แม่นยำว่าปิดประตูอย่างเรียบร้อย เพราะไม่ไว้ใจ... กลัวพวกขโมยจะแอบย่องขึ้นบ้าน’

กาฬวารนึกงงตัวเอง... แต่ไม่ติดใจสงสัยนัก

“ฉันไม่ใช่พวกหัวขโมย เธอไม่ต้องกังวล” เขาบอก มองตาเธออย่างนิ่ง ๆ

ใจของเธอไหวไปเพียงเล็กน้อย เมื่อสังเกตเห็นผิวพรรณของเขา เพียงแค่นึก...

‘ผิวเนียนขาวอมชมพู หน้าตาค่อนข้างจะหล่อนิดหน่อย’

สำหรับเลวิสแล้ว... เมื่อมีใครชื่นชม มักอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้ด้วยเป็นปลื้ม

‘แบบนี้ไม่นิดหน่อยแล้ว หล่อมาก มาก...’

นึกแล้วกาฬวารรีบเปลี่ยนความรู้สึกให้หายจากเคลิบเคลิ้มทันที เนื่องด้วยการนั่งสมาธิประจำ เป็นผู้ฝึกจิตให้ชำระกิเลสอย่างสม่ำเสมอ

“เธอนี่... แปลก” เลวิสบอก แล้วนึกในใจ...

‘จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เคยเจอแต่ผู้หญิงที่หลงใหลคลั่งไคล้ในตัวเรา ต้องการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วย แต่กับเธอคนนี้... สัมผัสได้ถึงกิเลสตัณหาที่เบาบาง แทบจะใกล้เข้าขั้นที่เรียกว่า... จิตบริสุทธิ์’

“มาทำไมที่นี่คะ”

“เดินเล่น” เลวิสตอบ แล้วเดินผ่านอย่างช้า ๆ ไปหยุดยืนข้างหน้าต่าง มองออกไปด้านนอก แสงแห่งดวงจันทร์ส่องลอดเข้ามากระทบเสี้ยวหน้า เห็นแววตาที่ให้ความรู้สึกเศร้าอย่างประหลาด...

สาววัยรุ่นให้พิศวงในตัวเด็กหนุ่มรูปงาม แต่ท่าทางลึกลับแบบนี้นัก จึงมองเหม่อเพลินไป...

จนกระทั่งเลวิสเอ่ยถาม โดยไม่แม้จะหันมามอง

“เธอรู้จักเวอร์จิ้นเกิร์ลไหม”

“รู้จักสิ เด็กผู้หญิงที่ยังไม่เคยมีแฟน ถามทำไมเหรอ”

“ฉันกำลังตามหา อยากเจอ... เธอพาฉันไปพบหน่อยได้ไหม”

“ได้... ตอนเช้าจะพาไป” กาฬวารรับคำ แต่จะตรงตามความต้องการของเลวิสหรือไม่ ...นั่นเป็นอีกเรื่อง



............เช้าแล้ว... เลวิสต้องปกปิดตัวเองจากแสงอาทิตย์ โดยการใส่เสื้อคลุมมิดชิดทั้งศีรษะ เป็นที่รู้กันว่าเมืองไทยแสนร้อนระอุ แม้จะเพิ่งแปดโมงเช้าแต่พระอาทิตย์แผดแสงแรงจัดจ้ามาก ทั้งสองเดินมาหยุดยืนข้างประตูโรงเรียนประถมเอกชนในตัวเมืองที่มีชื่อเสียง ล้วนมีแต่ลูกคนมีเงินลูกผู้ลากมากดีที่ได้เข้ามาเรียนที่นี่

“นั่นไงคุณเลวิส เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นเวอร์จิ้นเกิร์ล เคยเข้าพิธีกวนข้าวทิพย์วัดพระปฐมเจดีย์เมื่อปีก่อน” กาฬวารชี้ให้ดูเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งซึ่งดูยังไงก็ยังเด็ก

เลวิสหงุดหงิดขึ้นมาทันที นั่นไม่ใช่เป้าหมายเลยสักนิด พาลทำหน้าหาเรื่อง... ไม่พอใจ

“นี่... ไม่ตลก นั่นมันเด็กผู้หญิง ฉันไม่อยากเจอหรอก ผู้หญิงที่เป็นสาวแล้วมีไหม”

“ปัดโธ่... ฉันจะไปรู้ได้ไง สาวคนไหนเป็นเวอร์จิ้นเกิร์ล”

“ต้องเป็นสาวที่ไม่มีแฟนนะสิ ถ้าอย่างเธอนี่ไม่ใช่เวอร์จิ้นเกิร์ล” เลวิสว่าฉอด ๆ

กาฬวารทำหน้าตูม เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง เมื่อโดนว่าเช่นนั้น นึกในใจ...

‘รู้ได้ไง ฉันไม่ใช่เวอร์จิ้นเกิร์ล’

“เธอแต่งงานแล้ว เพราะฉะนั้น... แน่นอนไม่ใช่เวอร์จิ้นเกิร์ล”

‘แต่ความจริง ฉันนี่ล่ะยังเป็นเวอร์จิ้นเกิร์ล’

“ไม่จริง เธอโกหก”

‘เหมือนเขาอ่านใจเราได้’

“ใช่... ฉันอ่านใจเธอได้ คิดอะไรอยู่ฉันรู้...”

‘ฉันไม่กลัวใครจะรู้ว่าฉันคิดอะไร จิตใจฉันบริสุทธิ์ ไม่เคยคิดร้ายกับใคร แต่ฉันกำลังโกรธ... ไม่ชอบให้ใครอ่านใจ’ กาฬวารไม่พูดสักคำ รู้แล้วว่าเขาอ่านใจเธอตลอดเวลา ชักสีหน้าให้เขาเห็นเลยว่ากำลังหงุดหงิด

“ช่วยฉันด้วย ฉันต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ ” เลวิสหันมาเผชิญหน้าตรง ๆ แล้วทำหน้าวิงวอน

ในขณะที่กาฬวารพยักหน้ารับคำ ...ยอมช่วยเขา

“ฉันต้องตามหาเวอร์จิ้นเกิร์ล เกิดในฤกษ์เพชฌฆาตและมีพลังจิตบริสุทธิ์”

“ข้อจำกัดเยอะขนาดนี้หายาก...” แม้ยาก... ใจกาฬวารยังอยากช่วยค้นหา ในฐานะที่เขาเป็นลูกหลานของผู้มีพระคุณ

“แต่ฉันจำเป็นต้องตามหาให้เจอ ผู้หญิงคนนั้นเท่านั้นที่จะช่วยฉันได้”

สายตาที่แน่วแน่ของเลวิสนั้น... กาฬวารเห็นแล้วตั้งใจว่าจะต้องช่วยตามหาให้เจอ เพราะนั่นคงสำคัญมากต่อเขา



............ตอนเย็น กาฬวารพาเลวิสเดินไปบ้านหมอดู ซึ่งอยู่ไม่ไกลละแวกเดียวกัน ลักษณะเป็นบ้านไม้ทรงไทยสองชั้น ชั้นล่างดูโล่งโปร่ง มีม้านั่งยาวทำจากไม้เคลือบเงาเอาไว้นั่งเล่น มีคูลเลอร์ตั้งบนโต๊ะ ด้านข้างมีถาดวางแก้ว สำหรับต้อนรับแขกให้ได้ดื่มน้ำแก้กระหาย ทั้งกาฬวารและเลวิสเดินผ่านขึ้นบันไดไปชั้นบนเลย เพื่อพบกับหมอดู แล้วลงนั่งพับเพียบบนพื้นไม้กระดานขัดเงาที่ดูสะอาดตา

“ใครจะดูดวงก่อน” อาจารย์ชัยถาม

ท่านเป็นชายท้วมขาววัยกลางคน หน้าตาท่าทางสะอาดสะอ้าน สวมชุดขาวทั้งเสื้อและกางเกง อายุประมาณสี่สิบกว่า เป็นหมอดูที่มีคนชอบมาหาพอสมควร เพราะเชื่อถือในคำทำนายที่ถูกต้องแม่นยำ เป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งตำบล

“ผม...” เลวิสเอ่ยขึ้นก่อน ด้วยความร้อนใจในธุระของตน

“บอกวันเดือนปีเกิดของคุณมา เกิดวันอะไร...” อาจารย์ชัยแม้สังเกตเห็นว่าเด็กหนุ่มคงไม่ใช่คนไทย แต่ไม่ติดใจซักถามมากความ เพราะดูรู้ว่าท่าทางเขาเป็นคนใจร้อน

“ผมต้องการเจอผู้หญิงสาวที่เกิดในฤกษ์เพชฌฆาต” เลวิสไม่ตอบตรงคำถาม แต่บอกความประสงค์ของตนแทน

“อย่างนั้นมันต้องรู้วันเดือนปีเกิด และเวลาเกิดของผู้หญิงด้วย”

“ผมไม่รู้จักเธอเลย”

“ถ้าอย่างนั้นไม่มีทางรู้ได้ว่าเกิดในฤกษ์เพชฌฆาตหรือไม่ เพราะแต่ละคนเกิดต่างเวลา จะมีดวงชะตาต่างกัน เปลี่ยนไปตามโคจรของดวงดาวในจักรราศี”

“ฤกษ์เพชฌฆาต เป็นยังไงคะ” กาฬวารถาม อยากรู้... อย่างน้อยเป็นการประดับสมอง จึงเห็นอาจารย์ชัยเปิดตำรา อ่านให้ฟัง...

“ฤกษ์เพชฌฆาต เป็นฤกษ์ที่เหมาะสำหรับการฟันผ่าอันตราย ต่อสู้เสี่ยงภัย ปราบปรามศัตรู ตัดสินคดีความ ประกอบพิธีทางไสยศาสตร์ ปลุกเสกเครื่องรางของขลัง ลงเลขยันต์ สร้างวัตถุมงคลแบบคงกระพันชาตรี ยาตราทัพ เจิมอาวุธยุทธภัณฑ์ สร้างโบสถ์วิหารศาลาการเปรียญ ฤกษ์นี้แรงมาก ไม่เหมาะกับการทำงานมงคลเลย”

“หนูอยากดูดวงบ้าง แต่ไม่รู้เวลาเกิดของตัวเอง รู้แต่วันเดือนปีเกิด ใช้ไม่ได้เหรอคะ” กาฬวารเห็นเลวิสเงียบ จึงถือโอกาสชิงถามหมอดูบ้าง

“ใช้ได้ครับ แต่ถ้าจะให้ดูดวงได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น ต้องมีเวลาเกิดด้วยจึงจะดี” อาจารย์ชัยยังไม่ทันพูดจบดี

เลวิสพูดตัดบททันที ทำสีหน้าเคร่งเครียด

“จะดูดวงทำไมเสียเวลา ฉันอยากกลับ” ว่าแล้ว เด็กหนุ่มจับข้อมือเด็กสาวฉุดดึง ผลุนผันออกจากบ้านหมอดู

ระหว่างทางกาฬวารนึกถึงหมอดูอีกคนได้ จึงเอ่ยชวนเลวิส

“ไปดูดวงไพ่ป๊อกเถอะ ถามว่าจะไปตามผู้หญิงคนนั้นทางทิศไหน และผู้หญิงคนนั้นรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง พอให้เป็นที่สังเกตได้”

จากนั้น... กาฬวารพาเลวิสเดินมาที่ตลาด ซอกห้องแถวเล็ก ๆ นั้นมีหมอดูไพ่อีกคนที่เธอรู้จัก อายุรุ่นคุณป้าผิวคล้ำท้วม

“สวัสดีค่ะแม่หมอ มาขอดูดวงไพ่ป๊อกค่ะ”

“เชิญจ้าแม่หนู” กาฬวารบอก ดึงแขนเลวิสให้ลงนั่งที่เก้าอี้อีกตัวข้างเธอ

“คุณเลวิสดูดวงก่อนสิ” กาฬวารกระทุ้งศอกสะกิดเตือนโดนข้างแขนเขา

“สับไพ่นับเท่าอายุตัวเอง อ้อ... ก่อนสับไพ่ตั้งใจให้แน่วแน่ แล้วอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้นะจ๊ะ” แม่หมอไพ่ป๊อกยื่นสำรับไพ่ให้เลวิสรับไปทำตาม แล้วจึงสั่งขั้นตอนต่อไป...

“ตัดไพ่ด้วยจ้า ช่วงไหนก็ได้ตามใจ” แม่หมอไพ่ป๊อกบอก รอเลวิสทำตามครู่หนึ่ง แล้วจึงบอกต่อไป “เลือกไพ่อีกหนึ่งใบ”

เลวิสเลือกไพ่ แล้วแม่หมอไพ่ป๊อกจึงวางเรียงไพ่ไปแปดทิศ พอเปิดไพ่ใบที่เขาเลือกนั้น ...เป็นรูปหัวใจ

“คุณกำลังตามหาผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ใช่ไหม”

“ใช่ครับ”

“ผู้หญิงคนที่ตามหาอยู่ใกล้ชิด เป็นคนใกล้ตัวมาก ผิวไม่ขาวไม่คล้ำ รูปร่างสันทัด ไม่เตี้ยไม่สูงเท่าไร ต่อไปคุณจะมีความรักกับคนใกล้ตัวด้วย” แม่หมอไพ่ป๊อกบอกคำทำนาย

สำหรับเลวิส... คำทำนายนั้นไม่ช่วยเขามากนัก เพียงแต่สะกิดใจว่าหญิงสาวที่เขาตามหา... อยู่ใกล้ตัวเขานั่นเอง



............กาฬวารตื่นนอนตีสอง สวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิเหมือนทุกวัน

...ในขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งของตึกเล็ก เลวิสเริ่มหิว...

“เลือด... ฉันต้องดื่มเลือด” พูดกับตัวเอง นึกถึงคนบนตึกใหญ่ ผู้หญิงสาวอยู่คนเดียว...

‘ไม่... เราจะดื่มเลือดคนในบ้านนี้ไม่ได้ เขาเป็นคนในครอบครัว’

คิดได้อย่างนั้น จึงต้องฝืนข่มความกระหายไว้ นึกว่าอีกเดี๋ยว... จะบินออกไปล่าเหยื่อภายนอกบ้าน มองไปที่ห้องกลางของตัวตึกใหญ่ เห็นมีแสงเรื่อเรือง นึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที จึงแวบ... กลายร่างเป็นค้างคาว บินไปดูที่นั้น

กาฬวารกำลังนั่งสมาธิ ...จวนจะออกจากสมาธิ เธออุทิศแผ่ส่วนกุศลให้วิญญาณลมเหนือ และครอบครัวของผู้มีพระคุณกับเธอ ตลอดจนพ่อแม่และครอบครัวของเธอ

...มหัศจรรย์เกิดขึ้นในบัดดล! เลวิสในร่างค้างคาว ...พลันหายจากความหิว กลับรู้สึกอิ่ม ...อิ่มลึกเข้าไปถึงจิตใจ ...สงบสบายมาก ร่างกายกลับคืนร่างเดิม จึงยืนแอบอยู่ตรงระเบียงด้านนอก ข้างหน้าต่างของห้องนั้น มองไปที่เรือนร่างกาฬวาร เห็นแสงเรืองรองอ่อน ๆ ออกมาจากรอบกาย แต่ที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจมายิ่งขึ้นคือ มีร่างหนึ่งที่เลือนลาง กลับค่อย ๆ แจ่มชัดขึ้น จนเห็นเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ ยืนหันหลังอยู่...

“ขอบคุณที่อุทิศส่วนกุศลให้ฉัน ฉันรู้สึกเหมือนมีพลังเพิ่มขึ้น มีความสุขมากขึ้นด้วย กาฬ...อย่างกับเธอให้พลังกับฉันเลยนะ วิเศษจริงเลย”

“เพราะวิญญาณคุณเหนือ คงมีบุญเก่า เคยทำมาก่อนแล้ว จึงรับการแผ่บุญกุศลได้ง่าย” กาฬวารบอก หลังออกสมาธิ

เลวิสไม่เห็นแสงเรืองรอบกายเธออีก พร้อมทั้งเศร้า ทั้งตกใจ!ที่แอบเห็น...

‘ชื่อเล่นเหนือ... นั่นฮคคุ น้องของเรา ไม่ใช่คนแล้ว เป็นเพียงวิญญาณ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้’

เลวิสนึกถึงน้อง... เคยเป็นเพื่อนเล่น เพื่อนรักกันมาแต่เล็ก ให้เกิดอาการเข่าอ่อน หมดแรง... อยากร้องไห้...

กาฬวารออกจากห้องพระ กลับเข้าห้องนอนของตัวเอง

ค้างคาวเลวิสบินมาดูอีก แต่ยังอยู่นอกหน้าต่าง แล้วกลับคืนร่างอีกครั้ง ยืนแอบข้างระเบียงห้องนอน เธอเข้าห้องน้ำปิดประตู ซึ่งมีผ้ายันต์ปิดอยู่ วิญญาณลมเหนือเข้าไปไม่ได้

“ฉันลองชุดว่ายน้ำ ซื้อมาเก็บไว้ ยังไม่ได้ใส่เลย คุณเหนือดูให้หน่อย ชุดสีดำนี้ดีไหม”

สักครู่... กาฬวารเดินออกมาในชุดบิกีนี่วันพีซ ส่องกระจกดูอยู่ และเอ่ยถามวิญญาณลมเหนือ

“อุ๊ย... ได้เห็นของดีเข้าซะแล้ว” เลวิสอุทานเสียงเบา ไม่มีใครรู้ว่าเขาแอบดูอยู่

“เรียบร้อยดี ถามทำไม...”

“จะเลือกชุดใส่ไปสระว่ายน้ำกับเพื่อน สาว ๆ ทั้งนั้น กลัวเชยกว่าเขาด้วย” ว่าแล้วเข้าไปเปลี่ยนอีกชุด เดินออกมาให้ดู คราวนี้เป็นทูพีซชิ้นเล็กจิ๋ว ลายดอกสีสดใสสลับพื้นสีดำ

“โอ้โฮ... เซ็กซี่... แต่ไปสระว่ายน้ำจะดีเหรอ เดี๋ยวหนุ่ม ๆ มอง เกิดอยากรู้จักแล้วเข้ามาจีบล่ะ” วิญญาณลมเหนือออกอาการหวง... เป็นห่วงภรรยาสาววัยรุ่นของเขา

“แต่ฉันไปกับเพื่อนสาวหลายคน ถ้ามีใครเข้ามา ฉันจะให้เขาไปจีบเพื่อนฉันแทน ฉันไม่ชอบพูดกับคนไม่รู้จัก ไม่น่าไว้ใจ”

“ฉันอยากเป็นคนที่มีร่างกาย ไม่อยากเป็นวิญญาณอย่างนี้ อยากกอดเธอเหลือเกิน” เขาพูดจริงจัง ใบหน้าเศร้าสลดกับสภาพตัวเองตอนนี้

แต่กาฬวารไม่นึกเห็นใจผู้พูด เพราะเธอออกจะรักนวลสงวนตัว...

“ฉันไม่ได้อยากให้ใครกอด ฉันยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง ยังไม่เคยควงแขนผู้ชายคนไหน ไม่เคยจูบ ไม่เคยกอดกับใคร ความรักครั้งแรกเป็นไง? ไม่เคยมีและไม่อยากมี เพราะว่าตอนนี้ฉันยังอยากเป็นเด็กอยู่”

‘สองคนนี้เป็นผัวเมีย ประเภทไหนกันนี่’

เลวิสนึก เขาอ่านความรู้สึกนึกคิดของกาฬวารได้ว่าเธอหมายความตามนั้น ไม่มีเล่ห์ลับลมคมใน

“แต่ฉันเสียดาย... เราแต่งงานกันในวันที่ฉันไม่มีชีวิตแล้ว” วิญญาณลมเหนือรำพันเสียงแผ่ว

“นั่นสิ... ฉันแต่งงานกับสามีที่ตายแล้ว...” เพราะความเศร้าของวิญญาณลมเหนือส่งผ่านเข้ามาในใจ กาฬวารหน้าเบ้... น้ำตาคลอขึ้นมาอย่างอ่อนไหว

“นี่มัน... หมายความว่ายังไง” เลวิสเผลอพูดกับตัวเอง

...แม้เสียงจะแผ่วเบา แต่วิญญาณลมเหนือเริ่มรู้ตัว ...ไม่ชอบให้ใครมาแอบดูแอบฟัง

“ฉันไปก่อนนะกาฬ มีธุระต้องจัดการ” วิญญาณลมเหนือหายตัวออกมา เผชิญหน้ากับเลวิสผู้เป็นพี่ชาย

“มาแอบดูอะไร” ถามห้วน หลังกลายร่างอยู่ในชุดคลุมสีดำ อันเป็นชุดยมทูต ...ซึ่งน่าหวาดกลัวยิ่งนัก มีแต่โครงกระดูก หัวกะโหลกที่ดวงตากลวงโบ๋ ส่องแสงสีแดงออกมา อยู่ใกล้เลวิสแค่เอื้อม แต่เลวิสคงไม่อยากเอื้อมถึงหรอก

“จ้ากกกก... ผีหลอก...” เลวิสร้องเสียงดังลั่น แม้เป็นแวมไพร์ยังตกใจกลัวผี... แวบกลายร่างเป็นค้างคาวในพริบตา ฉับพลันบินหนีหาย...

“เฮ้ย! ไม่ใช่มนุษย์ อะไรกันนี่” วิญญาณลมเหนืออุทาน หลังเจอสภาพของพี่ชาย ...ตกใจ! ไม่ใช่เล่น!

การพบกันคราวนี้ ดันมาเจอสถานการณ์คาดไม่ถึง สองพี่น้องต่างนึกหวาดหวั่นกลัวซึ่งกันและกัน



............ตีสี่กว่า กาฬวารกำลังอยู่ในห้องครัว เพิ่งจะหุงข้าว ยายเพียรทำการล้างและหั่นผักบุ้งเตรียมแกงส้ม

เลวิสเพิ่งเข้ามาลงนั่ง เปิดทีวีในห้องครัวดู แต่หรี่เสียงให้เบามาก ดูเขาไม่ชอบเสียงดัง...

“คุณเลวิสอยากกินอะไรไหม เดี๋ยวฉันจะทำให้” กาฬวารพูดดีด้วยมีน้ำใจไมตรี แต่กลับโดนปฏิเสธเสียงกระด้าง ช่างไม่ซาบซึ้งในน้ำใจกันเลย

“ไม่ต้อง ฉันไม่อยากกิน” เลวิสพูดห้วน เขาไม่สนใจอาหารการกิน แต่อยากดูข่าวทีวี และอยากรู้อะไรอย่างอื่นจากเธอ แต่ยังไม่อยากถามก็เท่านั้น

“คุณเลวิสไม่ค่อยชอบทานอะไร มิน่าถึงผอม” เพราะชักนึกหมั่นไส้เขา เธอจึงว่าไป...

“เรื่องของฉัน อย่ายุ่ง”

‘ใจจริงไม่ได้อยากคุยด้วยเสียหน่อย เพราะท่าทางหยิ่ง เย็นชา... แถมหงุดหงิดง่าย’ กาฬวารเพียงแค่นึกในใจเท่านั้น

เลวิส... อ่านใจเธออยู่ หันมาค้อนควักตอบโต้ทันใด

“ไม่อยากคุย ก็ไม่ต้องคุย”

กาฬวารจึงหันไปสนใจฟังย่าของเธอคุย โดยไม่หันมาสนใจเลวิสอีก

“กาฬเกิดตอนเช้ามืด ตอนยังแบเบาะ ย่าให้พระท่านตั้งชื่อให้ เอาวันเดือนปีเกิดเวลาเกิดไปบอก ท่านคำนวณให้ แล้วตั้งชื่อ กาฬวาร เป็นชื่อที่ใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย รู้ไหมแปลว่าอะไร”

“ไม่รู้จ้า แปลว่าอะไรเหรอ”

“คำว่า กาฬ มาจาก พระกาฬ คือ จ้าวแห่งความตาย วาร แปลว่า เวลา พระท่านบอกเวลาที่กาฬเกิดนั้น เป็นฤกษ์ที่เขาใช้สำหรับออกรบ ปราบปรามข้าศึกศัตรู ใช้ปลุกเสกเครื่องรางของขลัง เป็นฤกษ์ที่แรงมาก เขาไม่ให้ใช้ทำงานมงคล”

“เหมือนเคยได้ยิน ใครพูดทำนองนี้... ฤกษ์ที่แรงมาก เอ๋... หรือว่ากาฬเกิดในฤกษ์เพชฌฆาตใช่ไหมย่า” เธอคิดทบทวนเพียงครู่ จึงนึกออก...

ส่วนเลวิสสะดุดใจขึ้นมาด้วย ตั้งใจรอฟังอย่างหูผึ่ง คาดหวังจะได้คำตอบ...

“เรื่องฤกษ์ยาม ย่าไม่รู้หรอก ย่าไม่ใช่หมอดู” ยายเพียรตอบตามตรง

เลวิสผิดหวังกับคำตอบที่ได้รับ กลับไปยังห้องนอนตน พร้อมพกพาความสงสัยค้างคาใจในหลายเรื่องไปเข้านอนด้วย
.
______________________...oooooOOOooooo...______________________... ตอน ๑๐




ไตรติมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 มี.ค. 2559, 13:56:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 มี.ค. 2559, 13:56:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1228





<< ตอน 9 (แก้ไขเพิ่มเติม)   ตอน 11 >>
ไตรติมา 31 มี.ค. 2559, 14:00:45 น.
ฝากกดถูกใจเพจ - ติดตามอัพเดทเพจ ไตรติมา
https://www.facebook.com/oranamarinlove


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account