: + : + : + : + : ผู้ช่วยกามเทพ : + : + : + : + :
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ

อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ทายาทคนเล็กบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังอันดับหนึ่ง และเจ้าของบริษัทจับคู่ยอดฮิตแห่งยุค อยากรู้นักว่าเธอเคยไปบนบานศาลกล่าวที่ไหนแล้วลืมแก้บนหรือเปล่า ทำไมเรื่องวุ่นๆถึงประดังเข้ามาในชีวิตแบบนี้ก็ไม่รู้

เพราะถูกแม่จับคลุมถุงชนกับคนแปลกหน้า ลูกสาวคนเล็กที่ถูกเลี้ยงอย่างเอาแต่ใจมาตลอดจึงประกาศกร้าวขอแต่งงานกับเพื่อนสนิทเพื่อขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน แต่โชคร้ายที่แม่เล่นใหญ่ชนิดรัชดาลัยเธียเตอร์ชิดซ้าย เมื่อบังคับกันดีๆไม่ได้ ท่านจึงตัดความช่วยเหลือทางการเงินจนเหี้ยน ทำให้เธอยิ่งต้องเอาชนะคำสั่งของแม่ให้ได้

สาวัช ปรเมศวร์ เกิดมาในฐานะลูกเมียน้อย เขาจึงทำตัวให้เลือนรางที่สุด เมื่อบ้านที่พรั่งพร้อมด้วยเงินทอง ชื่อเสียงและอำนาจ แต่กลับไม่เคยมีความรักให้เขาสักนิด สาวัชจึงชดเชยให้ตัวเองด้วยการปฏิเสธทุกคำร้องขอจากคนภายนอก ใครๆก็ว่าเขาเย็นชา ไร้น้ำใจ ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ แต่สาวัชก็ไม่เคยแคร์

ครั้นหนทางแห่งผลประโยชน์ชักนำ อิงอรุณจำต้องเข้าขอความช่วยเหลือจากสาวัช เมื่อคนหนึ่งเติบโตด้วยความรักพร้อมพรั่งรอบกายจนกลายเป็นคนแสนเอาแต่ใจ ต้องมาเจอกับคนที่ชีวิตแล้งไร้ความรักแถมยังไม่เคยตามใจใคร ย่อมต้องมีสักคนเป็นฝ่ายถอย!

เมื่อคนสุดขั้วสองคนต้องมาเจอกันในภารกิจเอาตัวรอดของอิงอรุณ ความวุ่นวายจึงบังเกิดขึ้น แต่คนที่ใจอ่อนก่อน บอกรักก่อน อาจไม่ใช่คนแพ้เสมอไปก็ได้!



♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

หายไปสองปี หวังว่าเพื่อนๆคงยังไม่ลืมสิริณกันนะค้า
ผู้ช่วยกามเทพ เป็นตอนต่อของ สนิมดอกรักค่ะ
อ่านแยกกันได้ ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าอ่านสนิมดอกรักก่อนจะยิ่งได้อรรถรสสุดฤทธิ์ (ขายของค่ะ 555)

เช่นเคยนะคะ สิริณยินดีและน้อมรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ
จะติก็ได้ ชมก็ยิ่งดี อ่านแล้วจัดเต็มกันได้เลย
มิต้องกลัวคนเขียนนอยด์ค่ะ

ฝากเนื้อฝากตัว ฝากผลงานไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต

หากฝ่าฝืน สิริณ(แม่มณี) จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น

ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ(แม่มณี) มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥


ชวนเพื่อนๆนักอ่านไปกดไล้ค์แฟนเพจของสิริณกันด้วย
www.facebook.com/SirinFC
ตรงนั้นจะมีกิจกรรมร่วมสนุก แจกของที่ระลึกกันเป็นระยะ
(แน่นอนว่าของที่สิริณมีมากที่สุดคือ 'หนังสือ' :D )
ไปกดไล้ค์กันเยอะๆนะคะ

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 9 (100%)

ร้านกาแฟเล็กๆในสถานีน้ำมันตกแต่งด้วยโทนสีขาวสลับชมพู จัดมุมน่ารักๆสำหรับถ่ายรูปไว้ทุกด้าน หากเป็นยามปกติ อิงอรุณคงเพลิดเพลินกับสถานที่ซึ่งไม่อยู่ในแผนการเดินทางลักษณะนี้แน่ๆ ทว่าวันนี้มีเรื่องที่เย้ายวนใจกว่านั้นรออยู่ข้างหน้า เธอจึงแทบไม่สนใจสิ่งอื่นเลย

อิงอรุณเหล่มองโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะ แล้วรีบตัดใจตวัดตาไปทางอื่น แต่ตาที่ไม่เชื่อฟังกลับเหลือบไปหาโทรศัพท์เครื่องนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างอดไม่ได้

ผู้ชายขี้เต๊ะอย่างนั้น จะมีรูปถ่ายแบบไหนในเครื่องบ้างนะ เพลงละ อีเมล ข้อความ ไหนยังจะเว็บที่เซฟไว้เป็นหน้าประจำอีก แหม...อยากรู้จัง! ถ้ามีข้อมูลเกี่ยวกับสาวัชมากกว่าที่เป็นอยู่ เธออาจนำมาวิเคราะห์เพื่อให้รู้จักพฤติกรรมของเขา และหาทางโน้มน้าวให้เขามาเป็นวิทยากรได้ง่ายขึ้น

หญิงสาววางมือบนโต๊ะ เคาะปลายนิ้วลังเล ก่อนค่อยๆเลื่อนมือใกล้โทรศัพท์ขึ้นทีละนิด

หยดน้ำข้างแก้วกาแฟเย็นซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเพิ่งผุดเป็นละอองเล็กๆ ประตูร้านก็ถูกผลักเข้ามา เสียงกระดิ่งที่แขวนติดไว้กับประตูดังกรุ๊งกริ๊งเรียกให้เธอเงยขึ้นมองโดยอัตโนมัติ

“อุ๊ย! คุณสาวัชมาแล้วหรือคะ” อิงอรุณชักมือกลับผุดลุกขึ้นยืน ซ่อนสีหน้าลุกลี้ลุกลนมีพิรุธสุดความสามารถ
แต่ดูเหมือนจะไม่จำเป็นเลย เพราะผู้มาใหม่ก้าวมายืนตรงหน้า ท่าทางอ้ำอึ้งบอกไม่ถูก เขาเหลียวไปรอบๆแล้วสุดท้ายก็ชี้โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ “นั่นเครื่องผมใช่ไหม”

เพียงอิงอรุณพยักหน้า เขาก็ล้วงกระเป๋าเสื้อเชิ้ตดึงโทรศัพท์ออกมาส่งให้เธอ “นี่ของคุณ”

หญิงสาวพึมพำขอบคุณ รับโทรศัพท์มาเคาะหน้าจอและใส่รหัสปลดล็อกด้วยความชื่นมื่น จึงไม่ได้เห็นว่ามี...

“นี่ด้วย” น้ำเสียงห้าวเอ่ยคล้ายเสียไม่ได้

อิงอรุณเงยขึ้นมองสาวัชกำลังยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาตรงหน้าเธอ

“รายละเอียดคนโทร.เข้า ผมรับข้อความไว้ให้”

“หูย...ขอบคุณมากค่ะ คุณสาวัชใจดีม้ากมาก” อิงอรุณกระดี๊กระด๊า รับกระดาษไปกวาดตาอ่านผ่านๆเพื่อตรวจดูว่ามีอันไหนเป็นเรื่องด่วนหรือเปล่า

“อีกเรื่องก็คือ...”

หญิงสาวละสายตาจากกระดาษ เงยขึ้นมองท่าทีอึกอักของเขา ก็พบว่าคนพูดหน้านิ่งขรึมเหมือนเคย แต่เธอกลับรู้สึกว่าดวงตาเขามีร่องรอยแปลกๆ

“แม่คุณก็โทร.เข้าเครื่องคุณเมื่อกี้ บอกว่าพ่อคุณอยู่โรงพยาบาล...” เขาระบุชื่อโรงพยาบาลย่านสุขุมวิท

“คะ? คุณบอกว่าพ่อ...”

“ผมไม่รู้รายละเอียดหรอก รู้แค่ว่าตอนนี้ท่านอยู่ในห้องซีซียู”

ซีซียู! แสดงว่าพ่อต้องเป็นอะไรที่ร้ายแรง ไม่งั้นคงไม่ต้องเข้าห้องผู้ป่วยพิเศษเช่นนั้น

ร้ายแรง! คำนั้นมีอานุภาพมากพอที่จะทำให้อิงอรุณมือเท้าไร้เรี่ยวแรง โทรศัพท์ในมือร่วงหลุดมือไปก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนเธอเข่าอ่อนทรุดลงไปกองกับพื้นโดยไม่รู้ตัว หน้าเผือดซีด หัวใจว่างโหวงจนน่ากลัว มือเย็นเฉียบยกขึ้นกดหน้าอกแน่นละม้ายกดไล่อะไรบางอย่างที่ตื้อแน่นอยู่ตรงนั้น แล้วก่อนจะทันควบคุมตัวเอง น้ำตาก็ร่วงเผาะลงมาและไหลพรากราวกับทำนบแตก

ห้ามร้องนะอิงอรุณ ห้ามร้อง! เข้มแข็งไว้สิ!

หญิงสาวกัดริมฝีปากกลั้นสะอื้น หายใจเข้าลึกพยายามควบคุมความตื่นกลัว แต่ไม่เป็นผล ไหล่บางยังคงไหวสะท้าน

ตลอดชีวิตที่ผ่านมาอิงอรุณคุ้นเคยกับการทำตามใจตัวเองเสมอมา พ่อ แม่ และพี่ชาย รวมถึงเพื่อนๆต่างยินดีปกป้องให้โลกของเธอเป็นสีสันแห่งความสุข พร้อมพรั่ง ไร้ที่ติ มาวันนี้เมื่อพ่อเกิดเจ็บกะทันหัน พี่ชายก็เดินทางไปต่างประเทศ ในฐานะลูกสาวที่เหลืออยู่คนเดียว ดูเหมือนเธอต้องเป็นหลักจัดการเรื่องนี้

แต่...เธอยังไม่พร้อมรับภาระอย่างนั้น ไม่พร้อมเลยจริงๆ!

“แม่คุณคอยอยู่นะ” น้ำเสียงห้าวราบเรียบดังมาจากเหนือศีรษะ

อิงอรุณใช้หลังมือปาดน้ำตา แล้วเงยขึ้นมองเขานิ่งๆ ซึมซับข้อความนั้นเข้าในใจช้าๆ ครั้นได้สติ หญิงสาวจึงเอื้อมมืออันสั่นเทาไปหยิบโทรศัพท์มาถือไว้ ใช้อีกมือยันโต๊ะข้างๆเป็นหลักยืนขึ้นทั้งที่โงนเงนเต็มที

“อิงต้องไปหาแม่ ไปอยู่เป็นเพื่อนแม่” เธอหันรีหันขวาง เงอะงะเดินไปหย่อนโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วจับหูหิ้วมาคล้องข้อมือ ผลุนผลันออกจากร้านมุ่งหน้าไปยังออดี้สีขาวที่จอดอยู่ไม่ห่าง ไม่รู้ตัวสักนิดว่าไหล่บอบบางไหวแรงเพียงใด หญิงสาวกดรีโมทปลดล็อก เปิดประตูแล้วเหยียบบันไดข้างรถโหนขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับอย่างรวดเร็ว

“คุณจะไปไหน” พร้อมกับคำถามนั้น อุ้งมือแข็งแรงก็คว้าหมับเข้าที่้ข้อศอกเธอแล้วบีบแน่น

อิงอรุณซึ่งสติหลุดไปแล้ว ไม่สนใจฟัง เธอวางกุญแจรีโมตไว้บนคอนโซลรถ และใช้มือสั่นระริกกดปุ่มติดเครื่องยนต์

“อิงอรุณ ตั้งสติหน่อย!” คนข้างๆตะคอกเสียงหนัก

หญิงสาวชะงัก ทิ้งมือลงข้างตัว ดวงหน้าที่แหงนขึ้นสบตาสาวัชมอมด้วยคราบน้ำตาคล้ายเด็กหลงทาง เพียงเสี้ยววินาทีนั้นเอง สาวัชก็โน้มตัวผ่านหน้าเธอไปอย่างรวดเร็ว อิงอรุณเบียดตัวแนบติดเบาะด้วยความตกใจจนลืมทุกเรื่องที่กำลังรุมเร้าในใจ เพื่อจะพบว่าดอกเตอร์หนุ่มกดปุ่มดับเครื่องรถ พร้อมกับคว้ากุญแจไปถือไว้ จากนั้นเขาก็ยืดตัวตรง

“เดี๋ยวผมขับรถไปส่งคุณที่โรงพยาบาลเอง คุณรออยู่ตรงนี้ละกัน” คนพูดยึดกุญแจรถเดินห่างออกไปโดยไม่รอฟังคำตอบ เขาฉลาดและรอบคอบทีเดียว เพราะแม้รถเธอจะเป็นรุ่นใหม่ทันสมัยที่ไม่ต้องบิดกุญแจ แค่กดปุ่มก็ติดเครื่องได้ แต่ถ้ากุญแจไม่อยู่ ‘ในรถ’ กดปุ่มยังไง เครื่องก็ไม่ติด นี่สาวัชคิดว่าเธอจะขับรถหนีไปคนเดียวหรือไง คิดไปได้! อย่าว่าแต่ให้บังคับรถในสภาวะที่จิตใจระส่ำระสายอย่างนี้เลย แค่เหยียบเบรกเหยียบคันเร่ง เท้าเธอยังไม่มีแรงด้วยซ้ำ

ความรู้สึกที่ผ่านเข้ามาในใจอิงอรุณเป็นลำดับถัดไปคืออบอุ่นใจ แม้เขาวางท่าไม่เต็มใจ และเป็นเพียงคนรู้จักที่แสนห่างไกล แต่มีคนอยู่ข้างๆอย่างนี้ ยังไงก็ต้องดีกว่าเผชิญหน้ากับวิกฤตตามลำพัง

ชายหนุ่มหายไปสั่งการคนขับรถไม่กี่นาทีก็กลับมาสมทบกับเธออีกครั้ง เขาหน้าบึ้งชัดเจน แต่อิงอรุณแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น

“ย้ายที่สิ” เขาพูดลอยๆสีหน้าบอกบุญไม่รับ

อิงอรุณทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เธอเหลือบมองคนข้างๆติดเครื่องพารถเคลื่อนจากที่ด้วยสายตาซาบซึ้ง ชั่วไม่ถึงสิบนาที ทั้งคู่ก็มาถึงโรงพยาบาล สาวัชมีน้ำใจแวะให้เธอลงตรงล็อบบี้ด้านหน้า ส่วนตัวเขานำรถไปจอดยังอาคาร หญิงสาวก้าวพรวดสลับกับเดินแกมวิ่งขึ้นลิฟต์ไปชั้นห้า ตรงไปยังหออภิบาลผู้ป่วยหนักเฉพาะโรคหัวใจตามที่พยาบาลชี้ทางให้ทันที

“แม่ขา พ่อเป็นยังไงบ้างคะ” อิงอรุณเกาะกระจกมองเข้าไปในห้องด้วยความกังวล เมื่อเห็นคนเจ็บนอนหลับอยู่บนเตียงมีสายระโยงระยางมายังอุปกรณ์วัดสัญญาณชีพมากมาย

“ยังไม่ตายหรอก” เปรมิกาสะบัดเสียงตอบ

“เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมอยู่ดีๆพ่อถึงอาการกำเริบ” เธอหันมาทางมารดา

“ถ้าอยู่ดีๆมันก็คงไม่มีเรื่องหรอก สมใจเธอแล้วสิที่ทำจนพ่อเป็นอย่างนี้” ท่านตวาดลั่นเสียงเครือ

“อิงไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” อิงอรุณดื้อรั้นแย้งทันควัน

มิคาดว่านั่นจะเป็นฟางเส้นสุดท้าย

“ทำสิ! ทั้งหมดนี่มันเป็นเพราะเธอทั้งนั้น” ก่อนใครทันคาดคิด เปรมิกาก็ยกมือฟาดใบหน้าลูกสาวทันที

ฉาด! เสียงเนื้อกระทบผิวหน้าดังสนั่น

อิงอรุณเงยขึ้นสบตาแม่ เห็นจากปลายตาว่าสาวัชกำลังเดินเข้ามาใกล้ในระยะประชิด เขาชะงักไปคล้ายคาดไม่ถึงและทำตัวไม่ถูก หญิงสาวกุมแก้มป้อยๆทั้งที่น้ำตาใกล้เอ่อเต็มที เจ็บยังไม่เท่ากับอายที่ถูกทำร้ายต่อหน้าคนนอก และที่อายก็ยังไม่เท่ากับความน้อยใจ ที่มารดาลงไม้ลงมือกับเธอเพียงนี้

ขณะเธอยืนตะลึง สาวัชซึ่งคงเพิ่งได้สติ ก็ก้าวฉับๆเข้ามาคว้าต้นแขนดึงเธอถอยหลัง พร้อมกับยืนขวางอยู่ตรงหน้าแทน “มีอะไรค่อยๆพูดกันดีกว่าครับ”

อิงอรุณมองแผ่นหลังกว้างที่กางกั้นอยู่เบื้องหน้ารู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก แต่เพราะไม่อยากให้แม่โกรธไปมากกว่านี้ เธอจึงขยับมายืนเคียงข้างชายหนุ่ม เผชิญหน้ากับแม่อีกครั้ง แต่ห่างจากตำแหน่งเดิมในระยะมือเอื้อม ‘ไม่ถึง!’

“คุณเป็นใคร” เปรมิกาตวัดตาใส่ชายหนุ่มไม่พอใจ “ใช่คนที่รับโทรศัพท์ให้อิงหรือเปล่า”

“ครับ”

“ยังไม่ตอบฉันเลยนะว่าคุณเป็นใคร”

“ผมจะเป็นใครไม่สำคัญหรอก เพราะขนาดคุณไม่รู้ แต่ก็ยังกล้าสั่งข้อความไว้ให้ผมบอกคุณอิงอรุณเลย” เขาย้อน

“คุณสาวัช” อิงอรุณยึดแขนเขาไว้รั้งเบาๆเป็นเชิงปราม แล้วรีบแนะนำทั้งสองฝ่ายเพื่อคลายบรรยากาศ “นี่คุณแม่อิงเองค่ะ แม่คะ นี่คุณสาวัชค่ะ”

หากมีโอกาสเธอคงอยากส่งชายหนุ่มไปประกวดชิงรางวัลจำพวกนักแสดงยอดเยี่ยม เพราะวินาทีเมื่อกี้เขายังตำหนิมารดาเธอกลายๆอยู่แท้ๆ แต่นาทีถัดมาสาวัชกลับทำความเคารพเปรมิกาด้วยท่าทีสุภาพเต็มพิธีการหาที่ติมิได้เลย

“สาวัช?” เปรมิกาทวนคำ สีหน้าหมิ่นแคลน “จำได้ว่าลูกฉันไม่มีเพื่อนชื่อนี้นะ”

“เพราะผมไม่ใช่เพื่อนลูกสาวคุณ แค่...คนรู้จักเท่านั้น”

“งั้นคุณก็กล้ามากที่บังอาจมาสั่งสอนฉัน” เปรมิกาบิดริมฝีปากเยาะหยัน

“ผมไม่ได้สั่งสอน แต่ย้ำเตือนให้คุณตระหนักว่าในฐานะผู้ถือหุ้นของสยามดริ๊งค์คอร์ปอเรชัน การที่คุณปล่อยให้ข่าวแบบนี้หลุดไปถึงคนนอกโดยไม่กลั่นกรอง มันอาจนำมาซึ่งความเสียหายที่ประเมินมูลค่าไม่ได้”

เปรมิกางันไปชั่วขณะ จากนั้นปรายตามาทางเธอแทน “คุยกับแม่หน่อยสิ”

“อิงขอเข้าไปเยี่ยมพ่อก่อนได้ไหมคะ”

“เข้าไปก็ไม่มีประโยชน์ หมอให้ยาไว้ คุณพ่อจะได้พักมากๆ คุยกับแม่ให้รู้เรื่องก่อนดีกว่า”

“มีประโยชน์สิคะ อย่างน้อยอิงก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าพ่อปลอดภัยแล้ว เราเข้าไปเยี่ยมคุณพ่ออิงกันเถอะค่ะคุณสาวัช” เธอคว้าท่อนแขนลากชายหนุ่มเข้าไปในห้องพักฟื้นทันที ไม่สนใจแม้อีกฝ่ายจะขืนตัวและพยายามปัดมือเธอออกก็ตาม

“ผมไม่ได้บอกสักคำว่าอยากมาเยี่ยมพ่อคุณ” เมื่อเข้ามาในห้องพักฟื้น เขากระซิบบอกเธอเบาๆ ทั้งยังปลดมือเธอ ก้าวถอยหลังรักษาระยะห่างเช่นเคย

อิงอรุณตามไปประชิดอีกฝ่าย คว้าแขนเขาไว้พร้อมกับเอนตัวเข้าหาชายหนุ่ม พึมพำพอได้ยินกันแค่สองคนว่า “ถ้าไม่ทำอย่างนี้ อิงโดนแม่ซักจนขาวแน่ๆ ห้องซีซียูเยี่ยมได้แค่ห้านาทีเอง พอหมดเวลาเยี่ยม เราออกไปข้างนอกอีกที แม่ก็ลืมไปแล้วว่าเมื่อกี้จะพูดอะไร”

“ทำไมผมต้องช่วยคุณด้วย”

“ก็...” อิงอรุณอึ้ง นั่นสิ! ในฐานะคนที่นำแต่เรื่องร้อนใจไปให้เขาวุ่นวาย ไม่มีเหตุผลเลยที่สาวัชต้องช่วยเธอ

เมื่อจนด้วยเหตุผล หญิงสาวจึงเสหันไปทางเตียงที่บิดาหลับอยู่ ชุดสีเขียวตุ่นกับเตียงสีขาวขับให้ใบหน้าของท่านยิ่งอิดโรยเผือดซีด หัวใจอิงอรุณวูบไหวด้วยความสะเทือนใจ มือตกลงข้างตัว ก้าวเข้าไปยืนข้างเตียงลูบแขนสุพจน์เบาๆ

ภาพพ่อในความทรงจำของเธอมีแต่พ่อที่แข็งแรง กระฉับกระเฉง พ่อที่ปกป้องเธอเสมอ ทั้งจากเรื่องนอกบ้าน รวมถึงให้ท้ายเธอทุกครายามมีปัญหากับแม่ พ่อที่มีอ้อมกอดอบอุ่นเปิดกว้างพร้อมสำหรับเธอทุกเมื่อ แต่วันนี้...พ่อกลับนอนไม่ได้สติ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อยู่ตรงหน้า นอนนิ่ง...จนน่ากลัว

หญิงสาวจับมือข้างที่ไม่มีสายน้ำเกลือขึ้นมากุมและบีบเบาๆ พร้อมกับโน้มตัวไปจูบแก้มบิดา ก่อนลงท้ายด้วยการพึมพำ “พ่อขา อิงมาแล้วค่ะ พ่อต้องหายไวๆนะคะ”

เสียงรองเท้ากระทบพื้นบอกให้รู้ว่ามารดาเข้ามาสมทบในห้องพักผู้ป่วยแล้ว อิงอรุณจึงยืดตัวตรง สบตาท่านนิ่งๆ

“อิงไปตามเลขาฯมาให้แม่หน่อยสิ” ฟังก็รู้ว่าแม่กำลังหาเรื่องไล่เธอออกไปเพื่อเริ่มทำการ ‘ซักฟอก’ สาวัช

“เร่งด่วนมากหรือคะ เอาไว้ก่อนไม่ได้เหรอ” แต่เรื่องอะไรจะยอมให้เป็นไปตามแผนของท่านง่ายๆ

“สำคัญมาก! แม่จะให้เลขาฯโทร.แจ้งเรื่องอาการป่วยของคุณพ่อ...”

“ผมว่านั่นไม่น่าจะเป็นความคิดที่ดี” สาวัชแทรกขึ้นกลางคัน เรียกสายตาสองคู่จากสองสาวต่างวัยให้หันขวับไปทางเขาเป็นตาเดียว ชายหนุ่มจึงเอ่ยต่อ “ถ้าข่าวหลุดไปถึงนักลงทุน พรุ่งนี้หุ้นเอสดีซีของสยามดริ๊งค์คอร์ปอเรชันดิ่งลงเหวแน่”

อิงอรุณสังเกตเห็นว่าสายตาที่แม่มองสาวัชเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากหงุดหงิดไม่พอใจ แปรเป็นครุ่นคิด และสุดท้ายก็...ชื่นชม!

“ขอบใจที่เตือน แต่ฉันไม่ได้โทร.บอกนักข่าวหรอก แค่จะให้แจ้งให้ลูกชายฉันที่ไปทำงานเมืองนอกรู้ไว้บ้างเท่านั้นเอง” แม้แต่น้ำเสียงของท่านก็อ่อนลงด้วยเช่นกัน

“ถ้าอย่างนั้นผมก็กราบขออภัยที่ล่วงเกินไป”

เปรมิกาพยักหน้าเคร่งขรึม “เอาเป็นว่าฉันขอบใจคุณละกัน”

“ผมเสร็จธุระแล้ว ขอตัวกลับก่อนนะครับ” ชายหนุ่มทำความเคารพมารดาเธออีกครั้ง แล้วหมุนตัวเดินตรงไปที่ประตู

“อิงไปส่งคุณสาวัชนะคะ” อิงอรุณรีบบอก แล้วตามมาคว้าท่อนแขนชายหนุ่มลากเขาออกจากห้องอย่างรวดเร็ว

“ทำไมไม่อยู่เป็นเพื่อนคุณแม่คุณ” สาวัชปลดมือเธอจากท่อนแขน แล้วก้าวออกห่างดุจต้องการรักษาระยะ

“แม่ไม่อยากได้เพื่อนหรอก” หญิงสาวกระแทกเสียงด้วยความน้อยใจ เดินตามเขาไปเรื่อยๆ “ดูก็รู้ว่าแม่คงอยากรู้เรื่องคุณสุดๆไปแล้ว ขืนอิงอยู่ต่อ คงโดนซักไม่รู้แล้วแน่ๆ ขอชิ่งก่อนดีกว่า”

“คุณรู้อยู่แล้วว่าแม่จะพูดอะไร งั้นก็ฟังท่านพูดให้จบๆไป จะหนีทำไม”

“อิงเกือบลืมไปแล้วนะคะเนี่ย ว่าคุณสาวัชเป็นอาจารย์ แหม...หิวน้ำจัง” อิงอรุณเย้าพร้อมกับหยุดยืนตรงหน้าตู้กดเครื่องดื่ม แล้วตบกระเป๋ากางเกงหาเศษเหรียญ สุดท้ายจึงเงยขึ้นยิ้มประจบ “มีเหรียญให้ยืมไหมคะ”

สาวัชไม่ตอบ แต่ล้วงกระเป๋าหยิบเหรียญมาหยอดใส่ตู้ให้เธอเงียบๆ สีหน้าเขาบอกชัดว่า...ระอา!

“ขอบคุณค่ะ” หลังจากเธอกดปุ่ม เสียงขลุกขลักก็ดังเป็นสัญญาณว่าเครื่องปล่อยน้ำลงมายังช่องรอรับแล้ว อิงอรุณก้มลงไปเปิดช่องหยิบขวดน้ำมาถือ “แล้วคุณสาวัชละคะ ไม่ดื่มอะไรสักหน่อยเหรอ”

แทนคำตอบ สาวัชกลับดึงขวดน้ำจากมือเธอไปถือไว้แทน

อิงอรุณอ้าปากค้าง เขายึดน้ำของตัวเองคืนเหรอเนี่ย

ทว่าวินาทีถัดมาเธอกลับยืนตัวแข็งตกตะลึง เมื่อชายหนุ่มนำขวดน้ำเย็นมาแนบแก้มเธอด้วยกิริยานุ่มนวล

อิงอรุณวาบลึกในอก เธอเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าถูก ‘แม่ตี’ แต่ผู้ชายคนนี้กลับจำได้ แม้ไม่มีคำปลอบโยน หรือสายตาเห็นอกเห็นใจ แต่ความเอื้ออาทรเพียงเท่านั้นก็ทำให้เธอรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกดื้อๆ มันช่าง...อ่อนหวานเหลือเกิน! หญิงสาวยกมือที่สั่นนิดๆอย่างไม่อาจควบคุมขึ้นมาประคองขวดแนบแก้มไว้แทน

“คุณโอเคใช่ไหม”

คำถามง่ายแค่นั้น แต่ทำให้อิงอรุณเผลอเงยขึ้นสบตาชายหนุ่มดุจคาดไม่ถึง แม้ความรู้สึกแท้จริงจะห่างไกลคนละฟากฟ้ากับสิ่งที่เขาถาม ทว่าเธอกลับทำได้เพียง

“โอเคแล้วค่ะ สบายมาก” เธอเติมความกระตือรือร้นลงในน้ำเสียง อันที่จริงการต้องรับผิดชอบอาการเจ็บป่วยของบิดานั้นยากเกินไปสำหรับคนไม่เคยเผชิญสภาวะกดดันอย่างนี้มาก่อน ยิ่งแม่ซึ่งควรให้กำลังใจซึ่งกันและกันกลับโกรธเธอถึงขนาดลงไม้ลงมือ ก็ทำให้อิงอรุณยิ่งเคว้งคว้างเข้าไปใหญ่ แต่จะบอกเขาได้อย่างไรว่าที่แท้แล้วเธอ ‘ไม่โอเค’ เลยสักนิด! เธอไม่ใช่เด็กห้าขวบจะได้ร้องไห้ทุกครั้งที่เจอเรื่องยากๆในชีวิตหรอกนะ แค่ที่ร้องไห้ต่อหน้าเขาเมื่อกี้ก็น่าอายมากพอแล้ว

“ถ้างั้นขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” ชายหนุ่มขมวดคิ้วครุ่นคิด พลางผายมือไปทางโถงลิฟต์เป็นเชิงเชื้อเชิญ

อิงอรุณถอนใจ รู้งี้บอกว่ายังไม่โอเคซะก็ดีหรอก!

หญิงสาวเดินนำอย่างจำใจ ทั้งคู่ลงลิฟต์มายังคาเฟ่เล็กที่ชั้นล่างโดยไม่พูดอะไรต่อกัน
เพียงนั่งเรียบร้อย สาวัชก็เปิดฉากสนทนาทันที “คุณเปิดขายคอร์สพิพิธภัณฑ์แล้วจริงๆ”

ทั้งที่เขาแค่เปรยลอยๆ แต่ทำไมอิงอรุณกลับรู้สึกเหมือนมันเป็นคำกล่าวหามากกว่าก็ไม่รู้ หญิงสาวยิ้มแหย “ค่ะ ก็อย่างที่บอก อิงขายคอร์สหมดแล้วด้วย”

“งั้นก็รู้ใช่ไหม ว่าผมสามารถแจ้งความข้อหาแอบอ้างใช้ชื่อบุคคลอื่นก่อให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียงได้น่ะ”

คำขู่ของเขาเป็นผลให้อิงอรุณอ้าปากหวอด้วยความตกใจ ไม่ต้องส่องกระจกก็เดาได้ว่าหน้าตาเธอคงคล้ายตัวตลกเข้าไปทุกที

“เอ่อ...คุณสาวัชต้องทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยหรือคะ” เธอเสียงอ่อย เริ่มเห็นเค้าลางของความยุ่งยากชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับชักเสียใจที่ผลีผลามมัดมือชกรวบรัดให้สาวัชจำต้องรับปากเธอ นอกจากมันจะไม่ง่ายดังคาดแล้ว ดูเหมือนว่าตัวสาวัชเองก็ทั้ง ‘ยินดีและเต็มใจ’ อย่างยิ่งที่จะทำให้เธอต้องประสบปัญหาจากเรื่องนี้ให้มากที่สุด

หากเป็นสถานการณ์ปกติ อิงอรุณคงคิดหาทางออกหรือประวิงเวลาไปก่อนได้ แต่วันนี้...เพราะอาการของพ่อทำให้เธอสมองตื้อตันไปหมด หญิงสาวถอนหายใจเฮือก “อิงขอไปพบคุณสาวัชที่ออฟฟิศเพื่อคุยเรื่องนี้ได้ไหมคะ คือตอนนี้...สารภาพว่าอิงคิดอะไรไม่ออกเลย”

“ไม่มีอะไรต้องคิดมากมาย แค่แก้ไขชื่อผมออกซะ แล้วผมจะไม่เอาเรื่อง”

หญิงสาวหน้าม่อย คอตก ถ้าทำได้ก็คงเลือกทำตามที่เขาเสนอ ทว่าลูกค้าที่จองคอร์สนี้ไว้ต่างก็กระตือรือร้นเตรียมตัวไปทัศนศึกษากันเต็มเหนี่ยว บ้างช็อปปิ้งอุปกรณ์เสริมทั้งหมวก พัด สมุด ปากกาลวดลายไทยๆให้เข้ากับสถานการณ์ หลายคนหาหนังสือมาอ่านล่วงหน้า บางคนถึงขนาดไปเช่าชุดผ้าซิ่นผ้าไหมเตรียมไว้แต่งให้เข้าบรรยากาศด้วยซ้ำ อย่างนี้แล้วใครจะไปยกเลิกแผนการทัวร์พิพิธภัณฑ์ได้ลงคอ เธอกำลังตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเต็มตัว!

“นี่กุญแจรถคุณ” เขาเลื่อนตลับกุญแจมาตรงหน้าเธอ บอกพิกัดโดยละเอียดว่าจอดรถไว้ชั้นไหนบริเวณใด “ผมกลับละ รีบจัดการเรื่องที่ผมบอกให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุดด้วยละ” สาวัชก้มศีรษะเป็นเชิงบอกลา แล้วแยกกลับไปดื้อๆ

อิงอรุณมองตามแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มที่ห่างออกไปเรื่อยๆด้วยความหนักใจ เธอวางข้อศอกบนโต๊ะใช้สองมือคลึงขมับเพื่อคลายความกังวล แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเงาดำทาบทับมาเบื้องหน้า พร้อมกับของสิ่งหนึ่งถูกวางไว้บนโต๊ะเสือกมาตรงหน้าเธออย่างกระแทกกระทั้น

“เขาแจกอยู่ตรงหน้าลิฟต์ ผมไม่กินของพวกนี้ คุณเอาไปเถอะ” สาวัชบอกตะกุกตะกักผิดมาด แล้วหมุนตัวกลับไปทางเดิมอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ไม่เปิดโอกาสให้เธอขอบคุณด้วยซ้ำ

อิงอรุณมองซองพลาสติกสีครีมเจาะช่องใสบางตอนเผยให้เห็นว่าภายในมีห่อกระดาษสีทองขนาดไม่โตไปกว่านิ้วหัวแม่มือสามชิ้นเรียงกัน เธอพลิกห่ออ่านฉลากซึ่งพิมพ์อยู่หน้าซองบอกให้รู้ว่ามันคือช็อกโกแลตรสขมยี่ห้อดัง หญิงสาวเลื่อนมันไปวางไว้ข้างๆอย่างไม่ค่อยสนใจ หยิบขวดน้ำมาบิดฝาเปิดและดื่ม พลางครุ่นคิดถึงทางเลือกที่เหลือของตัวเอง

นี่เธอควรจะทำยังไงกับคอร์สพิพิธภัณฑ์เจ้าปัญหานั่นดีนะ!

ทีแรกก็นึกว่าสาวัชจะเลยตามเลยยอมไปเป็นวิทยากรให้สักครั้ง พอได้เจอบรรยากาศจริง เขาก็จะติดใจและยอมมาเป็นวิทยากรขาประจำให้เธอ แต่นี่...ดูเหมือนแค่ขั้นแรกเธอก็เจอทางตันเสียแล้ว

อิงอรุณหมกมุ่นอยู่กับความคิดตัวเอง จนไม่สังเกตเลยว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นรอบตัวบ้าง หญิงสาวจึงสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเคาะที่โต๊ะ ครั้นเงยขึ้นก็พบว่ามารดายืนกอดอกอยู่ตรงหน้า กำลังมองมาด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ โดยเฉพาะเมื่อท่านเอ่ยเสียงเย็น

“เรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะเชียวล่ะ อิงอรุณ!”







: + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + : + :

วันนี้สิริณไปงานหนังสือนะคะ
นักอ่านท่านไหนแวะไปงานหนังสือช่วงบ่ายสองโมงเป็นต้นไป
ไปทักทายกันได้นะค้า ที่บูธร้านนายอินทร์ Q26 โซน C ชั้น 2
อุดหนุนผลงานของสิริณในงาน
มีโปสการ์ดที่ระลึกมอบให้ด้วยนะเออ :D

สำหรับคุณ konhin เดี๋ยวสิริณเก็บที่คั่นไว้ให้นะคะ
วันไหนมีโอกาสกลับมาขอลายเซ็น เดี๋ยวมอบให้กับมือเลยค่ะ :D





สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 เม.ย. 2559, 07:15:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 เม.ย. 2559, 07:15:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 1244





<< ตอนที่ 8 (100%)   ตอนที่ 10 (50%) >>
พอใจ 6 เม.ย. 2559, 16:32:24 น.
จะเป็นไงต่อเนี่ยอิงอรุณ พระเอกเราไม่ยอมอ่อนไหวซะด้วยใจแข็งยังกะหิน งานยากละอิงเอ๋ยยยย


konhin 7 เม.ย. 2559, 00:44:25 น.
โหยยยยยย แม่ตบทำไมเนี่ยยยยย


Zephyr 13 เม.ย. 2559, 18:09:43 น.
ขอสมน้ำหน้ายัยอิงหน่อย
ทำอะไรไม่คิด
ใช้วิธีรวบรัดคนอื่นแบบนี้ นิสัยไม่ดี


wane 17 เม.ย. 2559, 10:44:54 น.
แม่แรงมากอ่ะ โกรธลูกมากอะไรขนาดนั้น


นักอ่านเหนียวหนึบ 23 เม.ย. 2559, 21:10:55 น.
ได้รับของที่ระลึกแล้วนะคะ แหะๆๆ ช้าไปชะม้าาาาา ><


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account