คืนค่ำร่ำพิศวาส
สองผีพี่น้อง เลวิส... แวมไพร์(ผีดูดเลือด) ลมเหนือ... ผีเฮี้ยน! อยู่ตึกผีสิง VS กาฬวาร... เด็กสาวยากจนเป็นสาวพรหมจรรย์ มีพลังจิตบริสุทธิ์ เธอช่วยพวกเขากลับเป็นมนุษย์ กลายเป็นเพื่อนบริสุทธิ์ใจต่อกัน สองพี่น้องต่างบิดาแต่รักกันมาก เวลาผ่านไปเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ได้เจอเธออีกหนต่างหลงรักผู้หญิงคนเดียวกัน...เลือกรักไม่ได้หนึ่งหญิงสองชาย (อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน)
Tags: หวานแหวว, ซึ้ง, รักแฟนตาซี, ไตรติมา, ผี, แวมไพร์, ตลก, หล่อ, โรแมนติค,

ตอน: ตอน 14

______________________...oooooOOOooooo...______________________... ตอน ๑๔

............ยิ่งเดินเข้าป่า ยิ่งรกทึบทั้งพุ่มไม้ขึ้นแน่นขนัด ต้นไม้สูงใหญ่เถาวัลย์ขึ้นเบียดเสียดกัน แทบไม่โดนแสงแดดกันเลย แต่นั่นเป็นการดีมากสำหรับเลวิส การเดินค่อนข้างลำบาก หากไม่คอยก้มหลบกิ่งไม้ เงยหน้า... ศีรษะชนกิ่งไม้ หลบเลี่ยงกิ่งไม้กิ่งอันนี้ มักไปโดนกิ่งไม้อันโน้น เต็มไปด้วยกิ่งก้านสาขาของกิ่งไม้นานาพันธุ์ ให้ระเกะระกะไปหมด โดยเฉพาะกอไผ่ไม้รวก พวกมันทิ้งกิ่งหักลงมาแทงพื้นดินมากมายหลายลำไผ่

“โอ๊ย! ...” เสียงร้องด้วยความเจ็บของเลวิส เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย เมื่อเท้าเตะโดนไม้รวก หักเสียบแทงเข้าเนื้อ กาฬวารรีบเข้ามาดูก่อน แต่นายรอดยังไม่ทันเห็น จึงตามมาดูทีหลัง

“รีบทำแผลก่อนเถิดคุณเลวิส เดี๋ยวเป็นบาดทะยัก”

“ฉันไม่เป็นไรมากหรอก” เลวิสบอก มือกุมปลายเท้าของตัวเองอยู่พักหนึ่ง ครั้นเขาปล่อยมือออก กลับไม่มีร่องรอยบาดแผล

“เอ๋... แผลหายเองได้เหรอ” กาฬวารอุทาน มองตาเขา... แล้วไม่พูดอะไร พยักหน้าเข้าใจ... เพราะเขาไม่ใช่มนุษย์ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่บาดแผลจะสมานตัวเอง หายได้ไม่เหลือร่องรอย

“เปลี่ยนใส่รองเท้าผ้าใบดีกว่า ฉันเตรียมมาเผื่อ ให้คุณเลวิสใช้เปลี่ยนอีกคู่” ว่าแล้วจึงหยิบออกจากกระเป๋าเป้ส่งให้ เขาทำตาม และเก็บรองเท้าสานใส่เป้ตนเอง

ยิ่งเดินเข้าไปในป่าลึก นอกจากรกแล้ว มันยังเป็นทางขึ้นเขา ...ความชันยิ่งเพิ่มระดับขึ้นเรื่อย แถมเริ่มมีละอองฝนโปรยปราย ลงมาผสมปะปนพื้นดินให้เปลี่ยนแปรเป็นดินโคลน แน่นอนมันทำให้พื้นดินสุดจะลื่น ต้องระวังแทบทุกฝีก้าว ไม่เช่นนั้นอาจไถลหงายหลังตกลงจากเขาสูงชัน การเหนี่ยวดึงกิ่งไม้ไว้บ้างพอช่วยพยุงตัว แต่มันก็ไม่ง่ายนัก หากเป็นกิ่งไม้มีหนาม มันก็ตำเอาเจ็บมือจนสะดุ้ง ต้องรีบปล่อยมือ แทบจะลื่นตกเขาเลยทีเดียว

“แย่จัง ฝนตก... โชคดีที่มีใบไม้เยอะ เลยไม่ค่อยเปียกกันมากนะคะ”

“ยังอยู่ในฤดูฝน ฝนตกทุกวันอย่างนี้แหละ เดินระวัง ๆ นะครับ มันลื่นมาก” นายรอดบอก ยังไม่ทันขาดคำ... กาฬวารล้มกลิ้งหล่นลงไป ค้างติดคาต้นไม้เบื้องล่าง เลวิสตกใจ ตะโกนลั่น...

“กาฬ...”

“เป็นยังไงบ้างกาฬ...” วิญญาณลมเหนือถามอย่างตกใจเช่นกัน

“ฉันไม่เป็นไร คุณเหนือ”

“ฉันช่วยเธอ รวบรวมกิ่งไม้กั้นไว้ได้ ป้องกันร่างเธอ ไม่ให้กลิ้งตกลงไปลึกกว่านี้” วิญญาณลมเหนืออยู่ข้างกายกาฬวารตลอดเวลา ถึงแม้ไม่มีใครมองเห็น คอยช่วยเหลือเพื่อไม่ให้เธอลื่นล้ม ถ้าหากไม่มีเขาคอยอยู่ข้าง ๆ เชื่อว่ากาฬวารอาจลื่นล้มนับครั้งไม่ถ้วนไปแล้ว

“ขอบคุณค่ะคุณเหนือ ต่อไปฉันต้องพยายามระวังให้มากขึ้น” กาฬวารพยายามยันตัวเอง

เลวิสเข้ามาถึงตัวเธอพอดี จับมือดึงให้เธอลุกขึ้นได้ หลังจากนั้นเลวิสจับมือเธอบ่อย เพื่อช่วยพยุงไม่ให้ลื่นล้มอีก เมื่อมาถึงโขดหินเกลี้ยง กว้างพอเป็นที่นั่งได้ นายรอดจึงบอกให้พักกินข้าวกลางวัน ซึ่งเวลาล่วงเลยบ่ายโมง... พักกันไม่นาน จึงเดินทางต่อ...

การเดินทางเป็นไปอย่างทุลักทุเล ทำให้เหนื่อยล้าสุดแรง ไป ๆ มา ๆ แทบก้าวขาไม่ออก โดยเฉพาะกาฬวาร เธอเป็นผู้หญิงไม่ค่อยได้ออกกำลังกายมากมายอะไร สภาพร่างกายจึงอ่อนแรงล้าง่ายกว่าพวกผู้ชาย แม้จะไม่ปริปากบ่น แต่ร่างกายกลับไม่ไหว มันจึงออกอาการ...

“ขอหยุดเดี๋ยว ฉันเป็นตะคริวที่ฝ่าเท้า” เธอบอก ลงนั่ง... ถอดรองเท้าถุงเท้าออก หยิบยาหม่องทาถูนวด ทั่วบริเวณฝ่าเท้าของตน

เห็นดังนั้นเลวิสจึงเข้ามาดูอาการ ให้ความช่วยเหลือ

“ฉันช่วยนวดให้” เขาบอก ใช้มือบีบฝ่าเท้าเธอ ด้วยน้ำหนักมือกำลังเหมาะ ช่วยคลายเส้นเอ็นที่บิดเป็นเกลียวตึง ความเจ็บปวดค่อยทุเลาลง

“ขอบคุณมากค่ะคุณเลวิส ...ค่อยยังชั่ว ฉันไม่เจ็บแล้ว” เธอกล่าว รู้สึกขอบคุณจากใจ

เลวิสมองตาเธอ รู้สึกใจชื้นขึ้นมาที่สามารถช่วยเธอได้ การได้ใกล้ชิด ...จับมือ ...โอบประคอง ทำให้เขารู้สึกชอบเธอมากยิ่งขึ้น

วิญญาณลมเหนือเฝ้าดูอยู่อย่างเงียบเชียบ โดยไม่แผลงฤทธิ์... ไม่แสดงความหึงหวงเหมือนที่ผ่านมา เพราะมีบุคคลอื่นร่วมอยู่ด้วย ...จึงได้เพียงนึกในใจ

‘หากเรามีร่างกายเป็นมนุษย์ปกติ เราอยากจะช่วยเธอบ้างอย่างที่เลวิสทำ’

“ดีแล้วล่ะ พักให้หายเถอะ ยังไม่ต้องรีบเดินทางต่อ”

“ฉันกลัวจะมืดเสียก่อนที่จะหาหลวงพ่อพึ่งเจอ”

เพราะความกังวลของกาฬวาร จึงพากันเดินทางไปต่อ...



............เดินทางอย่างสมบุกสมบันกันมา เวลาล่วงเข้าช่วงเย็น ถึงที่ราบโล่งเดินสะดวก จึงได้พบในที่สุด...

“นั่น... เจอแล้ว พระธุดงค์องค์ที่ตามหากัน หลวงพ่อพึ่ง ท่านปักกลดอยู่นั่น” นายรอดผู้เดินนำหน้า เห็นก่อนใครเอ่ยขึ้น... ทุกคนจึงรีบพากันเดินเข้าไปกราบไหว้

“หนูมากราบหลวงพ่อพึ่งค่ะ หนูชื่อกาฬวาร”

“เธอนี่เอง... ฉันรออยู่ ต้องการพบฉัน เพื่อให้ช่วยใช่ไหม” หลวงพ่อพึ่งถาม น้ำเสียงแสดงความเมตตาน่าเลื่อมใส

“ใช่ค่ะ แต่หลวงพ่อทราบได้อย่างไรว่าหนูจะมา”

“เธอเคยจุดธูปอธิษฐานจิตไว้... ขอให้ได้พบฉันไม่ใช่หรือ”

กาฬวารรู้จากคำตอบของหลวงพ่อ แสดงว่าท่านสำเร็จฌานมีฤทธิ์ทางจิต ถึงสามารถล่วงรู้ได้ จึงเร่งพูดธุระสำคัญ

“ใช่ค่ะ คุณเหนือเคยมาสักยันต์กับหลวงพ่อ ตอนนี้วิญญาณเขาเข้าร่างตัวเองไม่ได้”

“วิญญาณโยมเหนือ ตามมาถึงที่นี่...” หลวงพ่อพึ่งกล่าว ด้วยมองเห็นวิญญาณลมเหนือ

“ทำไมวิญญาณผมถึงเข้าร่างไม่ได้” วิญญาณลมเหนือเอ่ยถามหลวงพ่อ ซึ่งนายรอดเพียงคนเดียว ...ไม่เห็น และไม่ได้ยิน แต่เขาไม่ใช่คนกลัวผี และไม่ลบหลู่สิ่งมองไม่เห็น จึงนั่งฟังอย่างสงบ

“ยันต์นั้นป้องกันสิ่งไม่ดีเข้าตัว ก่อนวิญญาณจะออกจากร่าง เธอได้ทำผิดศีล จำได้ไหม ศีลข้อห้าห้ามยุ่งเกี่ยวสุรายาเมา เธอติดยาเสพติด จนหัวใจวาย แต่เธอยังไม่ถึงที่ตาย จึงไปสู่สุขคติไม่ได้ ต้องอาศัยผู้อื่นทำบุญอุทิศให้ จึงพออยู่เป็นสุขได้ วิญญาณผู้ผิดศีลอย่างเธอ เป็นวิญญาณไม่ดี เมื่อออกจากร่างไป จึงกลับเข้าร่างที่สักยันต์ไว้ไม่ได้”

“แล้ว... หนทางแก้มีไหมคะ”

“ต้องรับศีลใหม่ และต้องตั้งใจมั่น... ต่อไปจะไม่ประพฤติผิดศีล ไม่ว่าข้อไหนทั้งนั้น”

“ผมจะตั้งใจรักษาศีล หลวงพ่อช่วยผมให้กลับเข้าร่างได้ด้วยเถอะครับ”

“หนูขอรับศีลด้วยค่ะ เผื่อจะเป็นแรงบุญ ช่วยเกื้อหนุนวิญญาณคุณเหนือด้วยอีกแรง”

“โยมกาฬวารมีจิตเมตตากรุณาต่อวิญญาณเขา ทำบุญอุทิศให้เขา เขาได้รับแรงบุญเหล่านั้นจากโยมอยู่แล้ว การรับศีล ส่งผลดีต่อตัวโยมกาฬวารเองด้วย เอาล่ะ... ตั้งใจรับศีล ...ว่าตามนะ” หลวงพ่อบอก แล้วให้ศีล...

กาฬวารและวิญญาณลมเหนือพนมมือ ตั้งใจรับศีลรับพร...

แต่เลวิสไม่ใช่ชาวพุทธ เขาไม่รู้และไม่เข้าใจ จึงได้แต่นั่งมองเฉย เช่นเดียวกับนายรอด เขารักษาศีลห้าไม่ได้ครบถ้วน จึงไม่รับศีลเช่นกัน

“เอ... หลวงพ่อ ทำไมวิญญาณคุณเหนือ ถึงยังไม่กลับไปเข้าร่างตัวเอง” กาฬวารยังเห็นวิญญาณลมเหนือนั่งอยู่ด้วย จึงสงสัย เลยเอ่ยถาม

“เพียงเท่านี้ยังไม่พอหรอก ต้องทำน้ำมนต์ให้ด้วย มีไหม? น้ำดื่มก็ได้ ถือเป็นน้ำบริสุทธิ์” หลวงพ่อพึ่งเรียกหา

“มีค่ะ นำติดตัวมาด้วย” กาฬวารนำออกมา วางตรงหน้าของหลวงพ่อ ท่านหยิบบาตรเปล่าหงายขึ้น เทน้ำดื่มลงไป จากนั้นจึงใช้ม่านจากกรดเพื่อบังลมพัด แล้วจึงจุดเทียนไข และเพ่งกระแสจิตที่เที่ยงแท้แน่วแน่ บริกรรมพระคาถา พลางหยดเทียนลงในน้ำ ...จากนั้นไม่นาน จึงเทน้ำจากบาตรลงใส่คืนในขวดน้ำดื่ม แม้จะหกออกจากขวดไปบ้าง แต่ไม่มากมาย เห็นมีหยดเทียนติดมาด้วย แล้วนำออกมาวางไว้ให้กาฬวาร

“นำน้ำมนต์นี้ ไปให้เขาดื่ม เพียงกรอกใส่ปาก วิญญาณเขาจะกลับเข้าร่างได้ทันที”

“ขอบคุณค่ะหลวงพ่อ” กาฬวารหยิบขวดน้ำมนต์นั้น ด้วยอาการสองมือประคอง จับแน่น... ราวกับกลัวมันจะหลุดหล่นหายไป แล้วนำใส่ในกระเป๋าเป้ของตน

“เขาจะเป็นผู้ไม่ตายด้วยศาสตราวุธ ยิงแทงอย่างไรไม่เข้า แม้กระทั่งคมเขี้ยวของสัตว์ร้าย ...ถึงมาขบกัด จะไม่ระคายผิว คุณไส อีกทั้งสิ่งชั่วร้ายจะไม่กล้ำกรายเข้าตัวเขา แต่เขาจะป่วยตายตามธรรมดาโลก เมื่อถึงวาระหมดอายุขัย” หลวงพ่อพึ่งกล่าว แล้วอยู่ในอาการสงบสำรวม ใบหน้าเรียบเฉยตามปกติสงฆ์ผู้อยู่ในวินัยอันงาม ไม่มีใครอยากซักถามอะไรต่อไปอีก

“ถ้าอย่างนั้น... พวกเราขอกราบลาหลวงพ่อค่ะ” กาฬวารก้มลงกราบลา

“การเดินทางขากลับไม่ราบรื่นหรอก ที่ผ่านมาย่อมรู้กันดี หากกลับไปตอนนี้ คงมืดค่ำกลางทาง ยิ่งลำบากและอันตราย สัตว์ร้าย... งูมีพิษออกหากินเวลากลางคืน พวกโยมพักกางเต็นท์อยู่แถวนี้เถิด เช้าค่อยเดินทางกลับจะปลอดภัยกว่า”

“จริงอย่างหลวงพ่อแนะนำ เราควรพักค้างคืนแถวนี้ ห่างไปไม่ไกลมีลำธาร ตอนเช้าจะได้ทำอาหารกิน แล้วค่อยเดินทางกลับ” นายรอดบอกกับทุกคน

“ดีเลยค่ะ ถ้าอย่างนั้น... หนูจะทำอาหารเช้าใส่บาตรหลวงพ่อ ท่านจะได้มีฉันท์เช้า ไม่ต้องออกไปเดินบิณฑบาต หนทางยิ่งลำบากอยู่ด้วย”



............จากนั้นจึงช่วยกันกางเต็นท์ และทำอาหารเย็นกินกันอย่างง่าย

“ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย เพลียเหลือเกิน ไม่เคยเดินไกลลำบากอย่างนี้ ขอเข้านอนก่อนนะคะ จะได้พักผ่อน” กาฬวารบอกกับนายรอดและเลวิส

“เชิญพักผ่อนก่อนเถิดครับ”

“ผมจะก่อกองไฟเอง” เลวิสบอก นายรอดมองดูเด็กหนุ่มวัยรุ่น...

“ไม่เหนื่อยเหรอเลวิส” นายรอดถาม ด้วยไม่รู้ประสีประสา เลวิสเพียงยิ้มให้

‘แวมไพร์ในเวลากลางคืน ยิ่งแข็งแกร่ง... และเป็นเวลาออกล่าเหยื่อ’

“ไม่เหนื่อยเลยครับ ร่างกายผมแข็งแรงดีมาก” เลวิสตอบ ...นั่งเล่นข้างกองไฟ และนึกอยากออกหาอาหารกิน... แต่ก่อนที่เขาจะทำอย่างใจนึก วิญญาณลมเหนือมาบอก...

“เลวิส ช่วยกาฬด้วย กำลังมีไข้ขึ้น หนาวสั่น ตัวร้อนมาก”

“อืม... จริงสิ ก่อนจะเข้านอน เธอบอกแล้วว่าไม่ค่อยสบาย” เลวิสเข้าไปดูอาการ มือแตะหน้าผากเธอ ได้สัมผัสไออุ่นร้อน เนื่องจากพิษไข้นั้น จึงค้นหายาแก้ไข้ออกมาจากกระเป๋าเป้

“กาฬ... ลุกขึ้น กินยาแก้ไข้สิ” เลวิสเรียก แต่เห็นเธอไม่ยอมลืมตา รู้ว่าเธอตื่นอยู่ แต่กำลังแย่... หมดเรี่ยวแรงเพราะพิษไข้ จึงจับตัวเธอ... ประคองให้นั่ง แล้วป้อนยาเม็ดแก้ไข้ ตามด้วยน้ำดื่ม...

“ขอบใจนะเลวิส”

“ไม่ต้องขอบใจหรอกฮคคุ ฉันต้องช่วยกาฬอยู่แล้ว”

“เฮ้ย! ...เลวิส นายจะทำอะไรกาฬ” วิญญาณลมเหนืออุทาน เมื่อเห็นเลวิสรูดซิปเสื้อคลุม ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวในออกหมดทุกเม็ด เปิดเผยหน้าอกผิวขาวออกชมพู แล้วลงนอนกกกอดกาฬวารอยู่ในท่านอนตะแคง ทั้งแขนขานั้นกอดรัดไว้แน่น แล้วค่อยใช้ผ้าห่มคลุมสองร่างไว้ภายใต้ผ้าห่มด้วยกัน

“นายเห็นไหม? เรามีผ้าห่มผืนบาง แต่กาฬหนาวมากจนสั่นขนาดนี้ ฉันกำลังให้ไออุ่นกับร่างกายเธอ”

“นายเป็นผีดิบ... ร่างกายไม่มีไออุ่น” วิญญาณลมเหนือเถียง

“ฉันยังไม่ได้ถูกทำให้ตายสนิท ก่อนหน้านั้นฉันเป็นคนปกติมีเลือดเนื้อ เลือดแวมไพร์ยังแทนที่เลือดมนุษย์ไม่หมด ยังมีกระแสเลือดมนุษย์ไหลเวียนอยู่ในร่างกายฉัน หัวใจยังเต้นตัวฉันยังคงอุ่นอยู่ ฉันยังอยู่ในสภาพใกล้เคียงมนุษย์ที่สุด ฉันถึงให้ความอบอุ่นกับร่างกายกาฬได้”

เลวิสอธิบายให้วิญญาณลมเหนือเข้าใจ ...ใช่ ตอนนี้เขาตื่นเต้นกับการได้กอดกาฬวารหัวใจเขาจึงเต้นขึ้นมา ทั้งก่อนหน้านั้นหัวใจเต้นช้าบางคราก็หยุดเต้น ยิ่งนานวันหัวใจของเขาจะยิ่งไม่ค่อยเต้น หากนานเกินสองปีเลือดแวมไพร์แทนที่เลือดมนุษย์จนหมดสิ้น หัวใจจะหยุดเต้นเป็นการถาวร!

“แต่นายกำลังนอนกอดเมียฉัน ฉันหวงของฉันนะ” วิญญาณลมเหนือบอก เปล่งแสงสีแดงสว่างเจิดจ้าออกจากนัยน์ตา แสดงความหึงหวง...

เลวิสหาได้หวาดกลัวไม่ ด้วยหัวใจในยามนี้อบอุ่น อิ่มอกอิ่มใจกับการได้กอดสาวในดวงจิตพิศวาส ความรู้สึกไหวหวามช่วยคลายความกลัวผี จะอีกกี่ผีเฮี้ยนคงไม่ทำให้ตกใจกลัวได้เลย

“กาฬไม่ได้เป็นเมียนายเสียหน่อย ฉันอ่านใจเธอออก เธอยังไม่ได้รักนาย ...ฮคคุ” เลวิสบอก

ซึ่งลมเหนือรู้ใจกาฬวารเช่นนั้นเหมือนกัน เขาได้แต่เฝ้าดู... อยู่ไม่ห่างอย่างหวงห่วง

ส่วนกาฬวารเปิดเปลือกตาปรือ มองเลวิสอย่างระโหยโรยแรง

‘ขอบคุณที่ให้ความอบอุ่นกับฉัน’

เธอเพียงนึก... ไร้เรี่ยวแรงจะเอื้อนเอ่ย รู้ว่าเลวิสอ่านใจเธอได้

“ฉันรู้แล้ว เธอไม่ต้องพูด ฉันเป็นห่วงเธอ ...จากใจจริง” เลวิสกล่าวเบา ๆ แนบข้างใบหูกาฬวาร และเธอค่อย ๆ ผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของเขา วิญญาณลมเหนือดูท่าทีพี่ชายอย่างนั้น... รู้ใจเลวิสว่าชอบกาฬวาร ในใจตนเริ่มเป็นกังวล



............รุ่งเช้า... เลวิสหุงข้าวเช้า และต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เผื่อกาฬวาร...

“เช้านี้ต้องกินยาแก้ไข้ หลังอาหารอีกมื้อนะกาฬ แล้วตอนนี้อาการเป็นไงบ้าง” ถามพลางใช้หลังมือแตะ อังดูความร้อนจากหน้าผากเกลี้ยงเกลาของกาฬวาร

“อาการดีขึ้นแล้วค่ะ คุณเลวิส ก่อนทานอาหารเช้า ฉันต้องการอาหารเพิ่มอีกชุด จะไปถวายหลวงพ่อพึ่ง”

เลวิสทำเผื่อไว้ และใส่ชามแบ่งให้แล้ว กาฬวารจึงจัดการนำไปถวายหลวงพ่อพึ่ง

“หนูนำอาหารมาถวายหลวงพ่อค่ะ มีข้าวสวย บะหมี่ต้ม และไข่เค็ม มีมะขามหวานคลุกน้ำตาล ...เป็นของหวานด้วยค่ะ พวกอาหารง่าย ๆ แบบนี้ หลวงพ่อพอฉันท์ได้ไหมคะ”

“ได้โยม หลวงพ่อไม่เลือกกินมากหรอก หลวงพ่อจะให้พร โยมตั้งใจรับพรนะ” หลวงพ่อพึ่งสวดมนต์ให้พร กาฬวารพนมมือรับพร เสร็จแล้วหลวงพ่อยังบอกอีกว่า...

“เมื่อคืนหลวงพ่อได้นั่งสมาธิ ...ตรวจดู โยมยังมีผู้ที่ต้องการความช่วยเหลืออยู่อีกใช่ไหม และเขาไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นผีดูดเลือด...ที่ต้องการกลับมาเป็นมนุษย์”

“หลวงพ่อทราบ?...” กาฬวารให้แปลกใจ เนื่องจากเธอยังไม่เคยเอ่ยบอกเล่าเรื่องใดให้หลวงพ่อได้รับรู้เลย เหตุที่หลวงพ่อล่วงรู้... เพราะหลวงพ่อมีญาณวิเศษ นึกแล้วกาฬวารให้เกิดศรัทธาเลื่อมใสในหลวงพ่อพึ่งยิ่งขึ้นอีก

“ถูกแล้ว โยมอยากช่วยเขาไหมล่ะ”

“ค่ะ หนูอยากช่วยเขา”

“พักอยู่ที่นี่อีกสักคืนเถอะ หลวงพ่อจะทำการปลุกเสก ทำให้เลือดของหนูมีพลังเหมือนน้ำมนต์ รักษาโรคภัยไข้เจ็บ ล้างพลังชั่วร้าย ผีดูดเลือดเพิ่งเกิดใหม่ ถ้าได้ดื่มเลือดที่มีพลังนี้ จะกลับคืนเป็นมนุษย์แน่นอน”

“หนูสงสัย... ต้องให้เขาดื่มเลือดปริมาณแค่ไหนคะ”

“หนึ่งลิตร แล้วเขาจะสลบไปตลอดคืน ...เมื่อตื่นขึ้น จะกลับคืนเป็นมนุษย์ดังเดิม”



............จากนั้นกาฬวารมาบอกเลวิส จึงต้องเลื่อนกำหนดกลับเป็นอีกวันถัดไป

ตกตอนกลางคืนดึกสงัด หลวงพ่อพึ่งสั่งเลวิสมาบอกกาฬวาร ให้นั่งสมาธิในเต็นท์เพียงลำพัง นายรอดกับเลวิสเฝ้าดูอยู่หน้าเต็นท์ ส่วนหลวงพ่อพึ่งนั่งสมาธิในกลด

นายรอดเป็นมนุษย์ธรรมดา ไม่มีพลังพิเศษใด เขาจึงไม่เห็นอย่างที่เลวิสเห็น...

แสงเรืองโรจน์... สว่างทั่วทั้งร่างหลวงพ่อพึ่งภายในกลด และสว่างทั้งร่างกาฬวาร มีลำแสงเป็นสายเชื่อมต่อเนื่องกัน สว่างแวบวาบราวกับสายฟ้า เป็นแฉกแตกรัศมีฟุ้งกระจาย ...แต่ทว่ากลับเงียบเชียบ สัมผัสได้กับพลังแรงแห่งกระแสจิต จากหลวงพ่อพึ่ง ส่งผ่านถึงกาฬวาร กินระยะเวลานานสองถึงสามชั่วโมง...

ยังผลให้นายรอดนั่งงีบสัปหงก หลังจากนั้นแล้ว เหลือเวลานอนหลับกันเพียงไม่กี่ชั่วโมง...

รุ่งเช้า... กาฬวารถวายภัตตาหารเช้าแด่หลวงพ่อพึ่ง แล้วทานอาหารร่วมกับนายรอดและเลวิส ต่อมาจึงช่วยกันเก็บเต็นท์และข้าวของ ก่อนจะเดินทางกลับ ได้พากันมากราบลาหลวงพ่อพึ่ง ซึ่งท่านได้กล่าวเตือนสติวิญญาณลมเหนือ ด้วยมีญาณหยั่งรู้อนาคตภายหน้าว่าจะเกิดเหตุรักสามเส้าระหว่างพี่น้อง ให้ลมเหนือต้องทนทุกข์ยากลำบากใจอีกในวัยผู้ใหญ่

“โยมเหนือ มีเรื่องจะเตือน... อย่าทำผิดศีลข้อสาม กาเม... อย่าไปล่วงล้ำลูกเขาเมียใคร อย่าแย่งคนรักหรือของหวงของใคร แล้วผู้ที่รักโยมจริงด้วยใจบริสุทธิ์ จะสงสารเห็นใจ จำคำอาตมาไว้ แล้วทำให้ได้ ไม่ทำผิดศีลทุกข้อ”

“ครับ หลวงพ่อ” วิญญาณลมเหนือรับคำ ตอนนี้เขาทั้งเชื่อและศรัทธา... ย้ำจำคำของหลวงพ่อพึ่งจนขึ้นใจ

“ขอให้ไปดี... มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง” หลวงพ่อพึ่งให้ศีลให้พรก่อนลา

การเดินป่าขากลับ ไม่เจอฝนตก การเดินทางลำบากน้อยลง จนกระทั่ง... กลับถึงบ้านพักรับรอง และเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพฯ



............ทั้งคุณนายจินตนา คุณฮิงาชิ คุณทาคามิ เลวิส และกาฬวาร รวมตัวกันอยู่ในห้องคนไข้พิเศษ

“ขออาราธนาคุณศักดิ์สิทธิ์บุญบารมีแห่งหลวงพ่อพึ่ง... ขอให้น้ำมนต์นี้ช่วยคุณเหนือฟื้นคืนสติขึ้นมาได้ด้วยเถิด...” กาฬวารกล่าว พร้อมทั้งรำลึกถึงพระคุณของหลวงพ่อพึ่ง ขณะชูขวดน้ำมนต์ขึ้นจรดเหนือศีรษะ

ร่างลมเหนือถูกจัดให้อยู่ในท่านั่งเอน มีหมอนหนุนพิงแผ่นหลัง แล้วกาฬวารค่อยกรอกน้ำมนต์ใส่ปากของเขา จากนั้นทุกคนเฝ้าดูผล...

“นั่น... ฮคคุเริ่มขยับตัว” เลวิสชี้ให้ดูที่ปลายมือ ดูเขาออกจะตื่นเต้นดีใจไม่น้อยที่ได้เห็นน้องกำลังจะฟื้นขึ้นมา ค่อยลืมตา...

“คุณเหนือฟื้นแล้ว...” น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจของกาฬวาร ไม่ต่างจากทุกคนที่พากันดีใจมากด้วยเช่นกัน

คุณมิลินรีบเรียกพยาบาลเข้ามาดูอาการ และตรวจเช็คร่างกายลมเหนือ

เมื่อพยาบาลเข้ามาในห้องแล้ว ...หลังจากนั้นทุกคนจึงออกมารอนอกห้อง

“พวกเราขอบใจเธอมากนะ กาฬ... เธอเป็นคนสำคัญที่ช่วยให้ฮคคุฟื้นขึ้นมา” คุณทาคามิกล่าวขอบคุณแทนทุกคน

“ในฐานะที่เป็นแม่... ฉันต้องขอบคุณกาฬด้วยเหมือนกัน”

“ที่ฉันทำไป เพื่อตอบแทนบุญคุณที่พวกคุณช่วยเหลือครอบครัวฉันมาตลอดค่ะ”

ต่อไปเป็นหน้าที่แพทย์ ต้องตรวจร่างกายลมเหนือให้ละเอียดถึงผลกระทบต่าง ๆ เพราะนอนหลับไปนาน



............ลมเหนือร่างกายแข็งแรงดี ทางโรงพยาบาลจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ในวันรุ่งขึ้น แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น...

ถึงคราวกาฬวารต้องช่วยเหลือเลวิส

“ต้องให้เลือดถึงหนึ่งลิตร ร่างกายของกาฬคงไม่ไหวหรอก อันตรายต่อสุขภาพมาก ทางที่ดีต้องมีคนให้เลือดเธออีกต่อหนึ่ง เธอเลือดกรุ๊ปบีเหมือนกันกับฉันใช่ไหม” ลมเหนือให้ความเห็นอย่างเป็นห่วง เอ่ยถามแล้วเห็นกาฬวารพยักหน้ารับ

“นายเพิ่งฟื้นคืนชีวิต อย่าเพิ่งเสียเลือดเลยฮคคุ” เลวิสเข้ามากุมมือน้องชาย แล้วบีบมือแสดงความห่วงใย

“หมอรักษาร่างกายฉันให้แข็งแรงดีแล้ว ฉันสามารถให้เลือดกาฬวารได้ อย่าห่วงเลยเลวิส” ลมมือใช้อีกมือกุมมือพี่ชายบีบกำด้วยเช่นกัน พูดให้พี่ชายคลายความกังวลใจ สายตาที่มองสบตากันในวันนี้ คืนความรักอบอุ่นในความเป็นพี่น้อง คงความห่วงใยไมตรีที่ดีต่อกัน เฉกเช่นวันเก่าก่อนคุ้นเคยกันนานมา

‘พี่ชายน้องชายที่แสนดี...’

กาฬวารอมยิ้ม... อดมองภาพประทับใจตรงหน้าไม่ได้ อิ่มเอมใจไปกับความห่วงหาอาทรกันฉันพี่น้องบริสุทธิ์ใจ
.
______________________...oooooOOOooooo...______________________... ตอน ๑๔



ไตรติมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 เม.ย. 2559, 16:55:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 เม.ย. 2559, 16:55:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 1013





<< ตอน 13   ตอน 15 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account