ใยรัก...ลวงจันทร์
'ปภาวิน' ประสบเหตุการณ์ร้ายแรงในคืนหนึ่ง
'วราลี' คือที่พึ่งเดียวของเขา

แต่ทว่า แม้เขาจะเป็นถึงว่าที่ทายาท สืบทอดกิจการบริษัทอัญมณีและเครื่องประดับอันดับต้นๆ ของเมืองไทยก็ตาม สิ่งเดียวที่หญิงสาวรับรู้ในตอนนี้คือปภาวินเป็นผอ-สระอี-ผี ! แถมยังเป็นผีเจ้าเล่ห์เพทุบาย ลามกขั้นเทพด้วย เขาคอยตามตื้อหล่อนไม่เลิกรา เพียงเพราะแค่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้หญิงธรรมดาๆ อย่างหล่อนก็เท่านั้น

วราลีต้องช่วยพาวิญญาณหนุ่มอย่างปภาวินกลับเข้าร่างให้เร็วที่สุด โดยที่หารู้ไม่ว่าในเวลาเดียวกันนั้น...ภายใต้ความเคียดแค้นพยาบาทที่ยังคงถูกซุกซ่อน…

มีใครบางคนรอวันเอาคืน !
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 1---50%

บทที่ 1 (ต่อ)


“ครูวราลีคะ”

“คะ?” วราลีรู้สึกตัวสะดุ้งเล็กน้อย ครูสาววัยอ่อนกว่าซึ่งเป็นผู้ช่วยครูประจำชั้นสะกิดเรียก

แสงแดดจ้ายามเช้าที่สาดส่องลงมาบนลานสนามฟุตบอลโรงเรียนแยงตาวราลีจนต้องเอามือป้อง ภาพเด็กนักเรียนแต่ละระดับชั้นบนสนามกำลังเดินเรียงแถวขึ้นอาคารเรียนเตือนสติครูสาวว่ากำลังคุมแถวนักเรียนเพื่อเข้าเรียนวิชาแรกของวัน

“ดิฉันเช็กชื่อนักเรียนแล้วนะคะ วันนี้มีขาดคนนึง ณิชาค่ะ แต่เมื่อเช้าที่บ้านส่งใบลาป่วยมาให้แล้ว ทางฝ่ายประชาสัมพันธ์รับเรื่องไว้น่ะค่ะ”

ครูผู้ช่วยส่งจดหมายซองสีขาว ซึ่งเป็นจดหมายลาป่วยของเด็กนักเรียนที่ชื่อณิชาให้แก่วราลี เพราะเห็นว่าอยู่ในสถานะครูประจำชั้นของห้อง

วราลียิ้มขอบคุณอีกฝ่ายที่ทำหน้าที่ผู้ช่วยครูประจำชั้นได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ขณะเดียวกันก็รับจดหมายมาเปิดอ่านด้วยความเป็นห่วง วราลีจำเด็กนักเรียนห้องตัวเองได้ทุกคน โดยเฉพาะณิชา เด็กขยันประจำห้อง

คล้อยหลังวราลีกับครูผู้ช่วยอบรมบ่มนิสัยเด็กนักเรียนห้องตัวเองในช่วงเช้าตามระเบียบของโรงเรียนเรียบร้อย ก็ต่างแยกย้ายกันไปเตรียมตัวสอน วราลีนั้นเนื่องจากไม่มีสอนคาบแรกจึงกลับมาสะสางงานตัวเองที่ห้องพักครูหมวดภาษาไทย ซึ่งเป็นห้องติดเครื่องปรับอากาศ มีขนาดกว้างเท่าห้องเรียนสองห้องอยู่ริมระเบียงทางเดินชั้นสามของอาคารเรียน

กลุ่มนิสิตฝึกสอนที่นั่งพิมพ์งานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะซึ่งอยู่ทางซ้ายมือของประตูห้องพักครู พอเห็นวราลีเปิดประตูเข้ามาก็ยกมือไหว้ทำความเคารพ วราลีเองก็รับไหว้ ยิ้มทักทาย หนึ่งในกลุ่มนิสิตฝึกสอนนั้นมีนิสิตสาวในความดูแลของหล่อนด้วยชื่อกชพรรณ แต่ท่าทางจะกำลังแก้แผนการสอนหัวฟูอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ วราลีในฐานะครูพี่เลี้ยงเลยเผลอยิ้มขันออกมาด้วยความเอ็นดู หล่อนมองกชพรรณเป็นเหมือนน้องสาวอีกคนเพราะอายุห่างกันแค่สี่ปี แผนการสอนที่กชพรรณนั่งแก้หัวฟูอยู่นั้นหล่อนก็เป็นคนแนะให้แก้ไขเอง

แต่แล้ววราลีนึกเอ็นดูนิสิตในความดูแลอยู่ดีๆ ก็หุบยิ้มพลัน เมื่อเหลือบสายตาไปเห็นหัวหน้าหมวดนั่งทำงานอยู่โต๊ะใกล้ๆ รัศมีความเจ้าระเบียบของหญิงวัยใกล้เกษียณในชุดผ้าไหมไทยแผ่ซ่านไปทั่วทั้งห้องในทันทีทันใด วราลีเลยรีบกลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะตัวเอง

ครูสาวไม่ลืมชงกาแฟแก้วหนึ่งกลับมานั่งที่โต๊ะด้วยเพราะรู้สึกล้าอย่างบอกไม่ถูก หลายวันมานี้ทั้งหล่อนทั้งน้องชายคอยแวะเวียนไปดูแลมารดาที่โรงพยาบาลแทบทุกเย็น ยังไม่รวมที่หล่อนต้องนอนเฝ้ามารดา ตื่นเช้าก็รีบกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน แล้วยังต้องมาโรงเรียนให้ทันเวลาเข้างานอีก ตอนคุมแถวนักเรียนวราลีเลยมีอาการเหม่อลอยอย่างที่เห็น

วูบหนึ่งนั้น มีความทรงจำบางอย่างย้อนกลับเข้ามาในห้วงความรู้สึกนั้นของหญิงสาว

วราลีรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังยืนอยู่ท่ามกลางม่านหมอกสีขาวโพลน เสียงหัวเราะคิกคักของเด็กสาวตัวน้อยวัยสิบขวบดังก้องสะท้อนในหู ก่อนที่ภาพความทรงจำบางอย่างค่อยๆ ชัดขึ้นบนม่านหมอกสีขาวโพลนนั้น เป็นภาพของเด็กน้อยอ้วนกลมวัยสิบขวบ เจ้าของเสียงหัวเราะคิกคักเมื่อครู่ กำลังนั่งอยู่ในรถเก๋งสี่ล้อคันคุ้นเคย นอกจากนี้มีชายหนุ่มกับหญิงสาวคู่หนึ่งนั่งอยู่ตอนหน้าของรถ หญิงสาวผู้นั้นคือวรกานดามารดาของหล่อนนั่นเอง อ่อนวัยกว่ายามนี้มาก ส่วนชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาสะอาดสะอ้านที่นั่งอยู่ข้างๆ ทำหน้าที่สารถีขับรถประจำบ้านอยู่นั้น คือสามีของวรกานดา

‘วันนี้เปิดเทอมวันแรก หนูต้องตั้งใจเรียนให้มากๆ นะคะ โตมาจะได้เก่งๆ’

‘โตขึ้นหนูจะเป็นครูค่ะ’ ลูกสาวตัวน้อยตอบน้ำเสียงมาดมั่นเคยชินกับคำพูดคะขาของผู้เป็นพ่อ

ในขณะเดียวกันลูกสาวแอบเห็นแววตาเศร้าของอีกฝ่ายในบางทีจึงยิ้มให้จนตายิบหยี ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มสดใสของลูกสาวตัวน้อยนั้น บิดาเห็นก็พลอยยิ้มตามไปด้วย ขยี้ศีรษะลูกสาวอย่างมันเขี้ยว

สองสามีภรยากำลังไปส่งลูกสาวที่โรงเรียน ตลอดเส้นทางจึงอบอวลไปด้วยความสุข มีแต่เสียงเจื้อยแจ้วของลูกสาวยามเล่าวีรกรรมของเพื่อนๆ ที่โรงเรียนให้ฟัง สลับกับเสียงหัวเราะสดใสของพ่อแม่ลูก

ทว่า...ช่วงเวลาแห่งความสุขสงบบางครั้งก็อาจเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ของชีวิตคนเรา...หรืออาจเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต...ของใครบางคนในรถคันนี้ !

ภาพลูกสาวตัวน้อยหอมแก้มบิดาก่อนลงรถไปกับมารดาเป็นภาพสุดท้ายที่ทั้งสามมีแต่รอยยิ้ม เพราะชั่ววินาทีถัดมานั้น ภาพของบิดายามอยู่ในรถคันตรงหน้ากลับค่อยๆ ลอยห่างออกไป บิดเบี้ยวไม่เป็นรูป แปรสภาพกลายเป็นกลุ่มเมฆหมอกสีเลือดแดงฉาน ไหลอาบภาพความทรงจำเหล่านั้น

เสียงแตรรถบรรทุกไม่ต่างจากแตรนรกวิ่งมาด้วยความเร็วสูงพุ่งชนรถเก๋งสี่ล้อคันนั้น! เหลือไว้แต่เสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความช็อค!!!





**********************

ค่อยๆ หย่อนทีละนิดจิตแจ่มใส อิอิ



สรัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 เม.ย. 2559, 20:33:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 เม.ย. 2559, 20:33:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 938





<< บทที่ 1---40%   บทที่ 1---75% >>
Zephyr 13 เม.ย. 2559, 19:01:52 น.
เหม่ ให้รถชนกัน ชิๆๆๆ
มาม่าแต่ต้นเลยน้า


สรัน 21 เม.ย. 2559, 14:50:03 น.
555555 ในมาม่าอาจมีเงื่อนงำก็ได้นะ แฮ่


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account