ความลับ (ที่) ซ่อนเร้น .. หรือจะเป็น ความรัก!(?)
คำถาม .. ที่มีคำตอบ
แต่คำตอบ .. กลับยังคงมากมายด้วยคำถาม

เพราะนิยามในคำหนึ่งคำนั้น
แฝงเร้นซุกซ่อนไว้ซึ่งความลึกลับ
ความซับซ้อนชวนสับสน รอยยิ้มปนเปื้อนคราบน้ำตา
เล่ห์เสน่หาหวานล้ำ และพร้อมจะนำความเจ็บปวดมาให้ .. ได้ทุกเวลา

.. หากว่ามันคือ ความรักที่มากล้น จนกลายเป็น .. ความลับ ! ..
Tags: ความรัก ความลับ

ตอน: บทที่ ๓๙ .. ไม่มีเหตุ ไม่มีผล




วิชชุ์วิธูยอมรับเลยว่า ในแง่ระบบการวางแผนและการจัดการของโรงงานอัญเชิญค้าไม้นั้น มีขั้นตอนคัดสรรคุณลักษณะ ประโยชน์การใช้งาน ไปจนถึงคุณสมบัติเฉพาะของไม้แปรรูปชนิดต่างๆ ที่มากทั้งคุณภาพและปริมาณ ซึ่งรวมการรับประกันความถูกต้องว่า ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นมีที่มาที่ไป สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ซื้อได้อย่างแน่นอน

สินค้าแทบหาข้อตำหนิไม่พบ นอกจากบางสิ่งที่มันติดค้างคาในใจ เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน ชิ้นใด ก็ไม่รู้สึกประทับใจต่อตัวอย่างงานไม้แปรรูปนานาพรรณ ที่จัดแสดงอย่างละลานตา

ส่วนที่ว่าไม่ประทับใจนั้น เขาก็บอกไม่ได้ บรรยายไม่ถูก จึงพยายามทำไม่ใส่ใจ เพราะถึงอย่างไรมันก็แค่ความรู้สึกที่ดูจะไร้เหตุผลทั้งสิ้น

ความที่ชายหนุ่มอยากจบงานให้เร็วที่สุด เขาถึงกับยอมกระทำตนบกพร่องต่อมรรยาทอันดี ด้วยการชำเลืองที่ข้อมือเป็นระยะ และเขาก็รู้ดีว่า ทุกอิริยาบถนั้นอยู่ในสายตาของช่ออัญชัน

วิชชุ์วิธูทำไม่รู้ไม่ชี้กับอาการจับจ้องคล้ายสนใจในตัวเขาของเธอ แต่การตบมือข้างเดียวไม่ดังฉันใด ชายหนุ่มจึงไม่พยายามคิดอะไรมากเกินไป

อีกอย่างตัวแทนหุ้นส่วนอย่างเขาคงไม่สามารถกระทำสิ่งที่เกินภาระหน้าที่ ข้อมูลทุกอย่างอย่างในวันนี้เขาต้องกลับไปเขียนรายงานเสนอต่อปารตี เป็นขั้นตอนต่อไป

“เบื่อหรือเปล่าคะ อัญเห็นคุณวิชชุ์ดูนาฬิกาบ่อยๆ ... นัดกับใครหรือเปล่าคะ”

“ยกเลิกไปแล้วครับ ...”

วิชชุ์วิธูตอบคำถามช่ออัญชันตรงเสียจนเธอคิดไม่ถึง แต่ก่อนที่จะรู้สึกหน้าชาไปกว่านี้ ชายหนุ่มก็ยังพอจะรักษาน้ำใจเธอบ้าง

“... งานต้องมาก่อน”

“ค่ะ ...”

รอยยิ้มของช่ออัญชันในสายตาของวิชชุ์วิธู ช่างดูจืดเจื่อนกว่าเมื่อครู่ทีเดียว นี่ก็เป็นบางสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกไม่ธรรมดากับภารกิจวันนี้

แม้สายตาของเขาจะเรียบนิ่ง แต่แววไหวระยับคมกล้าที่สะท้อนออกมา ก็ทำให้หญิงสาวถึงกับเบือนหน้า ซ่อนปฏิกิริยาของตนทันที และเหมือนโชคจะเข้าข้างเธอ เมื่อเสียงเพลงจากโทรศัพท์ของชายหนุ่มดังขึ้น

“ขอตัวสักครู่นะครับ”

วิชชุ์วิธูเอ่ยตามมารยาท เดินแยกออกมาไม่ไกลจากมุมสินค้าประเภทไม้เบญจพรรณแปรรูป ที่กำลังเดินดูโดยมีช่ออัญชันคอยแนะนำและดูแลเขา ... เกือบทั้งวัน

“หนูพุด ... มีอะไรหรือเปล่า”

ชายหนุ่มรับสายไม่รีรอเมื่อคิดว่าปลีกตัวห่างจากหุ้นส่วนพอสมควร เขานึกสังหรณ์ใจไม่มากก็น้อยว่า องก์อัมพุทอาจกำลังไม่สบายใจ หรือมีปัญหาบางอย่าง ถึงได้ต่อสายมาหาแบบนี้

“ค่ะ ... พี่วิชชุ์สะดวกคุยไหมคะ ... เอ่อ ธุระเรียบร้อยหรือยัง”

“ยังครับ ... แต่คงไม่นาน เรื่องด่วนหรือเปล่า ... รอได้ไหม พี่จะพยายามจบงานให้เร็วที่สุด ...”

แต่ไม่ทันที่ปลายสายจะตอบ จู่ ๆ หญิงสาวอีกคนที่รออยู่ก็ส่งเสียงเรียก ทำให้วิชชุ์วิธูต้องเหลียวไปมอง ทั้งที่มือกุมอุปกรณ์สื่อสารแนบหู

“คุณวิชชุ์คะ ... อุ้ย ขอโทษค่ะ ... อัญแค่จะมาบอกว่า อัญไปรอทางโน้นก่อนนะคะ”

“เอ่อ ไม่ค่ะ ไม่เป็นไร ... พุดไม่รบกวนพี่วิชชุ์แล้วค่ะ ...”

วิชชุ์วิธูย่นคิ้วอย่างไม่เคยทำให้ใครเห็นมากนัก แต่อดไม่ได้จริงๆเพราะน้ำเสียงเหมือนจะเกรงอกเกรงใจกะทันหันขององก์อัมพุท

“หนูพุด ... แล้วพี่จะไปคุยด้วย ... พี่ขอเคลียร์ทางนี้ ... ให้จบ โอเคนะ”

“ค่ะ ... สวัสดีค่ะ พี่วิชชุ์”

สัญญาณถูกตัดรวดเร็ว ... เร็วเสียจนชายหนุ่มอยากจะตีความหมายแค่ว่า อีกฝ่ายต้องการให้เขาทำงานได้สะดวก เพราะถ้าเป็นเวลาปกติกว่าแต่ละคนจะวางสายจากกันได้ นับว่าอ้อยอิ่งกันนานนักหนา ... ไม่ใช่รวดรัดตัดความเหมือนครั้งนี้

วิชชุ์วิธูไม่รู้ตัวเลยว่า แอบถอนใจระบายความขุ่นข้องกับตนเองเบาๆ หลังจากเก็บโทรศัพท์ก็หันหลังเดินกลับไปสมทบช่ออัญชัน

ข่มความคิดไร้สาระที่ว่า เมื่อครู่ ... เธอจงใจเรียกเขาหรือเปล่า





องก์อัมพุทก้มหน้าจ้องโทรศัพท์ของตนเหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ในความคิดจริง ๆ หญิงสาวอยากจะมองมันให้ทะลุไปถึงคนที่เธอเพิ่งคุยกับเขาไม่กี่คำ ก็จำต้องตัดสัญญาณทิ้ง ... เพราะเกรงจะเป็นการรบกวนการทำงาน

การทำงานที่รู้สึกถึง ... ความเป็นกันเองมากกว่า ... เหมือนไม่ใช่การทำงาน

เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่องก์อัมพุทรู้สึกถึงอารมณ์ที่มากกว่าหนึ่งชนิด ซึ่งเธอไม่คิดว่า ตนเองจะเป็นได้ถึงเพียงนี้

ห่วง ... หวง และ ระแวง

หญิงสาวถามตัวเองทันที เมื่อความไม่สบายใจค่อยคืบคลานเข้ามาในหัวใจของเธอ อย่างไม่เคยมาก่อน

‘ฉันเป็นอะไรไป’

องก์อัมพุทรีบสลัดความคิดที่เป็นลบกับวิชชุ์วิธู ... กับเจ้าของเสียงสดใสปริศนานั้น ด้วยการสะบัดศีรษะจนผมที่ระบ่ากระจายไปมา ตามใบหน้าที่หันซ้ายทีขวาที

“น้องพุด ... เป็นอะไรครับ ... ไม่สบายหรือเปล่า”

คนที่กำลังขับไล่อารมณ์ประหลาด ... อารมณ์ไม่ปกติที่เพิ่งเกิดกับตน เธอหยุดทันทีที่รู้ว่าไม่ได้อยู่ตามลำพัง ปรับสีหน้าท่าทางราวกับไม่รู้เรื่องว่าทแกล้วพูดถึงอะไร

“คะ ... พี่กล้า ... เปล่าค่ะ แค่ ... เอ่อ พุดปวดคอ เลยบริหารแก้เมื่อย ... นิดหน่อย”

“อ้อ ... คุณแม่ถามหาแน่ะ ... แล้วก็ ดูเหมือนเจ้านี่ ... จะหิวนะ”

‘เจ้านี่’ ที่ทแกล้วพูดถึงคือ เจ้าจัน พร้อมกับอุ้มด้วยสองมือชูให้องก์อัมพุท หลังจากบอกกล่าวให้ทราบว่า ละอองชลเรียกหาเธอ

และนี่ก็เป็นครั้งแรกอีกเช่นกัน ที่หญิงสาวนึกฉุนเจ้าหน้าขนตัวน้อย ... ความรู้สึกพาลไม่มีเหตุมีผล กับสัตว์เลี้ยงที่ไม่รู้เรื่องราว

“ฝากพี่กล้าด้วยนะคะ ... พุดขอตัวไปหาแม่ก่อน”

“อ้าว ... น้องพุด”

“เมี้ยว...”

องก์อัมพุทเดินผ่านทั้งคนทั้งแมวไปไม่เหลียวหลัง แม้จะได้ยินทักท้วงของหนุ่มใหญ่รุ่นพี่ ... กับเจ้าแมวตัวโปรด

เมื่อลับร่างบอบบางที่ทแกล้วพินิจพิเคราะห์ได้แล้วว่า เธอคงอารมณ์ไม่ดี ... และอารมณ์เช่นนั้น มีที่มาไม่กี่ประการ ที่ทำให้อ่านความรู้สึกของผู้หญิงได้ง่ายดาย จนเขาอดกระเซ้ากับเจ้าจันที่ถูกเมินพอกันไม่ได้

“นายแกทะเลาะกับแฟนรึไง ฮึ ... เจ้าเหมียว”

“เมี้ยว ...”

ทแกล้วหัวเราะลงคอเลยทีเดียวกับคำขานรับเสียงเล็ก ๆ ราวกับรู้ตัวว่า เจ้านายสาวไม่สนใจมันอีกแล้ว

“ผู้หญิงก็แบบนี้ล่ะ ... เนอะ ...”

แต่แล้วคนที่ทำท่าเข้าอกเข้าใจ ‘ผู้หญิง’ ก็กลับระบายความอัดอั้น กับคู่สนทนาสี่ขาหน้าขน คล้ายรำพึงรำพันด้วยประโยคที่คิดว่า เขาคงไม่กล้าพูดกับใครแน่

“ยิ่งถ้าเป็นคนที่เรารักด้วยล่ะก็นะ ... ยิ่งเข้าใจยากน่าดู”





เภตราหนีหน้าจากเมฆพัดมาได้ไม่กี่ก้าว ก็ต้องรีบเช็ดหน้าเช็ดตาให้เรียบร้อย เพราะถ้าให้ใครเห็นเธอในสภาพนี้ อาจยิ่งเข้าใจผิดมากกว่าเดิม

ดีที่เมฆพัดไม่ได้วิ่งตามเธอมาด้วย จึงมีโอกาสติดต่อกับมัตติก์ระหว่างที่คิดว่า หลบคนที่เธอรักมาได้แล้ว แม้จะไม่มั่นใจนักว่าเขาจะเห็นเธอคุยโทรศัพท์หรือไม่

หญิงสาวรู้สึกเสียใจไม่น้อยกับสิ่งที่ทำ แต่อาจจะด้วยความเชื่อใจในตัวมัตติก์ จึงปล่อยให้ทุกอย่างยังดำเนินต่อไป ... ตามแผนของเขาที่เธอเห็นดี และร่วมมือด้วย

เภตราเดินเรื่อยๆจนเกือบจะถึงตัวเรือน กลับต้องชะงักเท้าลังเลที่จะเข้าไปสมทบกับองก์อัมพุทและทแกล้ว ซึ่งเธอเห็นทั้งคู่หันหน้าสนทนากันแต่ก็เพียงครู่เดียว แล้วเพื่อนของเธอก็เดินออกไปอย่างรีบร้อน ทิ้งให้ผู้ชายหนึ่งคนกับแมวอีกหนึ่งตัวมองตามหลังจนพ้นสายตา

ทแกล้ว ... ทำให้เภตราแปลกใจมากที่มาพบเขาที่นี่ จึงเป็นโอกาสให้เธอได้ทำความรู้จัก คนสำคัญของมัตติก์

อยากรู้เหมือนกันว่า เขาคิดอย่างไรกับการที่ ‘พวกเธอ’ ต้องตบตาครอบครัว เรื่องการแต่งงานกำมะลอ ... เพื่อตัดปัญหายุ่งยาก และเพื่ออนาคตที่เลือกแล้วด้วยตัวเอง

“สวัสดีค่ะ ... คุณทแกล้ว”

เจ้าของชื่อเงยหน้าจากท่าทีพูดคุยกับแมวลายเมฆ เงยหน้ามองหญิงสาวที่เรียกเขา ความที่ไม่แน่ใจว่า เธอรู้จักเขาเพราะการแนะนำขององก์อัมพุท หรือว่า จากใครอีกคน

“สวัสดีครับ ... คุณ ...”

“เภตราค่ะ ... เรียกเภาก็ได้ เภาเป็นเพื่อนกับพุด ... เป็น ... เอ่อ ...”

“แฟนนายพัด ...”

ทแกล้วเติมสถานะความสัมพันธ์ให้เธอ ด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ และรอยยิ้มอย่างเอ็นดูราวกับเธอเป็นเด็กน้อย ... อย่างไรอย่างนั้น

ทั้งที่ความจริงที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านั้น มันกลับตาลปัตรจากหน้ามือเป็นหลังมือ

“เข้าใจผิดแล้วค่ะ ... คุณทแกล้ว”

คำปฏิเสธของเภตราหนักแน่น จนหนุ่มใหญ่ที่คุยไปพลางเกาคางเจ้าจันไปพลาง ถึงกับหยุดอากัปกิริยาฉับพลัน ต้องเอ่ยถามย้ำกับหญิงสาวจริงจัง

“เข้าใจผิด ? ... แล้วอะไรคือที่ถูกล่ะ ... คุณเภา”

“เภาไม่รู้นะคะ ว่าก่อนหน้านี้ พี่พัด ... คุณเมฆพัดเคยพูดอะไรกับใครไว้ยังไง แต่จากนี้อีกไม่นาน เภากำลังจะแต่งงานค่ะ ...”

หญิงสาวละคำพูดไว้แค่นั้น คล้ายต้องการดูปฏิกิริยาอีกฝ่ายว่า ชายหนุ่มที่ดูท่าทางอายุมากกว่ามัตติก์หลายปี จะมีความคิดความเห็นเช่นไร ... หรือทราบอะไรมาบ้างก่อนหน้านี้

“คงเป็นเพราะเรื่องนี้สินะ ... ถึงทำให้นายพัด ... ย่ำแย่ได้ขนาดนี้”

เภตรามองไม่ออกจริงๆว่า ทแกล้วพูดไปตามเนื้อผ้า หรือ เขาว่าแท้จริงแล้ว เขาก็ไม่รู้อะไรเลย

ไม่มีทาง ... ถ้าต่างฝ่ายปล่อยให้คนของตนเข้าใจผิดทั้งคู่ เรื่องมันจะวุ่นวาย บานปลายยิ่งกว่านี้

เภตราจึงเลือกปิดบังความจริงกับเมฆพัดเอง ด้วยเหตุผลต้องการจะพิสูจน์อะไรหลายๆอย่าง และ เพิ่งจะรู้สึกตัวว่า ... ไม่น่าทำ ก็ต่อเมื่อสายไปเสียแล้ว

“ยังไง ผมก็ขอแสดงความยินดีกับคุณเภา ... และคุณมัตติก์ ... หวังว่า ทุกอย่างจะเรียบร้อย อย่างที่คิด”

“คุณทแกล้ว!”

คำอวยพรแปร่งแปลกทำให้เภตราถึงกับอุทานชื่อของเขา พยายามแหงนหน้าสบนัยน์ตาใหญ่เข้ม แต่อาจจะด้วยความสูงที่ตระหง่านค้ำร่างของเธอ จึงไม่สามารถคาดเดาสีหน้าคู่สนทนาได้ถนัดชัดเจน

“นายพัด ... น่าสงสารนะครับ ที่เขาไม่รู้อะไรเลย”

ทแกล้วทิ้งท้ายคำพูดแล้วหันหลังเดินจากตรงนั้นไปพร้อมเจ้าจัน ที่มันยังคงอยู่ในอ้อมแขนที่ได้รับการไหว้วานให้ดูแลจากองก์อัมพุท โดยไม่เหลียวกลับมามองเภตราอีก

หนุ่มใหญ่ผู้มีสถานะแขกของบ้านนี้ จึงไม่มีโอกาสได้เห็นปฏิกิริยาของหญิงสาว ที่ต้องยืนนิ่งราวถูกสาปหน้าเผือดสีแลดูซีดเซียว จากคำบางคำ หรืออาจจะทั้งประโยคของเขา

คำเหล่านั้น ... มันเสียดแทงและบาดลึกเข้าไปในความรู้สึกของเธออย่างจัง





รวิรุจน์บอกกับตัวเองว่าที่ต้องขับรถออกจากบ้าน เพราะไม่ต้องการให้แหวนวงผิดสังเกต ‘ความรู้สึก’ สาสมใจ กับอาการกระหยิ่มยิ้มย่องของเขาจนเกินไป

ตอนแรกชายหนุ่มก็ไม่ได้มีที่หมายใดเป็นพิเศษ เรื่องโปรเจ็คท์ที่ถูกอ้างถึง ก็แค่การหลีกเลี่ยงเบี่ยงบ่ายความสนใจ แต่หลังจากขับเคลื่อนพาหนะของตัวเองมาอยู่บนถนนแถว ๆ พหลโยธินขาออกได้ไม่นาน คนที่เขากำลังรอก็ติดต่อเข้ามา

“ไงอัญ ... เรียบร้อยดีไหมวันนี้”

รวิรุจน์ติดอุปกรณ์เสริมสำหรับสนทนาขณะขับรถไว้แล้ว จึงสามารถโต้ตอบกับช่ออัญชันได้ทันที

“ดี ... เกินคาดเลยล่ะ”

“แล้วพี่ชายเราล่ะ”

ในฐานะน้องชายคนเดียวอย่างเขา การถามไถ่ถึงคนในครอบครัว กลับกลายเป็นการเรียกเสียงหัวเราะขบขันจากคนฟังได้อย่างประหลาด

“รู้สึกเป็นห่วง ... หรือ โล่งอกกันแน่ รุจน์”

“อย่ามารู้ทันเราหน่อยเลยอัญ ... แต่ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้ละ ขอชมเพื่อนสักหน่อย ว่าทำงานได้รวดเร็วจริงๆ”

“เราเคยบอกรุจน์แล้วนี่ ว่าอะไรที่มันมีผลประโยชน์ ก็นับเป็นธุรกิจได้หมดล่ะ”

รวิรุจน์ฉีกยิ้มแม้ช่ออัญชันจะไม่เห็น แต่เขาคิดว่า เธอน่าจะรับรู้ได้ถึงความสำเร็จขั้นต้นของแผนการที่เพิ่งเริ่ม

“แต่ ... เราอยากถามให้แน่ใจอีกครั้ง รุจน์แน่ใจนะ ว่าต้องการแบบนี้ พี่กันน้องกัน พูดไปก็จะว่าเราสอน ...”

“เขาทำตามใจตัวเองมามากแล้วอัญ ... แล้วเรื่องนี้ เรายอมไม่ได้ ... อีกอย่าง เขามาทีหลัง”

ชายหนุ่มขับรถด้วยความเร็วคงที่ เนื่องจากปลายทางที่จะไปไม่ชัดเจนจึงไม่ได้รีบร้อน แต่ใครจะรู้ว่า ในอกกำลังระอุจากคำเตือนของเพื่อนสาว และเหมือนว่าต้นทางที่ติดต่อมาหาจะเข้าใจดี

“เราไม่ได้อะไรหรอกนะ เพราะเป้าหมายเรา ไม่ใช่พี่ชายรุจน์ ... แล้วถ้ามันเป็นไปตามที่เราคิด คนที่จะเจ็บสุด คือ คุณวิชชุ์ ... รุจน์รู้ดีใช่ไหม”

“ถ้าบอกไม่รู้ ... ก็คงจะว่าโกหกสินะ หึหึ”

รวิรุจน์หัวเราะในลำคอ จะให้เขาถอนตัวถอนคำพูดคงไม่ทันแล้ว ในเมื่อข้อมูลทุกอย่างทั้งของวิชชุ์วิธูและองก์อัมพุทที่มีในมือ ถูกส่งต่อให้ช่ออัญชันไปจนหมด

ไม่เว้นแม้แต่ สถานการณ์ความสัมพันธ์ที่คืบหน้าระหว่างพี่ชายกับผู้หญิงที่เขามีใจ

ภาพนั้นตำตาตำใจจน คนที่ถูกบีบให้กลายสภาพเป็น ‘คนนอก’ โดยปริยาย ไม่ปรารถนาจะเห็นมันอีก

“อีกอย่างที่ถือว่าเป็นโชคดีของเรานะรุจน์ ถ้าพ่อกับคุณปารตีไม่รู้จักกันมาก่อน อะไรมันคงไม่ง่ายและรุดหน้ารวดเร็วแบบนี้”

การได้ยินชื่อคนบางคนที่รวิรุจน์ชิงชังจากช่ออัญชัน ทำให้เขาแสยะปากไม่รู้ตัว เป็นอาการหยามเหยียดผู้หญิงคนนี้ ชนิดที่บอกได้ว่า มันคือความเกลียดชัง ไม่ว่าเมื่อไรก็ไม่จางหายไป

‘มีแต่ผู้ชายรายรอบไม่เคยเปลี่ยน’

“เออ นี่รุจน์ ... ตอนที่คุยงานกับคุณวิชชุ์อยู่ดีๆ ก็มีโทรศัพท์ถึงเขานะ แต่ไม่นานหรอก ...”

รวิรุจน์ถึงกับหูผึ่งทีเดียวกับประโยคบอกเล่าของช่ออัญชัน ซึ่งทำให้ชายหนุ่มคิดได้ในวินาทีนี้ว่า จุดหมายปลายทางของเขาจากนี้ไป คือที่ใด

“อัญ ... เดี๋ยวค่อยคุยกัน เรากำลังจะไปหา”






วิชชุ์วิธูไม่อยากจะคิดว่าตนเองตาฝาด ขณะขับรถแล้วเห็นยานพาหนะคันหนึ่งขับสวนเลนไปเมื่อครู่ รถยนต์ซีดานสีขาวมุกมีมากมายนับพันคัน แต่รูปลักษณ์และยี่ห้อของรถคันนั้นแสนจะคุ้นตา ทำให้เขาพยายามเพ่งมองแผ่นป้ายทะเบียนจากกระจกส่องหลัง

ความคาใจทำให้ชายหนุ่มคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วหารายชื่อบนหน้าจอตามตัวอักษรที่กำหนดไว้ และพอพบชื่อที่ต้องการเขาก็ต่อสัญญาณผ่านเครือข่ายไร้สายทันที

“รุจน์ ... นายอยู่ไหน”

“สระบุรี”

คนฟังนิ่วหน้ากับคำตอบไม่อ้อมค้อม ถ้าอย่างนั้นคงไม่ผิดแน่ เพราะช่วงถนนที่เพิ่งสวนทางกับรถยนต์เจ้าปัญหา จนต้องต่อสายหารวิรุจน์นั้น คือที่เดียวกัน

“มาทำอะไร”

“ผมต้องรายงานด้วยหรือครับ ... คุณ ... พี่วิชชุ์”

คนเป็นพี่ชายรู้ตัวว่า กำลังถูกท้าทาย ด้วยการกวนประสาทจากคนเป็นน้อง จึงข่มใจอดทนซึ่งไม่ยากเย็นนักสำหรับเขา

“โอเค ... แล้วจะกลับเมื่อไหร่”

“เรื่องของผม”

มือข้างขวาของวิชชุ์วิธูกุมพวงมาลัยบังคับทิศทางแน่น มือซ้ายยังถือโทรศัพท์แนบหู แต่ไม่อาจหาคำพูดใดตอบโต้รวิรุจน์ออกมาได้

“ถ้าไม่มีอะไร ขอตัว ... กำลังขับรถ”

สัญญาณถูกตัดฉับพลันเมื่อสิ้นเสียง จนวิชชุ์วิธูต้องให้สัญญาณไฟซ้าย เลียบข้างทางจอดรถเพื่อระงับอารมณ์ที่คุกรุ่นเสียก่อน

ถ้าไม่ติดว่าเขาจะรีบกลับไปหาองก์อัมพุท เห็นทีคงได้เปลี่ยนความตั้งใจวนรถย้อนเส้นทางเดิม ที่เพิ่งขับพ้นมาด้วยความเร็วระดับกล้องจับความเร็วต้องทำงาน

วิชชุ์วิธูรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง ที่วนเวียนอยู่รอบตัว แต่เขายังให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้ ว่า ‘ความผิดปกติ’ นั้น มันเป็นอะไรกันแน่

และสิ่งนั้น ไม่น่าจะใช่เรื่องดี ... สำหรับเขาเลย

แต่ถ้าจะกล่าวหาอะไรสักอย่าง หรือใครสักคนง่ายๆ โดยปราศจากหลักฐาน วิชชุ์วิธูก็จะดูเป็นคนไร้เหตุผลจนเกินไป ... ซึ่ง เขาไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น












*****************************************







โปรดติดตามตอนต่อไป ...

ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม และขอบคุณทุกไลค์กำลังใจฮะ


คุณปอยอะนะ : สงสารสักนิดสักหน่อยเถอะฮะ .. นี่แค่เบาๆเนอะ .. ขอบคุณ คุณปอยอะนะ แรงใจให้พี่พัด หุหุ



คุณkaelek : นายดินกะเป็นทุกหมวดฮะ ตามอารมณ์ ณ ตอนนั้น 555 ... ขอบคุณ คุณ kaelek ที่ติดตามและให้กำลังใจมาตลอดฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 เม.ย. 2559, 15:32:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 เม.ย. 2559, 15:32:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 1132





<< บทที่ ๓๘ .. สมรู้ร่วมคิด   บทที่ ๔๐ .. เหตุผลที่ซ่อนเร้น >>
kaelek 9 เม.ย. 2559, 10:01:48 น.
งานเข้าพี่วิชแบบแยบยลสินะ..รีบง้อหนูพุดด่วน เจ้าจันทร์หิว.. สงสารพี่พัดกับเภาด้วย เมื่อไหร่จะได้เคลียร์ใจ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account