Love & Rock
นิยายภาคต่อของลูกหลานเฮียพาย จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเด็กๆ เข้าสู่วัยรุ่นและเริ่มผจญภัยในแบบของพวกเขา ภาคนี้เกี่ยวเนื่องกับมิคาเอล ไพร์ด อิคารัสและเฮเลน แต่ก็จะมีเหตุการณืหลายอย่างเกิดขึ้น และแน่นอนว่ายาวแน่ เพราะตัวละครหลักและรองเยอะเหลือเกินค่ะ
Tags: พาย

ตอน: LRock ตอนที่ 3 (ครึ่งแรก)


เสียงถอนหายใจดังขึ้นเรื่อยๆ อยู่บนเตียงกว้างของลูกสาวเจ้าของบ้าน ซึ่งทำให้คนที่กำลังง่วงเงยหน้าขึ้นมองอย่างสนใจ แล้วก็มองรอยยิ้มสดใสของเจ้าของเสียงถอนหายใจ

“อะไรกัน เจนีน ดึกแล้วนอนเถอะ” เฮเลนลุกขึ้นเพื่อจะฉุดเพื่อนให้ลงนอนบนเตียงเดียวกัน

“ฉันมีความสุขน่ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าวงที่ฉันชอบจะอยู่ไม่ไกลเลยน่ะ” เจนีนพูดชวนฝัน ปลื้มสมาชิกวงเดิม

“ถามจริงเถอะ การที่พวกเขาเป็นพี่ๆ ฉันไม่ทำให้เธอชอบพวกเขาน้อยลงเลยเหรอ” เฮเลนลุกขึ้นนั่งแล้วเท้าคางถามอย่างสงสัย

“ไม่เลย อะไรที่มันอยู่ในจินตนาการ มันก็มีความสุขนะ อีกอย่างเพลงก็เพราะ เวลาฉันเหงา เปิดเพลงที่พวกเขาร้องฉันก็มีความสุขมากๆ เลยนะ ปลอบใจดี” เจนีนบอกเฮเลนที่กำลังนั่ง เสียงคุยก็ทำให้โจเซฟีนตื่นขึ้นแล้วฟังด้วย

“ปีนี้จะมีซิงเกิ้ลออกใหม่ด้วยนะ พี่ชายฉันแต่งคำร้องเอง ส่วนเนื้อร้องไพร์ดกับอิกกี้ช่วยกันแต่ง ท่านพ่อบอกว่าท่านพี่ต้องเรียนรู้ที่จะใช้ความสามารถที่มีของตัวเองให้เต็มที่อ่ะนะ แล้วท่านพี่ก็ชอบด้วยสิ ส่งไปให้คุณลุงโปรดิวเซอร์แล้วล่ะ ผ่านแล้วด้วยก็เลยมีแผนจะออก” แจ็คลีนเล่าความที่รู้ยิ่งทำให้เจนีนตื่นเต้นอีก

“มีเดโมให้ฟังไหม” เจนีนถามขึ้นด้วยความอยากได้

“มีสิ แต่ห้ามเอาไปให้ใครฟังนะ เดือนหน้าถึงจะวางแผงล่ะ ท่านแม่เป็นคนถ่ายภาพปกให้ด้วยนะ” แจ็คลีนบอกกับทุกคน

“ขอฉันบ้างนะ ฉันอยากได้ภาพปกน่ะ” โจเซฟีนอยากได้ปกมากกว่า ก็ยิ้มออกเมื่อเพื่อนใหม่สัญญาว่าจะให้

“ได้สิ ถ้าไม่อยากได้เพลงก็เอาแต่ภาพปกก็ได้นะ เดี๋ยวให้ป้าพายเซ็นชื่อให้ด้วย” เฮเลนบอกกับโจเซฟีนอย่างเป็นมิตร แล้วก็เห็นเพื่อนยิ้มแก้มแทบปริ

“แหม เอาทั้งคู่ก็ได้นะ เพลงก็ฟังเพลินดีจ๊ะ” โจเซฟีนก็ยิ้มแล้วก็ต่างจับมือกันอย่างจริงใจ “ดีจังที่เราได้เป็นเพื่อนกัน แค่นี้เราก็อยู่ได้ ไม่ต้องไปจับกลุ่มกับพวกเด็กไม่ดีพวกนั้นน่ะ”

“แน่สิ ไม่เห็นจำเป็นเลยสักนิด” แจ็คลีนบอก ก่อนจะล้มตัวลงนอน

“ที่โรงเรียนแจ็คกี้ไม่มีพวกอยากดังเลยเหรอ” เจนีนถามขึ้นอย่างสงสัย ก่อนจะล้มลงนอนบนเตียงเดียวกัน

“ไม่รู้สิ ไม่เคยสนใจ สนใจแต่ความท้าทายในการเรียนรู้เรื่องบริหารธุรกิจมากกว่า ที่โรงเรียนนะ คบกันเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจทั้งนั้นล่ะ มิตรแท้ศัตรูถาวรไม่มีในธุรกิจที่มีการแข่งสูงหรอกนะ ท่านปู่บอกว่าอยู่ที่ใครจะสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กันได้มากกว่าน่ะ” แจ็คลีนเล่าความลอยๆ แล้วก็ครุ่นคิด เธอแทบจะไม่มีเพื่อนจริงๆ สักคน

“แจ็คกี้มีพวกเราไง อย่าคิดมากสิ นิสัยไม่ดีก็อย่าไปคบ” เจนีนบอกอย่างเห็นใจ

“ไม่ได้หรอก ถ้าเราไม่ผูกมิตร ก็จะขยายธุรกิจลำบาก คนเราต้องรู้จักสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้กับคนอื่น สังเกตว่าคนอื่นเป็นยังไง อ่านเกมธุรกิจให้ออก” แจ็คลีนบอกเพื่อนๆ ที่ดูจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่เธอพูดเท่าไรนัก

“แล้วความจริงใจไม่สำคัญหรือไง” โจเซฟีนถามอย่างไม่ชอบใจธุรกิจเท่าไรนัก

“สำคัญก็ต่อเมื่อคนคนนั้นจริงใจกับเราด้วยต่างหาก อ่านไม่ยากหรอก อย่างพวกเธอเนี่ย ฉันรู้สึกดีนะ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันมีครูดี ยังไงฉันก็เอาตัวรอดได้ ท่านปู่บอกว่าคนที่รู้จักปรับตัวในสังคมถึงอยู่รอด ฉันว่ามันเป็นความท้าทายนะ ช่างเถอะ...เรื่องพวกนี้กว่าพวกเธอจะเข้าใจก็โตพอจะทำงานได้แหละ อีกไม่นานฉันจะต้องกลับไปเรียนที่โรงเรียนเดิมแล้ว คงไม่ค่อยได้เจอกันเนอะ” แจ็คลีนพูดเรื่องอื่นแทนเรื่องของตัวเอง

“อ๋อ เราก็แชทกันก็ได้ เธอต้องกลับไปเรียนที่ปารีสใช่ไหม” เจนีนถามแล้วคาดเดาไปตามเรื่อง

“ใช่แล้วล่ะ แต่ฉันก็ไม่รังเกียจหรอกนะ เพราะท่านปู่บอกว่าเป็นโรงเรียนที่ดีสำหรับนักธุรกิจ ลึกๆ ก็ที่ที่ฝึกความสามารถเรา แต่ท่านพ่อไม่ค่อยไว้ใจ ให้เบนคอยตามดูแลฉันตลอดเวลา กลัวจะมีใครมารังแก ฉันยอมนะ เพราะฉันก็ได้ข่าวมาเหมือนกัน เหมือนจะดี แต่ไม่ดีเท่าไรหรอก ขนาดลูกพี่ลูกน้องฉัน ยังทำตัวน่าเตะมากๆ เลยนะ” แจ็คลีนนึกถึงลูกของลุงป้าและอาๆ ของเธอ

“พวกนั้นยังไม่ชอบแจ็คเหมือนเดิมอีกเหรอ นิสัยก็ไม่ค่อยดีเนอะ” เฮเลนพูดอย่างเห็นใจ

“ใครจะเสือ ใครจะสิงห์ เขาก็ไม่กล้าทำอะไรฉันหรอก คงอิจฉาที่ท่านปู่รักฉันแล้วก็เอ็นดูฉันมากน่ะ” แจ็คลีนบอกแล้วก็ยักไหล่นิดๆ อย่างไม่ใส่ใจนัก

“เกิดเป็นคนรวยก็ปวดหัวเนอะ ถึงจะห่วงเรื่องที่โรงเรียนแต่ฉันก็สบายใจว่า พวกนั้นคงไม่กล้าทำอะไรกับเราอีกมั้ง” โจเซฟีนเดาๆ ไปตามเรื่อง และหวังว่าคงไม่มีอะไร

“ฉันว่าคงไม่มีอะไรแล้วล่ะ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไงเนอะ” เฮเลนพยายามคิดในแง่ดีเอาไว้

“ช่างมันเถอะ แต่ว่าฉันว่าวันจันทร์น่าปวดหัวกว่านะ เพราะคงมีคนในโรงเรียนเราไปดูคอนเสิร์ตพี่เธอแน่ แล้วก็ต้องรู้ว่าพี่ชายเธอเป็นใครอ่ะนะ ดังแน่ๆ พวกนั้นไม่มีทางทำอะไรเราแล้วล่ะ เพราะพี่ชายเธอเป็นนักร้องดัง” เจนีนสรุปสุดท้ายแล้วทำให้ปัญหาเรื่องรังแกนั้นหมดไป

“จริงด้วย” ทั้งสองร้องขึ้นพร้อมกัน

“โชคดีจริงๆ ชื่อเสียงท่านพี่มีประโยชน์ คิดไปคิดมาก็ดีนะ นอนเถอะๆ เดี๋ยวตื่นมาไม่สวยนะ” แจ็คลีนบอกก่อนซบหมอนนอนหลับ

ทั้งสามยิ้มให้กับอนาคตที่สดใส เมื่อต่างก็มีหนทางแก้ปัญหาต่างๆ ออกไปได้

****************************************


ทุกอย่างเป็นดังคาด เมื่อเด็กในโรงเรียนเห็นเด็กหนุ่มทั้งสามเดินเข้าโรงเรียนมาแล้ว ก็กรีดร้องเสียงดัง ขณะเดียวกันก็มีสื่อหลายทางมาทำข่าวดารา พร้อมด้วยปาปารัสซี่ที่ตามข่าวใหม่สดอย่างไม่ลดละ

เด็กหนุ่มทั้งสามกลายเป็นข่าวดังอย่างฉุดไม่อยู่ แต่ก็เป็นเรื่องที่คาดการณ์เอาไว้กันอยู่แล้ว อีกทั้งมิคาเอลก็มีบอดี้การ์ดคอยดูแลตั้งแต่เด็กมานาน จึงทำตัวตามสบายได้อย่างไม่มีปัญหา

เสียงกระแทกถาดลงโต๊ะทำให้เด็กหญิงทั้งสามตกใจ ก่อนมองอิคารัสกระแทกก้นลงนั่งที่โต๊ะเดียวกันอย่างฉุนเฉียว

“อะไรน่ะ อิกกี้” เฮเลนถามพี่ชายอย่างงงๆ

“รำคาญน่ะสิ หลายวันแล้วนะ มีแต่แสงแฟลชปวดตา” อิคารัสบอกก่อนฉีกขนมปังในถาดทานอย่างรำคาญ

“วันก่อนเห็นบอกว่าสนุกอยู่เลยนิ” เฮเลนขมวดคิ้วอย่างงงๆ

“แรกๆ ก็สนุกทุกอย่างแหละ แต่ตอนนี้แม้แต่พี่ก็ไม่สนุก” ไพร์ดนั่งลงข้างๆ เพื่อนแล้วก็ถอนหายใจยาว

“วันก่อนมีคนพยายามปีนเข้าบ้านเราที่นอกเมืองด้วย ให้ตายเถอะ สงสารเฮนริค ไม่รู้ว่าวุ่นวายแค่ไหน นี่แม่ต้องสั่งล้อมรั้วบ้านที่แคลิฟลอร์เนียด้วยนะ รั้วสูงด้วยมีระบบไฟฟ้า อย่างกับคุก พ่อสั่งน่ะ แม่บอกแค่ว่าล้อมรั้ว แต่พ่อสั่งติดระบบไฟฟ้ากันคนเข้าไปวุ่นวาย ทั้งที่ยังไม่มีใครรู้เลยนะว่ามีบ้านที่แคลิฟลอร์เนีย” มิคาเอลเล่าความแล้วก็ขำๆ

“นั่นไง เปิดตัวแล้วเป็นไงละคะ ไม่สนุกใช่ไหมล่ะ” แจ็คลีนพูดขณะแบ่งอาหารให้พี่ชาย

“ก็ไม่อยากทำหรอก แต่จำเป็นต้องทำ เพราะเขาลงมติกันมาแบบนี้ ตอนนี้คนปวดหัวก็คือที่โรงเรียนด้วย เพราะเขาต้องคอยระวังไม่ให้คนภายนอกเข้าน่ะ เอาน่าอีกไม่กี่เดือนหรอกนะ โรงเรียนก็จะอยู่ในความสงบจริงไหม” ไพร์ดพูดกับเด็กหญิง ซึ่งกำลังกระพริบตาเพราะแสงแฟลช ที่หันไปมองตามสัณชาตญาณ

“หมดกันไม่เหลือความเป็นส่วนตัว” อิคารัสส่ายหน้าช้าๆ แล้วไม่หันไปสนใจ

“ก็ไหนว่าทำใจได้ไง เอาน่าคิดมากไปได้ เดี๋ยวก็กลับปารีสแล้วนะ เตรียมตัวทดสอบเข้ามหาวิทยาลัย พ่อบอกว่าไม่ให้ใช้เส้นล่ะ ต้องสอบเอง กลับไปคราวนี้ ซ้อมดนตรีกันมึน” มิคาเอลตบไหล่เพื่อนแล้วไม่สนใจเท่าไรนัก

เรื่องอยู่หน้าแสงแฟลชเป็นเรื่องที่เคยชินสำหรับเขา เพราะพ่อเขาเป็นถึงนักดนตรีระดับโลก ไม่รวมถึงแม่เขาที่เป็นตากล้องระดับโลกอีกเช่นกัน

“รู้ไหมว่าเมื่อคืนโทรบอกแม่แล้วนะ แม่ว่าจะรอดูข่าว คงอีกพัก กว่าข่าวจะแพร่ออกไป บางทีฉันอาจโดนว่าเป็นฝาแฝดกับนายก็ได้” ไพร์ดบอกเพื่อนๆ ทั้งยังหัวเราะอย่างขำขันเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

“นั่นไง ดีจริงๆ อยู่ดีๆ ก็มีคู่แฝด ถ้าฉันโดนเปรียบเทียบกับนาย คนคงว่าฉันมีแนวโน้มเป็นกระเทยแน่ๆ เพราะหน้าฉันไปทางผู้หญิงมากกว่า ส่วนนายก็มีเค้าพ่อนายอยู่ ลุงเก่งหน้าตาแมนจะตาย” มิคาเอลต่อเรื่องกับญาติได้อย่างสนุกปาก

“เออนั่นดิ ถึงหน้าตานายสองคนจะคล้ายกัน แต่โครงหน้าบางอย่างก็ไม่เหมือนกันนะ มิคอ่ะ หน้าตาไปทางผู้หญิง แต่ฉันไม่คิดว่าข่าวจะออกไปทางนั้นว่ะ เรื่องเป็นเกย์ไม่แน่” อิคารัสเริ่มผ่อนคลายแล้วคุยกับเพื่อนอย่างสนุกปาก

“ใครจะว่ายังไงน้องไม่สนใจหรอกค่ะ ช่างมันเถอะ จริงไหม เจนีน” แจ็คลีนเห็นเจนีนฟังคำสนทนาจนลืมทานไปเลย จึงเรียกสติเพื่อน

“จริงๆ ดีใจที่ได้รู้จักทุกคนเลยนะ” เจนีนพูดอย่างลอยๆ ทำให้หนุ่มๆ ยิ้มเอ็นดู

“เรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมใช่ไหม” ไพร์ดถามขึ้นแล้วก็มองสบตาเด็กหญิง

“แน่นอนเลยค่ะ” เจนีนพูดอย่างว่าง่าย ดีใจสุดๆ ที่ได้กลายเป็นเพื่อนกับวงดนตรีที่ตนเองชื่นชอบ

มิคาเอลมองไปทางกลุ่มที่มาหาเรื่องเมื่อวันศุกร์แล้วก็ยิ้มที่มุมปาก เพราะพวกเขาไม่ได้ไปตามนัด เมื่อต้องไปทำธุระสำคัญอื่นที่จำเป็นมากกว่า จึงบอกเพื่อน “เออ วันศุกร์ไม่ได้ไปชก ไม่รู้ว่าวันนี้ยังอยากชกอยู่หรือเปล่าเนอะ”

“ช่างมันเถอะ ไม่ต้องไปสนใจหรอก” ไพร์ดบอกเพื่อนแล้วแกะส้มให้เด็กหญิงทั้งสามคนอย่างมีน้ำใจ

“นั่นดิ ถ้าอยากมีเรื่องก็เมื่อไรก็ได้ อย่างมากก็มีข่าวในอินเตอร์เนตเนอะ ถึงจะเป็นข่าวหนังสือพิมพ์ก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไรหรอก” อิคารัสพูดขึ้น ก่อนจะหยิบกล่องนมของน้องสาวมาดื่ม

“อิกกี้บ้า ของเค้านะ” เฮเลนพยายามแย่งคืน แต่อิคารัสยกมือขึ้นยันศีรษะน้องสาวเอาไว้ เป็นการแกล้ง

“เอาของพี่ก็ได้” มิคาเอลใส่หลอดแล้วส่งให้น้อง ก่อนจะส่ายหน้ากับเพื่อนที่ชอบแกล้งน้อง “นายนี่มันชอบแกล้งน้องจริงๆ เลยนะ”

“อ้าว น้องก็มีไว้แกล้งไง ถ้าแกล้งได้นะ อย่างแจ็คเนี่ยแกล้งไม่ได้ ก็ไม่แกล้ง แต่อิซซี่แกล้งได้ ก็ต้องแกล้ง เดี๋ยวฉันไปเรียนปารีสหลายปี คงคิดถึงมาก ต้องแกล้งให้เยอะหน่อย” อิคารัสพูดแล้วยักไหล่ ก่อนจะมองน้องสาวหน้าตูมที่กำลังจับกล่องนมที่มิคาเอลให้ไว้แน่น ทำหน้างอนๆ “โอ๋ๆ เจ้าเด็กน้อย พี่ล้อเล่นแค่นี้ทำเป็นงอน”

“เชอะ” เฮเลนก็งอนจริงจังหันหน้าไปทางอื่นเสีย

“กรรม งอนจริงๆ เหรอเนี่ย เอาไงดีนะ ไว้กลับมาจากปารีสจะเอาน้ำหอมมาฝากดีไหม เด็กตัวแค่นี้ชอบน้ำหอมหรือเปล่าหว่า” อิคารัสไม่ค่อยเข้าใจเด็กวัยนี้เท่าไรนัก เพราะเขาก็ไม่ได้เข้าโรงเรียนมาหลายปีแล้ว นับตั้งแต่ตามเพื่อนๆ ไปเรียนแบบตัวต่อตัวกับครูพิเศษ

“เอา ไว้โตกว่านี้ค่อยใช้ก็ได้ พี่ให้อะไรก็เอาหมดล่ะ” เฮเลนรีบตอบกลัวพี่ชายเปลี่ยนใจ

อิคารัสก็หัวเราะลูบผมน้องเบาๆ อย่างเอ็นดู “ยัยขี้งก”

“งกสิ ตอนนี้อะไรก็งกหมดแหละ” เฮเลนนึกถึงความไม่มีของตนอย่างละเอียดก็คิดอย่างน้อยใจนิดๆ

“เอาน่า ไว้หาเงินได้เองแล้วค่อยคิดมาก ตอนนี้เป็นเด็กก็ใช้ชีวิตอย่างเด็กสิ” มิคาเอลปลอบน้องเพื่อนแล้วก็หันไปมองน้องสาวที่กำลังวุ่นกับคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วอย่างเอ็นดู

แจ็คลีนเงียบไปเพราะกำลังเช็คข้อมูลต่างๆ ที่กำลังศึกษา แม้จะเป็นเด็กวัยรุ่น แต่เธอชอบศึกษาข้อมูลมากกว่าอย่างอื่น อีกทั้งเธอก็รักความเสี่ยงในการลงทุน

โจเซฟีนฟังคำสนทนาอยู่กับเจนีน แล้วก็คุยกันเป็นระยะ จนใกล้เวลาเข้าเรียน ก่อนเด็กทั้งสามคนจะแยกย้ายไป ขณะที่แจ็คลีนก็เดินตามไปทีหลัง ตามด้วยหนุ่มๆ

ชีวิตวัยเรียนที่คนส่วนมากคุ้นเคย ทว่าสามหนุ่มนั้นไม่เคยต้องใช้ชีวิตตามตารางของคนอื่น และต้องพยายามผ่านไปให้ได้ แม้จะอึดอัดไปบ้างก็ตาม

****************************************


“โอ๊ย ทำไมมันต้องอย่างนี้นะ” อิคารัสบ่นเป็นคนแรกในห้องแคบๆ ของเขา

“อะไร แค่สอบเนี่ยมันอะไร” มิคาเอลก็ปวดหัวไม่แพ้กัน เพราะต้องรื้อของเก่าออกมาสอบใหม่ เมื่อครูพิเศษของเขาเคยสอนไปแล้ว และพวกเขาก็พยายามลืมมันไปนานแล้ว

“ทบทวนไปเถอะ ใครให้เรียนไปแล้วต้องมานั่งอ่านใหม่หมดล่ะเนี่ย เดี๋ยวฉันติวให้” ไพร์ดที่ขยันเรียนกว่าเพื่อนๆ ต้องคอยเป็นคนนั่งติวให้ เพราะเขาฟื้นความจำได้ไม่ยากนัก

“ก็มันตั้งสองปี ใครจะไปจำได้ง่ายๆ อีกอย่างเรียนแล้ว สอบแล้วก็ลืมแล้วล่ะ” อิคารัสปวดหัวเพราะไม่อยากจะจำสิ่งที่อยากจะลืม

“นั่นไง พวกนายเนี่ย อะไรไม่สนใจก็ลืม บางอย่างก็เป็นความรู้ที่เก็บไว้ไม่เสียหายหรอกนะ” ไพร์ดจับทั้งสองคนมานั่งอธิบายสิ่งที่เคยเรียนไปแล้ว

“ทำไมเราต้องมาเรียนอะไรซ้ำๆ ด้วยละเนี่ย แล้วยังจะการสอบของมาดามมาร์แตงอีก อ่านเยอะแบบนี้ตายก่อนเกิดแน่ๆ” มิคาเอลยังโอดครวญเรื่องสอบไม่แพ้กัน

“ทำไมนายไม่กลับไปดูคนเริ่มล่ะ” ไพร์ดหันไปมองอิคารัสที่กำลังเอาดินสอเกาหัวอย่างมึนๆ ก่อนเจ้าตัวจะรู้ตัวแล้วเงยหน้ามองเพื่อนๆ

“ก็นะ น้องสาวเรากำลังมีปัญหานี่” อิคารัสแก้ตัวน้ำขุ่นๆ

“เออ งั้นห้ามบ่น อ่านต่อได้แล้ว” ไพร์ดทำหน้าที่กำกับดูแลเพื่อนๆ ให้อ่านหนังสือกันต่อไป

มิคาเอลกับอิคารัสก็หยิบหนังสือมาอ่าน พร้อมขีดเขียนใจความสำคัญลงในหนังสือ เพราะพวกเขาไม่เพียงต้องสอบในโรงเรียนปกติ ยังต้องสอบในวิชาต่างๆ ของครูพิเศษ นับว่าหลายวิชากันเลยทีเดียว ทว่าหากไม่ได้ไพร์ด ทั้งคู่คงจะยังไม่อ่านจนวินาทีสุดท้ายค่อยอ่านนั่นเอง

“ไม่รู้แจ็คกับอิซซี่เป็นยังไงบ้างนะ” อิคารัสถามขึ้นเมื่อได้เวลาพัก

“แจ็คน่ะหายห่วง เห็นว่าอ่านจบตั้งแต่เดือนแรกแล้วล่ะ อ่านทวนอีกหน่อยก็ทำได้ละมั้ง พวกนายน่าจะรู้นะว่าไอคิวของแจ็คน่ะสูงกว่าพวกเราอีก ส่วนอิซซี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน” มิคาเอลเล่าความแล้วก็ทิ้งน้ำหนักลงบนเตียง อยากจะนอนพักให้เต็มที่

“เมื่อเช้าไปช่วยติวให้แล้วล่ะ ไม่น่าจะมีปัญหานะ” ไพร์ดบอกเพื่อน เพราะเมื่อเช้าเขาโดนถามจากน้องสาวเพื่อนเรื่องที่จะสอบ

“อ๋อ ขอบใจว่ะ สมกับมีพ่อแม่เป็นครูจริงๆ แล้วนี่ถ้านายไม่อยู่แล้วอิซซี่จะทำยังไงเนี่ย ใครจะสอนพิเศษล่ะ” อิคารัสถามอย่างไม่ใส่ใจนัก

“เห็นน้าปารีสว่าจะส่งไปเรียนพิเศษอยู่ แล้วปิดเทอมจะส่งไปอยู่ปารีสกับแจ็คด้วยนะ ให้ไปเรียนภาษาน่ะ” ไพร์ดพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะเหยียดช่วงขายาวๆ แล้วพิงผนังให้สบายตัว

“งั้นก็คงไม่เปลืองเงินเท่าไรหรอก แจ็คคงออกค่าใช้จ่ายให้หมดล่ะ” มิคาเอลพยักหน้าช้าๆ แล้วคาดเดา

“อ่า พ่อแม่คงไม่ยอมเท่าไร เกรงใจน่ะ อะไรๆ ป้าพายก็ออกให้หมด แม้แต่รถสปอร์ตที่ป้าพายให้เป็นของขวัญแต่งงานพ่อแม่นะ ยังไม่ค่อยอยากจะขายเอามาให้ฉันจ่ายค่าเรียนเลย ฉันก็เลยบอกว่า เอาเงินที่ได้จากร้องเพลงไปจ่ายก่อนก็ได้ ยังไม่ต้องถึงขั้นเอารถไปขายหรอก พ่อค่อยยิ้มออก” อิคารัสบอกเพื่อนๆ แล้วถอนหายใจกับชีวิตชนชั้นกลาง

“คิดๆ แล้วก็เห็นใจน้าปารีสนะ ต้องเสียสละอะไรตั้งเยอะเพื่อครอบครัว ได้ยินว่าเมื่อก่อน ถ้าเจอของแบรนด์เนมจะ น้าปารีสช็อปกระจาย” ไพร์ดเล่าตามที่รู้มา

“ก็คงอย่างนั้นล่ะ แต่ตอนนี้แม่ใช้แต่ของเก่าๆ ที่เคยซื้อนะ หรือไม่ก็ของที่กองถ่ายไปถ่ายแล้วได้มาน่ะ วันแม่ปีนี้ฉันว่าจะซื้อรุ่นใหม่ๆ ให้สักหน่อย” อิคารัสฟังเพื่อนพูดแล้วก็สำนึกนิดๆ

“ทำไงได้ก็มีครอบครัวแล้วนี่ก็ต้องคิดถึงอนาคตลูกๆ อีก นายน่ะไม่เท่าไร แล้วอิซซี่ล่ะ ยังต้องเรียนอีก หลายอย่างนะเพื่อน แต่พ่อนายก็ใช่ว่าจะจนที่ไหน น้านอร์ธมีเงินเก็บไม่น้อยหรอก อย่าเป็นห่วงไปเลย เพียงแต่น้านอร์ธน่ะ ไม่ค่อยฟุ่มเฟื่อยก็เท่านั้นเอง” มิคาเอลบอกอย่างที่รู้ๆ มา เพราะเคยบ่นกับแม่เรื่องเพื่อนอยู่เหมือนกัน

แท้จริงฐานะของไพร์ดกับอิคารัสแทบไม่แตกต่าง เพียงความคิดเท่านั้นที่แตกต่าง พ่อแม่ไพร์ดเป็นครูของโรงเรียนในอำเภอ ใช้ชีวิตสมถะ ไม่ค่อยได้ใช้จ่ายเงินมาก แต่เพราะน้องสาว ซึ่งก็คือแม่ของมิคาเอลที่ส่งเงินไปให้ในแต่ละเดือน และเป็นเงินจำนวนมากเท่านั้น

ขณะที่นอร์ธกับปารีสนั้นมีเงินเดือนพร้อมเงินพิเศษจากพายเป็นเงินหลักของครอบครัว ค่าใช้จ่ายในเมืองไม่ใช่น้อย จึงจำเป็นต้องใช้เงินมากกว่า

****************************************

ฮัลโหล ^^
วันนี้ไม่ค่อยสบายเพราะภูมิแพ้อัพเกรดเป็นหวัดเรียบร้อยค่ะ
ตอนนี้ได้ทำแผนผังคร่าวๆ ให้แล้วนะคะ
ดูได้ในกระทู้นิยายเรื่องนี้ ที่ bloggang ค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามนิยายนะคะ

ป.ล. ฝากตอบกระทู้สำรวจเกี่ยวกับหนังสือทำมือสำหรับผู้ที่ต้องการด้วยนะคะ
http://bzlion.bloggang.com

คุณ ตุ๊งแช่ --- อาจยังไม่เต็มอิ่มกับการได้เจอกับพายนะคะ แต่เดี๋ยวก็มาเป็นพักๆ ค่ะ
คุณ tuktuk --- ดีจังด้วยค่ะ อิอิ
คุณ ใบบัวน่ารัก --- เดี๋ยวอาจจะไม่น่ารักก็ได้ค่ะ ฮ่าๆๆ
คุณ kaeka --- แรงดีไม่มีตกค่ะ ยังสวีตกับที่รักอยู่เลย 555+
คุณ anOO --- จัดตอนต่อไปให้แล้วค่ะ
คุณ FonFonnie --- ทำผังให้แล้วนะคะ ดูได้ที่ bloggang ค่ะ



เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ก.ค. 2554, 21:20:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ก.ค. 2554, 21:20:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 1989





<< LRock ตอนที่ 2(ครึ่งหลัง)   LRock ตอนที่ 3 (ครึ่งหลัง) >>
หนอนฮับ 30 ก.ค. 2554, 22:04:07 น.
ว้าววว...มาแว้ววววววค่า


ตุ๊งแช่ 31 ก.ค. 2554, 07:54:46 น.
กำลังงุนงง ระหว่างอิกกี้กับอิซซี่ ใครเป็นไผ และลูกใครหว่า ขอแผนผังครอบครัวหน่อยสิค่ะ ยังจำตัวละครรุ่นลูกไม่ถูกค๊า


tuktuk 31 ก.ค. 2554, 11:17:12 น.
รุ่นลูกนี่หลายคนหน่อยนะคะ คุณเพลงวารีงงบ้างมั้ยนี่....


anOO 31 ก.ค. 2554, 12:41:51 น.
เดี๋ยวจะตามไปดูผังค่ะ


kaeka 31 ก.ค. 2554, 19:30:11 น.
เด็กๆนี่เข้าใจอะไรกันดีเหมือนกันนะนี่


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account