เพียงขวัญ (สนพ.Princess)
ประก๊าศประกาศ
"เพียงขวัญ" ได้ฤกษ์วางแผงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2558 นี้นะคะ
ราคา 230 บาท
สนใจสมารถสั่งซื้อได้ที่ www.satapornbooks.com
ส่วนใครอยากจะอ่านตัวอย่างเพื่อเป็นการตัดสินใจติดตามอ่านที่นี่ได้นนะคะ ลงให้อ่าน 70% หรือประมาณ 24 ตอน
และเนื้อเรื่องที่จะอัพในครั้งนี้เป็นเนื้อเรื่องที่ผ่านการรีไรท์เหมือนในรูปเล่มเลยนะคะ
ด้วยความที่มารดาอยากได้ลูกสาว เพียงขวัญ เลยได้รับการเลี้ยงดูเหมือนหญิงในร่างชาย นอกจากเรื่องชื่อแล้ว ใบหน้าของเขาก็หวานจนสาวๆ ยังต้องอาย และที่สำคัญ ชายหนุ่มยังรับช่วงต่อธุรกิจร้านเวดดิงสตูดิโอจากผู้เป็นมารดาอีกด้วย คงเป็นเรื่องยากที่จะมีใครเข้าใจว่าเขานั้นแมนร้อยเปอร์เซ็นต์
ขณะเดียวกัน ปราณปริยา ซึ่งช้ำรักจากว่าที่เจ้าบ่าวที่เพิ่งสารภาพว่าเป็นเกย์ เมื่อเพื่อนรักบอกว่าจะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบได้เพียงเดือนเดียว แถมแฟนของเพื่อนดันสนิทกับผู้ชายหน้าหวานอย่างเพียงขวัญเสียอีก ยุทธการจับผิดผู้ชายแอ๊บแมนจึงเริ่มขึ้นทันที
เมื่อโดนหญิงสาวจับผิดทุกฝีก้าวขนาดนี้ ชายหนุ่มหน้าหวานอย่างเขาจะทำเช่นไรถึงจะพ้นจากข้อหานี้
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ติดตาม ติชมผลงานหรือพูดคุยกันได้ที่แฟนเพจ รดามณี-ไหมขวัญ นะคะ (รออยู่น้าาาา)
https://www.facebook.com/%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%93%E0%B8%B5-%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%8D-384857278252407/
"เพียงขวัญ" ได้ฤกษ์วางแผงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2558 นี้นะคะ
ราคา 230 บาท
สนใจสมารถสั่งซื้อได้ที่ www.satapornbooks.com
ส่วนใครอยากจะอ่านตัวอย่างเพื่อเป็นการตัดสินใจติดตามอ่านที่นี่ได้นนะคะ ลงให้อ่าน 70% หรือประมาณ 24 ตอน
และเนื้อเรื่องที่จะอัพในครั้งนี้เป็นเนื้อเรื่องที่ผ่านการรีไรท์เหมือนในรูปเล่มเลยนะคะ
ด้วยความที่มารดาอยากได้ลูกสาว เพียงขวัญ เลยได้รับการเลี้ยงดูเหมือนหญิงในร่างชาย นอกจากเรื่องชื่อแล้ว ใบหน้าของเขาก็หวานจนสาวๆ ยังต้องอาย และที่สำคัญ ชายหนุ่มยังรับช่วงต่อธุรกิจร้านเวดดิงสตูดิโอจากผู้เป็นมารดาอีกด้วย คงเป็นเรื่องยากที่จะมีใครเข้าใจว่าเขานั้นแมนร้อยเปอร์เซ็นต์
ขณะเดียวกัน ปราณปริยา ซึ่งช้ำรักจากว่าที่เจ้าบ่าวที่เพิ่งสารภาพว่าเป็นเกย์ เมื่อเพื่อนรักบอกว่าจะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบได้เพียงเดือนเดียว แถมแฟนของเพื่อนดันสนิทกับผู้ชายหน้าหวานอย่างเพียงขวัญเสียอีก ยุทธการจับผิดผู้ชายแอ๊บแมนจึงเริ่มขึ้นทันที
เมื่อโดนหญิงสาวจับผิดทุกฝีก้าวขนาดนี้ ชายหนุ่มหน้าหวานอย่างเขาจะทำเช่นไรถึงจะพ้นจากข้อหานี้
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ติดตาม ติชมผลงานหรือพูดคุยกันได้ที่แฟนเพจ รดามณี-ไหมขวัญ นะคะ (รออยู่น้าาาา)
https://www.facebook.com/%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%93%E0%B8%B5-%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%8D-384857278252407/
Tags: เพียงขวัญ,ไหมขวัญ,รดามณี,เกศมณี,มายา,นิยายรัก,โรแมนติก,แมย,เกย์,เข้าใจผิด,พริ้นเซส,สถาพร
ตอน: ตอนที่ 22 ประตูหัวใจถูกแง้ม 50%
ยี่สิบสอง
ประตูใจถูกแง้ม
“ฉันรู้สึกไม่ชอบยายนุ่นอะไรนี่เลยอะแก ดูสิ อี๋อ๋อเกาะคุณขวัญไม่ยอมห่าง” ดารินทร์เอนหน้าเข้าไปพูดกับปราณปริยาแค่พอให้ได้ยินกันแค่ในกลุ่ม ซึ่งมีเวธน์รวมอยู่ในนั้นด้วย ส่วนสรัล นาตยา และคุณฟ้าเดินนำห่างออกไปพอสมควร
“แฟนคุณอยู่นี่ครับคุณอ้อน นั่นมันไอ้ขวัญ คุณจะไปหึงแทนคุณป่านเขาทำไม ดูสิ คุณป่านยังเฉยๆ เลย” เวธน์เอ่ยเตือนแฟนสาว และก็ได้ค้อนวงโตตอบกลับมา
“ก็เราไม่ได้เป็นอะไรกันนี่คะ” ปราณปริยาหันมาบอกเวธน์ยิ้มๆ แล้วก้มหน้าแอบเม้มริมฝีปาก ใครบอกว่าเธอรู้สึกเฉยๆ กับภาพที่เห็นตรงหน้า เธอไม่ได้หึงอีตาเพียงขวัญนั่นหรอกนะ แค่รู้สึกไม่ชอบใจนิดๆ...นิดๆ จริงๆ นะ ปากก็บอกว่าสนใจเรา แต่พอมีสาวสวยคนอื่นเข้ามา เราก็ไม่อยู่ในสายตา แต่จะทำอย่างไรได้เขาก็แค่พูดว่าสนใจ แต่จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย ครั้นจะถือสิทธิ์จากคำพูดนั้น เดี๋ยวจะโดนหัวเราะเยาะ ที่ดันไปหวั่นไหวกับคนที่ตัวเองเคยปรามาสว่าเป็นเกย์
“ฉันไม่ได้หึง แต่ไม่ชอบใจ เข้าใจไหมคำว่า ‘ไม่ชอบใจ’ น่ะ ปากก็บอกว่าชอบเพื่อนเรา จะจีบอย่างนั้นอย่างนี้ นี่ปะไร พอมีสาวสวยมาออเซาะหน่อย สนใจเพื่อนเราซะที่ไหน มีความสุขกันเสียจริง”
ปราณปริยาเงยหน้าขึ้นมามองดารินทร์ขำๆ ระคนขอบคุณ ที่เพื่อนรักคนนี้แสดงความรู้สึกแทนเธอโดยไม่รู้ตัว ซึ้งก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย
“ช่างเขาเถอะ แค่คะนองไปตามแรงยุเท่านั้นเองแหละ อีกหน่อยเขาก็คงเลิกราไปเอง ไม่แน่ คุณนุ่นอาจจะเป็นตัวจริงของเขาก็ได้”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นดารินทร์ก็หันมาหาเวธน์ที่ถือว่าเป็นเพื่อนสนิทมากๆ ของสรัล
“คุณเวธน์ คุณเป็นเพื่อนสนิทคุณขวัญไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับคุณนุ่นอะไรนี่บ้างเลยหรือ ว่าเขาเป็นแค่ญาติห่างๆ แต่สนิทกันมากๆ หรือมีความสัมพันธ์กันแบบอื่นด้วย”
“ผมสนิทกับแค่ไอ้ขวัญและคนในครอบครัวมันเท่านั้น ส่วนญาติๆ ผมไม่ค่อยสนใจ” จริงๆ การที่จู่ๆ นาตยาที่ดูจะสนิทมากๆ กับสรัลโผล่มาแบบนี้ เขาที่สนิทกับสรัลมากๆ ก็งงไม่น้อย เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้อยู่ในชีวิตของสรัลเลย ไปหลบอยู่ไหนกันนะ
“แล้วคุณรู้จักผู้หญิงที่คุณขวัญคบหาทุกคนหรือเปล่าคะ”
เวธน์เงยหน้าขึ้น ทำท่าคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบอย่างมั่นใจว่า
“ถ้าคบแบบจริงจังคิดว่าไม่พลาดนะ แต่ผ่านๆ นี่ผมไม่รู้ ไม่ได้จำ”
“งั้นผู้หญิงคนนี้ก็เป็นแค่ญาติห่างๆ แต่สนิทกันมากเฉยๆ หรือถ้ามีเกินเลยก็คงจัดอยู่ในหมวดคบผ่านๆ ใช่ไหม”
“ก็ไม่รู้สินะ ว่าแต่คุณจะไปสนใจอะไรไอ้ขวัญมันนักหนาเนี่ย ผมชักจะหึงแล้วนะ” ชายหนุ่มบอกอย่างงอนๆ พร้อมกับหันมาทำหน้าบึ้งใส่แฟนสาว
ดารินทร์กำลังจะอ้าปากแย้ง แต่คนกลางอย่างปราณปริยากลัวท่าไม่ดี จึงรีบเอ่ยแทรกขึ้นอย่างเห็นด้วยกับฝ่ายที่กำลังงอน
“อย่างที่คุณเวธน์บอกนั่นแหละ อย่าไปสนใจเขามากนักเลย เดี๋ยวได้ทะเลาะกันเปล่าๆ”
“แกก็นิ่งตลอด” ดารินทร์บอกอย่างขัดใจ
“ก็แกแสดงออกแทนฉันหมดแล้วนี่ ไปนะ” ปราณปริยาพูดทิ้งท้ายเพียงเท่านั้นแล้วโบกมือลาเพื่อนและคนรักของเพื่อน แล้วปลีกตัวเดินไปที่รถของสรัลซึ่งยืนรออยู่
“อื้อ แล้วจะโทร. ไปเมาท์นะ” ดารินทร์บอกตามหลังก่อนจะขึ้นรถ ขณะที่กำลังจะคาดเข็มขัดนิรภัย คำพูดก่อนแยกกันเมื่อครู่ของเพื่อนรักก็เหมือนจะสะดุดขึ้นมาในความคิด
“เอ๊ะ”
“อะไรครับ หรือว่าลืมของ เดี๋ยวผมไปเอาให้” เวธน์หันมาถามพลางทำท่าจะลงจากรถ ทำให้ดารินทร์ที่กำลังทบทวนคำพูดที่ปราณปริยาทิ้งท้ายไว้ต้องรีบห้าม
“เปล่าค่ะ สงสัยฉันฟังผิดไป ไปกันเถอะค่ะ”
“นั่งหน้าครับ” สรัลบอกพลางรั้งเรียวแขนเล็กกลมกลึงของปราณปริยา ที่เพิ่งเดินมาถึงก็ตรงรี่จะมาเปิดประตูด้านหลังทันที
“แล้วคุณนุ่นเธอไม่นั่งหรือคะ” ถามพลางเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ พอชายหนุ่มเปิดประตูด้านข้างคนขับพร้อมกับคำพูดชวนให้คิดเข้าข้างตัวเอง “จองไว้ให้คุณ” ก็ทำให้ปราณปริยาเกือบจะกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่ได้
“ขอบคุณค่ะ” บอกเพียงเท่านั้นก็รีบก้าวขึ้นไปนั่งเบาะข้างคนขับ และก็ไม่ลืมที่จะมองผ่านกระจกไปมองคนที่อยู่เบาะหลังซึ่งนั่งทำหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับ แถมมองเธอตาขวางเชียว
“ทานข้าวด้วยกันนะครับ” และเป็นอีกครั้งที่ปราณปริยารู้สึกเหมือนวูบๆ อยู่ด้านหลัง เมื่อสรัลหันมาเอ่ยปากชวนเธอไปรับประทานข้าวด้วย โดยไม่ทันสังเกตใครอีกคน แต่เธอสังเกต จึงไม่อยากจะเขม่นกับคนที่เพิ่งรู้จักเกินความจำเป็น
“เชิญพวกคุณตามสบายเถอะค่ะ ฉันยังไม่หิว” ปราณปริยาปฏิเสธ พร้อมกับคิดว่าเรื่องที่ชายหนุ่มรับปากคุณฟ้า เธอก็ควรจะปฏิเสธเหมือนกัน
“แล้วเรื่องวันอาทิตย์...”
พูดยังไม่ทันจะจบ สรัลที่เหมือนจะอ่านใจคนข้างๆ ได้จึงรีบพูดดักเอาไว้เสียก่อน
“ผมจะไปรับคุณที่บ้าน ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด หรือว่าคุณไม่ว่าง”
“ก็ไม่เชิงน่ะค่ะ” ปราณปริยาแบ่งรับแบ่งสู้พลางยิ้มแหยๆ เมื่อสรัลหันมาทำหน้าตาผิดหวัง
“พี่ขวัญจะไปบังคับคุณป่านทำไมคะ ยังไงนุ่นก็ไปหาพี่ทุกวันอยู่แล้ว” คนที่นั่งฟังสังเกตปฏิกิริยาของคนทั้งคู่อยู่นานก็เอ่ยแย้งขึ้นด้วยน้ำเสียงติดประชดนิดๆ
“ไม่คิดจะไปเที่ยวที่อื่นบ้างหรือไงเราน่ะ”
“ก็รอให้พี่ขวัญพาไปไงคะ” นาตยาบอกเสียงอ้อนพลางยืดตัวไปเกาะหลังเบาะคนขับ
“พี่ไม่ว่างขนาดนั้นหรอก”
“โฮ้...นานๆ กลับมาที” คนโดนขัดใจครางพร้อมกับทิ้งตัวลงไปนั่งที่เดิมด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“แล้วคราวนี้กลับมากี่วันล่ะ”
“อาจจะถาวรค่ะ รอดูสถานการณ์ก่อน”
“จริงหรือ แล้วคุณน้าทั้งสองล่ะ” คราวนี้สรัลหันไปมองคนหลังเบาะเล็กน้อย ก่อนจะกลับมามองถนนตามเดิม
“ก็ยังอยู่ที่ญี่ปุ่นค่ะ”
“แล้วเราจะกลับมาอยู่คนเดียวเนี่ยนะ” ชายหนุ่มถามพลางเลิกคิ้วสบตากับคนเบาะหลังอย่างไม่อยากจะเชื่อ ปฏิกิริยาที่ได้รับตอบกลับมาคือรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ และร่างบางที่เพิ่งกลับไปนั่งที่เดิมก็ขยับตัวมาเกาะหลังเบาะสรัลอีกครั้ง
“ก็ถ้าพี่ขวัญไม่อยากให้นุ่นอยู่คนเดียว ก็รับนุ่นไปอยู่ด้วยสิคะ นุ่นรออยู่นะ”
ทั้งน้ำเสียงและแววตาท่าทางที่ยั่วยวนแบบไม่เกรงใจใครของนาตยา ทำให้ปราณปริยากลืนน้ำลายแล้วเบือนหน้าหนี นี่ขนาดเธออยู่ด้วยนะ ถ้าอยู่กันตามลำพังจะขนาดไหน เชื่อแล้วละว่าเป็นญาติห่างๆ แต่สนิทกันมากๆ และอาจจะมากพอทีความสัมพันธ์จะเกินเลยกว่าคำว่า ‘ญาติทั่วไป’
“คุณป่านว่าไงครับ ถ้าคุณมีธุระช่วงเช้า ผมพาคุณไปทำธุระแล้วไปบ้านผมช่วงเที่ยงๆ ก็ได้ จะได้ไปทานข้าวที่บ้านผมเลย” จู่ๆ สรัลก็ตัดบทสนทนากับนาตยาด้วยการหันมาถามปราณปริยาเรื่องนัดวันอาทิตย์ต่อเสียอย่างนั้น ทำให้นาตยาที่รอคำตอบต้องทิ้งตัวลงไปนั่งที่เดิมอย่างไม่พอใจอีกครั้ง
“คุณพูดกับฉันหรือคะ” คนที่ไม่ได้ตั้งใจฟังหันมาถามด้วยหน้าตาเหลอหลา เมื่อรู้สึกว่าได้ยินชื่อตัวเอง
“ครับ ผมบอกว่าถ้าคุณมีธุระช่วงเช้า ผมจะพาคุณไปทำธุระ แล้วไปบ้านผมช่วงเที่ยงๆ ก็ได้ จะได้ไปทานข้าวที่บ้านผมเลย” สรัลทวนคำพูดใหม่อีกรอบอย่างใจดี
“แต่ว่า...” คนที่ไม่ได้มีธุระจริงๆ กำลังจะหาเหตุผลใหม่ แต่เป็นอีกครั้งที่สรัลแทรกขึ้น
“น่า...คุณป่าน ตั้งแต่คราวนั้นคุณไม่ได้ไปที่บ้านผมอีกเลย แม่บ่นผมทุกครั้งที่เจอหน้าว่าเมื่อไหร่จะพาคุณไปที่บ้านเสียที และคราวนี้ก็รับปากท่านแล้วด้วย เห็นใจผมเถอะนะ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าผมจะมาบ้านคุณบ้าง เป็นไง แฟร์ๆ” สรัลยื่นข้อเสนอพลางยิ้มกริ่ม แต่คนถูกยื่นข้อเสนอกลับหันมาทำตาโต
“บ้า คุณจะมาที่บ้านฉันทำไมไม่ทราบ”
“เปิดตัว” ชายหนุ่มลอยหน้าลอยตาบอกอย่างอารมณ์ดี
“อย่ามามั่ว” ปราณปริยาที่กลั้นยิ้มบอกเสียงอุบอิบ
“อ้ะ ไปแนะนำตัวก็ได้” ชายหนุ่มแก้ตัวอีกครั้ง
“ใครจะไปแนะนำคุณกัน ขี้ตู่ จะไปแนะนำในฐานะอะไรมิทราบ” ถามเองก็เขินเองจนต้องเบือนหน้าหนีออกไปนอกรถ
“ผมแนะนำตัวเองก็ได้ แต่จะแนะนำในฐานะอะไรดีน้า...” สรัลกลอกตาพลางส่ายศีรษะไปมาคล้ายกับใช้ความคิด แต่ริมฝีปากนั้นกลับยิ้มเจ้าเล่ห์จนไม่น่าไว้ใจ
“พอเลย ไม่ต้องคิดแล้ว ฉันแนะนำเองดีกว่า ขืนปล่อยให้คุณแนะนำตัวเองมีหวัง...พูดแต่เรื่องเลอะเทอะ”
“นั่นแน่ สรุปแล้วเรื่องนัดวันอาทิตย์นี้กับอาทิตย์หน้าคุณตกลงแล้วนะ” ชายหนุ่มรีบสรุปก่อนที่คนพูดจะเปลี่ยนใจ และตอนนั้นเองก็ทำให้ปราณปริยารู้ว่าตัวเองหลงกลเสียแล้ว
“ฉันยังไม่ได้...”
“อย่าๆๆ ปฏิเสธ ผมได้ยินเต็มสองหูว่าอาทิตย์หน้าคุณจะเป็นคนแนะนำผมกับครอบครัวของคุณ จริงไหมนุ่น นุ่นได้ยินใช่ไหม เป็นพยานให้พี่ด้วย” สรัลหาคนเข้าข้างแต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับความร่วมมือที่ดีนัก
“คุยเรื่องอะไรกันนุ่นไม่เห็นรู้เรื่อง” นาตยาปฏิเสธเสียงสะบัด ปรายตามองปราณปริยาตาขวาง
“ถึงไม่มีพยานแต่ก็ตามนั้น เช้าวันอาทิตย์ผมไปรับ โอเคนะ”
“คุณนี่มันจริงๆ เลย” ปราณปริยาบ่นอุบอิบ ถอนหายใจพลางส่ายหน้าน้อยๆ ไม่รู้หรืออย่างไรว่าความเอาแต่ใจของเขากำลังทำให้เธอตกที่นั่งลำบาก ดูสิ ญาติห่างๆ กำลังมองเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ไม่งั้นก็เอาคุณไม่อยู่สิ” คนไม่รู้ตัวบอกพลางส่งสายตาแพรวพราวกรุ้มกริ่มให้คนข้างๆ ขณะเคลื่อนรถเข้ามาจอดบริเวณลานจอดรถของร้านอาหารที่เป็นเป้าหมาย
“ไม่คุยด้วยแล้ว ไปนะคะคุณนุ่น” หญิงสาวบอกลาคนที่นั่งอยู่เบาะหลังแล้วเปิดประตูลงจากรถทันที
“แล้วนั่นพี่ขวัญจะไปไหนคะ” นาตยาถามขึ้นเมื่อเห็นว่าสรัลทำท่าจะลงจากรถเช่นกัน
สรัลถอนหายใจ มองตามร่างบางที่เดินไวๆ ห่างออกไป ตอนนี้คงตามไม่ทันแล้ว เขาจึงหันมาบอกนาตยาที่คงจะยังไม่รู้ว่าถึงที่หมายแล้ว
“ก็ถึงแล้วไงร้านอาหารที่พี่บอกว่าจะพาเรามาทานข้าวน่ะ”
“ตกลงคุณป่านก็ไปทานข้าวกับเราด้วยใช่ไหมคะ แหม...ตอนแรกแล้วทำมาเป็นเล่นตัวปฏิเสธ” นาตยามองไปรอบๆ ก่อนจะหันมาพูดกับสรัลด้วยน้ำเสียงเยาะ เพราะเข้าใจว่าปราณปริยาคงเดินนำเข้าไปในร้านก่อน
“อย่าพูดอย่างนั้น พี่ไม่ชอบ” สรัลเตือนญาติสาวเป็นเชิงตำหนิ “และคุณป่านเขาก็ไม่ได้มาทานข้าวกับเรา แต่เขาทำงานที่นี่”
“ทำงานที่นี่?” นาตยาถามเสียงสูง
“ใช่ รู้สึกจะทำเกี่ยวกับบัญชีมั้ง”
“ดีจังเลยนะคะ เป็นแค่พนักงานบัญชีแต่สามารถออกไปข้างนอกเวลางานได้ สงสัยเส้นจะใหญ่น่าดู” พูดพลางเบ้ปากอย่างดูถูก หน้าตาสะสวยขนาดนี้คงมีคนระดับหัวหน้าเอ็นดูอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่อยู่ข้างนอกในเวลางานอย่างนี้หรอก
“ใหญ่ไม่ใหญ่ ครอบครัวเขาก็เป็นเจ้าของร้านนี้แหละ ไปทานข้าวได้แล้ว จะได้ไปกันต่อ”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สั่งซื้อรูปเล่มได้ที่เวบสำนักพิมพ์สถาพร หรือตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
Ebook ดาวโหลดได้ที่เวบ MEB นะคะ
ประตูใจถูกแง้ม
“ฉันรู้สึกไม่ชอบยายนุ่นอะไรนี่เลยอะแก ดูสิ อี๋อ๋อเกาะคุณขวัญไม่ยอมห่าง” ดารินทร์เอนหน้าเข้าไปพูดกับปราณปริยาแค่พอให้ได้ยินกันแค่ในกลุ่ม ซึ่งมีเวธน์รวมอยู่ในนั้นด้วย ส่วนสรัล นาตยา และคุณฟ้าเดินนำห่างออกไปพอสมควร
“แฟนคุณอยู่นี่ครับคุณอ้อน นั่นมันไอ้ขวัญ คุณจะไปหึงแทนคุณป่านเขาทำไม ดูสิ คุณป่านยังเฉยๆ เลย” เวธน์เอ่ยเตือนแฟนสาว และก็ได้ค้อนวงโตตอบกลับมา
“ก็เราไม่ได้เป็นอะไรกันนี่คะ” ปราณปริยาหันมาบอกเวธน์ยิ้มๆ แล้วก้มหน้าแอบเม้มริมฝีปาก ใครบอกว่าเธอรู้สึกเฉยๆ กับภาพที่เห็นตรงหน้า เธอไม่ได้หึงอีตาเพียงขวัญนั่นหรอกนะ แค่รู้สึกไม่ชอบใจนิดๆ...นิดๆ จริงๆ นะ ปากก็บอกว่าสนใจเรา แต่พอมีสาวสวยคนอื่นเข้ามา เราก็ไม่อยู่ในสายตา แต่จะทำอย่างไรได้เขาก็แค่พูดว่าสนใจ แต่จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย ครั้นจะถือสิทธิ์จากคำพูดนั้น เดี๋ยวจะโดนหัวเราะเยาะ ที่ดันไปหวั่นไหวกับคนที่ตัวเองเคยปรามาสว่าเป็นเกย์
“ฉันไม่ได้หึง แต่ไม่ชอบใจ เข้าใจไหมคำว่า ‘ไม่ชอบใจ’ น่ะ ปากก็บอกว่าชอบเพื่อนเรา จะจีบอย่างนั้นอย่างนี้ นี่ปะไร พอมีสาวสวยมาออเซาะหน่อย สนใจเพื่อนเราซะที่ไหน มีความสุขกันเสียจริง”
ปราณปริยาเงยหน้าขึ้นมามองดารินทร์ขำๆ ระคนขอบคุณ ที่เพื่อนรักคนนี้แสดงความรู้สึกแทนเธอโดยไม่รู้ตัว ซึ้งก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย
“ช่างเขาเถอะ แค่คะนองไปตามแรงยุเท่านั้นเองแหละ อีกหน่อยเขาก็คงเลิกราไปเอง ไม่แน่ คุณนุ่นอาจจะเป็นตัวจริงของเขาก็ได้”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นดารินทร์ก็หันมาหาเวธน์ที่ถือว่าเป็นเพื่อนสนิทมากๆ ของสรัล
“คุณเวธน์ คุณเป็นเพื่อนสนิทคุณขวัญไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับคุณนุ่นอะไรนี่บ้างเลยหรือ ว่าเขาเป็นแค่ญาติห่างๆ แต่สนิทกันมากๆ หรือมีความสัมพันธ์กันแบบอื่นด้วย”
“ผมสนิทกับแค่ไอ้ขวัญและคนในครอบครัวมันเท่านั้น ส่วนญาติๆ ผมไม่ค่อยสนใจ” จริงๆ การที่จู่ๆ นาตยาที่ดูจะสนิทมากๆ กับสรัลโผล่มาแบบนี้ เขาที่สนิทกับสรัลมากๆ ก็งงไม่น้อย เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้อยู่ในชีวิตของสรัลเลย ไปหลบอยู่ไหนกันนะ
“แล้วคุณรู้จักผู้หญิงที่คุณขวัญคบหาทุกคนหรือเปล่าคะ”
เวธน์เงยหน้าขึ้น ทำท่าคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบอย่างมั่นใจว่า
“ถ้าคบแบบจริงจังคิดว่าไม่พลาดนะ แต่ผ่านๆ นี่ผมไม่รู้ ไม่ได้จำ”
“งั้นผู้หญิงคนนี้ก็เป็นแค่ญาติห่างๆ แต่สนิทกันมากเฉยๆ หรือถ้ามีเกินเลยก็คงจัดอยู่ในหมวดคบผ่านๆ ใช่ไหม”
“ก็ไม่รู้สินะ ว่าแต่คุณจะไปสนใจอะไรไอ้ขวัญมันนักหนาเนี่ย ผมชักจะหึงแล้วนะ” ชายหนุ่มบอกอย่างงอนๆ พร้อมกับหันมาทำหน้าบึ้งใส่แฟนสาว
ดารินทร์กำลังจะอ้าปากแย้ง แต่คนกลางอย่างปราณปริยากลัวท่าไม่ดี จึงรีบเอ่ยแทรกขึ้นอย่างเห็นด้วยกับฝ่ายที่กำลังงอน
“อย่างที่คุณเวธน์บอกนั่นแหละ อย่าไปสนใจเขามากนักเลย เดี๋ยวได้ทะเลาะกันเปล่าๆ”
“แกก็นิ่งตลอด” ดารินทร์บอกอย่างขัดใจ
“ก็แกแสดงออกแทนฉันหมดแล้วนี่ ไปนะ” ปราณปริยาพูดทิ้งท้ายเพียงเท่านั้นแล้วโบกมือลาเพื่อนและคนรักของเพื่อน แล้วปลีกตัวเดินไปที่รถของสรัลซึ่งยืนรออยู่
“อื้อ แล้วจะโทร. ไปเมาท์นะ” ดารินทร์บอกตามหลังก่อนจะขึ้นรถ ขณะที่กำลังจะคาดเข็มขัดนิรภัย คำพูดก่อนแยกกันเมื่อครู่ของเพื่อนรักก็เหมือนจะสะดุดขึ้นมาในความคิด
“เอ๊ะ”
“อะไรครับ หรือว่าลืมของ เดี๋ยวผมไปเอาให้” เวธน์หันมาถามพลางทำท่าจะลงจากรถ ทำให้ดารินทร์ที่กำลังทบทวนคำพูดที่ปราณปริยาทิ้งท้ายไว้ต้องรีบห้าม
“เปล่าค่ะ สงสัยฉันฟังผิดไป ไปกันเถอะค่ะ”
“นั่งหน้าครับ” สรัลบอกพลางรั้งเรียวแขนเล็กกลมกลึงของปราณปริยา ที่เพิ่งเดินมาถึงก็ตรงรี่จะมาเปิดประตูด้านหลังทันที
“แล้วคุณนุ่นเธอไม่นั่งหรือคะ” ถามพลางเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ พอชายหนุ่มเปิดประตูด้านข้างคนขับพร้อมกับคำพูดชวนให้คิดเข้าข้างตัวเอง “จองไว้ให้คุณ” ก็ทำให้ปราณปริยาเกือบจะกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่ได้
“ขอบคุณค่ะ” บอกเพียงเท่านั้นก็รีบก้าวขึ้นไปนั่งเบาะข้างคนขับ และก็ไม่ลืมที่จะมองผ่านกระจกไปมองคนที่อยู่เบาะหลังซึ่งนั่งทำหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับ แถมมองเธอตาขวางเชียว
“ทานข้าวด้วยกันนะครับ” และเป็นอีกครั้งที่ปราณปริยารู้สึกเหมือนวูบๆ อยู่ด้านหลัง เมื่อสรัลหันมาเอ่ยปากชวนเธอไปรับประทานข้าวด้วย โดยไม่ทันสังเกตใครอีกคน แต่เธอสังเกต จึงไม่อยากจะเขม่นกับคนที่เพิ่งรู้จักเกินความจำเป็น
“เชิญพวกคุณตามสบายเถอะค่ะ ฉันยังไม่หิว” ปราณปริยาปฏิเสธ พร้อมกับคิดว่าเรื่องที่ชายหนุ่มรับปากคุณฟ้า เธอก็ควรจะปฏิเสธเหมือนกัน
“แล้วเรื่องวันอาทิตย์...”
พูดยังไม่ทันจะจบ สรัลที่เหมือนจะอ่านใจคนข้างๆ ได้จึงรีบพูดดักเอาไว้เสียก่อน
“ผมจะไปรับคุณที่บ้าน ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด หรือว่าคุณไม่ว่าง”
“ก็ไม่เชิงน่ะค่ะ” ปราณปริยาแบ่งรับแบ่งสู้พลางยิ้มแหยๆ เมื่อสรัลหันมาทำหน้าตาผิดหวัง
“พี่ขวัญจะไปบังคับคุณป่านทำไมคะ ยังไงนุ่นก็ไปหาพี่ทุกวันอยู่แล้ว” คนที่นั่งฟังสังเกตปฏิกิริยาของคนทั้งคู่อยู่นานก็เอ่ยแย้งขึ้นด้วยน้ำเสียงติดประชดนิดๆ
“ไม่คิดจะไปเที่ยวที่อื่นบ้างหรือไงเราน่ะ”
“ก็รอให้พี่ขวัญพาไปไงคะ” นาตยาบอกเสียงอ้อนพลางยืดตัวไปเกาะหลังเบาะคนขับ
“พี่ไม่ว่างขนาดนั้นหรอก”
“โฮ้...นานๆ กลับมาที” คนโดนขัดใจครางพร้อมกับทิ้งตัวลงไปนั่งที่เดิมด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“แล้วคราวนี้กลับมากี่วันล่ะ”
“อาจจะถาวรค่ะ รอดูสถานการณ์ก่อน”
“จริงหรือ แล้วคุณน้าทั้งสองล่ะ” คราวนี้สรัลหันไปมองคนหลังเบาะเล็กน้อย ก่อนจะกลับมามองถนนตามเดิม
“ก็ยังอยู่ที่ญี่ปุ่นค่ะ”
“แล้วเราจะกลับมาอยู่คนเดียวเนี่ยนะ” ชายหนุ่มถามพลางเลิกคิ้วสบตากับคนเบาะหลังอย่างไม่อยากจะเชื่อ ปฏิกิริยาที่ได้รับตอบกลับมาคือรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ และร่างบางที่เพิ่งกลับไปนั่งที่เดิมก็ขยับตัวมาเกาะหลังเบาะสรัลอีกครั้ง
“ก็ถ้าพี่ขวัญไม่อยากให้นุ่นอยู่คนเดียว ก็รับนุ่นไปอยู่ด้วยสิคะ นุ่นรออยู่นะ”
ทั้งน้ำเสียงและแววตาท่าทางที่ยั่วยวนแบบไม่เกรงใจใครของนาตยา ทำให้ปราณปริยากลืนน้ำลายแล้วเบือนหน้าหนี นี่ขนาดเธออยู่ด้วยนะ ถ้าอยู่กันตามลำพังจะขนาดไหน เชื่อแล้วละว่าเป็นญาติห่างๆ แต่สนิทกันมากๆ และอาจจะมากพอทีความสัมพันธ์จะเกินเลยกว่าคำว่า ‘ญาติทั่วไป’
“คุณป่านว่าไงครับ ถ้าคุณมีธุระช่วงเช้า ผมพาคุณไปทำธุระแล้วไปบ้านผมช่วงเที่ยงๆ ก็ได้ จะได้ไปทานข้าวที่บ้านผมเลย” จู่ๆ สรัลก็ตัดบทสนทนากับนาตยาด้วยการหันมาถามปราณปริยาเรื่องนัดวันอาทิตย์ต่อเสียอย่างนั้น ทำให้นาตยาที่รอคำตอบต้องทิ้งตัวลงไปนั่งที่เดิมอย่างไม่พอใจอีกครั้ง
“คุณพูดกับฉันหรือคะ” คนที่ไม่ได้ตั้งใจฟังหันมาถามด้วยหน้าตาเหลอหลา เมื่อรู้สึกว่าได้ยินชื่อตัวเอง
“ครับ ผมบอกว่าถ้าคุณมีธุระช่วงเช้า ผมจะพาคุณไปทำธุระ แล้วไปบ้านผมช่วงเที่ยงๆ ก็ได้ จะได้ไปทานข้าวที่บ้านผมเลย” สรัลทวนคำพูดใหม่อีกรอบอย่างใจดี
“แต่ว่า...” คนที่ไม่ได้มีธุระจริงๆ กำลังจะหาเหตุผลใหม่ แต่เป็นอีกครั้งที่สรัลแทรกขึ้น
“น่า...คุณป่าน ตั้งแต่คราวนั้นคุณไม่ได้ไปที่บ้านผมอีกเลย แม่บ่นผมทุกครั้งที่เจอหน้าว่าเมื่อไหร่จะพาคุณไปที่บ้านเสียที และคราวนี้ก็รับปากท่านแล้วด้วย เห็นใจผมเถอะนะ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าผมจะมาบ้านคุณบ้าง เป็นไง แฟร์ๆ” สรัลยื่นข้อเสนอพลางยิ้มกริ่ม แต่คนถูกยื่นข้อเสนอกลับหันมาทำตาโต
“บ้า คุณจะมาที่บ้านฉันทำไมไม่ทราบ”
“เปิดตัว” ชายหนุ่มลอยหน้าลอยตาบอกอย่างอารมณ์ดี
“อย่ามามั่ว” ปราณปริยาที่กลั้นยิ้มบอกเสียงอุบอิบ
“อ้ะ ไปแนะนำตัวก็ได้” ชายหนุ่มแก้ตัวอีกครั้ง
“ใครจะไปแนะนำคุณกัน ขี้ตู่ จะไปแนะนำในฐานะอะไรมิทราบ” ถามเองก็เขินเองจนต้องเบือนหน้าหนีออกไปนอกรถ
“ผมแนะนำตัวเองก็ได้ แต่จะแนะนำในฐานะอะไรดีน้า...” สรัลกลอกตาพลางส่ายศีรษะไปมาคล้ายกับใช้ความคิด แต่ริมฝีปากนั้นกลับยิ้มเจ้าเล่ห์จนไม่น่าไว้ใจ
“พอเลย ไม่ต้องคิดแล้ว ฉันแนะนำเองดีกว่า ขืนปล่อยให้คุณแนะนำตัวเองมีหวัง...พูดแต่เรื่องเลอะเทอะ”
“นั่นแน่ สรุปแล้วเรื่องนัดวันอาทิตย์นี้กับอาทิตย์หน้าคุณตกลงแล้วนะ” ชายหนุ่มรีบสรุปก่อนที่คนพูดจะเปลี่ยนใจ และตอนนั้นเองก็ทำให้ปราณปริยารู้ว่าตัวเองหลงกลเสียแล้ว
“ฉันยังไม่ได้...”
“อย่าๆๆ ปฏิเสธ ผมได้ยินเต็มสองหูว่าอาทิตย์หน้าคุณจะเป็นคนแนะนำผมกับครอบครัวของคุณ จริงไหมนุ่น นุ่นได้ยินใช่ไหม เป็นพยานให้พี่ด้วย” สรัลหาคนเข้าข้างแต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับความร่วมมือที่ดีนัก
“คุยเรื่องอะไรกันนุ่นไม่เห็นรู้เรื่อง” นาตยาปฏิเสธเสียงสะบัด ปรายตามองปราณปริยาตาขวาง
“ถึงไม่มีพยานแต่ก็ตามนั้น เช้าวันอาทิตย์ผมไปรับ โอเคนะ”
“คุณนี่มันจริงๆ เลย” ปราณปริยาบ่นอุบอิบ ถอนหายใจพลางส่ายหน้าน้อยๆ ไม่รู้หรืออย่างไรว่าความเอาแต่ใจของเขากำลังทำให้เธอตกที่นั่งลำบาก ดูสิ ญาติห่างๆ กำลังมองเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ไม่งั้นก็เอาคุณไม่อยู่สิ” คนไม่รู้ตัวบอกพลางส่งสายตาแพรวพราวกรุ้มกริ่มให้คนข้างๆ ขณะเคลื่อนรถเข้ามาจอดบริเวณลานจอดรถของร้านอาหารที่เป็นเป้าหมาย
“ไม่คุยด้วยแล้ว ไปนะคะคุณนุ่น” หญิงสาวบอกลาคนที่นั่งอยู่เบาะหลังแล้วเปิดประตูลงจากรถทันที
“แล้วนั่นพี่ขวัญจะไปไหนคะ” นาตยาถามขึ้นเมื่อเห็นว่าสรัลทำท่าจะลงจากรถเช่นกัน
สรัลถอนหายใจ มองตามร่างบางที่เดินไวๆ ห่างออกไป ตอนนี้คงตามไม่ทันแล้ว เขาจึงหันมาบอกนาตยาที่คงจะยังไม่รู้ว่าถึงที่หมายแล้ว
“ก็ถึงแล้วไงร้านอาหารที่พี่บอกว่าจะพาเรามาทานข้าวน่ะ”
“ตกลงคุณป่านก็ไปทานข้าวกับเราด้วยใช่ไหมคะ แหม...ตอนแรกแล้วทำมาเป็นเล่นตัวปฏิเสธ” นาตยามองไปรอบๆ ก่อนจะหันมาพูดกับสรัลด้วยน้ำเสียงเยาะ เพราะเข้าใจว่าปราณปริยาคงเดินนำเข้าไปในร้านก่อน
“อย่าพูดอย่างนั้น พี่ไม่ชอบ” สรัลเตือนญาติสาวเป็นเชิงตำหนิ “และคุณป่านเขาก็ไม่ได้มาทานข้าวกับเรา แต่เขาทำงานที่นี่”
“ทำงานที่นี่?” นาตยาถามเสียงสูง
“ใช่ รู้สึกจะทำเกี่ยวกับบัญชีมั้ง”
“ดีจังเลยนะคะ เป็นแค่พนักงานบัญชีแต่สามารถออกไปข้างนอกเวลางานได้ สงสัยเส้นจะใหญ่น่าดู” พูดพลางเบ้ปากอย่างดูถูก หน้าตาสะสวยขนาดนี้คงมีคนระดับหัวหน้าเอ็นดูอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่อยู่ข้างนอกในเวลางานอย่างนี้หรอก
“ใหญ่ไม่ใหญ่ ครอบครัวเขาก็เป็นเจ้าของร้านนี้แหละ ไปทานข้าวได้แล้ว จะได้ไปกันต่อ”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สั่งซื้อรูปเล่มได้ที่เวบสำนักพิมพ์สถาพร หรือตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
Ebook ดาวโหลดได้ที่เวบ MEB นะคะ
เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 เม.ย. 2559, 11:50:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 เม.ย. 2559, 11:50:11 น.
จำนวนการเข้าชม : 1101
<< ตอนที่ 21 เพื่อนเจ้าสาวของผม 100% | ตอนที่ 22 ประตูหัวใจถูกแง้ม 100% >> |